สวัสดีค่าน้องๆ แนะนำตัวก่อนเนอะ^^ พี่มาจาก Studygram @ffim.medcu60 เป็น#dek60น้า ตอนนี้ก็เข้าคณะแพทย์จุฬาฯ โครงการรับตรงความถนัดทางภาษาอังกฤษ (ซึ่งปีพี่สอบเข้าโดยใช้ข้อสอบรับตรงของจุฬา แต่พี่เคยสอบ BMAT ใช้กับสนามอื่น)
วันนี้ก็จะมารีวิวและแนะนำการเตรียมตัวสอบ BMAT เพราะเห็นว่าเป็นสนามสอบที่ยังไม่ค่อยมีข้อมูลเรื่องการเตรียมตัว และปีนี้มีการใช้คะแนน BMAT มาใช้ยื่นรับตรงมากขึ้น อย่างปีก่อนจะใช้กับแพทย์รามาฯ กับธรรมศาสตร์ แต่ปีนี้แพทย์จุฬาก็ require คะแนน BMAT ร่วมกับ IELTS/CUTEP เพิ่มด้วย
**พี่ใช้เวลาเตรียมตัวประมาณ 3 อาทิตย์ และอ่านเองทั้งหมดนะ**
>มารู้จักข้อมูลคร่าวๆ ก่อน^^<
BMAT 1 ปีสอบได้ 1 ครั้ง (เดือนพฤศจิกายน) เป็นการสอบเฉพาะทางสำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาต่อในสาขาการแพทย์ จัดทำโดย Cambridge Assessment เราสมัครสอบผ่าน British Council
การสอบ 2ชั่วโมง แบ่งออกเป็น 3 section (ทำเรียงทีละsection)
(ปรนัย) Section 1: Aptitude and Skills 35ข้อ 60นาที
(ปรนัย) Section 2: Scientific Knowledge and Applications 27ข้อ 30นาที
(อัตนัย) Section3: Writing task 1ข้อ 30นาที
ทดในข้อสอบได้ ห้ามใช้เครื่องคิดเลข
(ปรนัย) Section 1: Aptitude and Skills 35ข้อ 60นาที
(ปรนัย) Section 2: Scientific Knowledge and Applications 27ข้อ 30นาที
(อัตนัย) Section3: Writing task 1ข้อ 30นาที
ทดในข้อสอบได้ ห้ามใช้เครื่องคิดเลข
คิดคะแนน
section 1,2 : 1คะแนนเท่ากันทุกข้อ ตอบผิดไม่ติดลบ เอาคะแนนดิบมาเปลี่ยนเป็นสเกลคะแนนที่เราจะได้ คือตั้งแต่ 0 (ต่ำ) ถึง 9 (สูง)
section 3 : มีคะแนนสองส่วน คือ
1.quality of content คือ 0-5
2.quality of written english คือ E-A
เช่น 3C ประมาณนี้
ทีนี้จะอธิบาย ลักษณะข้อสอบ, การเตรียมตัว, คำแนะนำ เป็น section ไปนะคะ<
Section 1: Aptitude and Skills 35 ข้อ 60 นาที
พาร์ทนี้ทั้งความยากและจำนวนข้อ เท่าที่ถามๆ เพื่อนมาไม่มีใครทำทันเลย 555 แต่ว่าใจเย็น..มันก็ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น :)
ข่าวดีคือฝึกพาร์ทนี้มีประโยชน์ต่อที่ 2 นะ เพราะใช้ฝึกความถนัดแพทย์พาร์ทเชาวน์ได้ด้วย (ปีที่แล้วออกข้อที่พี่ฝึกไป 1 ข้อแบบตรงคำพูดเป๊ะๆ!! //แนวอ่านจับใจความ)
ปล.โดยรวม bmat ยากกว่าเยอะ แต่ข้อที่ออกค.ถนัดแพทย์ปีก่อน พี่รู้สึกว่าเป็นข้อง่ายพอดี555
ตัวอย่างโจทย์ (พาร์ทนี้พี่จะไกด์วิธีคิดให้หน่อยนะ เพราะนั่งงมเองตอนแรกจะเหนื่อยมากTT)
แนวที่ 1: Understanding Argument
