สวัสดีค่ะ เดือนที่แล้วไปสายกฎหมายกันแล้ว เดือนนี้ขอกลับมาที่สายวิทยาศาสตร์สุขภาพ กับอีกหนึ่งคณะที่เป็นที่หมายปองของเด็กสายวิทย์ ก็คือ "คณะแพทยศาสตร์" ซึ่งน้องๆ คงรู้พื้นฐานบ้างแล้วว่าเรียนอะไรบ้าง แต่ว่ารู้กันหรือยังคะว่า 6 ปีในคณะต้องเรียนอะไรบ้าง ถ้ายังไม่รู้ก็ไปรู้พร้อมกันเลยค่ะ
คณะแพทยศาสตร์ เรียนเกี่ยวกับอะไร?
คณะแพทยศาสตร์ เป็นคณะวิทยาศาสตร์สุขภาพ เรียนเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพของคน รวมไปถึงการเยียวยา รักษาอาการเจ็บป่วยต่างๆ ด้วย เน้นไปที่การรักษาโรคและพัฒนาความรู้ด้ายวิทยาศาสตร์สุขภาพที่เกี่ยวกับการรักษา ส่วนการดูแลเป็นหน้าที่ของพยาบาล แต่ถ้าเป็นเรื่องยาต้องเภสัชกร ในการรักษาคนหนึ่งคนจะมีแต่หมออย่างเดียวไม่ได้ค่ะ ต้องมีครบองค์ทุกฝ่าย รวมทั้งสายเทคนิคการแพทย์-กายภาพบำบัดด้วย
ชีวิต 6 ปี เรียนอะไรบ้าง?
ถ้าจะมองว่าการเรียนหมอเป็นอะไรที่ดูดี สวยๆ เดินไปเดินมามีหนังสือเป็นพรอพล่ะก็ ... เปลี่ยนป้ายได้เลยค่ะ ชีวิตการเรียนหมอไม่ง่ายแบบนั้น ตอนสอบเข้าว่ายากแล้ว ตอนเรียน 6 ปีนี่สิของจริง บอกเลยว่าตอนสอบเข้าคือง่ายสุดแล้วค่ะ แต่ละปีเรียนอะไรบ้าง ป่ะ ... ไปรู้กัน!
ปี 1 ปรับพื้นฐานกันก่อน
ในช่วงปี 1 ใสๆ แบบนี้ (หรอ?) ก็มาปรับพื้นฐานกันก่อน ช่วงเวลา 3 ปีที่เรียน ม. ปลาย ก็ขมวดเหลือปี 1 เทอมแรกนี่แหละ แล้วก็จะเรียนในเนื้อหาที่แอดวานซ์ขึ้น วิชาก็ยังชื่อธรรมดาๆ อยู่ เช่น ฟิสิกส์ทั่วไป (บางสถาบัน), เคมีทั่วไป, ชีววิทยา, แคลคูลัส, ภาษาอังกฤษสำหรับวิชาชีพแพทย์ เป็นต้น ดูเบาๆ เบาสุดก็ปี 1 นี่แหละ
ปี 2 สวัสดีพรีคลีนิก
พอขึ้นปี 2 ปุ๊บก็จะเรียนรู้วิชาต่างๆ ที่จะใช้ในการรักษา ปี 2 นี่แหละที่น้องๆ จะได้พบกับอาจารย์ใหญ่ พ้อมกล่าวคำปฏิญาณ แรกๆ ตอนเรียนก็จะกลัวๆ หน่อย แต่พอเรียนไปเรียนมาจะสัมผัสได้ถึงความผูกพัน บางคนแอบขอกับอาจารย์ใหญ่ให้ช่วยสอบผ่านด้วยแหละ :) ส่วนรายวิชาจะเป็นเรื่องของระบบร่างกาย เช่น ระบบประสาท ระบบเลือด และมีวิชาอื่นอีก ทั้งกายวิภาค สรีรวิทยา พันธุศาสตร์ เป็นต้น
ปี 3 ร่างนี้มีอะไรที่ทำให้ป่วยบ้าง
ตอนปี 2 เรารู้จักร่างกายกันไปแล้วว่ามีอะไรบ้าง พอขึ้นปี 3 จะได้เรียนรู้กับสิ่งต่างๆ ที่ทำให้ร่างกายไม่ปกติ เช่น หลักภูมิคุ้มกันวิทยา, ปรสิตวิทยา, พยาธิทั่วไป, เวชศาสตร์ชุมชนฯ จนไปถึงยาต่างๆ ในเภสัชวิทยา แต่เป็นยาแบบพื้นฐาน ถ้าลงลึกกว่านี้ต้องไปปรึกษาเด็กเภสัชฯแล้วล่ะค่ะ
