.jpg)
สวัสดีน้องๆ ชาว Dek-D.com ค่ะ เผลอแป๊บเดียวก็เหลืออีก 2 เดือน TCAS รอบ 1 Portfolio ก็จะเริ่มเปิดรับสมัครแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้น้องๆ รู้มาแล้วว่าคณะส่วนใหญ่ต้องใช้แฟ้มสะสมผลงาน หรือ Portfolio ในการสมัคร แต่! น้องๆ อาจจะยังไม่รู้ว่า จริงๆ แล้วบางคณะไม่ได้ใช้ Portfolio เลย ดันไปใช้คะแนนอย่างอื่นแทน หรือ บางที่ก็ใช้รวมกันหลายๆ อย่าง
วันนี้พี่มิ้นท์ก็เลยจะมาสรุปให้ฟังมา คะแนนที่มันนอกเหนือจาก O-NET, GAT PAT, วิชาสามัญ ที่เรารู้จัก ในประเทศนี้ยังมีคะแนนอะไรที่เอามายื่นในระบบ TCAS ได้บ้าง โดยเฉพาะหลักสูตรนานาชาติ หรือ โครงการที่รับนักเรียนที่มีความสามารถทางภาษาอังกฤษ ซึ่งปัจจุบันกำลังเป็นที่นิยมเลย ไปดูรายละเอียดกันค่ะ
วันนี้พี่มิ้นท์ก็เลยจะมาสรุปให้ฟังมา คะแนนที่มันนอกเหนือจาก O-NET, GAT PAT, วิชาสามัญ ที่เรารู้จัก ในประเทศนี้ยังมีคะแนนอะไรที่เอามายื่นในระบบ TCAS ได้บ้าง โดยเฉพาะหลักสูตรนานาชาติ หรือ โครงการที่รับนักเรียนที่มีความสามารถทางภาษาอังกฤษ ซึ่งปัจจุบันกำลังเป็นที่นิยมเลย ไปดูรายละเอียดกันค่ะ
1. ผลสอบตระกูลภาษา
เด็กหลักสูตรภาษาไทยอาจไม่ค่อยคุ้นเคยกับการสอบวัดระดับภาษาอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็น TOEFL, IELTS, TOEIC แต่เด็กในหลักสูตรอินเตอร์หรือนานาชาติ จะรู้จักเป็นอย่างดี เพราะเป็นข้อสอบใช้วัดภาษาและใช้เทียบระดับภาษาเพื่อยื่นสอบ เรียนต่อต่างประเทศ หรือ ทำงาน ได้ ซึ่งในปีก่อนๆ คณะกลุ่มอินเตอร์จะมีการใช้คะแนนเหล่านี้อยู่แล้ว ในปีนี้ก็ขยายวงกว้างมากขึ้น เป็นทางเลือกให้น้องๆ อีกทางหนึ่ง
TOEFL (Test of English as a Foreign Language) จะรู้จักกันดีในฐานะข้อสอบที่ใช้เพื่อศึกษาต่อในต่างประเทศ สอบผ่านระบบอินเทอร์เน็ต (Internet-Based Testing : IBT) ทดสอบการอ่าน การฟัง การพูด และการเขียน คะแนนพาร์ทละ 30 คะแนน รวม 120 คะแนน ขึ้นชื่อว่าเป็นข้อสอบที่ยากมากกก ส่วนเกณฑ์การคัดเลือกในระบบ TCAS สถาบันอาจจะกำหนดเกณฑ์ขั้นต่ำมาให้ค่ะ
TOEIC (Test of English for International Communication ) เป็นข้อสอบที่รู้จักกันในฐานะข้อสอบสำหรับยื่นทำงานมากกว่า แต่บางที่ก็สามารถใช้คะแนนนี้ได้ จะวัดการฟังและการอ่านเป็นหลัก คำศัพท์ส่วนใหญ่ก็จะเป็นในแวดวงธุรกิจ คำศัพท์ที่ใช้จริงในชีวิตประจำวัน คะแนนเต็ม 990 คะแนนค่ะ
