หลายคนมักคุ้นชินกับพี่ลาเต้ในบทบาทบรรณาธิการข่าวการศึกษาและแอดมิชชั่น ภายใต้การบริหารงานของบริษัทเด็กดี อินเตอร์แอคทีฟ จำกัด เพียงอย่างเดียว แต่สำหรับ A day in life สกู๊ปพิเศษที่จะพาทุกคนไปตามติดชีวิตหนึ่งวันทำงานของอาชีพในฝันประจำเดือนนี้ พี่ส้ม จะพาทุกคนไปรู้จักพี่ลาเต้กันแบบเจาะลึกให้มากกว่าเดิมในตำแหน่ง Product Manager ด้วยค่ะ

     พี่ลาเต้คือคนสำคัญที่นำข้อมูลด้านการศึกษามาพัฒนาเป็นโปรดักต์ต่างๆ ตั้งแต่ SMS ม.6, SMS เด็กซิ่ว, โปรแกรมคำนวณคะแนน, โปรแกรมค้นหารับตรง, การสอบ Dek-D's Pre-Admission TCAS, กิจกรรม Dek-D's TCAS On Stage&Fair และ Dek-D's TCAS School Tour ที่น้องๆ คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ว่าแต่จัดเต็มขนาดนี้แล้วจะรออะไรล่ะ เลื่อนหน้าจอลงมาอ่านกันได้เลย!!!

"ความฝัน" ที่ไม่มีวันหมดอายุ :)

ถ้าใครกำลังอยู่ในวัยมัธยมและมีคณะในฝันอยู่ในใจ หรือแม้แต่คนที่เคยผ่าน ประสบการณ์ลุ้นผลสอบเข้ามหาวิทยาลัยมาแล้ว ขอให้จินตนาการภาพตามเรื่องราวที่จะได้อ่านต่อไปนี้เลย เพราะมันช่างอินมากๆ ...ใครเลยจะรู้ว่าจุดเริ่มต้นของการก้าวมาเป็น บรรณาธิการข่าวการศึกษาและแอดมิชชั่นได้แบบทุกวันนี้ คือความผิดหวังครั้งใหญ่ของเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ใฝ่ฝันจะเป็นครูแนะแนวมาตลอดชีวิตมัธยมค่ะ

พี่ลาเต้ได้เล่าถึงความสุขเมื่อครั้งยังเป็นเด็กว่า ตอน ม.3 ชอบเรียนวิชาแนะแนวมาก เพราะคุณครูสามารถแนะแนวให้เด็กได้เห็นช่องทางเรียนต่อได้อย่างเห็นภาพชัดเจน ว่าใครควรเรียนต่อสายสามัญหรือสายอาชีพ โดยไม่ปิดกั้นความคิดของเด็กและทำให้เด็กมีความสุข  เขาจึงได้วาดฝันว่า "เราจะต้องเป็นครูแนะแนวให้ได้" แล้วก็ไปหาข้อมูลว่า ต้องทำยังไงบ้าง ซึ่งทำให้เด็กชายมนัสในวันนั้นเตรียมจัดแจงวางแผนว่าจะต้องสอบเข้าคณะครุศาสตร์ เอกจิตวิทยาและการแนะแนวให้ได้ แล้วขยันเรียนฟิตเกรดเรื่อยมาจนจบ ม.6 เพื่อรอจะแอดมิชชั่นเข้าคณะในฝัน ^^

แม้ว่าพี่ลาเต้จะมีชีวิตนักเรียนมัธยมที่ไปได้สวยสักแค่ไหน แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ค่ะ! แล้วก็ดูเหมือนว่าจะเป็นอะไรที่ทำให้ฮีโร่ของน้องๆ ต้องช็อก เสียใจขนาดหนัก หรือเรียกว่ารู้สึกเสียหลักจนฟูมฟายมากเลยทีเดียว เพราะเจ้าตัวบอกว่าในวันที่ระเบียบการแอดมิชชั่นออกแล้วผลปรากฏว่า คณะที่ตั้งเป้าหมายและทุ่มเทจะสอบเข้ามากว่า 4 ปี ไม่เปิดรับสมัครในรอบนี้ซะงั้น T_T งานนี้เรียกได้ว่าพี่ลาเต้ผิดหวังถึงขั้นโทรศัพท์ไปที่มหาวิทยาลัยเพื่อถามว่าทำไมเขาถึงไม่รับ แล้วเจ้าหน้าที่ก็ต่อสายตรงให้คุยกับคณบดีเลย แต่สุดท้ายก็ต้องยอมรับในหลักการเหตุผลแล้วเดินหน้าต่อไปด้วยการเลือกแอดมิชชั่นเข้าคณะอื่นแทน

