สวัสดีค่ะ หลังจากที่เรารู้กันไปแล้วว่า คณะทันตแพทยศาสตร์ เรียนอะไร พร้อมเรื่องจริงของการเรียนในคณะทันตแพทยศาสตร์ แต่มันก็ยังไม่เห็นภาพชัดเจน จะลุยทั้งทีก็ขอเจาะลึกแบบละเอียดไปเลยล่ะกัน
ครั้งนี้พี่แป้งเลยจะพาน้องๆ ไปคุยกับรุ่นพี่ที่กำลังเรียนอยู่คณะทันตแพทยศาสตร์ เอาให้รู้ไปเลยว่าชีวิตในวัยเรียนเป็นอย่างไร กับ พี่เอ๋ย นักศึกษาทันตแพทยศาสตร์ ม.มหิดล หรือ กัปตันเอ๋ย BAR4 นั่นเองค่ะ พร้อมแล้วไปหาพี่เอ๋ยกันเลยดีกว่า
พี่แป้ง : น้องเอ๋ยแนะนำตัวกับชาว Dek-D.com หน่อยค่ะ
พี่เอ๋ย : สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com ทุกคน ขอแนะนำตัวก่อนน้า พี่ชื่อ พี่เอ๋ย ณัฐพร สุทธิสว่างวงศ์ หรือกัปตันเอ๋ย BAR4 อย่าเพิ่งเบื่อกันน้า 555+ ตอนนี้พี่เรียนอยู่ปี 4 คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดลค่ะ :D
พี่แป้ง : อะไรเป็นแรงบันดาลใจให้น้องเอ๋ยอยากเรียนคณะทันตแพทยศาสตร์คะ?
พี่เอ๋ย : คือ ตอนมัธยมต้นเอ๋ยเคยจัดฟันกับหมอฟันคนหนึ่ง ประทับใจมาก เพราะว่าคุณหมอน่ารัก พูดจาดี ก็เลยเป็นเหมือนแรงบันดาลใจว่า อยากเป็นแบบนี้บ้าง อยากจะมีอาชีพในอนาคตเหมือนกับคุณหมอ และก็ถ้าเราได้เป็นหมอฟันเราก็จะช่วยให้ทุกคนมีรอยยิ้มที่สวยงามได้ เย่ๆ
พี่แป้ง : เมื่อเข้าสู่การเรียนคณะทันตแพทยศาสตร์ ต่างจากการเรียน ม.ปลายอย่างไรบ้าง?
พี่เอ๋ย : ต่างกันเยอะมากกกกกก แต่เรื่องเวลาเรียนอาจไม่ต่างเท่าไร เพราะว่าตอนอยู่ ม.ปลาย ที่โรงเรียนก็จะเรียนตั้งแต่ 8.30-16.30 น. ซึ่งพอขึ้นมหาวิทยาลัยคิดว่าจะได้เรียนสาย แต่ไม่เลย 8.00-16.00 น. ทุกวัน!!!!!! เป็นแบบนี้ตั้งแต่ปี 1 จนถึงตอนนี้เลย T_T (ไม่ต้องสงสัยทำไมถึงเป็นแพนด้า)
ส่วนเรื่องเนื้อหาที่เรียนไม่ต้องพูดถึงเลยค่ะ มหาศาลมาก ท่องกันจนหัวระเบิดไปเลย เพราะฉะนั้นพอเทียบกับม.ปลายแล้ว ต่างกันคนละขั้ว ฮือ Y_Y ตารางเรียนเป็นยังไง เอ๋ยเอามาให้ดูค่ะ อันนี้เป็นตารางเรียนที่เรียนอยู่ตอนนี้จ้า
เวลากินข้าวก็ 12.00-13.00 น. แต่ส่วนใหญ่ถ้าลงคลินิกกว่าจะเลิกก็เที่ยงครึ่งเพราะต้องเก็บยูนิต ทำความสะอาด และก็จัดยูนิตให้เรียบร้อย เพราะฉะนั้นเดี๋ยวนี้ต้องกินข้าวเร็วมาก แทบไม่ได้เคี้ยวเลย 555+
พี่แป้ง : เรียนหนักขนาดนี้ เด็กคณะทันตะฯ ได้มีทำกิจกรรมอื่นๆ บ้างมั้ยคะ?