ทริคคือต้องหา reasons กับ main conclusion ให้เจอ
1.1 ถามข้อสรุป
(1)
ปล.โดยรวม bmat ยากกว่าเยอะ แต่ข้อที่ออกค.ถนัดแพทย์ปีก่อน พี่รู้สึกว่าเป็นข้อง่ายพอดี555
ตัวอย่างโจทย์ (พาร์ทนี้พี่จะไกด์วิธีคิดให้หน่อยนะ เพราะนั่งงมเองตอนแรกจะเหนื่อยมากTT)
แนวที่ 1: Understanding Argument
ทริคคือต้องหา reasons กับ main conclusion ให้เจอ
1.1 ถามข้อสรุป
(1)
แนวนี้มีทริคคือหา main ideaให้ได้ ซึ่งมักจะอยู่หลังคำ transition อย่างเช่น however , therefore, as a result (ข้อนี้คือ yet ซึ่งเป็น synonym ของ however นั่นเอง) เราก็จะตอบ C ได้เลย [ปกติพี่ก็จะชอบอ่านต่อเพราะกลัวพลาดนะ ซึ่งจะเห็นว่าข้อนี้ข้อความข้างล่างทั้งหมดเป็นการสนับสนุน main idea อยู่ดี^^]
*ระวังบางข้ออาจจะมี 2 ประโยค จะดูยังไงว่าอันไหนเป็น main ให้ลองเติม therefore ระหว่างสองประโยคเพื่อดูว่ามันสัมพันธ์กันยังไง อันที่อยู่หลัง therefore นี่แหละคือ main conclusion
(2)
ข้อนี้ก็ถามข้อสรุป แต่เป็นการให้ข้อมูลมายาวๆ ไม่มีคำบ่งชี้แบบ 1.1 ทริคก็คือ ถามตัวเองว่าบทความนี้ต้องการบอกอะไรเรา และ“อย่าสรุปเกินที่โจทย์พูด(อย่าคิดไปเอง)” ข้อนี้ตอบ B
<อ่านเฉลยละเอียด http://www.admissionstestingservice.org/images/258226-specimen-bmat-2014-section-1-explained-answers.pdf >
1.2 หาจุดบกพร่อง (flaw)
ทริคคือเวลาอ่านเราจะเจอการเชื่อมประโยคที่ ‘jump’ เกินไป คือไม่มีการให้เหตุผลที่เพียงพอ เราต้องหาช่องโหว่ตรงนี้ให้เจอนั่นแหละ ข้อนี้มีช่องโหว่ 2 จุด คือ
1.การเอาดนตรีมาเป็น priority in primary school : flaw คือไม่ได้บอกว่า perfect pitch เป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนควรมี ดังนั้นก็ไม่เห็นจำเป็นว่าต้องเรียน อาจจะเรียนทักษะอื่นก็ได้
2.การสรุปว่าถ้าเรียนดนตรีตั้งแต่เด็กแล้วจะมีperfect pitch : flaw คือไม่ได้บอกว่าถ้าไม่เรียนดนตรีจะไม่มีทางมี perfect pitch เลย พูดอีกอย่างคืออาจมีปัจจัยอื่นๆ อีกก็ได้
ดูจาก choiceจะตอบ B
1.3 หาข้อความที่จะมาสนับสนุน (strengten) / หักล้าง (weaken)
จะเห็นว่าประโยคที่ขีดเส้นใต้คือ main point และมีการใช้ ‘could’ ซึ่งน่าจะต้องหา choice ที่มาสนับสนุนข้อความนี้
ทริคคือให้ตัด choice ที่ตรงข้ามหรือไม่เกี่ยวออกก่อน ข้อนี้จะตัด C,D,E ออก จากนั้นพิจารณา A,B จะเห็นว่า A เน้นเรื่องoveruse(ใช้ปกติอาจจะดีก็ได้) แต่โจทย์เน้นว่าให้คิดดีๆ ก่อนใช้(ทั่วไป) จึงตอบ B รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ นี่แหละอาจเป็นตัวบ่งชี้ว่าตอบไม่ได้ซึ่งก็ต้องฝึกทำโจทย์ดูเฉลยวิธีคิดไปเรื่อยๆเราก็จะจับทางได้ดีขึ้น^^