ปี 4 สถานีต่อไป ... ชั้นคลีนิก
บอกลาการปิดเทอมไปได้เลย ไม่มีแล้วค่ะ ปี 4 เป็นปีแรกในการก้าวสู่ชั้นคลีนิค เป็นปีที่เริ่มไปเรียนรู้และทดลองดูแลคนไข้จริงๆ ที่โรงพยาบาลแล้ว ซึ่งก็จะวนไปตามวอร์ดต่างๆ จนครบ เป็นปีที่ต้องตื่นเช้ามากกกก และนอนดึกมาก ถ้าเพื่อนๆ ที่เรียนแพทย์หายไปจากโซเชียลไม่ต้องไปน้อยใจเลยนะคะ คือไม่มีเวลาจริงๆ เพราะต้องขึ้นวอร์ดด้วย เรียนเลคเชอร์ด้วย แต่สักพักจะปรับตัวได้เอง (มั้ง)
ปี 5 หนักกว่านี้พี่ก็สู้
เป็นช่วงชั้นปีที่บอกเลยว่า แอบโหด (แต่ยังไม่โหดสุด) เป็นชั้นปีที่จะวนเวียนอยู่แต่บนวอร์ดนี่แหละ จากตอนปี 4 คิดว่ามาถึงวอร์ด 7 โมงคือเช้าแล้ว ปี 5 อาจจะมี ตี 4 จนโต้รุ่งอีกวันได้เลยจ้า ซึ่งชั้นปี 5 จะไม่ได้แค่มองๆ แล้วจนตามหมอแล้ว แต่จะมีให้วินิจฉัยร่วมด้วย เย็บแผลด้วย ช่วยทำคลอดด้วย เลคเชอร์ก็ต้องเรียน และต้องเตรียมตัวสอบใบประกอบวิชาชีพขั้นที่ 2 ด้วย เอาสิ!!
ปี 6 ช่วงชีวิต Extern
ปีสุดท้ายแล้ววววว เดินทางมาไกลเนาะ ผ่านมา 5 ปีแล้ว ในชั้นปี 6 ก็สามารถเริ่มรักษาคนไข้ได้แล้วค่ะ สิ่งที่ต่างออกไปคือ เราจะใช้เวลาอยู่ในแต่ละหอนานขึ้น และก็มีออกไปลองเป็นหมอในโรงพยาบาลต่างจังหวัดด้วยค่ะ ซึ่งรอบนี้ไม่มีใครช่วยแล้ว ต้องใช้ความรู้ที่เรียนมาล้วนๆ พอจบ 6 ปีก็สอบใบประกอบวิชาชีพขั้นสุดท้าย และเตรียมตัวใช้ทุนต่อไป
การสอบใบปะกอบวิชาชีพ
ใช้ว่าเรียนจบ 6 ปีแล้วจะเป็นหมอได้เลย ต้องสอบใบประกอบวิชาชีพก่อนค่ะ ซึ่งการสอบจะมีทั้งหมด 3 ขั้น แบ่งสอบเป็น 3 รอบ คือ ตอนจบปี 3, ตอนจบปี 5 และ ตอนจบปี 6 แต่ละขั้นมีสอบอะไรบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ
สอบใบประกอบวิชาชีพขั้นที่ 1 : สอบตอนจบปี 3 เป็นการสอบความรู้ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยข้อสอบจะเป็นแบบช้อยส์ทั้งหมด แบ่งเป็นรอบเช้าและรอบบ่าย พาร์ตละ 150 คะแนน รวมเป็น 300 คะแนน ถ้าสอบไม่ผ่านรอบแรกก็มีรอบสอบซ่อม แต่ถ้าสอบซ่อมไม่ผ่านอาจจะต้องกลับมาถามตัวเองใหม่ว่าเราพร้อมจะเป็นหมอหรือเปล่า
สอบใบประกอบวิชาชีพขั้นที่ 2 : มาถึงขั้นที่ 2 จะสอบตอนจบปี 5 เป็นการสอบความรู้ในชั้นคลีนิกที่ได้เรียนมา ทั้งทฤษฎีและปฏิบัติ แบ่งเป็นสอบเช้าและบ่ายเหมือนกัน รวมแล้ว 300 คะแนนเหมือนขั้นที่ 1 เลยค่ะ ซึ่งถ้าสอบไม่ผ่านรอบแรกก็มีสอบซ่อมเหมือนกัน