พี่เอ๋ย : มีแน่นอนค่ะ ในคณะก็จะมีกิจกรรมมาตลอด (แต่แอบอู้ไม่ค่อยได้ร่วม 5555) สำหรับคนที่ชอบทำกิจกรรม ก็จะมีทั้งรับน้องของคณะ รับน้องของทันตะ(ร่วมกับมหาวิทยาลัยอื่นๆ) การจัดงาน Open house ค่ายสานฝัน งานเพื่อฟันที่คุณรัก และอีกมากมาย ซึ่งถ้าใครชอบทำกิจกรรม และแบ่งเวลาดีๆ แล้ว ยังไงก็มีเวลาในการทำกิจกรรมต่างๆ อย่างแน่นอนค่ะ
พี่แป้ง : วิชาอะไรที่น้องเอ๋ยคิดว่ายากที่สุดตั้งแต่ได้เรียนมา?
พี่เอ๋ย : ตอบยากมาก เพราะยากเยอะมาก ฮ่าๆ ยากส่วนใหญ่ในที่นี้ ถ้าแบ่งเป็นเนื้อหากับแลปที่จะได้ทำฟันจริงๆ แล้ว คิดว่าในส่วนของเนื้อหาที่ยากที่สุดคงหนีไม่พ้น Gross anatomy หรือวิชากายวิภาคศาสตร์ที่เรียนเกี่ยวกับองค์ประกอบของร่างกาย อย่างละเอียด!!! หรือที่ทุกคนรู้จักก็คือการเรียนกับอาจารย์ใหญ่นั่นแหละ > < วิชานี้ต้องผ่าหาเส้นยึบยับในตัวเรา แล้วก็ท่องๆๆๆๆ ท่องกันตั้งแต่ เส้นเลือดดำ เส้นเลือดแดง เส้นประสาท กล้ามเนื้อ ฯลฯ รู้สึกว่าร่างกายเรานี่ซับซ้อนมากๆ และชื่อแต่ละชื่อที่ต้องท่องนี่ กลอน 4 ก็ว่าได้ คือยาวมากกกกกกกก จะยาวไปไหน =_=
ส่วนแลปที่เกี่ยวกับทำฟันคิดว่าวิชาที่ยากที่สุด น่าจะเป็นงานที่ต้องกรอฟัน เพราะว่าต้องมีสมาธิสูง มือต้องนิ่ง กรอพลาดแล้วพลาดเลย ขนาดทำในหุ่นยังเกร็งมากๆ คิดไม่ออกเลยว่าในคนไข้จะขนาดไหน แต่ส่วนนี้ก็ต้องอาศัยการฝึกฝน และประสบการณ์คิดว่าน่าจะพัฒนาต่อไปได้ในอนาคตค่ะ
พี่แป้ง : การเรียนทันตะฯต้องมีศัพท์เฉพาะ อยากให้น้องเอ๋ยลองช่วยยกตัวอย่างคำที่ใช้บ่อยๆ หน่อยค่ะ
พี่เอ๋ย : คำที่พูดกันบ่อยๆ เยอะมาก ตัวอย่างเช่น Suction = ดูดน้ำลาย , Prep ฟัน = กรอฟัน (ย่อมาจาก preparation)
และก็เป็นพวกด้านต่างๆ ของฟันที่พูดกันจนติดปากค่ะ
Buccal = ด้านใกล้แก้มของฟันหลัง
Lingual = ด้านใกล้ลิ้นของฟันล่าง
Labial = ด้านใกล้ริมฝีปากของฟันหน้า
Palatal = ด้านใกล้เพดานของฟันบน
ในงานรักษารากฟันก็จะมีศัพท์เฉพาะเยอะค่ะ เช่น
LT = วัดความยาวคลองรากฟัน
OA = เปิด access เพื่อเป็นทางเข้าของเครื่องมือ
TMC = try main cone ลองวัสดุอุดคลองรากฟัน
และยังมีศัพท์เฉพาะอีกมากมายที่เฉพาะของแต่ละสาขาวิชา ถ้าอยากรู้ต้องมาเรียนนะ : )
พี่แป้ง : การเรียนในคณะทันตะฯ ต้องมีความละเอียดมาก อยากให้น้องเอ๋ยเล่าให้ฟังหน่อยว่าต้องละเอียดขนาดไหน?
