ไม่ลองไม่รู้! 8 ทริกเด็ดอ่านหนังสือให้ทันสอบ GAT PAT (ไม่เครียด+สมองไบร์ท)

         สวัสดีน้องๆ Dek-D ที่น่ารักทุกคนนะคะ ต้อนรับวันเสาร์แรกของเดือนแห่งความรัก เรามาทำหัวใจให้สดชื่นสดใสกันดีกว่า! พี่เมก้ารู้ว่าช่วงนี้น้องๆ กำลังเครียดอยู่กับการเตรียมสอบใช่ไหมล่ะ ไหนจะสอบปลายภาค O-NET GAT PAT โอ๊ย! สมองจะระเบิดอยู่แล้ว


 
         วันนี้ เคล็ดลับเทคนิคแอดมิชชั่น ก็เลยมีทริกดีๆ มาฝากน้องๆ อีกเช่นเคยกับ 8 ทริกเด็ด! อ่านหนังสือให้ทันสอบ GAT PAT ค่ะ บอกก่อนเลยว่าทริกนี้ แม้จะเน้นความไว (เพราะต้องอ่านหนังสือในเวลาที่จำกัด) แต่รับประกันว่าไม่เครียด แถมสมองไบรท์ด้วยจ้า

1. เตรียม "ตัวช่วย" ให้พร้อม
         ต้องรู้ก่อนว่าสาเหตุใหญ่ที่ทำให้เราคิดว่าตัวเองอ่านหนังสือไม่ทัน คือความเครียดค่ะ พอกดดันมากเกินไป ในหัวก็จะคิดอยู่ตลอดว่า "ไม่ทันแล้วๆ ต้องรีบอ่าน อัดๆๆ" แล้วเป็นไง สมองเบลอเลย ยิ่งอ่านยิ่งมึน ฝืนต่อไปก็ไม่รู้เรื่อง ไม่ทันอยู่ดี เราต้องมีตัวช่วยทำสมาธิก่อนอ่านค่ะ

         ๐ ปกหนังสือ ใช้ตัวอักษรบนปกให้เป็นประโยชน์ค่ะ มีกี่ตัวนั่งนับไปเลย ครบแล้วจดไว้ นับครั้งที่สองดูว่าเท่ากับครั้งแรกไหม ถ้าไม่เท่า นับต่อไปจนกว่าจะได้ตัวเลขที่เท่ากันจริงๆ เพราะนั่นแปลว่าน้องๆ ไม่ฟุ้งซ่าน และมีสมาธิมากพอ พร้อมที่จะอ่านหนังสือแล้วค่ะ
         
๐ ของดี+อร่อย น้องๆ ชอบอ่านหนังสือตอนดึกๆ แล้วก็มักจะหิว นั่งโซ้ยราเมง - -'' แป้งๆ แบบนี้ อิ่มแล้วก็ง่วงน่ะสิ งดไปเลยค่ะ ทานนมจืดดีกว่า เป็นนมถั่วเหลืองได้ยิ่งดี ถ้าต้องการเคี้ยวให้ตื่น สดชื่นหน่อย ก็ต้องผลไม้เปรี้ยวๆ เน้นว่าสด ไม่หมักดองนะคะ
         
๐ มุมอ่านหนังสือเจ๋งๆ จัดโต๊ะให้น่าอ่านไว้ก่อน อย่าเอาหนังสือมากองท่วมหัว เดี๋ยวหัวร้อน "โอ๊ย! ทำไมมันเยอะแบบนี้" คัดเฉพาะหนังสือที่จะอ่าน และข้อสอบเก่าที่จะฝึกทำจริงๆ ออกมาวางให้เรียบร้อยค่ะ อ้อ! อย่าลืมปากกาสีๆ โพสต์อิทสวยๆ ล่ะ 