IELTS (International English Language Testing System) เป็นการสอบวัดระดับภาษาอังกฤษคล้ายๆ กับ TOEFL คือ มี 4 ทักษะ ฟัง พูด อ่าน เขียน แต่ก่อน TOEFL จะสอบเพื่อไปเรียนต่อในสหรัฐอเมริกา ส่วน IELTS ใช้สำหรับศึกษาต่อในประเทศฝั่งยุโรป แต่ปัจจุบันไม่ได้กำหนดแยกฝั่งประเทศแบบนี้แล้ว พูดง่ายๆ คือ ขึ้นอยู่กับสถาบันว่าใครกำหนดให้ใช้อะไร ส่วนมหาวิทยาลัยในประเทศไทย ก็มีการเรียกใช้คะแนนนี้เหมือนกันค่ะ
สำหรับการรับ tcas61 มีบางสถาบันที่ใช้คะแนนนี้เพื่อเป็นทางเลือกหนึ่งในการยื่นคะแนน โดยมากจะอยู่ในหลักสูตรอินเตอร์ หรือ ในโครงการที่เน้นภาษาอังกฤษ เช่น รับตรงรอบ 1 คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาฯ โครงการรับนักเรียนที่มีความเป็นเลิศด้านภาษาอังกฤษ ก็ไม่ได้ใช้ Portfolio แต่ใช้แค่ GPAX และคะแนนวัดความสามารถในการสื่อสารภาษาอังกฤษ TOEFL / IELTS / CU-TEP (เดี๋ยวจะอธิบาย cu-tep อีกครั้ง)
2. SAT
ข้อสอบแซท หรือ เอส เอ ที เป็นข้อสอบที่วัดทักษะการอ่าน การวิเคราะห์และการเขียน ในระดับสากล เป็นข้อสอบของทางประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งการสอบในปัจจุบัน (NEW SAT) แบ่งเป็น 3 ส่วนใหญ่ๆ คือ Reading&Writing, Math และ Essay การยื่นคะแนนเข้ามหาวิทยาลัยในประเทศไทย ส่วนใหญ่จะใช้คะแนนในส่วนของ Reading&Writng และ Math ค่ะ ดูรายละเอียดการสมัครสอบ SAT ได้ที่ https://collegereadiness.collegeboard.org/sat/
3. ข้อสอบตระกูล CU
จุฬาฯ มีศูนย์ทดสอบทางวิชาการเป็นของตัวเอง ใช้ชื่อว่า ศูนย์ทดสอบทางวิชาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีจัดสอบหลายวิชาค่ะ ใช้สำหรับสอบเข้าคณะต่างๆ ทั้งของจุฬาฯ เองและสถาบันอื่นๆ ก็มีเอาคะแนนบางส่วนไปใช้บ้าง
CU-TEP (Chulalongkorn University Test of English Proficiency) เป็นการสอบวัดความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ เหมือนกับข้อ 1 ค่ะ (แต่เป็นข้อสอบที่จุฬาฯ เป็นผู้จัดสอบ) ใช้เป็นทั้งคะแนนวัดระดับภาษา และใช้สำหรับการสอบเข้า แบ่งเป็น 3 พาร์ทคือการฟัง การอ่าน และการเขียน คะแนนเต็ม 120 คะแนน ผลสอบมีอายุ 2 ปี นอกจากนี้ยังมี CU-TEP&Speaking คือการสอบที่มีสอบทักษะการพูดเพิ่มเข้ามา ซึ่งคณะเศรษฐศาสตร์ และคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี หลักสูตรนานาชาติจะต้องใช้คะแนนตัวนี้
CU-AAT (Chulalongkorn University Academic Aptitude Test) เป็นข้อสอบที่วัดความสามารถทางคณิตศาสตร์และภาษาอังกฤษ จะเจอบ่อยสำหรับการสอบเข้าในหลักสูตรนานาชาติของจุฬาฯ ค่ะ ข้อสอบจะแบ่งเป็น 2 พาราทใหญ่ๆ คือ Math (คณิตศาสตร์) และ Verbal (ความสามารถด้านภาษาอังกฤษ) แบ่งเป็นพาร์ทละ 55 ข้อ พาร์ทละ 70 นาที คะแนนเต็ม 1,600 คะแนน ซึ่งใน TCAS 61 รอบแรก เจอในรับตรงคณะอักษรฯ (นานาชาติ), เศรษฐศาสตร์ (นานาชาติ) เป็นต้น