ทริคคือให้ตัด choice ที่ตรงข้ามหรือไม่เกี่ยวออกก่อน ข้อนี้จะตัด C,D,E ออก จากนั้นพิจารณา A,B จะเห็นว่า A เน้นเรื่องoveruse(ใช้ปกติอาจจะดีก็ได้) แต่โจทย์เน้นว่าให้คิดดีๆ ก่อนใช้(ทั่วไป) จึงตอบ B รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ นี่แหละอาจเป็นตัวบ่งชี้ว่าตอบไม่ได้ซึ่งก็ต้องฝึกทำโจทย์ดูเฉลยวิธีคิดไปเรื่อยๆเราก็จะจับทางได้ดีขึ้น^^
แนวที่ 2 : Problem Solving เรียกว่าคำถามเชาวน์ๆ ละกัน มีทั้งแบบคิด/ไม่คิดเลข (เหมือนพาร์ทเชาวน์ความถนัดแพทย์เลย)
แนวที่ 3 : Data analysis วิเคราะห์ข้อมูล กราฟ ตาราง (มักมีข้อย่อย)
3.1
3.2 บางทีก็โหดร้าย มาเป็นรายงานยาวๆTT
ข้อดีของแนวนี้คือ ถ้าเกท ก็จะเก็บข้อย่อยได้หลายข้อ แต่ก็กินเวลา ถ้าทำได้อาจจะคุ้ม
แต่ถ้าไม่ถนัดจะเสียเวลาแถมไม่ได้คำตอบอีก(เราเอง5555)
แนะนำ :
1.เลือกข้อทำ : เลือกทำแนวโจทย์ที่เราถนัด เพราะทุกข้อมีคะแนนเท่ากัน มันยากที่จะทำทัน ดังนั้นสิ่งที่สำคัญคือเราต้องเก็บข้อให้ได้มากที่สุดเนอะ (เช่น บางคน เลือกทำแนวอ่านๆ(ไม่มีตาราง กราฟ) เพราะตอบได้เลย ไม่ต้องคำนวณ บางคน เลือกทำแนวตัวเลข เพราะคำตอบเป็นเลขตายตัว แนวอ่านๆเราอาจจะลังเล คิดไม่ตรงคำตอบไรงี้ 555)
พี่แนะนำให้ฝึกให้รู้ตัวเอง แต่ไม่ต้องfixว่าจะทำแต่แนวนี้นะ เพราะทุกแนวก็จะมีทั้งข้อง่าย,ยาก อันที่เราไม่ถนัดเราก็อาจจะเก็บข้อง่ายของมันได้ ในขณะที่ข้อยากของแนวที่ถนัดอาจจะเสียเวลามากกว่า^^
แต่ถ้าไม่ถนัดจะเสียเวลาแถมไม่ได้คำตอบอีก(เราเอง5555)
แนะนำ :
1.เลือกข้อทำ : เลือกทำแนวโจทย์ที่เราถนัด เพราะทุกข้อมีคะแนนเท่ากัน มันยากที่จะทำทัน ดังนั้นสิ่งที่สำคัญคือเราต้องเก็บข้อให้ได้มากที่สุดเนอะ (เช่น บางคน เลือกทำแนวอ่านๆ(ไม่มีตาราง กราฟ) เพราะตอบได้เลย ไม่ต้องคำนวณ บางคน เลือกทำแนวตัวเลข เพราะคำตอบเป็นเลขตายตัว แนวอ่านๆเราอาจจะลังเล คิดไม่ตรงคำตอบไรงี้ 555)
พี่แนะนำให้ฝึกให้รู้ตัวเอง แต่ไม่ต้องfixว่าจะทำแต่แนวนี้นะ เพราะทุกแนวก็จะมีทั้งข้อง่าย,ยาก อันที่เราไม่ถนัดเราก็อาจจะเก็บข้อง่ายของมันได้ ในขณะที่ข้อยากของแนวที่ถนัดอาจจะเสียเวลามากกว่า^^
2.ฝึกทำโจทย์ และอ่านเฉลยละเอียด*ทุกchoice* : ตอนที่พี่ฝึกทำแรกๆ ทำผิดเยอะมากกก ถูกทีนึงนี่ภูมิใจสุด แต่พอค่อยๆ อ่านเฉลย ว่าทำไมข้อนี้ถูกและข้อที่ผิดผิดยังไง จะทำให้พอจับทางได้ว่าต้องคิดยังไงถึงจะตอบถูก บางทีคำพูดเล็กๆ น้อยๆ ที่เราไม่ได้สังเกตนี่แหละเป็นตัวชี้ว่าตอบช้อยนี้ไม่ได้นะ มันออกนอกประเด็นไปไรงี้
