"พี่เอิร์ธ" แนะไอเดียทำ Portfolio ฉบับเรียบหรูดูดีที่กรรมการเอ่ยปากชม ใช้ Photoshop ไม่เป็นก็ทำได้

       สวัสดีน้องๆ ชาว Dek-D ทุกคนค่ะ หลายคนเริ่มทำ Portfolio กันแล้วใช่มั้ยคะ บางคนอาจจะเริ่มหาข้อมูลแต่ยังไม่ถึงขั้นลงมือทำ เพราะไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มยังไง ทำแบบไหนให้สวยถูกใจกรรมการ วันนี้พี่มิ้นท์มีตัวอย่างรุ่นพี่ที่สอบติดตั้งแต่รอบ Portfolio ในมหาวิทยาศรีนครินทรวิโรฒมาฝาก ซึ่งพอร์ตนั้นเรียบร้อยและสวยงามมาก ไปทำความรู้จัก "พี่เอิร์ธ" กันเลยจ้า
 

   เริ่มต้นจากความกลัว "ไม่มีที่เรียน" จึงตั้งหน้าตั้งตา เข้ารอบแรกให้ได้
        สวัสดีค่ะ ชื่อเอิร์ธ หรือ ณัฐภัทร สิงห์โตทอง (เพื่อนในกลุ่มจะเรียก เอ๋) จบมัธยมปลายมาจากโรงเรียนชลกันยานุกูล จังหวัดชลบุรี คณะที่กำลังเรียนปัจจุบันคือ วิทยาลัยนวัตกรรมสื่อสารสังคม วิชาเอกการออกแบบสื่อปฏิสัมพันธ์และมัลติมีเดีย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
 

        ตอนอยู่ ม.6 เป็นช่วงที่ชีวิตค่อนข้างเคว้งๆ ไม่รู้ว่าตัวเองจะติดรอบไหน จะมีมหาวิทยาลัยเรียนไหม เพราะฟังจากพี่ๆ การสอบเข้ามันดูยากไปหมด ทั้งการสอบแกทแพท ยื่นคะแนนแอดมิชชั่น กลัวไปหมด เลยตั้งมั่นกับตัวเองไว้เลยว่าจะลุยมันตั้งแต่รอบแรกยันรอบสุดท้าย มันต้องติดซักที่แหละดังนั้นก็ไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไป พอรอบแรกเปิดรับ ก็รีบหาข้อมูลว่ามี ม.ไหนเปิดบ้าง ตัวเองผ่านเกณฑ์ไหม แล้วมีคณะที่หนูหมายตาไว้มั้ย แล้วก็ยื่น Portfolio ส่งเลย ยื่นส่งไปทุกที่เท่าที่จะส่งได้ ตั้งใจไว้แล้วว่าถ้าติดก็จะเรียนเลย ไม่สละสิทธิ์ แล้วก็โชคดีที่ติดตั้งแต่รอบแรก และเป็นคณะที่หนูหมายตาเอาไว้ด้วย


   "คาบแนะแนว+รุ่นพี่" คือแหล่งข้อมูลใกล้ตัวชั้นดี
        พื้นฐานจริงๆ ของเอิร์ธ ก็ไม่ได้ทำ Portfolio เป็นตั้งแต่แรก แต่วิชาแนะแนวของโรงเรียนจะฝึกนักเรียนทำพอร์ตตั้งแต่ตอน ม.5 ครูแนะแนวจะเริ่มให้ความรู้เกี่ยวกับพวกองค์ประกอบในการทำพอร์ต นักเรียนจะต้องเริ่มทำพอร์ตส่งครูตั้งแต่ตอนนั้นเลย
        พอขึ้น ม.6 ครูจะให้คำแนะนำแบบละเอียดมากกว่าเดิม แม้ว่าส่วนใหญ่จะเป็นคำแนะนำสำหรับคณะที่เป็นสายวิชาการ แต่คณะสายศิลป์ที่ต้องการผลงาน จะใช้วิธีดูพอร์ตของรุ่นพี่มาอ้างอิงด้วย ทั้งขอดูจากรุ่นพี่ที่สอบติดคณะแนวกันรวมทั้งจากอินเทอร์เน็ตที่มีพี่ๆ เคยเอามาโพสไว้ ดังนั้นการทำ Portfolio 1 เล่ม สามารถอ้างอิงจากหลายๆ ที่มาประยุกต์ใช้ได้ ไม่จำเป็นต้องยึดจากที่ใดที่หนึ่งเป็นหลัก

