สวัสดีค่ะ ผ่าน TCAS รอบ 3 ทั้ง 3/1 และ 3/2 มาเรียบร้อยแล้ว ถือว่าเป็นช่วงจุดเปลี่ยนกันเลยทีเดียว เชื่อว่าน้องๆ คงตัดสินใจกันได้แล้วแหละว่าจะเอายังไงต่อดีกับการเรียนในรั้วมหาวิทยาลัย ล่าสุดทาง ทปอ. ก็เผยระเบียบการ TCAS รอบ 4 มาครบทุกสถาบันแล้วด้วย
TCAS รอบ 4 ก็คือรอบแอดมิชชั่นนั่นแหละค่ะ ซึ่งเป็นรอบที่เลือกได้ 4 อันดับ ติดเพียงทีเดียว ประมวลผลตามลำดับที่เรียงไว้ เว็บไซต์ Dek-D ก็มีตัวช่วยขั้นเทพอย่าง "โปรแกรมคำนวณคะแนน TCAS รอบ 4" หรือ แอดมิชชั่น 61 เอาไว้ช่วยน้องๆ มีฟังก์ชั่นอะไรบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ
1.บันทึกคะแนนได้ บันทึก 4 อันดับได้ เก็บผลได้
Step แรกที่เจอในการใช้โปรแกรมคำนวณคะแนนฯ คือ เลือกว่าเป็นสมาชิกหรือบุคคลทั่วไป สิทธิพิเศษสำหรับสมาชิกคือ ไม่ต้องเสียเวลากรอกคะแนนใหม่ เมื่อคำนวณแล้วสามารถเก็บการเลือก 4 อันดับไว้ได้ ได้หลายๆ แบบด้วย เอามาเปรียบเทียบกันได้ ถ้าใครยังไม่เป็นสมาชิกเลือก สมัครสมาชิก ได้เลย
2.คิดคะแนนละเอียดยิบ!
Step ต่อมาหลังจากที่กรอกคะแนนที่เรามีเสร็จแล้ว คือการเลือกคณะ ซึ่งในโปรแกรมฯ จะมีให้เลือก 4 แบบคือ
1. คะแนนของคุณมีโอกาสติดคณะที่เลือกไหม เลือกแค่คณะเดียว สถาบันเดียว รู้กันได้เลย
2. คณะที่คุณอยากได้มีโอกาสติดมหาวิทยาลัยไหนได้บ้าง เลือกคณะได้เลย ระบบจะเทียบให้ทุกมหาวิทยาลัยที่มีคณะนี้
3. มหาวิทยาลัยที่คุณอยากได้ มีโอกาสติดคณะไหนได้บ้าง เป็นการเลือกมหาวิทยาลัย ถ้าอยากเรียน ม. มีโอกาสติดคณะไหนบ้าง
4. เช็กความเสี่ยง 4 อันดับของคุณ เป็นการเทียบ 4 อันดับให้เห็นไปเลย
จะเห็นได้เลยว่า ถ้าเลือกแบบเป็นสมาชิกจะมีคำว่า "ผลที่เก็บไว้" ตรงนี้คือส่วนที่เก็บผลการคำนวณของเรา ซึ่งสามารถเลือกได้ว่าจะเก็บผลอันไหน นอกจากนี้ถ้าน้องๆ หาชื่อคณะ/สาขาที่ต้องการไม่เจอ สามารถค้นจากรหัสได้เลยค่ะ ง่ายมากกกกก
สิ่งที่ได้หลังจากการกดคำนวณก็คือ การคิดคะแนนที่ละเอียดเว่อร์วัง รู้เลยว่าคะแนนแต่ละวิชาของเรา คิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ ตีออกมาเป็นคะแนนเท่าไหร่(ฐาน 30,000 คะแนน) เทียบคะแนนจากปีก่อนๆ ให้ด้วย ทั้งเทียบแบบเปอร์เซ็นต์และแบบคะแนน