หลังจากที่เรียกสติกลับมาได้ พี่ลาเต้กลับมาถามตัวเองอีกทีว่ามีอะไรที่ชอบและอยากเรียนอีกบ้างเพื่อจะเลือกสอบเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัย ซึ่งอาชีพนักข่าวเป็นหนึ่งในความสนใจของเขาอยู่ จนพอเจ้าตัวได้แอดมิชชั่นติดในคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยสวนดุสิตแล้วได้ลองเข้าไปเรียนจริงๆ ก็เกิดตกหลุมรักศาสตร์ทางด้านนี้ไปเลย พอเรียนจบก็ทำงานอยู่ในสายข่าวอยู่สักพักใหญ่ๆ พี่ลาเต้เล่าว่าพี่ทำมาทุกข่าวแล้วจริงๆ นะ รถคว่ำ อาชญากรรม กระทิงหลุดจากป่า ข่าวภูมิภาค ฯลฯ จนเผลอคิดไปว่า เรารักที่จะเป็นนักข่าวและลืมความฝันที่อยากจะเป็นครูแนะแนวไปซะแล้ว...

แต่ดูเหมือนความฝันของพี่ลาเต้จะไม่มีวันหมดอายุจริงๆ ค่ะ เพราะตลอดเวลาที่เป็นนักข่าว ทุกครั้งที่ได้หยิบหนังสือพิมพ์มาอัปเดตข่าวสารทีไร ก็ต้องเปิดหน้าข่าวการศึกษาขึ้นมาอ่านเป็นหน้าแรกทุกครั้งไป ด้วยความชอบใจในคอลัมน์ของ "อาจารย์แม่ - สุนี สินธุเดชะ" ที่มาแนะนำว่าถ้าเด็กมีปัญหาแบบนี้เราต้องแก้ไขยังไง

      จนพอดีที่เว็บไซต์ Dek-D ประกาศรับสมัครนักข่าวการศึกษา พี่ลาเต้เลยตัดสินใจสมัครงานดู ซึ่งพี่ลาเต้ได้เปิดใจแบบขำๆ ว่า ตอนแรกพี่นึกว่าหน้าที่ของงานคือการออกไปทำข่าวเพียงอย่างเดียว แต่ที่ไหนได้! เราได้เป็นมากกว่านั้น คือต้องทำหน้าที่เป็นพี่แนะแนวด้วย คือการนำเรื่องระบบการศึกษาเรื่องยากๆ มาสรุปย่อยให้น้องๆ ได้อ่านกันง่ายๆ เป็นที่ปรึกษา เหมือนพี่อ้อยพี่ฉอดในมุมของเด็กสอบเข้ามหาวิทยาลัยเลย(หัวเราะ) ทุกวันนี้เราเลยเป็นเหมือนนักข่าวด้วย เป็นครูแนะแนวด้วยแบบ 2in1 จนมาย้อนนึกดูอีกทีถึงได้รู้ว่า "ความฝันของเรามันก็ไม่เคยได้หายไปไหนเลย"

ก่อนอื่นต้องบอกว่าแม้พี่ลาเต้จะเป็นบรรณาธิการคนสำคัญแห่งเว็บไซต์ Dek-D.com แต่ตราบใดที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหัวหน้า การทำงานร่วมกันกับทีมจึงเป็นสิ่งสำคัญและต้องทำทุกวันค่ะ ว่าแล้วก็มาดูกันว่า ทีมแอดมิชชั่นที่ถือเป็นมือโปรเรื่องข่าวการศึกษาเขามีระบบการทำงานยังไงบ้าง?

9.00 - 9.30 น.

ในเวลาเช้าของทุกวันจะมีการประชุมทีมเพื่ออัปเดตข่าวสารด้านการศึกษา และเทรนด์ฮิตที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการทำงานอื่นๆ ได้ เพราะฉะนั้นพี่ลาเต้และทุกคนในทีมจะนั่งประจำโต๊ะเพื่อหาข้อมูลต่างๆ ในอินเทอร์เน็ตมาเล่าสู่กันฟังตอนประชุมค่ะ ซึ่งในวันนี้พี่ลาเต้ก็ได้ประเด็นที่น่าสนใจแล้วเรียบร้อย

นอกจากนี้พี่ลาเต้ยังทำหน้าที่เป็นนักสืบมือฉมัง ที่คอยตามสอดส่องน้องๆ ตามทวิตเตอร์ เฟซบุ๊ก แฮชแท็กต่างๆ ในโซเชียลมีเดีย และเว็บบอร์ดของ Dek-D เพื่อคอยดูว่าตอนนี้มีกระแสหรืออะไรเกิดขึ้นบ้างแล้วเตรียมมาเล่าให้คนในทีมได้อัปเดตตามไปอีกด้วยล่ะ

9.30 - 9.45 น.