ปฏิทินสอบวิชาต่างๆ ของศุนย์ทสดสอบทางวิชาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
4. TU-GET
ข้อสอบ TU-GET (Thammasat University General English Test) เป็นข้อสอบวัดความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษเช่นกันค่ะ แต่จัดสอบโดยมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์นั่นเอง ข้อสอบจะมี 3 ส่วน คือ ความรู้ด้านไวยากรณ์, ความรู้ด้านคำศัพท์ และความรู้ด้านการอ่าน รวม 1,000 คะแนน ผลสอบมีอายุ 2 ปีค่ะ ยกตัวอย่างคณะรอบ 1 ที่ใช้ TU-GET คือ รับตรงบัญชีบัณฑิตและหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต (หลักสูตรภาษาอังกฤษ) โดยจะใช้ TU-GET หรือใช้คะแนนทดสอบภาษาอังกฤษอื่นๆ ก็ได้
ปฏิทินสอบ TU-GET ปี 2560 ของ ม.ธรรมศาสตร์
5. BMAT
ชื่อนี้ไม่ค่อยคุ้นค่ะ เพราะเป็นการสอบที่ค่อนข้างเฉพาะทาง BMAT ย่อมาจาก Biomedical admission test เป็นการสอบสำหรับน้องๆ ที่ต้องการเข้าศึกษาต่อในคณะแพทยศาสตร์ สัตวแพทยศาสตร์ จัดทำโดย Cambridge Assessment ในประเทศไทยตอนนี้มีหลายสถาบันนำคะแนนนี้มาใช้ค่ะ เช่น รับตรงรอบ 1 คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ โครงการรับนักเรียนผู้มีความสามารถพิเศษทางภาษาอังกฤษ และรับตรงรอบ 3 คณะทันตแพทยศาสตร์ (หลักสูตรทวิภาษา) ม.ธรรมศาสตร์, รับตรงแพทย์ ม.ขอนแก่น
การสอบ BMAT ใช้เวลาสอบ 2 ชั่วโมง ข้อสอบมี 3 พาร์ท คือ พาร์ทความถนัดและทักษะ, พาร์ทความรู้และการประยุกต์ด้านวิทยาศาสตร์ และพาร์ทการเขียน ข้อสอบเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด สำหรับค่าสอบนั้นโหดมากค่ะ 7,100 บาท TT
สรุปแล้ว นอกเหนือจากข้อสอบกลางของ สทศ. GAT PAT, O-NET และ 9 วิชาสามัญ ก็จะมีข้อสอบวัดความสามารถด้านการใช้ภาษาอังกฤษค่ะ ไม่ว่าจะเป็น TOEFL, IELTS, CU-TEP, TU-GET ฯลฯ เพราะเป็นข้อสอบกลางที่เป็นมาตรฐานและเป็นสากล จะเลือกสอบวิชาไหนก็ได้ แต่ก่อนสมัครอยากให้เช็กจากระเบียบการก่อนนะคะ บางที่อาจใช้ตัวไหนก็ได้จากตัวเลือก 4-5 ตัวเลือก บางที่อาจจะมีให้เลือกแค่ 2 วิชาค่ะ โดยอาจกำหนดคะแนนขั้นต่ำมาด้วยนะ
นอกจากคะแนนเสริมพวกนี้ อยากให้ตั้งใจเก็บเกรดด้วย เพราะ TCAS รอบ 1 GPAX ใช้แทบทุกมหาวิทยาลัยเลยค่ะ ^^
2 ความคิดเห็น