พอพูดถึงเรื่องทุนการศึกษาในระดับปริญญาตรี ส่วนใหญ่จะนึกถึงการไปศึกษาต่อในต่างประเทศ ซึ่งจริงๆ แล้วมหาวิทยาลัยในประเทศไทยก็มีทุนการศึกษาในระดับปริญญาตรีเช่นกัน
หลายครั้งที่บางคนไม่มีโอกาสได้เข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา เพราะขาดแคลนทุนทรัพย์ ทั้งสำหรับค่าเทอม และค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน หรือบางคนอาจจะมีทุนทรัพย์แต่ไม่เพียงพอ คุณพ่อ คุณแม่ ผู้ปกครอง หรือตนเองต้องทำงานเสริมเพิ่มเติม
หลายครั้งที่บางคนไม่มีโอกาสได้เข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา เพราะขาดแคลนทุนทรัพย์ ทั้งสำหรับค่าเทอม และค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน หรือบางคนอาจจะมีทุนทรัพย์แต่ไม่เพียงพอ คุณพ่อ คุณแม่ ผู้ปกครอง หรือตนเองต้องทำงานเสริมเพิ่มเติม
อย่างที่น้องๆ หลายคนทราบดีว่า นักเรียน-นิสิตนักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ สามารถกู้ยืมเงินจากกองทุนกู้ยืมเงินเพื่อการศึกษา หรือ กยศ. และเมื่อน้องๆ สำเร็จการศึกษาแล้วจะต้องชำระหนี้พร้อมดอกเบี้ยให้ครบ ซึ่งก็นับเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับน้องๆ ค่ะ แต่วันนี้พี่แนนนี่ยังมีอีกหนึ่งทางเลือกในเรื่องของทุนการศึกษาในระดับปริญญาตรีมาฝากน้องๆ กันค่ะ
โดยปกติแล้วในแต่ละสาขาวิชา แต่ละมหาวิทยาลัยจะให้นักศึกษาสามารถสมัครขอรับทุนการศึกษาจากโครงการต่างๆ ซึ่งทุนการศึกษาในระดับปริญญาตรีจะสามารถแบ่งออกได้ 2 ลักษณะหลัก คือ ทุนภายในมหาวิทยาลัย และทุนภายนอกมหาวิทยาลัย
- ทุนภายในมหาวิทยาลัย
เป็นทุนการศึกษาสำหรับนิสิตนักศึกษาของมหาวิทยาลัย โดยมีแหล่งมาจากหน่วยงานภายใน ซึ่งจะพิจารณาจากคุณสมบัติและเงื่อนไขที่ทางมหาวิทยาลัยกำหนดขึ้น
- ทุนภายนอกมหาวิทยาลัย
เป็นทุนการศึกษาจากสถานที่อื่นๆ เช่น หน่วยงานของรัฐ หน่วยงานเอกชน บริษัท ห้างร้าน มูลนิธิ สมาคม องค์กร และผู้มีจิตศรัทธาทั่วไป เป็นต้น ซึ่งจะพิจารณาจากคุณสมบัติและเงื่อนไขที่หน่วยงานกำหนดขึ้น
รูปแบบทุน
- ทุนให้เปล่า หมายถึง การมอบทุนการศึกษาให้โดยไม่ต้องการผลตอบแทนใดใด
- ทุนเงื่อนไข หมายถึง การมอบทุนการศึกษาที่น้องๆ จะต้องทำอะไรอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนและตอบแทน หรือที่ได้ยินจนติดหูว่า “ใช้ทุน” เช่น ทำงานที่หน่วยงาน หรือบริษัทในเครือข่าย
ประเภททุน
- ทุนเต็มจำนวน : เป็นทุนการศึกษาที่สนับสนุนค่าศึกษาเล่าเรียน ค่าอุปกรณ์การเรียน แบบ 100% อาจจะรวมไปถึงสนับสนุนค่าใช้จ่ายรายเดือน ค่าเดินทาง และค่าเครื่องแต่งกายด้วย