เมื่อทุกคนในทีมมีข่าวสารไว้พร้อมแชร์กันแล้ว พี่ลาเต้จะทำการเรียกประชุม เพื่อให้ทุกคนเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกัน และทำการสอบถาม - รายงานความคืบหน้า ของโปรเจกต์ต่างๆ ที่แต่ละคนกำลังทำอยู่ด้วยว่าคืบหน้าไปกี่เปอร์เซ็นต์แล้ว ตลอดจนนำข้อมูลที่ได้จากการประชุมมาช่วยกันระดมสมองในทีมว่าเราจะต้องดำเนินการยังไงต่อไป แล้วมอบหมายหน้าที่ว่าวันนี้ใครในทีมจะต้องรับผิดชอบหน้าที่ส่วนไหนเพิ่มเติมจากงานประจำที่ต้องทำทุกวันตามเวรของตัวเองบ้าง

อย่างเช่นวันนี้ที่ พี่ลาเต้ได้ข้อมูลมาว่ามีมหาวิทยาลัยต่างๆ เปิดรับสมัครผู้เข้าศึกษาต่อเพิ่ม จึงได้มอบหมายงานให้คนที่เป็นเวรดูแลเรื่อง SMS เด็ก ม.6 ทำการส่งข้อความไปให้น้องๆ ที่สมัครรับข่าวสารไว้ ส่วนพี่ลาเต้จะรับหน้าที่ดูแลโปรเจกต์โปรแกรมคำนวณคะแนนที่จะต้องมีการอัปเดตข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อให้น้องๆ ม.6 ที่กำลังหาที่เรียนต่ออยู่ได้ตามข่าวและเตรียมตัวสอบเข้าได้ทันนั่นเองค่ะ

9.45 - 11.00 น.

หลังจากที่ได้ปรึกษาและแบ่งหน้าที่งานกัน ทุกคนจะต้องทำหน้าที่ตามเวรประจำวันของตัวเองให้เรียบร้อย เช่น ตั้งเวลาแชร์โพสต์ต่างๆ บนแฟนเพจเฟซบุ๊ก ส่ง SMS ฯลฯ ซึ่งหน้าที่ส่วนนี้ของพี่ลาเต้คือดูแลเรื่อง SMS เด็กซิ่ว ที่ต้องแจ้งข้อมูลข่าวสารที่แนะแนวเด็กซิ่วด้วยว่ามหาวิทยาลัยไหนจะเปิดรับเด็กซิ่วบ้าง เปิดรับตอนไหน ยังใช้คะแนนเดิมได้ หรือต้องสอบใหม่ยังไงบ้างด้วยเช่นกัน

11.00 - 12.00 น.

พอเสร็จสิ้นภารกิจหน้าที่ตามเวรประจำวันเรียบร้อย ทุกคนในทีมจะใช้เวลาไปจนถึงเลิกงานเดินหน้าสานต่อโปรเจกต์ส่วนตัวของตัวเองกันทันที ซึ่งโปรเจกต์ของพี่ลาเต้ในวันนี้ก็มีอยู่หลายรายการ ตั้งแต่ทำอินโฟกราฟิกลงในแฟนเพจเฟซบุ๊ก โปรแกรมคำนวณคะแนน และประชุมร่วมกับทีมอื่นๆ เรื่องโปรดักต์ต่างๆ ของบริษัทเด็กดี อินเตอร์แอคทีฟ จำกัด ที่พี่ลาเต้ได้พัฒนาขึ้นมาค่ะ 

ส่วนถ้าเป็นวันอื่นๆ ที่พี่ต้องลาเต้รับผิดชอบงานโปรเจกต์ที่มีรูปแบบการทำงานที่ต่างออกไป เช่น รายการไลฟ์สดตอบคำถามเรื่องการศึกษาซึ่งใช้เวลาเตรียมงานนานกว่างานโปรเจกต์ทั่วไป ก็จะใช้เวลาหลังจากรับผิดชอบหน้าที่เวรประจำวันของตัวเองเตรียมจัดรายการและเป็นพิธีกรจนหมดวันไปเลยก็มีจ้า