2. อ่านให้เร็ว แต่ก็เข้าใจ
         เพราะเราต้องการอ่านให้ทันเวลา น้องๆ จึงควรมีวิธีอ่านหนังสือที่เร็ว แต่ก็ทำให้เราเข้า ใจได้ด้วยค่ะ ทริกนี้พี่เมก้าได้มาจากตอนเป็นเฟรชชี่ "อ่านเร็วแค่สกิมและสแกน" ลองมองไปที่หน้าหนังสือนะคะ น้องๆ จะเห็นตัวอักษรอัดแน่นเต็มไปหมด เราไม่ต้องอ่านทุกคำค่ะ สมองล้ากันพอดี! เราสกิมไปเลยค่ะ อ่านภาพรวมคร่าวๆ ไล่สายตาเร็วๆ แล้วข้ามไป ข้ามไป พอเจอประเด็นเด็ดๆ ก็จัดการสแกน เก็บเป็นข้อมูลเฉพาะใส่ดาวตัวโตๆ ไว้ก็พอ น้องๆ จะรู้เลยว่า เราได้เขี่ยเนื้อหาที่พูดซ้ำๆ คือ "น้ำ" ทิ้งไปหมดแล้ว เหลือไว้แต่ "เนื้อ" ที่เป็นข้อความสำคัญ เราก็ค่อยๆ ลดความเร็ว ทำความเข้าใจเนื้อนั้นอีกทีหนึ่ง แล้วจดสรุปเป็น Short note เก็บไว้อ่านครั้งต่อไป อ้อ! การอ่านออกเสียงอาจไม่ใช่วิธีที่ดีนะคะ เสียเวลาขยับปากค่ะ อ่านในใจนั่นแหละ เวิร์กสุด!

3. สร้าง "แลนด์มาร์ก" ให้วิชาที่อ่าน
         เวลาแบบนี้ น้องๆ มักคิดว่า "ทุกนาทีสำคัญที่สุด" แต่การยัดความรู้ทุกอย่างใส่หัวแบบไร้เทคนิค มันเท่ากับเราระเบิดหัวตัวเองตายค่ะ มากำหนดขอบเขตเรื่องที่อ่านกันดีกว่า ก่อนอื่นถามตัวเองซิว่า GAT PAT รอบนี้ เราลงสอบอะไรไว้บ้าง? เราต้องอ่านหนังสือ? หรือต้องทำแบบฝึกหัด? เพราะแต่ละวิชาก็มีวิธีเตรียมตัวต่างกันนะ พอได้คำตอบแล้ว น้องๆ จะรู้เองว่า % ที่ต้องอ่านและฝึกมีมากน้อยเท่าไหร่ (บางคนพอแยกออกมามีกำลังใจเลย เพราะอ่านไม่เยอะ เน้นทำมากกว่า ยังมีเวลาเหลือเฟือ บางคนแม้ว่าจะอ่านเยอะหน่อย แต่ถ้าเป็นงานถนัด ก็ชิลล์ได้) จากนั้นเราก็มาสร้าง "แลนด์มาร์ก" คือจุดที่ต้องเน้นในแต่ละวิชาที่ตัวเองอ่านกันค่ะ

        
 ๐ GAT    ---> พาร์ทเชื่อมโยง จับสัญลักษณ์ให้แม่น ทำข้อสอบเก่าให้เยอะ พาร์ทภาษาอังกฤษ อ่านทฤษฎี ลุยข้อสอบเก่าเพื่อให้คุ้น (จับเวลาทำทั้ง 2 พาร์ท)
        
 ๐ PAT1    ---> ทำโจทย์ให้เยอะที่สุด โดยเลือกบทที่ทำแล้วคุ้ม (ทางที่เราถนัด + บทที่ง่าย + บทที่ออกสอบเยอะ เช่น สถิติ ลำดับอนุกรม กำหนดการเชิงเส้น)   
        