มันต้องฝึกจริงๆ อะ ทั้งวิธีคิดและความเร็ว อาจจะท้อๆ หน่อยแต่ก็อดทนทำต่อไปเถอะ ผิดทุกข้อก็ผิดไปเลยตอนฝึกให้คิดว่าเวลาน้องผิดแล้วอ่านเฉลยจนเข้าใจอะน้องจะเก่งขึ้นไปอีกกก^^
การเตรียมตัว : ทำโจทย์วนไป อ่านเฉลยละเอียด พยายามจับทางคำตอบ
พาร์ทนี้พี่ได้ 5.2 จาก 9 คิดว่าไม่ค่อยดีนะ ทำไม่ค่อยได้จริงๆ แต่พอถามเพื่อนๆกันก็ถือว่าโอเคเลยนะ ส่วนกราฟอันนี้เป็นสถิติของทั่วโลกในปีนั้น(ยังโอเคที่ยังเกินครึ่ง555)
มันต้องฝึกจริงๆ อะ ทั้งวิธีคิดและความเร็ว อาจจะท้อๆ หน่อยแต่ก็อดทนทำต่อไปเถอะ ผิดทุกข้อก็ผิดไปเลยตอนฝึกให้คิดว่าเวลาน้องผิดแล้วอ่านเฉลยจนเข้าใจอะน้องจะเก่งขึ้นไปอีกกก^^
การเตรียมตัว : ทำโจทย์วนไป อ่านเฉลยละเอียด พยายามจับทางคำตอบ
พาร์ทนี้พี่ได้ 5.2 จาก 9 คิดว่าไม่ค่อยดีนะ ทำไม่ค่อยได้จริงๆ แต่พอถามเพื่อนๆกันก็ถือว่าโอเคเลยนะ ส่วนกราฟอันนี้เป็นสถิติของทั่วโลกในปีนั้น(ยังโอเคที่ยังเกินครึ่ง555)
Section 2: Scientific Knowledge and Applications 27 ข้อ 30นาที
พาร์ทนี้ถือว่าสบายที่สุดแล้วสำหรับน้องที่เรียนสายวิทย์ภาคไทยมา 555 แนะนำให้เก็บคะแนนที่พาร์ทนี้เลย ข้อสอบไม่ค่อยยาก (ถ้าแม่นเนื้อหาในระดับนึง) มีวิชาฟิสิกส์ เคมี ชีวะ เลข รวมกันเลย ให้น้องลองดูข้อสอบเลยดีกว่า ถ้าอยากอ่านเนื้อหาก็นี่เลย~ มีเนื้อหาที่ใช้สอบให้อ่านฟรีๆด้วย > http://www.admissionstestingservice.org/for-test-takers/bmat/preparing-for-bmat/section-2-preparation
พาร์ทนี้ทำให้ทันได้แต่ก็ต้องรีบอยู่ดี ต้อง“เร็ว+รอบคอบ”น้าาาา :D
การเตรียมตัว : พี่ทำข้อสอบเก่าแค่ 3 ชุด ให้รู้แนวว่ามีความรู้พอ+รู้ว่าต้องสปีดแค่ไหนถึงทำทัน แต่ค่อนข้างถนัดและคิดว่าฝึกเพิ่มคงไม่ได้ช่วยอะไรมากแล้วเลยไปฝึกพาร์ทแรกเพิ่มดีกว่า
พาร์ทนี้ถือว่าสบายที่สุดแล้วสำหรับน้องที่เรียนสายวิทย์ภาคไทยมา 555 แนะนำให้เก็บคะแนนที่พาร์ทนี้เลย ข้อสอบไม่ค่อยยาก (ถ้าแม่นเนื้อหาในระดับนึง) มีวิชาฟิสิกส์ เคมี ชีวะ เลข รวมกันเลย ให้น้องลองดูข้อสอบเลยดีกว่า ถ้าอยากอ่านเนื้อหาก็นี่เลย~ มีเนื้อหาที่ใช้สอบให้อ่านฟรีๆด้วย > http://www.admissionstestingservice.org/for-test-takers/bmat/preparing-for-bmat/section-2-preparation
พาร์ทนี้ทำให้ทันได้แต่ก็ต้องรีบอยู่ดี ต้อง“เร็ว+รอบคอบ”น้าาาา :D
การเตรียมตัว : พี่ทำข้อสอบเก่าแค่ 3 ชุด ให้รู้แนวว่ามีความรู้พอ+รู้ว่าต้องสปีดแค่ไหนถึงทำทัน แต่ค่อนข้างถนัดและคิดว่าฝึกเพิ่มคงไม่ได้ช่วยอะไรมากแล้วเลยไปฝึกพาร์ทแรกเพิ่มดีกว่า
Section2 พี่ได้ 7.1 จาก 9 ภูมิใจสุดละ5555