3.กราฟคะแนนเทียบย้อนหลัง 7 ปี (แบบดูง่าย)
แค่พูดคำว่า "กราฟ" ขึ้นมา ก็ถอนหายใจกันแล้ว แต่บอกเลยว่ากราฟในโปรแกรมคำนวณคะแนนฯเป็นกราฟที่ดูง่ายมากกกกก แต่ละเส้นแยกสีชัดเจน มีทั้งคะแนนต่ำสุด สูงสุด คะแนนเฉลี่ย และคะแนนของเราเองที่จะเป็นเส้นตรง เทียบชัดๆ เลยว่าแต่ละปีเราอยู่ตรงไหนของช่วงคะแนน พอสู้ไหวมั้ย? ถ้าไม่เข้าใจการดูกราฟ ก็มีวิธีการอ่านกราฟแบบละเอียดไว้ให้ค่ะ กดเข้าไปอ่านได้เลย
4.เทียบคะแนนของคณะเดียวกันจากสถาบันอื่นได้
บางทีคะแนนของเราไม่ถึงในมหาวิทยาลัยที่อยากเข้า แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเรียนคณะนั้นไม่ได้ ในโปรแกรมคำนวณคะแนนฯ จะมีฟังก์ชันที่ให้เลือกคณะที่เราสนใจ เมื่อเลือกแล้ว ระบบจะคำนวณให้เราเลยค่ะว่าถ้าอยากเข้าคณะนี้มีมหาวิทยาลัยไหนที่สามารถเข้าได้บ้าง
การประมวลผลก็จะแบ่งกลุ่มอีก กลุ่มที่มีโอกาสสูง กลุ่มที่ลุ้นได้ กลุ่มเสี่ยง หรือกลุ่มไม่ผ่านเกณฑ์ ซึ่งการคำนวณตรงนี้จะช่วยให้น้องๆ เลือก 4 อันดับได้ง่ายขึ้น เลือกกลุ่มที่มีโอกาสสูงไว้ปิดเป็นอันดับ 4 ได้เลยค่ะ
นอกจากเลือกคณะได้แล้ว ยังสามารถเลือกแบบมหาวิทยาลัยได้ด้วย บางคนเรียนคณะอะไรก็ได้แต่ขออยู่ในมหาวิทยาลัยที่ชอบ ระบบก็จะประมวลผลให้ว่าคะแนนเรามีแบบนี้ จะสามารถเข้าคณะไหนในมหาวิทยาลัยนั้นได้บ้าง เลือกง่ายแล้วใช่มั้ยละคะ :)
5.ไฮไลท์ที่ "เช็กความเสี่ยง 4 อันดับ"
สิ่งที่เป็นตัวช่วยที่แท้ทรู ในโปรแกรมคำนวณคะแนนฯ ก็คือฟังก์ชัน "เช็กความเสี่ยง 4 อันดับ" เป็นหน้าเดียวที่เก็บครบทุกอย่างจริงๆ มีคะแนนต่ำสุด 4 ปีย้อนหลัง ซึ่งน้องๆ ลงละเอียดแค่ 2 ปีพอค่ะ คือปี 59 และ 60 เพราะก่อนหน้านี้ยังใช้ O-NET 8 วิชา อยู่ ถ้าเทียบแบบ O-NET 5 วิชาก็ 2 ปีล่าสุดเลยค่ะ
