สวัสดีค่ะ หลังจากประกาศผลแอดมิชชั่น 61 ไปเมื่อช่วงต้นเดือน เหมือนได้ยกภูเขาออกจากอกกันเลยใช่มั้ยคะ? พี่แป้งได้มีโอกาสสัมภาษณ์น้องนีน่า ชญานิษฐ์ ศรีวิโรจน์ เจ้าของตำแหน่งคะแนนแอดฯ 61 อันดับ 1 ว่าเขามีการเตรียทสอบอย่างไร ไปอ่านกันเลยจ้า
Q: แนะนำตัวกับน้องๆ กันหน่อยค่ะ
สวัสดีค่า ชื่อ ชญานิษฐ์ ศรีวิโรจน์ ชื่อเล่นชื่อ นีน่า เป็น #dek61 ตอนมัธยมเรียนที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ แผนการเรียนวิทย์-คณิต intensive (ภาษาอังกฤษเข้มข้น) คะแนนที่ได้แบ่งเป็น GPAX 3.85 O-NET รวม 417.4 GAT 282 ค่ะ ต่อจากนี้ขอใช้สรรพนามแทนตัวเองว่า "เรา" นะคะ เพื่อความเป็นกันเอง
Q: รูปแบบที่เลือกยื่นเข้าคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ เลือกแบบไหนคะ?
นิเทศฯ จุฬาฯ จะมีให้เลือก 3 รูปแบบ ได้แก่
1.พื้นฐานวิทยาศาสตร์ (GAT PAT 1)
2.พื้นฐานศิลปศาสตร์ รูปแบบที่ 1 (GAT ล้วน)
3.พื้นฐานศิลปศาสตร์ รูปแบบที่ 2 (GAT PAT 7 (เยอรมัน/ญี่ปุ่น/จีน/ฝรั่งเศษ))
ตอนที่ยื่น TCAS รอบ 4 เราเรียงลำดับตามนี้
อันดับ 1 นิเทศศาสตร์ จุฬาฯ (พื้นฐานศิลปศาสตร์ รูปแบบที่ 1)
อันดับ 2 วารสารศาสตร์ฯ ม.ธรรมศาสตร์
อันดับ 3 สื่อสารมวลชนฯ ม.เกษตรศาสตร์
อันดับ 4 ???? << จำไม่ได้แล้วจริง
Q: พอปีนี้เปลี่ยนมาเป็น TCAS รู้สึกอย่างไรบ้างคะ?
หลายความรู้สึกมากๆ ตอนนั้น 5555+ ใจหนึ่งก็คิดว่าดีจังมีเวลาอ่านเยอะขึ้น รอจบ ม.6 แล้วค่อยสอบทีเดียว แต่เอาเข้าจริงมันสอบได้แค่ครั้งเดียว ความกดดันมันก็เพิ่มขึ้นเท่าตัว
สำหรับ TCAS เรามองว่าแนวคิดมันดีนะ แต่อาจจะมีปัญหาในด้านการดำเนินงาน ปัญหาในปีนี้จะเป็นแนวทางการแก้ไขปัญหาในปีหน้า เช่น การสละสิทธิ์, ปัญหาเรื่องรอบ 3, ปัญหาเรื่องเว็บล่ม อะไรแบบนี้
Q: นอกจากรอบแอดมิชชั่น ได้สมัครรับตรงรอบอื่นหรือเปล่าคะ?
ไม่ได้ยื่นไปเลยค่ะ ยื่นรอบ 4 รอบเดียวเดียว (ไม่ควรทำตามนะน้องๆ มันเสี่ยงมาก 555)
Q: ปีนี้การสอบ GAT PAT เหลือรอบเดียว น้องนีน่ามีวิธีการอ่านอย่างไรบ้าง?