พี่เอ๋ย : เคยได้ยินกันมั้ยว่า สายตาของทันตแพทย์จะละเอียดมาก เพราะจะต้องมองเป็นระดับ มิลลิเมตร ย้ำอีกที มิลลิเมตร!!! (เซนติเมตรนี่ถือว่าใหญ่มากๆ) เพราะคิดดูว่าฟันคนเราซี่เล็กนิดเดียว ดังนั้นจึงต้องใช้ความละเอียดมากเป็นธรรมดา อย่างเช่น การกรอฟันเพื่อเตรียมอุด ถ้ายังกรอได้ไม่ลึกพอ จะทำให้วัสดุอุดบางชนิดรับแรงบดเคี้ยวได้ไม่ดี และทำให้หลุดได้ในอนาคต อาจารย์อาจจะให้แก้โดยให้ prep เพิ่มลึกลงไปอีก 0.5 มิลลิเมตร คิดดูนะ 0.5 มิลลิเมตร!!! ครึ่งของ 1 มิลลิเมตรอีก T____T ถ้าเกินนี้ ก็จะถือว่ามากเกินเป็นอันตรายต่อฟัน เพราะฉะนั้นต้องมีสติ และสมาธิที่สูงมากกกกกก
พี่แป้ง : น้องเอ๋ยแบ่งเวลาในการเรียนและกลับบ้านอย่างไรบ้างคะ?
พี่เอ๋ย : หลายคนอาจทราบว่า คณะทันตะฯ มหิดล ถ้าปี 2 เป็นต้นไปจะกลับมาเรียนที่คณะตัวเอง ซึ่งอยู่ที่ซอยโยธี (แถวๆ อนุสาวรีย์ตรงข้ามห้างเซนจูรี่) เพราะฉะนั้นเลยเลือกที่จะไม่อยู่หอ (พี่เป็นพวก Homesick) ก็เลยเลือกที่จะเดินทางไปกลับ อย่างที่บอกว่าตารางเรียนคือเรียน 8 โมงทุกวัน จากบ้านพี่เลยต้องตื่นตีห้าครึ่ง ออกจากบ้านประมาณ 6.10 น. ไม่งั้นรถที่ไปอนุสาวรีย์จะหมด ทำให้ต้องต่อรถ 2 ต่อ เลยต้องรีบ (แต่มีเวลาแต่งหน้านะ 555+) เพราะไม่อยากต่อรถหลายต่อ
ถามว่าเหนื่อยมั้ย เหนื่อยมากกกกก กว่าจะกลับถึงบ้านอีก บางวันอยู่ทำแลปจนดึก กว่าจะออกจากคณะก็ 2 ทุ่ม ถึงบ้าน 3 ทุ่มกว่า อาบน้ำ นอน ไม่ค่อยได้ทำอะไรเลย กลับบ้านมาก็สลบ Y_Y ยกเว้นบางวันที่มีสอบ ก็ต้องรีบกลับบ้าน อ่านหนังสือก่อนที่จะสลบ แต่ก็ชอบที่จะอยู่บ้านนะ เหมือนมีคนในครอบครัวคอยรับฟังปัญหาในแต่ละวันของเรา และพี่เป็นคนชอบบ่น บ่นๆๆๆ ตลอดเวลา เจออะไร เครียดอะไร เหนื่อยอะไรก็จะบ่นๆๆๆๆ ฮ่าๆ โชคดีมากที่คนที่บ้านคอยรับฟัง ให้กำลังใจตลอด พี่เลยโอเค ยอมเหนื่อย เพราะว่ามันคุ้มแม้ว่าต้องตื่นเช้าทุกวัน และนั่งรถติดนานๆทุกวัน : ) เลยทำให้คนที่มาเรียนในคณะนี้จะขาวขึ้นทุกคน เพราะตอนเช้า ก็มาก่อนแดดออก ตอนเย็นก็กลับหลังแดดหมด 555+
พี่แป้ง : อยากให้เล่าเรื่องประทับใจในการเรียนคณะทันตแพทยศาสตร์ ที่น้องเอ๋ยเจอมาสัก 1 เรื่อง