 ๐ PAT2    ---> ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ จำนวนข้อจำกัด จึงไม่ได้ออกทุกบท ควรอ่านบทที่ออกประจำ เช่น ฟิสิกส์ = ไฟฟ้าสถิตย์ การเคลื่อนที่แนวเส้นตรง สมบัติสาร เคมี = เคมีอินทรีย์ ปริมาณสารสัมพันธ์ กรด-เบส ชีวะ = พันธุศาสตร์ เนื้อเยื่อพืช ระบบนิเวศ
         
๐ PAT3    ---> เน้นอ่านสมบัติ สาร กลศาสตร์ประยุกต์ เขียนแบบทางวิศวกรรม ฝึกทำข้อสอบเก่าเพื่อจดสรุป+จับเวลา เพราะคำนวณและทฤษฎีค่อนข้างเยอะ   
         
๐ PAT4    ---> อ่านทฤษฎีผ่านๆ พอเข้าใจ ที่เหลือเอาข้อสอบเก่ามานั่งดูแนวคิด ฝึกจับเวลาวาดรูปจากโจทย์หลายๆ แนว
         
๐ PAT5    ---> ข้อสอบวัดตรรกะ ต้องฝึกทำคณิตเชาวน์ อ่านจิตวิทยาครู (จรรยาบรรณ+บริบทของวิชาชีพครู)  
         
๐ PAT6    ---> อ่านทฤษฎีศิลปะเป็นหลัก ทัศนศิลป์ ดนตรี นาฏศิลป์ การละคร อ่านจนกว่าจะเข้าใจ ก่อนลุยข้อสอบเก่า
         
๐ PAT7    ---> อ่านไวยากรณ์สำคัญ เก็บศัพท์พื้นฐาน หรือศัพท์ที่ออกสอบบ่อย แล้วฝึกทำข้อสอบเก่าเยอะๆ เพื่อดูสไตล์โจทย์


 
4. พก "สูตรลัด" ติดตัวไว้บ้าง
         น้องๆ อาจไม่รู้ว่าแต่ละวิชาที่เราอ่านกัน มีความลับซ่อนอยู่! ที่ผ่านมา ถ้าใครเป็นแฟนตัว ยงของบอร์ดแอดมิชชั่นคงจะรู้ว่า สอบ GAT PAT เสร็จทีไร มักจะมีรุ่นพี่มาแชร์เคล็ดลับเด็ดๆ เกี่ยวกับการเตรียมสอบ การทำข้อสอบในสนามจริงไว้มากมาย แล้วทริกดีๆ เหล่านี้นี่แหละค่ะ ก็ทำให้เราทำงานหนักน้อยลง อย่างน้อยอ่านไม่ทัน ก็ยังพอมีสูตรเด็ดติดตัวเก็บไว้ใช้ตอนลงสนามสอบบ้าง มันอุ่นใจดี วันนี้พี่เมก้าเลยรวบรวม "สูตรลัด" ต่างๆ นี้ มาฝากน้องๆ ด้วย แต่บอกก่อนว่ายกมาได้แค่ส่วนหนึ่งนะคะ ถ้ายังไม่จุใจสามารถตามไปอ่านได้ที่บอร์ดแอดมิชชั่นค่ะ แอบขายของ อิอิ ^^

        
 ๐ GAT    ---> พาร์ทเชื่อมโยง สูตรทวนเรื่อง ถ้าสับสนหลังเชื่อมโยงความสัมพันธ์เสร็จ ให้กลับไปดูในเนื้อเรื่องอีกครั้ง ถ้าไม่มีในเรื่อง ไม่ต้องตอบ อย่าคิดเกิน! พาร์ทภาษาอังกฤษ สูตรตัดช้อยส์ สำหรับช้อยส์ที่มีคำฟันธงเกินจริง เช่น All Must ควรเลือกคำเบาๆ เช่น Probably May be จะปลอดภัยกว่า    
         