แต่ไม่ว่าจะทำงานอะไรอยู่ก็ตาม พี่ลาเต้ต้องคอยมอนิเตอร์แฟนเพจ เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และเว็บบอร์ด Dek-D ด้วยนะว่ามีน้องๆ ติดต่อสอบถาม หรืออยากให้ช่วยแก้ปัญหาอะไรเข้ามาด้วยรึเปล่า และแล้ววันนี้ก็มีมา 1 เคสจริงๆ ด้วย! ซึ่งเป็นน้อง ม.6 ที่แจ้งเข้ามาว่าตนเองสอบตกสัมภาษณ์ TCAS รอบ 3 แล้วรู้สึกว่าไม่ยุติธรรมเลย อยากให้พี่ลาเต้ช่วยสอบถามทางสมาคมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ให้หน่อยว่าพอมีทางแก้ไขปัญหาอะไรได้บ้างมั้ย.. งานนี้พี่ลาเต้รับเรื่องไว้แล้วเตรียมติดต่อไปตอนช่วงบ่ายค่ะ

13.00 - 13.30 น.

ทานข้าวกลางวันเติมพลังกันแล้ว พี่ลาเต้รีบทำหน้าที่เป็นสื่อกลางให้น้องคนดังกล่าว โดยรีบยกหูโทร.ไปที่ ทปอ. เพื่อสอบถามถึงแนวทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นค่ะ ใช้เวลาโทร.อยู่สักครู่ใหญ่ พอได้คำตอบแล้วพี่ลาเต้ก็รีบตอบกลับไปโดยด่วนค่ะ

จัดการปัญหาเฉพาะหน้าที่เข้ามาแล้ว ได้เวลากลับเข้าสู่วิถีงานโปรเจกต์หลักที่รออยู่ อย่างแรกก็คือโปรแกรมคำนวณคะแนนค่ะ โดยงานส่วนนี้จะต้องมีการร่วมงานกับทีมพัฒนาซอฟต์แวร์ของเว็บไซต์ด้วย เพราะข้อมูลที่คีย์เข้าไปจะต้องถูกต้อง แม่นยำ เชื่อถือได้ ภายใต้ระบบที่สามารถทำงานได้อย่างลื่นไหลไม่ติดขัดอีกด้วย ซึ่งจะเห็นได้ว่าพี่ลาเต้ต้องมานั่งเช็กงานร่วมกับโปรแกรมเมอร์เลย

15.30 - 16.30 น.

โปรเจกต์คำนวณคะแนนเสร็จสมบูรณ์แล้ว ต่อไปถึงตาของโปรดักต์อีกชิ้นที่มีชื่อว่า Dek-D's Pre-Admission TCAS ที่เพิ่งจัดสนามสอบเสมือนจริงไปสดๆ ร้อนๆ เมื่อวันที่ 23-24 มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยพี่ลาเต้จะต้องเข้าประชุมร่วมกับทีมอีเวนต์เพื่อสรุปกันว่า ผลของการจัดสอบเป็นยังไงบ้าง มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น และต้องปรับปรุง พัฒนา รูปแบบการจัดสอบให้เป็นยังไง เพื่ออำนวยความสะดวกและให้ความรู้พร้อมประสบการณ์ในการสอบแก่น้องๆ ผู้เข้าสอบได้มากที่สุดในรอบต่อไป

16.30 - 18.00 น.

ก่อนหมดวัน พี่ลาเต้เตรียมเนื้อหาสำหรับงาน Dek-D's TCAS School Tour โปรดักต์ที่ทำให้เด็กๆ หลายคนได้เจอพี่ลาเต้แบบตัวจริงเสียงจริง ไปแวะเวียนเยี่ยมเยียนแนะแนวกันถึงโรงเรียนในทุกๆ เปิดเทอมให้ต้องลุยงานกันต่อ ซึ่งภารกิจส่วนนี้พี่ลาเต้จะต้องทำการประชุมกับทีมการตลาดและทีมแอดมิชชั่นเพื่อช่วยกันคิดแผนกิจกรรมที่สนุก มันส์ ฮา และได้สาระให้กับน้องๆ ที่มาร่วมกิจกรรมทุกคนเลยจ้า

คุณสมบัติของคนเป็นบรรณาธิการข่าวการศึกษาและแอดมิชชั่น แค่สั้นๆ แต่ไม่ง่าย!