   มีตัวโครงหลัก ปรับตามเกณฑ์มหาวิทยาลัย
       ในรอบ Portfolio เอิร์ธได้ยื่นสมัครไปทั้งหมด 3 ที่ คือ
       1. วิทยาลัยนวัตกรรมสื่อสารสังคม วิชาเอกการออกแบบสื่อปฏิสัมพันธ์และมัลติมีเดีย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
       2. คณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาวิชานิเทศศิลป์(คอมพิวเตอร์กราฟฟิก) มหาวิทยาลัยบูรพา
       3. คณะวิจิตรศิลป์ สาขาวิชาการออกแบบ ประเภทศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
       ผลออกมาคือติด 2 ที่ คือ มศว และ ม.เชียงใหม่ ส่วน ม.บูรพา นั้นไม่ติด สุดท้ายเลือกที่ มศว และไม่ได้ไปสัมภาษณ์ที่ ม.เชียงใหม่
       พอร์ตที่ใช้ยื่นเนื้อหาข้างในส่วนใหญ่จะเหมือนกัน แต่ปรับให้ตรงกับเกณฑ์ที่ทางมหาวิทยาลัยแจ้งด้วย รวมทั้งหน้าปกจะเปลี่ยนตราสัญลักษณ์มหาวิทยาลัยและชื่อคณะไปตามมหาวิทยาลัยที่ยื่น โดยใช้วิธีทำเนื้อหาบางส่วนใน Portfolio ไว้ก่อน แล้วค่อยปรับลดตามเกณฑ์มหาวิทยาลัยอีกครั้งเพราะกลัวทำไม่ทัน


 

   รวมข้อมูลให้ครบ จะยิ่งทำ Portfolio ได้เร็วขึ้น
       พี่เอิร์ธเล่าว่า ใช้เวลาทำ Portfolio ประมาณ 2-3 สัปดาห์ในช่วงปิดเทอม วิธีที่จะทำให้เร็วขึ้นคือ จัดโฟลเดอร์รูปภาพให้เป็นระเบียบ แยกตามกิจกรรมทีทำ แยกวันที่ และรวมให้อยู่ในโฟลเดอร์เดียวกัน ทำให้หยิบข้อมูลมาใส่พอร์ตได้ง่ายมากขึ้น ซึ่งเอิร์ธจะใช้โปรแกรม Photoshop ในการทำ

   Feedback จากคณะกรรมการสัมภาษณ์
       ในรุ่นของพี่เอิร์ธจะต้อง print พอร์ตส่งทางไปรษณีย์เพื่อให้อาจารย์คัดเลือกก่อน 1 รอบ เมื่อผ่านคัดเลือกก็จะต้องนำตัวเล่มไปอีกครั้งในวันสัมภาษณ์
       หลังจากที่ยื่นพอร์ตฟอลิโอให้คณะกรรมการในห้องสัมภาษณ์แล้ว มี Feedback กลับมาว่า พอร์ตสบายตาดี นาทีนั้นยิ่งทำให้มั่นใจกว่าเดิม
       ซึ่งเคล็ดลับในการทำพอร์ตให้ออกดูดี คือ ต้องขยันดูพอร์ตของคนอื่นที่สวยๆ เยอะๆ เพราะจะเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ของเรา ทำให้เราได้เรียนรู้การจัดวางตัวอักษร การจัดวางภาพที่จะออกมาสวย ยิ่งดูเยอะ จะมี Reference อ้างอิงเยอะขึ้น เราจะได้เลือกหยิบส่วนที่เราชอบมาใส่ในพอร์ตของตัวเอง เพื่อให้พอร์ตของเราแสดงความเป็นตัวเรามากที่สุด อย่างพอร์ตของตนเองก็จะเน้นความนุ่มนวลสบายตามแบบที่ชอบ นอกจากนั้นควรมีการใช้สี หรือการออกแบบที่ไปในทิศทางเดียวกันตลอดทั้งเล่ม เพื่อความต่อเนื่องและกลมกลืนค่ะ สามารถดูตัวอย่างพอร์ทหรือพวกนิตยสารสวยๆ จาก pinterest ก็ได้ค่ะ แต่อย่าลอกมานะคะ แค่ดูเป็นตัวอย่าง เอาเทคนิคมาปรับใช้ เพื่อให้พอร์ตเป็น “พอร์ตของเรา” จริงๆค่ะ


   สิ่งที่ใส่เข้าไปใน Portfolio
      ส่วนประกอบในพอร์ตของหนูจะมีคร่าวๆตามนี้เลย
       1) หน้าปก
       2) หน้ารองปก
       3) คำนำ
       4) สารบัญ

 

       ส่วนที่ 1 ประวัติส่วนตัว
          - ประวัติส่วนตัว
          - ประวัติครอบครัว
       ส่วนที่ 2 ประวัติการศึกษา
          - ประวัติการศึกษา
          - ประวัติผลการเรียน
          - หลักฐานการศึกษา
       ส่วนที่ 3 กิจกรรมและรางวัลที่ได้รับ
          - ตารางกิจกรรมที่เข้าร่วม
          - ตารางรางวัลที่ได้รับ