GAT เป็นข้อสอบที่เราให้ความสำคัญมาก เพราะน้ำหนักคะแนนเยอะมาก (ใช้ 50% เทียบเป็น 15,000 คะแนนเลยอะ) เราเลยเริ่มเตรียมตัวตั้งแต่ตอน ม.6 เทอม 1 ซึ่งเราเขียนวิธีเตรียมตัวสอบที่นี่เลย เพราะฉะนั้นมันจะยาวหน่อยนะทุกคน 5555
GAT ไทย เป็นข้อสอบที่วัดการเชื่อมโยงข้อมูลและความรอบคอบ ซึ่งการทำข้อสอบเก่าเป็นสิ่งสำคัญมากกกกกกกกกก เราใช้วิธีฝึกจากหนังสือแบบฝึกหัด, ข้อสอบความถนัดแพทย์พาร์ทเชื่อมโยง มันยากกว่า GAT ของสทศ. ทำอันนี้ได้ GAT ก็สบายแล้ว ตอนใกล้สอบก็ปริ้นข้อสอบจริงของปีก่อนๆ มาทำ GAT ไทยค่อนข้างเบาสมองถ้าเทียบกับวิชาอื่น เราเลยเอามาฝึกทำเวลาอ่านวิชาอื่นมาเหนื่อยๆ
GAT Eng เป็นข้อสอบวัดความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ เราไม่ได้เรียนพิเศษที่ไหน แต่อาจารย์ที่โรงเรียนมีติวเพิ่มตอนเย็นให้ การเตรียมสอบวิชานี้เราเริ่มจากการทบทวนหลัก Grammar ให้แม่น
ในขณะเดียวกันก็เริ่มใช้ชีวิตกับภาษาอังกฤษให้มากขึ้น โดยการฟังเพลง ดูหนัง อ่านข่าวภาษาอังกฤษ และท่องศัพท์ในเวลาว่าง(อย่างตอนรถติดก็หยิบศัพท์มาท่องระหว่างรอ) เพื่อเป็นการฝึก Conversation Reading และ Vocab สำหรับเราแล้วอังกฤษเป็นวิชาทักษะ ต้องทำข้อสอบเยอะๆ ทุกวันจะช่วยให้อ่าน Passage เร็วขึ้นและลดข้อผิดพลาดในวันสอบจริงได้
นอกจากการทำข้อสอบอยู่กับบ้านแล้วเราก็ได้ไปสอบ Pre-Test เพื่อให้ชินกับสภาพสนามสอบวันจริงและใบกระดาษคำตอบ ในช่วง 1 เดือนก่อนสอบ เราทำข้อสอบแบบจับเวลาจริง
***สำคัญมาก หลายคนทำทัน แต่ฝนข้อสอบไม่ทัน!!!***
ถึงเราจะดูอ่านเยอะ แต่ก็ให้เวลาพักผ่อนกับตัวเองด้วย จะฟังเพลง วาดรูป กิน ฯลฯ หายเหนื่อยก็มาอ่านต่อ และอีกสิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือการพักผ่อน เรานอนดึกสุด 5 ทุ่มครึ่ง กลัวเสียสุขภาพแล้วป่วยตอนวันจริง
Q: อยากให้รีวิวข้อสอบ GAT Eng หน่อยค่ะ ว่ามีกี่พาร์ท อะไรบ้าง?
สำหรับเราแล้ว GAT ปี 61 ง่ายกว่าข้อสอบปีก่อนเล็กน้อย ซึ่งรูปแบบข้อสอบก็คล้ายๆ ปี 59-60 แบ่งรายละเอียดประมาณนี้
Conversation : เป็นพาร์ทเก็บคะแนนเลยอะ บทสนทนาเกี่ยวกับเรื่องในชีวิตประจำวัน อย่างปีเราเป็นเรื่องกินข้าวเย็น กับเรื่องบัตรคอนเสิร์ต 555+ ง่ายมาก เลือกช้อยส์ที่ใส่
ลงในช่องว่างแล้วทำให้ใจความสมบูรณ์ 15 ข้อควรได้เต็ม
Vocab : ศัพท์ไม่ได้ไกลตัวมาก ไม่ใช่เกมวัดดวง คือวัดเลยว่ารู้หรือไม่รู้ ถ้าคำไหนไม่รู้ข้อนั้นมีสิทธิ์ผิดสูงมาก แนะนำให้ท่องศัพท์บ่อยๆ และอ่านข่าวภาษาอังกฤศ(ทำบุญด้วยก็ดี เป็นการสร้างแต้มบุญให้เจอคำที่รู้จัก)