๐ PAT1    ---> สูตรเช็กช้อยส์ เช็กนิยามถูกผิดของเซ็ต ด้วยแผนภาพเวนออยเลอร์ หรือสมมติตัวแปรลงในแผนภาพ  
         
๐ PAT2    ---> สูตรแบ่งบล็อก PAT 2 มีวิชาฟิสิกส์ เคมี ชีวะ จับเวลาในการทำแต่ละบล็อกเลย โดยทำเฉพาะข้อง่าย+ปานกลางก่อน หมดเวลาแล้วข้ามไปทำอีกวิชา อย่าเสียเวลากับข้อยาก ถ้าถนัดวิชาไหน ทำส่วนนั้นได้ก่อนก็จะยิ่งดี เพราะจะช่วยให้มีเวลาไปทำส่วนอื่นมากขึ้น      
         
๐ PAT3    ---> สูตรเดจาวู พกสูตรที่มักออกข้อสอบเก่าบ่อยๆ ไปด้วย เช่น เดซิเบล ค่าสมการการเคลื่อนที่แนวเส้นตรง หลักการมอง 3 มิติ
         
๐ PAT4    ---> สูตรวาดเร็ว ใช้แนวคิดที่ฝึกวิเคราะห์มาร่างภาพรวมให้ตรงกับโจทย์ตีฟเป็นอันดับแรก อย่าวาดไปเรื่อยๆ เพราะทำให้ไม่ทันเวลา รายละเอียดไม่ครบแน่ๆ  
         
๐ PAT5    ---> สูตรโกยคะแนน ทำเรื่องที่คะแนนมากก่อน (จิตวิทยาครู+เชาวน์) สูตรแก้มึน ทำพาร์ทอ่านหรือเชาวน์ก่อน เพราะถ้าเก็บไว้ตอนท้าย หัวจะไม่เฟรชแล้ว
         
๐ PAT6    ---> สูตรจำแม่น ข้อสอบส่วนใหญ่ใช้ความจำและเนื้อหาเยอะ ถ้าจะให้จำแม่น+อ่านทัน ก็ต้องใช้วิธีสกิมและสแกนนั่นแหละ  
        
 ๐ PAT7    ---> สูตรเดา - -'' เพราะเป็นข้อสอบภาษา ถ้าแปลไม่ออก ก็ต้องใช้วิธีเดาบริบท ทั้งในโจทย์และช้อยส์ ที่น่าจะมีความเกี่ยวข้องกัน

5. กำจัด "จุดอ่อน" รู้เท่าทันตัวหลอก
         ยอมรับไหมคะว่าที่น้องๆ มักจะเครียดกับข้อสอบ มันไม่ใช่แค่เรื่องอ่านไม่ทันหรอก มันยังมีเรื่องที่เราอ่านแล้วยังมึนๆ งงๆ อยู่ พอไปฝึกทำข้อสอบเก่า ก็เลยทำให้ผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนต้องกลับมาอ่านทวนซ้ำ กลายเป็นจุดอ่อนที่ทำให้เสียเวลากันไปอีก พี่เมก้าเลยขอเสนอให้ลองหาตัวหลอกหรือจุดที่ทำให้เรามักจะพลาดตกม้าตายในข้อสอบนั้นๆ ดูค่ะ ต่อไปจะได้มีความมั่นใจ และเตรียมรับมือได้ว่า ถ้าโจทย์มาแนวๆ นี้ ข้อสอบต้องหลอกเราแบบนี้แน่เลย! เช่น

        
 ๐ PAT1    ---> โจทย์แนวสมการติดรูท ใต้รูทต้องเป็นบวกเสมอ ห้ามติดลบ     
         
๐ PAT2    ---> ต้องดุลย์สมการ ก่อนนำมาใช้ทุกครั้ง ข้อสอบวิเคราะห์ต้องเช็กคำตอบจากข้อกลางๆ จะได้ไม่ถูกหลอกให้ไล่อ่านช้อยส์จนหมด เสียเวลามาก!
         