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าถ้าใครอยากจะทำงานเป็นบรรณาธิการข่าวก็ต้องมีใจรักและสู้งานมากๆ แต่ถ้าหากจะเก่งแบบพี่ลาเต้ล่ะก็ ขอให้รักษาคุณสมบัติทั้ง 3 ข้อนี้ไว้ให้จงได้นะจ๊ะ ^^

• 

  ย่อยเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย : จับประเด็นไว แตกประเด็นเก่ง สามารถสื่อสาร ให้คนอื่นเข้าใจได้อย่างกระชับ แต่ได้ใจความครบถ้วนและน่าสนใจ

• 

  ทุ่มเทให้กับงานข่าว : อัปเดตข่าวสารอยู่เสมอ บางทีต้องอดทนรอนอนดึกข่าวประกาศ บางทีต้องรีบทำทุกอย่างเพื่อให้รู้ข่าวก่อนใคร

• 

  บริการด้วยใจ : เอาใจเขามาใส่ใจเราเสมอ มีจิตวิญญาณของความเป็นนักแนะแนว สามารถนำเสนอข้อเท็จจริงเพื่อแนะนำให้คนที่มาปรึกษาเราได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กลับไปตัดสินใจเองได้

จากคนแอนตี้เทคโนโลยี สู่พี่ลาเต้ที่มีคนติดตามทวิตเตอร์เกือบล้าน และงานที่เจ้าตัวปลื้มใจ!

อย่างที่ทราบกันดีว่าทวิตเตอร์ของพี่ลาเต้ เปรียบเสมือนช่องข่าวขนาดย่อมๆ หรือศูนย์บรรเทาทุกข์เรื่องเรียนให้เด็ก ม.ปลาย เลยก็ว่าได้ค่ะ เพราะในทุกๆ วันพี่ลาเต้จะมีการทวีตข่าวสารต่างๆ ที่น่าสนใจ อีกทั้งคอยอ่านและตอบข้อความที่น้องๆ ติดต่อ สอบถามเรื่องการศึกษาเข้ามาอยู่เสมอ แต่ขอเม้าท์หน่อยเถอะว่า "พี่ลาเต้เองนี่แหละ คนแอนตี้เทคโนโลยีตัวพ่อ!!!"

พี่ลาเต้เล่าแบบขำๆ ว่าเอาจริงๆ สมัยก่อนพี่เป็นคนโลว์เทคมากเลยนะ ชอบใช้มือถือรุ่นปุ่มกดที่ฟังวิทยุได้ ไม่คิดจะซื้อสมาร์ทโฟนกับเขาเลย จนวันนึงผู้บริหารซื้อแทบเล็ตให้ทีมแอดมิชชั่นใช้ 1 เครื่องเพื่ออัปเดตข่าวลงเว็บไซต์ให้รวดเร็วที่สุดเวลาออกไปทำข่าว แล้วพี่ดันเป็นคนที่ต้องออกไปบ่อยกว่าคนอื่น ตอนนั้นแค่เล่นแอปพลิเคชั่นแชตกันง่ายๆ ก็ทำไม่เป็น จนผู้บริหารต้องสอนให้สมัครทวิตเตอร์เพื่อเป็นอีกช่องทางให้พี่ได้รายงานข่าวได้เร็วขึ้น ซึ่งพอพี่ได้รู้จักการติดแฮชแท็ก (#) ที่ช่วยจัดหมวดหมู่คำค้น ก็ทำให้มีน้องๆ เข้ามาติดตามมากขึ้น จนวันนี้ยอดผู้ติดตามก็พุ่งไปกว่าเจ็ดแสนแล้วล่ะค่ะ

แม้ว่าจะดูเป็นเรื่องเม้าท์มอยขำๆ แต่พี่ลาเต้ก็เปิดใจว่านี่คือเรื่องที่ทำให้ประทับใจในหน้าที่การงานเหมือนกันนะ เพราะพี่ลาเต้บอกว่า ในหนึ่งวันจะมีน้องทักมาถามปัญหาเรื่องเรียนต่อเยอะมาก บางทีก็ยังไม่ว่างตอบทันที บางทีเคยเลื่อนไปเจอข้อความว่า "พี่ลาเต้คะ ตอบหนูเถอะค่ะ หนูสมัครทวิตเตอร์มาเพื่อพี่เลยนะคะ" โดยเฉพาะในช่วง TCAS รอบ 3 ที่ผ่านมายิ่งหนักหน่วง เพราะมีกระแสดราม่าแรงมาก พี่เองก็ติดตามอยู่ตลอด แล้วในที่สุด ทาง ทปอ. ก็ได้เชิญ Dek-D ที่เป็นเพียงสื่อเดียวที่ได้ไปร่วมประชุมปรึกษาหารือกัน ซึ่งเป็นจุดที่พี่ภูมิใจว่าเราคือหนึ่งในคนที่เป็นกระบอกเสียงสะท้อนปัญหาของน้องๆ ไปยังผู้ใหญ่ เพื่อให้เขาได้เข้าใจเด็กมากขึ้น เพราะนี่คือสิ่งสำคัญของการวางระบบสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่เราต้องช่วยกันแก้ปัญหา