พี่เอ๋ย : เรื่องประทับใจในคณะ ก็มีเยอะน้า ไม่ว่าจากเพื่อนในคณะ หรือจากอาจารย์ แต่ที่พึ่งเจอเลยคือ ปี 4 จะได้ลงคลินิกทำคนไข้จริงๆ แล้ว รู้สึกประทับใจคนไข้ทุกคนที่มารักษากับพี่ เพราะว่าการรักษากับนักศึกษาทันตแพทย์จะต้องใช้เวลานาน (ครั้งละ 3 ชั่วโมง) มาหลายครั้ง ไม่ใช่เสร็จภายในครั้งเดียว แต่คนไข้ทุกคนก็ยอมมารักษากับเรา แถมพอรักษาเสร็จเราก็ขอโทษที่ทำนาน ทำให้คนไข้ต้องเมื่อย แต่คนไข้ก็ให้กำลังใจเราว่า “กว่าจะเป็นหมอที่เก่ง ก็ต้องผ่านแบบนี้กันมาทุกคนนะหมอ ไม่เป็นไร ทำได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ ถ้าเมื่อย ถ้าเจ็บเดี๋ยวจะบอกเอง” หรือแม้แต่ “เมื่อตะกี้น้าหลับไปเลย สงสัยหมอมือเบาแน่ๆ” ทั้งที่รู้ว่า คนไข้น่าจะหลับจากทำนานมากกว่าเรามือเบา 555+ แต่ฟังแล้วก็ทำให้ประทับใจมากๆ คิดว่าคนไข้น่ารักจัง เข้าใจหมอ เลยยิ่งทำให้ต้องตั้งใจรักษาคนไข้ทุกคนอย่างดีที่สุด บางคำพูดไม่กี่คำของคนไข้ก็เป็นกำลังใจที่ดีให้เราได้เยอะเลยเหมือนกันนะ :D
พี่แป้ง : สุดท้าย ฝากให้กำลังใจน้องๆ ที่อยากเรียนคณะทันตแพทยศาสตร์หน่อยค่ะ
พี่เอ๋ย : ถึงน้องๆที่อยากเป็นหมอฟัน : ) ความอดทน ความพยายาม และความตั้งใจจะทำให้น้องสมหวังตามที่คิดไว้ ไม่มีอะไรที่ได้มาง่ายๆ แต่ก็ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้เหมือนกันถ้าเรามีความขยันมากพอ อย่ากลัวว่าจะสอบไม่ได้ แต่ให้กลัวว่าวันนี้เรายังอ่านหนังสือ ทำโจทย์ได้ไม่เยอะพอ เพราะพี่เชื่อเสมอว่า ไม่ว่าน้องจะเรียนเป็นยังไง เก่งหรือไม่เก่ง แต่ถ้าตั้งใจ ขยัน ทำเยอะๆ ฝึกเยอะๆ ผ่านข้อสอบมาหลากหลาย วิเคราะห์ข้อสอบถูก พี่เชื่อว่าทุกคนไปถึงเป้าหมายของตัวเองได้อย่างแน่นอน สู้ๆนะคะ แบ่งเวลาดีๆ เลยสำคัญมาก งดโซเชียลบ้าง อ่านบ้าง เล่นบ้าง พี่รอรุ่นน้องร่วมวิชาชีพมาเป็นหมอฟัน ช่วยคนให้มีรอยยิ้มที่สวยงามไปด้วยกันอยู่นะคะ ^___^ ปล.ใครเข้ามหิดลมาเจอพี่ก็ทักทายกันได้น้าตัวเองงงง อิอิ
ในแต่วันตารางแน่นมาก ห้ามนัดเจอใครเลยจริงๆ ถ้าจะเรียนโหดแบบนี้ กว่าจะได้เป็นทันตแพทย์ไม่ง่ายเลยจริงๆ ค่ะ ต้องอาศัยการฝึกฝน การเรียนรู้ ฝึกแล้วฝึกอีกเพื่อจะได้เป็นคุณหมอที่มาทำฟันให้เราได้อย่างสวยงาม งานนี้ต้องขอบคุณพี่เอ๋ยมากๆ ที่มาให้สัมภาษณ์แบบนี้ สัปดาห์หน้าพี่แป้งจะพาน้องๆ ไปหาคุณหมอฟันที่เรียนจบแล้ว ตามไปดูกันสิว่าการเป็นหมอฟันเป็นอย่างไรบ้าง รอติดตามกันนะคะ :)
และถ้าอยากรู้จักคณะทันตแพทยศาสตร์ให้มากกว่านี้ แนะนำหนังสือ กว่าจะเป็นหมอฟัน ที่เล่าประสบการณ์การเรียน วิชาเรียน และเส้นทางอาชีพอย่างละเอียด มีขายตามร้านหนังสือทั่วไป หรือ สั่งออนไลน์ที่เว็บเด็กดี ตอนนี้มีโปรโมชั่นพิเศษ เพียง 120 บาทเท่านั้น! คลิกเลย
8 ความคิดเห็น
นี่คือโหดหรอ ?????????
หนูจะทำได้มั้ยน้อ อยากเก่งเหมือนพี่เอ๋ยจัง