๐ PAT3    ---> โจทย์ประยุกต์ ทิ้งเนื้อหาบทที่เกี่ยวเนื่องกันไม่ได้ เช่น คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า อาจจะถามเรื่องคลื่นวิทยุ เชื่อมโยงกับวิศวฯ สื่อสาร ข้อสอบจัดเรื่องยากมาไว้ข้อต้นๆ ทำ ให้เสียเวลา เช่น กลศาสตร์ โจทย์ที่ชอบหลอกให้ลืมเปลี่ยนหน่วย แทนค่าผิด   

6. "คุมเวลาอ่าน" ให้ถูกโฉลก
         น้องๆ เคยสังเกตตัวเองไหมคะว่า เราจะมีระยะเวลาอ่าน ที่คลิกกับสมองมากๆ ไม่ใช่ว่าอ่านตอนกลางวันหรือตอนกลางคืนนะคะ พี่เมก้าหมายถึงขีดจำกัดของเวลาที่ใช้อ่านหนังสือ แล้วหัวไบรท์น่ะค่ะ เช่น อ่านหนังสือภายใน 30 นาที สมองสู้ไหวมากๆ แต่ถ้าเลยไปอีกนิดๆ จะเริ่มเบลอทันที ทั้งนี้ก็เพราะน้องๆ จะมีสมาธิอ่านหนังสือติดต่อกันได้ถึงช่วงเวลาที่เป็นขีดจำกัดนี้เท่านั้นค่ะ บางคนอ่านได้ 45-50 นาที บางคน 1-2 ชั่วโมงยังไหวอยู่ บางคนอึดหน่อยก็อาจจะไปไกล 4-5 ชั่วโมง แต่ถ้าอ่านมากกว่านี้ โดยไม่หยุดพัก สมองของน้องๆ ก็จะเริ่มล้า และประสิทธิภาพในการอ่านก็จะค่อยๆ ลดลงไปเอง

         นั่นแปลว่า ถ้าน้องๆ คุมเวลาในการอ่านได้ถูกต้อง คือยังอยู่ในช่วง Focus Zone ที่สมองยังทำงานได้ดีอยู่ ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องอ่านหนังสือเลยค่ะ ได้รับความรู้ไปเต็มๆ แน่นอน แต่ถ้าเราฝืนกำลังตัวเอง บังคับให้นั่งอ่านๆๆ ทั้งที่สมองร้องว่า "ช่วยด้วย! ไม่ไหวแล้ว หัวจะระเบิดอยู่แล้ว" แบบนี้ สู้พักไปทำอย่างอื่น แล้วค่อยกลับมาอ่านหนังสือดีกว่าค่ะ อ่านไป หลับไป ทรมานตัวเองไป ยังไงก็ไม่รู้เรื่องหรอก เผลอๆ จะทำให้อ่านไม่ทันไปมากกว่าเดิมด้วยนะ 


 
7. "อ่านบ้างพักบ้าง" ไม่ได้แย่นะ
         เด็กๆ ที่อยู่ในช่วงเตรียมสอบ มักจะโทษตัวเองค่ะ "นอนอีกแล้ว! หาเรื่องเล่นเกมอีกแล้ว!! ดูซีรีส์อีกแล้ว!!! กำลังจะสอบอยู่วันนี้พรุ่งนี้ ไม่เจียมเลยนะ" ถ้าน้องๆ จะว่าตัวเองขนาดนั้น พี่เมก้าว่ากำหนดเวลาอ่านกับเวลาพักมาเลยก็ได้ค่ะ อย่างเมื่อกี้ น้องๆ ได้เวลาอ่าน ที่ถูกโฉลกกับตัวเองมาแล้วใช่มั้ยคะ สมมติอ่าน 2 ชั่วโมง เราให้เวลาตัวเองได้พัก 1 ชั่วโมง ก็ยังโอเค แฟร์ๆ ไม่รู้สึกผิดมากนัก แต่ถ้าอ่าน 2 ชั่วโมง พัก 3 ชั่วโมง - -'' พี่เมก้าให้น้องๆ คุกเข่าสารภาพผิดกับตัวเองไปนานๆ ได้เลยค่ะ