Reading : อีกหนึ่งพาร์ทเก็บคะแนน เป็นบทความภาษาอังกฤษ วิธีของเราในการทำพาร์ทนี้คือ Skim อ่านผ่านๆ ก่อนว่าบทความนี้มีใจความหลักอะไร เสร็จแล้วไปอ่านคำถามว่าต้องการอะไรจากบทความนี้ แล้วกลับไปอ่านแบบ Scan คืออ่านลงรายละเอียด ถ้าทำความเข้าใจบทความได้ พาร์ทนี้ก็ไม่ยากมาก แนะนำว่าถ้าเป็นคนอ่านช้าให้ข้ามไปทำพาร์ทอื่นที่ใช้เวลาน้อยกว่าก่อน
Error Identification : เป็นพาร์ทหินสำหรับเราและหลายๆ คน ดูรูปประโยคว่ามีตรงไหนผิดหลัก Grammar บ้าง โดยสิ่งที่ข้อสอบมักจะหลอกคือ
- Subject-verb agreement (s/es)
- Tense (ใช้ verb ผิด tense เช่น ต้องเป็น verb ช่อง2แต่ใช้เป็นช่อง1)
- Part of Speech (ใช้คำผิดหน้าที่ เช่น ใช้ powerful แทน powerfully อะไรแบบนี้)
- และอื่นๆอีกล้านแปดอย่าง
วิธีทำพาร์ทนี้ให้ได้คะแนนดีคือต้องฝึกทำโจทย์และใจเย็นๆ แต่สำหรับเราคำไหนใช้ผิด Grammar เวลาอ่านเราจะมีความรู้สึกแปลกๆ เองว่า "ใช่เหรอวะ-_-?" บางทีก็เป็นเรื่องของประสบการณ์ด้วยอะ
Cloze : คล้าย Error ผสม Reading ที่ต้องเติมคำในช่องว่าง แต่ไม่ยากมาก สามารถเก็บเต็มได้ วิธีทำพาร์ทนี้เราแนะนำให้อ่านบทความให้ครบ จับใจความ แล้วค่อยทำสิ่งที่โจทย์สั่งในแต่ละข้อ
Q: 1 วันก่อนสอบ ทำอะไรบ้างคะ?
วันก่อนสอบเราทำทุกอย่างที่ไม่ใช่อ่านหนังสือ เล่นเกม ดูหนัง ฟังเพลง แต่ตอนเย็นๆเราเตรียมอุปกรณ์การสอบและหลักฐานการเข้าห้องสอบ ทวนศัพท์และ Grammar ผ่านๆ รอบสุดท้าย สวดมนต์ นั่งสมาธิ แล้วนอนเร็วๆ ค่ะ
Q: คิดว่าอะไรยากที่สุดในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยคะ?
การเอาชนะใจตัวเองนี่แหละยากที่สุดแล้ว มันยากมากกับการบังคับใจตัวเองให้อ่านหนังสือเป็นเดือนๆ แถมยังกดดันมากๆ ด้วย กลัวได้คะแนนไม่ดี กลัวไม่ติด กลัวคู่แข่ง เครียดมากกกกก แต่สุดท้ายก็เปลี่ยนมุมมองใหม่ เอาชนะตัวเองให้ได้ ทำเต็มที่แล้วผลจะเป็นยังไงเรายอมรับมัน // คิดถึงตอนจะแอดฯแล้วคลื่นไส้ ฉันผ่านมาได้ยังไง 555+ //
Q: สุดท้ายแล้ว ฝากกำลังใจถึงน้องๆ หน่อย
ขอให้น้องๆ #dek62 และทุกคนที่กำลังจะสอบ อดทนอีกนิดเดียว มันจะเป็นปีที่แสนสาหัสมาก แต่ก็ปีเดียวเพื่ออนาคตของเราเอง วันที่เราสอบติดความเหนื่อยที่สะสมมาจะหายเป็นปลิดทิ้งเลย ขอให้ทุกคนที่พยายามสอบ ติดในที่ที่อยากเข้านะ พวกเจ้าทำได้ ข้าเป็นกำลังใจให้ สู้ๆ
กว่าจะได้คะแนนขนาดนี้ไม่ใช่เองง่ายเลย ต้องบังคับใจตัวเองมากๆ แต่ก็ต้องรู้ตัวเองด้วยว่าไหวแค่ไหน มันเป็นปีเดียวที่เหนื่อยมาก แต่ถ้าได้ในที่ที่เราอยากได้ มันก็ยิ่งกว่าคุ้มเลยค่ะ พี่แป้งเองก็ขอเป็นกำลังใจให้น้องรุ่นต่อไปด้วยเน้อ สู้ๆ จ้าาาาาา
3 ความคิดเห็น
พี่พอจะมีลิงข้อสอบ แกทเก่าไหมครับ
อยากได้ลิงค์ข้อสอบแกทก่าคะ หรือแนะนำหนังสืออ่านก็ได้นะคะ
ขอบคุณ