 

       ส่วนที่ 4 เกียรติบัตร ความสามารถพิเศษ และความสนใจ
          - ผลงาน
          - เกียรติบัตรที่ได้รับ

 



       ส่วนที่ 5 รูปภาพกิจกรรม
 

รูปภาพกิจกรรม จัดรูปแบบนี้ เพิ่มความน่าสนใจได้เยอะ

       5) ปกรองหลัง
       6) ปกหลัง

 

**ส่วนนี้ไม่ได้เป็นสาระสำคัญ แต่เพิ่มมูลค่าให้ portfolio ของเราได้
ด้วยการใส่ quote หรือ ประโยคสำคัญๆ ที่เป็นแรงบันดาลใจให้เรา
จะไว้ในส่วนต้น หรือ คั่นแต่ละส่วนก็ได้**

    ซึ่งรูปภาพเนื้อหาข้อมูล ทริคต่างๆ ได้ใส่ไว้ในกระทู้ไว้แล้ว ในกระทู้นั้นคือการอธิบายแบบหมดเปลือกแล้วจริงๆ >>คลิก<<

    ปี 62 มีนโยบายจาก ทปอ. เรื่อง Portfolio 10 หน้า ทำแบบไหนให้น่าสนใจ
       โครงหลัก สามารถทำแบบเดิมได้เลย แต่อาจยุบให้เหลือส่วนที่สำคัญมากขึ้น (ล่าสุด เท่าที่ทราบมาคือ Portfolio 10 หน้า ไม่รวมส่วนของหน้าปก) ตามนี้
        หน้าที่ 0 – หน้าปก
        หน้าที่ 1 – ประวัติส่วนตัว (ที่ถ้าใส่ประวัติครอบครัวไปได้ก็ดี แต่ถ้าจะไม่ใส่ก็ได้ค่ะ พวกประวัติครอบครัวจะไว้ให้อาจารย์ได้ดูว่าสถานะทางครอบครัวเราเป็นยังไง คุณพ่อคุณแม่ทำงานอะไร มีแนวโน้มว่าต้องขอทุนหรือจ่ายค่าเทอมไหวมั้ย อะไรแบบนี้อ่ะค่ะ แต่ถ้ายัดไม่ไหวก็ไม่น่าจะเป็นอะไร 555555 )
         หน้าที่ 2 – ประวัติการศึกษา+ผลการเรียน
         หน้าที่ 3-10 – ผลงาน+กิจกรรมที่เข้าร่วมเฉลี่ยๆไปค่ะ ไม่ต้องทำตาราง แต่อาจจะแบ่งกิจกรรมเป็นหัวข้อๆ เพื่อส่วนรวม กิจกรรมภายนอกโรงเรียน กิจกรรมเกี่ยวกับคณะที่จะเข้าหรือกิจกรรมภายในโรงเรียน ใส่รูปหรือถ้าใส่เกียรติบัตรเข้าไปได้ก็อาจจะใส่ไปด้วย ใส่ชื่อกิจกรรม วันที่ แล้วก็บรรยายสิ่งที่ได้รับจากกิจกรรมไปใต้ภาพค่ะ ผลงานกับกิจกรรมก็คัดมาไม่ต้องเยอะ แต่เน้นคุณภาพแน่นๆ แล้วก็ครอบคลุมค่ะ
        ทั้งนี้... อาจจะยึดองค์ประกอบตามนี้ แต่ก็ต้องดูคณะแล้วก็มหาวิทยาลัยที่เราจะยื่นด้วยว่าเขากำหนดอะไรบ้าง สุดท้ายยังไงพอร์ตเราก็ต้องมีในสิ่งที่ทางมหาวิทยาลัยกำหนดว่าต้องมีอยู่ดีค่ะ