การใช้ฟังก์ชันนี้ก็ง่ายมากๆ เราเลือก 4 อันดับที่เราจะวางในการเลือกจริงลงไป กดคำนวณ ปิ๊งงงง! ผลก็จะออกมาเป็นแบบในภาพ บอกคะแนนว่าเราบวกหรือลบจากปีก่อน คาดการณ์ว่าจะมีโอกาสติดกี่เปอร์เซ็นต์ มีบอกลักษณะของคะแนนของสาขานั้นๆ ที่สำคัญทุกอันดับมีกราฟให้ดู จะได้รู้ว่าเราอยู่ในช่วงไหนของคะแนนปีก่อนๆ
6.บอกที่นั่งครบทุกแบบ
เรื่องจำนวนรับเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ถ้าสาขาไหนเปลี่ยนจำนวนรับเกิน 30% ส่งผลต่อคะแนนแน่นอน ถ้าปรับเพิ่มก็ดีไป แต่ถ้าปรับลงนี่สิ ลุ้นแล้วลุ้นอีก ในโปรแกรมคำนวณคะแนนฯจะมีบอกที่นั่ง 4 แบบ คือ 1.ยอดจากระเบียบการ 2.ยอดผู้สมัคร 3.ยอดรับจริง 4.ยอดรับแยกรูปแบบ(คณะปีกกา) ถ้าไม่รู้ว่ายอดไหนคืออะไร เอาเม้าท์ไปจิ้มที่ตัวเลขนั้นได้เลยค่ะ จะมีรายละเอียดบอกไว้ทุกตัวเลย
7.มีสัญลักษณ์บอกความเคลื่อนไหว แจ้งเตือนทุกรูปแบบ
ในโปรแกรมคำนวณคะแนนฯมีสัญลักษณ์เยอะมาก เพื่อช่วยในการตัดสินใจของน้องๆ ในการจัด 4 อันดับ ส่วนแรกคือ การแจ้งเตือนคะแนนขั้นต่ำ มีบางสาขาที่กำหนดคะแนนขั้นต่ำ ทั้ง O-NET GAT PAT ถ้าคะแนนไม่ถึงขั้นต่ำ หรือไม่มีคะแนนที่ใช้ เช่น สาขาที่เลือกใช้ O-NET ไม่ต่ำกว่า 45 คะแนน แต่เราไม่ถึง ระบบจะแจ้งเตือนทันที
ส่วนต่อมาค่ะลักษณะคะแนนของสาขานั้นๆ มีทั้งหมด 6 อย่างคือ
1.คะแนนเหวี่ยง คือสาขานั้นปีก่อนๆ คะแนนเหวี่ยงขึ้น-ลง บางปีก็สูง บางปีก็ต่ำ ต้องระวัง
2.เปลี่ยนเกณฑ์ คือสาขาที่มีการเปลี่ยนเกณฑ์จากปีก่อน เช่น กำหนดขั้นต่ำ เปลี่ยน % ของการใช้ GAT PAT
3.มาแรง คือสาขาที่มีการคำนวณเยอะในโปรแกรมฯ เป็นสาขาที่มาแรงในปีนี้
4.คณะรับรวม คือสาขาที่รับรวมกัน ซึ่งจะมีบอกรหัสที่รับรวมเอาไว้
5.ปรับจำนวนรับ คือสาขาที่มีการเปลี่ยนจำนวนรับ อาจส่งผลต่อคะแนนขั้นต่ำ
6.ท็อปในคณะ คือคะแนนของน้องๆ อยู่ใกล้กับคะแนนสูงสุดในปีก่อน เข้าไปก็คือตัวท็อปของสาขานั้นเลย
สัญลักษณ์พวกนี้มีผลมากต่อการตัดสินใจในการจัดอันดับ ถ้าเลือกสาขาที่มาแรงหมดเลย 4 อันดับก็อาจจะหลุดหมดได้ถ้าปีนั้นเด็กทั่วประเทศเทไปตามที่เราเลือก หรือถ้าเลือกสาขาที่คะแนนเหวี่ยงก็ต้องดูว่าเราต้องบวกมากพอที่จะหนีช่วงเหวี่ยงนั้น
8.บอกสาขาที่รับรวม (คณะปีกกา)