- ทุนจำนวนหนึ่ง : เป็นทุนการศึกษาที่มอบเงินสนับสนุนเพียงบางส่วน เช่น ค่าศึกษาเล่าเรียน ค่าอุปกรณ์การเรียน ค่าอาหารกลางวัน หรืออาจจะสนับสนุนเป็นจำนวนเงิน เช่น 5,000 บาท 20,000 บาท 50,000 บาท เป็นต้น
How to เขียนเรียงความให้ได้ทุน
หนึ่งในเงื่อนไขการสมัครที่สำคัญของการสมัครรับทุนการศึกษาก็คือ การเขียนเรียงความแสดงเจตจำนงของนักศึกษา หรือประวัติส่วนตัวของนักศึกษา ที่มักเป็นส่วนหลักในการพิจารณา ทำให้น้องๆ หลายคนกังวล พี่แนนนี่เลยมีเคล็ดลับพิชิตการเขียนเรียงความขอทุนมากฝากค่ะ
- ตอบโจทย์ ตอบคำถาม
บางครั้งอาจจะมีการกำหนดหัวข้อในการเขียนเรียงความ นอกเหนือจากการเขียนประวัติส่วนตัว หรือเหตุผลที่ขอรับทุน ดังนั้นน้องๆ ต้องเขียนเรียงความให้ตรงกับที่โจทย์ต้องการ หรือกำหนดไว้
- ห้ามคัดลอกจากแหล่งอื่น เขียนเรื่องจริง 100%
ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม เราควรจะบอกเล่าเฉพาะความเป็นจริงที่เกิดขึ้นกับตัวเรา แล้วยิ่งเป็นการนำเสนอเรื่องราวเพื่อรับการพิจารณาทุนแล้ว ยิ่งจะต้องเขียนความเป็นจริง ไม่ควรคัดลอกของผู้อื่น หรือไม่ควรแต่งเติมเรื่องราวอื่นๆ เพิ่มเข้าไป
- เขียนเหตุผล ที่มา ให้ชัดเจน
ผู้เข้ารับการพิจารณาคัดเลือกมักจะมีจำนวนค่อนข้างมาก คณะกรรมการตัดสินจึงมักจะเลือกผู้ที่มีความต้องการสมเหตุสมผลกับโครงการมากที่สุดเข้ารับพิจารณา ดังนั้นน้องๆ คนไหนที่ต้องการทุน อย่าลืมแสดงเจตนาของตนเองให้ชัดเจน
- นำเสนอความรู้ความสามารถ
“มีอะไรใส่ไปให้หมด” ไม่ว่าน้องๆ จะถนัดทำอะไร มีความสามารถด้านไหน เคยได้รับรางวัลอะไรมา ก็สามารถเขียนอธิบายลงไปได้เลย เพราะความรู้ความสามารถจะเป็นส่วนช่วยในการพิจารณาคัดเลือก
- เขียนให้กระชับ ไม่เยิ่นเย้อ
ในการเขียนเรียงความ น้องๆ ควรเขียนให้สั้น กระชับ แต่มีใจความที่ต้องการจะสื่อครบถ้วน ไม่จำเป็นที่จะชักแม่น้ำทั้ง 5 เพื่อมาอารัมภบท ให้เขียนให้ตรงประเด็น และเรียงลำดับเหตุการณ์ให้อ่านเข้าใจได้ง่าย ไม่สลับวกไปวนมา
- ตรวจสอบ ตรวจทานให้ละเอียด
เมื่อเขียนเสร็จเรียบร้อยแล้ว อาจจะเว้นระยะเวลาสักหน่อย แล้วกลับมาอ่านตรวจทานอีกครั้ง ให้ตรวจทั้งคำสะกดผิด การเรียบเรียงเนื้อความ การเลือกใช้คำ และความหมายที่ต้องการจะสื่อ ให้ถูกต้องครบถ้วนค่ะ
คนที่จะได้รับมอบทุนการศึกษาส่วนใหญ่ จะเป็นคนที่มีผลการเรียนค่อนข้างดี มีความประพฤติดี และที่บ้านมีความลำบากจริง ซึ่งจะมีกระบวนการพิจารณาและตรวจสอบที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตามพี่แนนนี่ขอให้น้องๆ โชคดีกันทุกคน
2 ความคิดเห็น
ถ้าเขียนแล้ว ต้องส่งไปที่ไหน และต้องได้สมัครอะไรก่อนหรือป่าวคะ
หนูไม่เคยเขียนเลย อยากทราบว่าการเริ่มต้นควรเริ่มยังไงดีคะ