    ถ้าไม่มี Photoshop?
       จริงๆ แล้วการทำ Portfolio แบบไม่ได้ใช้ photoshop ก็ทำให้สวยได้ เพื่อนของพี่เอิร์ธบางคนยื่นพอร์ตที่ทำจาก Microsoft Word แล้วติดมหาวิทยาลัยรอบแรกมาแล้ว เพราะฉะนั้นคนที่ไม่มี Photoshop ก็ใช้ Microsoft Word หรือโปรแกรมพื้นฐานที่มีติดเครื่องทำพอร์ตได้สบายๆ ไม่มีปัญหา คณะส่วนใหญ่จะเน้นที่เนื้อหาภายในพอร์ตมากกว่าความสวยงามอยู่แล้ว     
       แต่ถ้าอยากจะสร้างพอร์ตสวยๆ ด้วย Microsoft Word ก็บอกเลยค่ะว่าทำได้ แค่ใช้เครื่องมือสร้างรูปทรงเรขาคณิต สี ฟ้อนต์ และการจัดวางที่ใช่ พอร์ตสวยๆ ก็ไม่ไกลเกินเอื้อม และถ้าเราไม่รู้เรื่องอะไรแบบนี้เลยเราก็แนะนำ pinterest หรือจะดูจาก infographic ที่ใช้ใน powerpoint ก็ได้ จะเห็นได้เลยว่าแค่รูปทรงง่ายๆ ถ้าจัดวางได้ดี พอร์ทสวยๆ ก็ไม่ยากเลย
        เรื่องสี ถ้าเลือกไม่ถูก แนะนำเว็บที่รวบรวมพาเลทสีหลายแบบอย่าง https://www.color-hex.com/color-palettes/ มีพาเลทสวยๆ เยอะมากๆ ทุกคนสามารถเลือกพาเลทสีที่ชอบมาใช้ในพอร์ทได้เลย
        เข้าใจว่ามันอาจจะดูยากสำหรับคนที่ไม่เคยลองแตะงานออกแบบ ไม่รู้จะเลือกสียังไงดี ไม่รู้จะจัดวางยังไงดี มันดูยากไปหมด แต่เราก็อยากให้ทุกคนลองทำพอร์ตเอง เพราะพอร์ตคือตัวเรา มันอาจจะไม่ได้ดีที่สุด สวยที่สุด แต่สุดท้ายถ้ามันสำเร็จออกมา เราก็จะภูมิใจว่านี่แหละพอร์ตของเรา ตัวตนของเรา ถึงแม้ว่าสัมภาษณ์บางที่อาจารย์อาจจะไม่เปิด แต่เราก็ยังภูมิใจ สามารถเอาไปอวดรุ่นน้องที่โรงเรียนหรือพ่อแม่พี่น้องที่บ้านได้อีกนาน
        แต่ถ้าสำหรับน้องๆ ที่จะเข้าคณะสายศิลป์ประเภทออกแบบ ศิลปกรรม วิจิตรศิลป์แต่ไม่มี Photoshop นี่... โหลดมาฝึกไว้ก็ดีนะ อิอิ

   ฝากถึง #dek62 ที่กำลังเตรียมตัวสอบ
        เวลาเหลือน้อยเต็มทีนะคะ นาฬิกานับถอยหลังยังเดินต่อเรื่อยๆ อย่าชะล่าใจว่าอ่านหนังสือวันต่อไป อ่านอาทิตย์ต่อไปก็ทัน พอร์ตไว้ทำหลังจากนี้ก็ได้ ยังไงก็ทัน บางคนอาจจะไม่ได้ยื่นรอบแรก แต่อย่าลืมว่าช่วงเวลาแต่ละรอบตารางจะกระชั้นมาก ยิ่งน้องแต่ละคนคงไม่คิดจะยื่นแค่มหาวิทยาลัยเดียวด้วย
        แถมปีของน้องๆ ร่นเวลาจบฤดูกาลสอบเข้าเร็วกว่ารุ่นพี่ไปอีก เพราะงั้นตอนนี้อะไรทำได้ก็รีบทำค่ะ พอร์ตถ้าเริ่มได้ก็เริ่มเลย หนังสือถ้าต้องอ่านก็หยิบมาอ่านเลย ทำทุกอย่างให้เต็มที่ อย่าให้ตัวเองเสียใจทีหลังว่าทำไมตอนนั้นไม่ทำให้เต็มที่กว่านี้ ความฝันไม่ไกลเกินเอื้อมมือของทุกคนแน่นอนค่ะ สู้ๆค่ะ ขอ Tcas จงสถิตอยู่กับทุกคนค่ะ อีกอย่างหน้างานมีปัญหารออยู่เพียบ เช่น เว็บล่ม อยากให้น้องๆ วางแผนในเรื่องนี้ด้วยนะ^^

       อ่านจนถึงบรรทัดสุดท้ายแล้ว มีพลังในการทำ Portfolio เพิ่มขึ้นหรือยังคะ^^ ทีนี้ก็ได้เวลาไปรื้อดูเกียรติบัตรที่บ้าน หาไอเดียทำพอร์ตเพิ่มเติม และนำเทคนิคที่พี่เอิร์ธไปใช้ประกอบ เท่านี้ก็น่าจะได้พอร์ตที่สวยงามถูกใจกรรมการแน่นอนค่ะ
พี่มิ้นท์
พี่มิ้นท์ - Columnist พี่สาวใจเย็น ผู้เกิดมาในแอดมิชชั่นยุคแรก แต่เข้าใจ TCAS มากกว่า

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

2 ความคิดเห็น

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยเจ้าของ

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด