เปลี่ยนบรรยากาศการอ่าน! รวม 6 ที่นั่งอ่านหนังสือตั้งแต่หลักสิบ จนถึงฟรี!


          สวัสดีค่ะ หลังจากเห็นข่าวการสอบเข้ามหาวิทยาลัยระบบใหม่กันแล้ว เชื่อว่าตอนนี้น้องๆ ม.6 หลายคน ก็คงกำลังเริ่มวางแผนกันแล้ว ว่าจะเตรียมสอบเข้ารอบไหน จะอ่านหนังสือยังไง ซึ่งรอบนี้ น้องๆ มีเวลาเตรียมตัวนานแบบวางแผนได้มากขึ้น พี่อีฟก็เลยอยากจะชวนน้องๆ มาอ่านหนังสือกันไว้ก่อนเลย
 

          ปกติน้องๆ หลายคน อาจจะนิยมอ่านหนังสือที่บ้าน หรือสถานที่ที่เราอาจจะคุ้นเคย ได้ยินชื่อบ่อย เช่น ร้านกาแฟ หรือฟู้ดคอร์ท ฯลฯ แต่ถ้าใครเริ่มเบื่อสถานที่เหล่านี้กันแล้ว วันนี้พี่อีฟเลยจะขอมาแนะนำ 6 สถานที่อ่านหนังสือที่อาจจะเสียค่าเข้านิดหน่อยตั้งแต่หลักสิบ ไปจนถึงเข้าฟรี! เลยค่ะ จะมีที่ไหนกันบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ

     1.หอสมุดเมืองกรุงเทพมหานคร Bangkok City Library
          เรียกได้ว่าถ้าจะแนะนำสถานที่อ่านหนังสือ แล้วจะไม่มีหอสมุดเมืองกรุงเทพฯ ที่เพิ่งเปิดใหม่แห่งนี้ ก็ถือว่าผิดมากๆ เลยค่ะ เพราะหลายคนที่ไปมา บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า สะอาด สงบ แถมปลั๊กพร้อม wifi พร้อม เหมาะสำหรับทั้งทำงานและอ่านหนังสือกันด้วย แถมค่าสมัครสมาชิกของที่นี่ก็แสนถูก คือถ้าน้องๆ อายุเกิน 15 ปี ก็เสียค่าสมัครสมาชิกปีละ 10 บาท เท่านั้น! ใช่ค่ะ ได้ยินไม่ผิดแน่นอน
 

          อีกทั้งสถานที่ตั้งของหอสมุดเมืองกรุงเทพฯ ยังอยู่บริเวณ ถ.ราชดำเนิน ซึ่งก็หมายถึงการเดินทางที่สะดวกสบายมากขึ้น เพราะมีรถเมล์ผ่านหลายสายมากเลย ตั้งแต่ 516 47 42 และอีกหลายสาย ใครอ่านจบแล้วอยากลองไปใช้บริการ ก็หยิบหนังสือเรียนที่ต้องเรียนในเทอมนี้ หรือการบ้านที่ต้องส่งวันจันทร์ไปนั่งทำกันได้เลยค่ะ


     2. TK Park อุทยานการเรียนรู้
          เป็นอีกหนึ่งสถานที่อ่านหนังสือที่พี่อีฟก็ชอบไปใช้บริการบ่อยๆ นะคะ เพราะนอกจากจะเดินทางสะดวกด้วยรถไฟฟ้า ยังเป็นอีกสถานที่สงบๆ ในการอ่านหนังสือ แบบไม่น่าเชื่อว่าจะอยู่ใจกลางเมืองขนาดนี้ ซึ่ง TK Park ก็จะแบ่งที่นั่งเป็นหลายโซนค่ะ ตั้งแต่มุมเงียบ ไปจนถึงมุมที่สามารถใช้เสียงได้ ใครที่ไม่ได้พกหนังสือไปอ่าน ก็สามารถเลือกอ่านหนังสือจาก TK Park ได้ตามใจชอบเลยค่ะ มีตั้งแต่นวนิยาย เรื่องสั้น นิตยสาร ไปจนถึงการ์ตูนเลย
 

          น้องๆ คนไหนที่สนใจไปใช้บริการ ค่าเข้ารายวันก็ 20 บาทเท่านั้นค่ะ หรือถ้าสมัครสมาชิกรายปีก็ 100 บาท/ปี ค่ะ พี่อีฟเคยเห็นน้องๆ นักเรียน นักศึกษาหลายคน ก็เลือกมาอ่านหนังสือที่นี่กันค่ะ อาจเพราะเทรนด์ของน้องๆ สมัยนี้ ชอบการอ่านหนังสือนอกบ้าน เพราะมีสมาธิมากกว่า อีกทั้งยังสามารถนัดเพื่อนๆ มาอ่านพร้อมกันได้ ไม่เข้าใจตรงไหน จะได้ให้เพื่อนช่วยติวได้ค่ะ

     3.Open House at Central Embassy
          อีกหนึ่งสถานที่อ่านหนังสือเปิดใหม่ในปีนี้ แถมติดสถานีบีทีเอสอีกด้วย co-working space เปิดใหม่ล่าสุดที่มีโซนต่างๆ ให้น้องๆ เลือกใช้บริการ ใครที่อยากมาที่เดียว แต่ได้ครบทั้งอ่านหนังสือ นั่งกินข้าวกับเพื่อน ฯลฯ ก็ห้ามพลาดเลยค่ะ บอกเลยว่าเข้าฟรี ไม่เสียตังค์ แต่ถ้าจะนั่งอ่านหนังสือหรือทำงานยาวๆ ก็อาจจะต้องซื้อน้ำ ซื้อขนมกันบ้างค่ะ เพราะส่วนมากจะเป็นร้านอาหารทั้งนั้นค่ะ
 

          นอกจากฝั่ง co-working space ที่เป็นที่เหมาะกับน้องๆ แล้ว ใครที่อยากอ่านหนังสือเป็นกลุ่ม แบบนัดเพื่อนมาติวกัน ก็สามารถเลือกใช้บริการ meeting room ที่คิดบริการเป็นรายชั่วโมงได้เลยค่ะ เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ที่รวมความชอบต่างๆ ของน้องๆ ได้เลย แบบอ่านหนังสือเสร็จ แล้วเตรียมตัวกินต่อ หรือช้อปปิ้งต่อกันได้เลยค่ะ

     4.THINK SPACE B2S at Central Festival Eastville
          สถานที่อ่านหนังสือยอดนิยมของปีที่ผ่านมา เหมาะสำหรับน้องๆ ฝั่งรามอินทรามากเลยค่ะ จากการต่อยอดของร้านหนังสือ B2S ที่เริ่มขยับขยายจากร้านหนังสือ มาเป็นโซนต่างๆ เช่น โซนบันเทิง โซน Art และโซนที่เหมาะกับการอ่านหนังสือของน้องๆ อย่างโซน co-working space ค่ะ ใครอยากมีที่อ่านหนังสือบรรยากาศดีๆ มีบริการปลั๊กไฟ แถม wifi ก็ลองมาใช้บริการกันได้เลยค่ะ
 

          แต่อย่าลืมว่าสถานที่ co-working space ส่วนมากก็จะมีค่าใช้บริการค่ะ อาจจะต้องเตรียมพร้อมในส่วนนี้ไปด้วย และอย่าลืมว่าสถานที่ที่มีหลายโซนแบบนี้ อาจจะมีมีข้อจำกัดเรื่องเสียง และคนที่พลุกพล่านค่ะ ถ้าน้องๆ ไม่ชอบความวุ่นวาย หรือต้องการความเงียบ อาจจะไม่เหมาะสักเท่าไหร่ ถ้าแบบนี้ไม่เหมาะ ก็ลองมองข้อต่อไปได้เลยค่ะ