Section3: Writing task 1ข้อ 30 นาที (มีคำถาม 4 ข้อ ให้เลือกตอบ 1 ข้อ เลือกข้อที่ถนัดเลย เขียนใส่ A4 เป็น essay สั้นๆ)
แนะนำ : ลองอ่านguideการตอบ เช่นใน https://www.themedicportal.com/bmat-section-3-blog/ ->ดูข้อสอบเก่า+ตัวอย่างessay ->ฝึกเขียนบ่อยๆ+หาคนตรวจให้
การเตรียมตัว : อันนี้สารภาพว่าไม่ได้เตรียมตัว เข้าไปสดๆ ใช้สกิลเท่าที่เคยเรียนเขียนมาบ้าง (เคยเรียนเขียนessayแบบIELTS) คะแนนห่วยมาก 5555 ได้ 2B เอง TT
แนะนำหนังสือ&เว็บไซต์
1.หนังสือ 400 BMAT practice questions : ตอนเริ่มต้นพี่ฝึกพาร์ท 1 จากเล่มนี้เป็นหลักเลย เล่มนี้จะแบ่งเป็น 3 พาร์ทครบ พาร์ท 1 ก็จะมีโจทย์ประมาณ 200 ข้อมั้ง ส่วนพาร์ท 2 ก็จะแยกวิชาเป็นเลข ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ มีเฉลยละเอียดครบทุกข้อทุก choice เลย มันเลยดีมากๆสำหรับการฝึก
ปล.มีหนังสือเล่มอื่นๆอีก แต่เราไม่เคยทำเด้อ
2.http://www.admissionstestingservice.org/for-test-takers/bmat/ เป็นเว็บของbmatนี่แหละ ข้อมูลเรื่องสอบ การสมัคร การเตรียมตัว การคิดคะแนนอยู่ในนี้หมดเลย ส่วนของการเตรียมตัวมี materials ให้เราเยอะและมีประโยชน์มาก link นี้เลย
http://www.admissionstestingservice.org/for-test-takers/bmat/preparing-for-bmat/
-**ข้อสอบเก่า(past papers) ตั้งแต่ปี 2003-2016 แต่เฉลยเป็นchoiceเฉยๆ ไม่อธิบายละเอียด จะมีปี 2014 ที่มี explained answers > http://www.admissionstestingservice.org/for-test-takers/bmat/preparing-for-bmat/practice-papers/
-**เนื้อหาของ section2 > http://www.admissionstestingservice.org/for-test-takers/bmat/preparing-for-bmat/section-2-preparation
-**guideการตอบsection1ละเอียดๆ > http://www.admissionstestingservice.org/images/324081-bmat-section-1-question-guide.pdf
3. https://bmat.ninja
มีโจทย์ให้เราฝึก+เฉลยละเอียดด้วย กดตอบในเว็บเลย จะมีให้สมัคร free account ทดลองใช้ ซึ่งจะได้ทำแบบฝึกหัด+เฉลยละเอียด ถึงจะทดลองแต่ก็ถือว่าได้ทำเยอะเหมือนกัน เฉลยดีด้วย ลองดูเนอะ:)
ถ้าอยากได้เพิ่มก็จะมีจ่ายเงินupgrade accountแต่เราก็ไม่เคยนะ555
สุดท้ายพี่ก็ขอให้น้องๆโชคดีกับการสอบทุกๆสนาม ไม่ว่าจะเข้าคณะไหนหรือรอบไหนก็ตาม ตั้งใจอ่านหนังสือมากๆนะผลที่ได้คุ้มแน่นอน^_^
ฝากกระทู้แนะนำสอบ กสพท ด้วยอิอิ :
https://www.dek-d.com/board/view/3717344/
https://www.dek-d.com/board/view/3749022/
2 ความคิดเห็น
นส. 400 BMAT ซื้อที่ไหนหรอคะ ตามหาไม่เจอ
kinokuniya kub