ขยายจากข้อที่แล้วที่เป็นคณะรับรวม จะเป็นสัญลักษณ์คล้ายๆ แผนผัง diagram การรับแบบปีกกาคือ ในคณะ/สาขานั้นๆ รับหลายรูปแบบ ถ้าเรามีคะแนนหมดทุกแบบให้เลือกยื่นแบบที่คะแนนมากที่สุด ถ้ายื่นหมดก็จะเสียอันดับฟรีเพราะเป็นการรับรวม ซึ่งในโปรแกรมคำนวณคะแนนฯ จะมีบอกสาขาที่รับรวมเอาไว้อยู่แล้ว รวมทั้งบอกด้วยว่าในปีนั้นคณะ/สาขานั้นรับกี่ที่นั่ง เป็นคนที่เข้าไปในรูปแบบที่เราจะยื่นกี่ที่นั่ง
9.คาดการณ์โอกาสติด
เป็นฟังก์ชันที่ส่งผลมากๆ ต่อการเลือกอันดับ รูปแบบของการคาดการณ์จะมีตั้งแต่มีโอกาสสูง, ลุ้นได้, ลุ้นแบบ 50-50, มีความเสี่ยง, คาดการณ์ยาก แต่ละแบบก็จะมีเปอร์เซ็นต์บอกว่าโอกาสติดเท่าไหร่ การคาดการณ์จะอ้างอิงจากคะแนนปีที่ผ่านมา จำนวนคนที่เลือก จำนวนคนที่ติด คะแนนเหวี่ยง และปัจจัยอื่นๆ บอกเลยว่าแม่นมาก
หลักการในการวาง 4 อันดับ คือ อันดับ 1 และ 2 เลือกที่ที่อยากเรียนเลย ถึงแม้ว่าจะมีความเสี่ยงหรือคาดการณ์ยากก็เลือกไปเถอะค่ะ แต่อันดับ 3 ควรเลือกสาขาที่มีโอกาสลุ้นได้ และอันดับ 4 ควรเลือกสาขาที่มีโอกาสสูงเพื่อไม่ให้หลุดแอดมิชชั่นค่ะ
10.เทียบช่วงคะแนน GAT PAT ให้เห็นชัดๆ
อีกฟังก์ชันที่สำคัญมากก็คือช่วงคะแนน GAT PAT ในโปรแกรมคำนวณคะแนนฯ จะบอกเลยว่า ในช่วงคะแนนแต่ละช่วงมีคนสอบได้กี่คน และเราอยู่ในช่วงได้ ช่วงคะแนนจะช่วยบอกแนวโน้มของคณะ/สาขาที่ใช้คะแนนนั้นๆ
เช่น ถ้า PAT 2 มีคนที่ได้คะแนน 150-180 สูงกว่าปีที่แล้ว มีแนวโน้มว่าคณะสายวิทย์ เช่น คณะเภสัชศาสตร์ มีแนวโน้มคะแนนสูงขึ้น ถ้าเราคะแนนพอๆ กับปีก่อน ก็จะมีความเสี่ยงสูง เพราะมีแนวโน้มว่าคะแนนจะสูงขึ้น แต่บางทีคะแนนก็ไม่สูงขึ้น เพราะคนไม่กล้าเลือก เอาเป็นว่าคะแนนก็มีส่วน แต่แนวโน้มการเลือกก็สำคัญ ทำบุญวนไปค่ะ!! ฮ่าๆ
บอกเลยว่าการใช้โปรแกรมคำนวณคะแนนฯ กดครั้งเดียวไม่ได้แน่นอน 555+ ต้องคิดหลายรอบ หลายแบบ พอคำนวณเสร็จก็อย่าลืมเก็บไว้ จะได้เปรียบเทียบกันได้ ตอนนี้ยังพอมีเวลาคิดก็ลองเล่นๆ ก่อนได้ค่ะ ขอให้น้องๆ ทุกคนโชคดี ได้ในคณะที่อยากได้เน้ออออ :)
0 ความคิดเห็น