     5.ห้องสมุดเนียลสัน เฮส์ Neilson Hays Library
          ห้องสมุดที่รับรองว่าใครไปก็ต้องชื่นชอบแน่นอนค่ะ เพราะนอกจากจะมีความเงียบแบบที่เหมาะกับการอ่านหนังสือแล้ว ห้องสมุดเนียลสัน ยังถือว่าเป็นห้องสมุดที่มีความสวยงามสไตล์วินเทจอีกด้วยค่ะ เชื่อว่าน้องๆ แถบอัสสัมฯ อาจจะรู้จัก หรือเคยมาแล้ว เพราะห้องสมุดนี้ตั้งอยู่ตรงบางรักนี้เองค่ะ ดังนั้น การเดินทางก็ไม่อยากเลย เพราะมีทั้งรถไฟฟ้า รถเมล์ เรือ หรือรถตู้ก็มีผ่านค่ะ
 

          นอกจากความสวยงามและความเงียบในห้องสมุดแล้ว น้องๆ คนไหนที่ชอบธรรมชาติ อยากจะอ่านแบบเอาท์ดอร์ ห้องสมุดเนียลสัน ก็มีพื้นที่ให้บริการด้านนอกด้วยค่ะ และถ้าน้องๆ คนไหนสนใจที่จะฝึกทักษะภาษาอังกฤษ พี่อีฟก็ยิ่งอยากจะแนะนำห้องสมุดเนียลสันเลยค่ะ เพราะหนังสือของที่นี่ส่วนมากจะเป็นหนังสือภาษาอังกฤษทั้งนั้น ใครที่รักภาษา หรืออยากจะฝึกภาษา ห้ามพลาดเลยค่ะ

     6.ห้องสมุดมหาวิทยาลัย
          สถานที่สุดท้ายที่อยากจะแนะนำน้องๆ เพราะเหมือนเป็นการ Open House ไปในตัว ก็คือห้องสมุดของมหาวิทยาลัยต่างๆ ค่ะ เพราะเป็นสถานที่ที่เปิดไว้สำหรับการอ่านหนังสือโดยเฉพาะเลยค่ะ ยิ่งถ้าไปช่วงเทศกาลใกล้สอบ ก็จะมีโอกาสได้เห็นรุ่นพี่จากคณะต่างๆ ในมหาวิทยาลัยมาใช้บริการกันแน่นอน เรียกได้ว่าใครอยากไปส่องคิ้วท์บอยของมหาวิทยาลัยไหน ห้ามพลาดเลยค่ะ !
 

ขอบคุณรูปภาพประกอบจาก : www.chula.ac.th

          เตรียมหนังสือไปอ่านให้เต็มที่เลยค่ะ เพราะส่วนมากห้องสมุดมหาวิทยาลัยจะเปิดบริการตั้งแต่เช้าถึงเย็นเลยค่ะ หรือถ้าเป็นช่วงสอบ ก็อาจจะเปิดกันแบบ 24 ชั่วโมงเลย แถมถ้าเป็นคนนอก พี่อีฟลองสำรวจมาแล้ว ว่าในแต่ละมหาวิทยาลัย ค่าใช้บริการก็ไม่แพงเลยค่ะ แต่อย่างที่บอกนะคะว่าเป็นห้องสมุดภายในมหาวิทยาลัย ดังนั้น ถ้าน้องๆ จะเข้าไปใช้บริการ ก็อย่าลืมแต่งตัวให้เรียบร้อยกันด้วยค่ะ ส่วนค่าใช้จ่ายในการเข้าใช้บริการ
 

          เป็นยังไงกันบ้างคะ กับ 6 สถานที่อ่านหนังสือที่พี่อีฟเอามาฝากน้องๆ กัน ใครที่กำลังตื่นเต้นกับระบบใหม่ ก็อย่าตื่นเต้นนานค่ะ เอาเวลามาเตรียมตัวดีกว่า เพราะไม่ว่าระบบจะเปลี่ยนไปแค่ไหน ถ้าเราอ่านหนังสือให้เต็มที่ มีความพร้อมกับข้อสอบ ไม่ว่าจะเป็นระบบแบบไหน เราก็ผ่านไปได้แน่นอนค่ะ :D
 
พี่อีฟ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น