สอบใบประกอบวิชาชีพขั้นที่ 3 : มาถึงขั้นสุดท้ายแล้ว สอบตอนจบปี 6 ถ้าสอบขั้นนี้ผ่านก็คือได้เป็นหมอแล้ว แต่การสอบรอบนี้ไม่ใช่การสอบช้อยส์แบบ 2 รอบที่ผ่านมา แต่เป็นการสอบแบบออสกี้ (OSCE) เป็นการสอบปฏิบัติแบบมีเสียงกริ๊งกำหนดเวลา มีทั้งหมด 30 ฐาน (มีฐานที่พักได้) ไม่ว่าจะยังไงก็ต้องสอบขั้นนี้ให้ผ่าน ไม่งั้นจบกัน!
สถาบันที่เปิดสอน
คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ คณะแพทยศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชฯ ม.มหิดล คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี ม.มหิดล คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ คณะแพทยศาสตร์ มศว คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล ม.นวมินทราธิราช วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า คณะแพทยศาสตร์ ม.บูรพา คณะแพทยศาสตร์ ม.เชียงใหม่ สำนักวิชาแพทยศาสตร์ ม.แม่ฟ้าหลวง คณะแพทยศาสตร์ ม.นเรศวร คณะแพทยศาสตร์ ม.ขอนแก่น สำนักวิชาแพทยศาสตร์ ม.เทคโนโลยีสุรนารี คณะแพทยศาสตร์ ม.มหาสารคาม คณะแพทยศาสตร์ ม.สงขลานครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ ม.นราธิวาสราชนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ ม.พะเยา วิทยาลัยแพทยศาสตร์และการสาธารณสุข ม.อุบลราชธานี สำนักวิชาแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ คณะแพทยศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง วิทยาลัยแพทยศาสตร์ ม.รังสิต คณะแพทยศาสตร์ ม.สยามรู้กันไปคร่าวๆ แล้วว่าคณะแพทยศาสตร์เรียนอะไรบ้าง ในช่วง 6 ปีต้องเรียนอะไรบ้าง ถือว่าเป็นอีกหนึ่งบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพที่สำคัญเลยค่ะ ใครจะเรียนหมอนอกจากจะเก่งแล้วต้องอึด ถึก ทน อีกด้วย ถึงจะเรียนหนักแต่เชื่อเถอะว่าถ้ารักษาคนไข้ได้นี่ภูมิใจมากจริงๆ ถ้าอยากสอบเข้าก็สู้ๆ นะคะ พี่เป็นกำลังใจให้ :)
ยอดถูกใจสูงสุด
พี่คะตอนนี้หนูกำลังจะขึ้นม.4 วิทย์-คณิต
หนูอยากรู้ว่าอ่านหนังสือวิชาอะไรบ้างเหรอคะที่เน้นๆสำหรับจะสอบแพทย์ หนูอยากเป็นแพทย์เวชศาสตร์ฉุกเฉิน แต่ยังไม่รู้ว่าต้องเริ่มอ่านอะไรบ้าง พี่ช่วยให้คำตอบหนูหน่อยนะคะ
ผมมีฐานะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่คติของผมคือ ความยากจนไม่เป็นอุปสรรค ถ้าเรายึดหลักในอนาคต