         ที่จริงเราจะพักให้เป็นประโยชน์ก็ได้ สมมติใช้สมองจมอยู่กับกลศาสตร์มานานนับชั่วโมง ลองเปลี่ยนบรรยากาศไปดูหนังซาวนด์แทร็กเพลินๆ เล่นเกมภาษาอังกฤษสนุกๆ มันก็แก้เครียดดีนะคะ ได้ศัพท์ไปสอบ GAT อังกฤษ เพิ่มอีกหลายคำด้วย มีวิธีอีกมากมาย ที่ทำให้การพักของเราไม่ไร้สาระค่ะ    


8. ซ้อมจำลอง "วันลงสนามจริง"
         เทคนิคนี้ได้มาจากรุ่นพี่คนหนึ่งค่ะ พี่เค้าเป็นคนที่ตื่นสนามสอบมากๆ กลัวไปหมด กลัวอ่านไม่ทัน กลัวทำข้อสอบไม่ได้ กลัวสอบไม่มีสมาธิ วิธีแก้ของพี่คนนี้คือ "ออกไปใช้ความคิดนอกบ้าน" เป็นการสำรวจความพร้อมของตัวเองอีกวิธีหนึ่งว่า ตอนนี้เราพร้อมแค่ไหน! สถานที่ที่พี่เค้าเลือกคือร้านกาแฟ ที่มีคนเข้าออกตลอดเวลาคอยทำลายสมาธิเราน่ะค่ะ เมื่อเตรียมข้อสอบเก่าพร้อม จับเวลาพร้อมก็ลุยเลย ทำประหนึ่งว่ากำลังอยู่ในสนามสอบจริง พอทำเสร็จเห็นคะแนน ยิ้มออกเลย!

         พี่เค้าบอกว่าวิธีนี้เหมือนเราได้ซ้อมเจออุปสรรคต่างๆ แล้ว จะถูกไล่ออกจากร้านกาแฟไหม? จะเจอคนคุยเสียงดังทำลายสมาธิรึเปล่า พอถึงวันจริงต่อให้ข้างๆ สนามสอบกำลังก่อสร้าง เจอเพื่อนนั่งเตะขาในห้องสอบ เจอข้อสอบสุดยากขนาดไหน เราก็น่าจะรับมือไหว ที่สำคัญได้ประเมินตัวเองด้วยว่า ตอนนี้อ่านหนังสือพร้อม 50% 70% หรือ 100% ถ้ายังไม่เต็มร้อย จะได้รีบกลับมาเตรียมตัวได้ทันเวลา ถ้าพร้อมแล้วก็ได้กำลังใจไปเต็มๆ ตอนแรกที่พี่เมก้าได้ฟังไอเดียนี้นี่อ้าปากค้างไปเลยค่ะ ซ้อมเครียดไว้ก่อน ^^   
         
         ขอฝากน้องๆ ไว้ว่า ทันไม่ทัน พร้อมไม่พร้อม ไม่มีใครรู้หรอกค่ะ รู้แค่ว่าเราเต็มที่มากพอหรือยัง ตราบใดที่น้องๆ ทำเต็มที่ที่สุดแล้ว ยังไงมันก็ทันค่ะ ขอแค่น้องๆ เชื่อมั่นในศักยภาพของตัวเอง ไม่ต้องเครียด ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกังวลนะคะ เดี๋ยวสมองหายไบรท์ ไม่รู้ด้วยนะ ^^
พี่เมก้า
พี่เมก้า - Columnist นักข่าวสายการศึกษา ที่มีความสุขกับการแต่งฟิค อ่านฟิค เพ้อถึงยัมมี่ฟู้ดไปวันๆ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

1 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด