นับเวลาถอยหลังอีกไม่นาน ก็จะถึงเวลาที่น้องๆ จะต้องลงสนามสอบกลาง อย่าง O-NET GAT PAT และ 9 วิชาสามัญ กันแล้วนะคะ ช่วงนี้หลายคนก็คงเร่งสปีดอ่านหนังสือกันอยู่ เพราะเวลาใกล้หมดลงทุกที แถมคนนึงก็ต้องสอบตั้งหลายวิชา ไม่ว่าจะเป็นคณะสายวิทย์ หรือคณะทางสายศิลป์ก็ตาม
ลองเช็กในระเบียบการของหลายๆ มหาวิทยาลัย ไม่ว่าจะเป็นสายวิทย์ หรือสายศิลป์ จะเห็นว่ามีอยู่ 1 วิชาที่สำคัญกับทั้ง 2 สาย ไม่ว่าจะอยู่สายไหนก็ต้องใช้คะแนนส่วนนี้กันทั้งนั้น รวมไปถึงวิชานี้มีอยู่ในข้อสอบทุกแบบ ทั้ง O-NET GAT และ 9 วิชาสามัญ และวิชาที่กำลังพูดถึงนั่นก็คือ “ภาษาอังกฤษ” ค่ะ
ต้องยอมรับว่า มีน้องๆ จำนวนไม่น้อยไม่ค่อยสนใจอ่านวิชาภาษาอังกฤษมากนัก หรืออ่านทุกข้อสอบแบบรวบๆ กันไป ซึ่งจริงๆ ทำไม่ได้ทั้งหมด และรู้ไหมคะว่ามีหลายครั้งที่น้องๆ เชือดเฉือนกันด้วยคะแนนวิชานี้ วันนี้พี่แนนนี่เลยมีเทคนิคเพิ่มคะแนนภาษาอังกฤษได้มากกว่า 80% ทุกข้อสอบ มาฝากกันค่ะ
ขั้นตอนที่ 1 ทำความรู้จักข้อสอบ
ก่อนสิ่งอื่นใด น้องๆ จะต้องรู้จักข้อสอบแต่ละชนิดก่อน เหมือนกับสำนวนที่ว่า รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง
- O-NET
เป็นข้อสอบที่วัดความรู้พื้นฐาน ส่วนใหญ่จะเน้นเรื่องการสื่อสารเป็นหลัก การใช้ภาษาต่างๆ เรียกได้ว่าง่ายที่สุดในบรรดา 3 ข้อสอบ ซึ่งจะมีเวลาทำข้อสอบ 120 นาที
- GAT
เป็นข้อสอบที่วัดทักษะความสามารถด้านการสื่อสารภาษาอังกฤษ แต่จะต้องวิเคราะห์มากกว่า O-NET และส่วนมากจะเน้นเรื่องของคำศัพท์ (Vocabulary) ซึ่งจะมีเวลาทำข้อสอบ 90 นาที
- 9 วิชาสามัญ
ขั้นตอนที่ 2 ศึกษาข้อสอบอย่างละเอียด
นอกจากนั้นน้องๆ ยังต้องศึกษาข้อสอบแต่ละชนิดให้ละเอียด มองดูว่าข้อสอบแต่ละตัวออกในลักษณะไหนบ้างจะได้เตรียมตัวให้ถูกทาง เพราะแต่ส่วนมีลักษณะที่ต่างกัน และการที่เราเข้าใจข้อสอบแต่ละชนิด ก็จะง่ายต่อการเตรียมตัวอ่านหนังสือ
- O-NET
1) Language use (1-35)
- Dialog completion เป็นการเติมบทสนทนาให้สมบูรณ์
- Situation dialog เป็นบทสนทนาจากสถานการณ์ต่างๆ
- Sentence completion เป็นการเติมประโยคให้สมบูรณ์ (มีในเรื่องของไวยากรณ์เข้ามา)
- Error Correction เป็นการหาจุดที่ผิดในประโยค และแก้ให้ถูกต้อง (เป็นเรื่องหลักภาษาและไวยากรณ์)
2) Writing Ability (36-45)
- Complete passage by word, phrase or clause เป็นการเติมบทความ/ข้อความให้สมบูรณ์ด้วย คำ วลี หรืออนุประโยค
3) Reading Ability (46-80)
- Vocabulary เป็นเลือกคำศัพท์ลงในช่องว่าง
- Reading Comprehension เป็นการตอบคำถามจากบทความ หรือเนื้อเรื่องที่กำหนดให้
- GAT
1) Expressions (1-15)
เป็นการเติมบทสนทนา ในเรื่องของสำนวนในการพูดต่างๆ จะมาในรูปแบบของบทสนทนา ซึ่งจะมีทั้งบทสนทนาแบบสั้น และแบบยาว
2) Vocabulary (16-30)
- Meaning in Context เป็นการเลือกคำศัพท์ในบริบทต่างๆ
- Meaning Recognition เป็นการเลือกคำศัพท์ที่มีความหมายตรงกับที่โจทย์กำหนดไว้
3) Reading Comprehension (31-45)
เป็นการตอบคำถามจากบทความ หรือเนื้อเรื่องที่กำหนดให้
4) Structure and Writing (46-60)
- Error เป็นการหาจุดที่ผิดในประโยค และแก้ให้ถูกต้อง (เป็นเรื่องหลักภาษาและไวยากรณ์)
- Cloze test เป็นการเติมคำลงในช่องว่างของบทความที่กำหนดให้
- 9 วิชาสามัญ
1) Listening -Speaking Skills (1-20)
- Situational Dialogues เป็นการเติมบทสนทนาจากสถานการณ์ต่างๆ
2) Reading Skills (21-40)
- Different Types of Texts (Ex. Advertise, Poem, Joke and Movie Review, Articles etc.) เป็นตอบคำถามจากบทความจากหลายๆ รูปแบบ เช่น โฆษณา คำประพันธ์ รีวิวหนัง บทความ เป็นต้น
3) Writing skills (41-60)
- Paragraph Completion เป็นการเติมคำในประโยคให้สมบูรณ์ (มีเรื่องของคำศัพท์และไวยากรณ์)
- Paragraph Organization เป็นการเรียงประโยคให้สมบูรณ์
ขั้นตอนที่ 3 วางแผนให้ครอบคลุม
อ่านหนังสือ
การอ่านหนังสือ ให้น้องลองวางแผนดูว่า จะแบ่งสัดส่วนในการอ่านอย่างไร อ่านไล่เป็นวิชาๆ ไป หรือ อ่านเป็นหัวข้อ หรือเป็นพาร์ทๆ ไป เพราะพวก Conversation, Reading และ Error มีลักษณะ หลักการ หรือวิธีการทำที่เหมือนกัน จะต่างกันที่ความยาก-ง่ายของข้อสอบ
ส่วนแต่ละข้อสอบควรจะเน้น...
O-NET, GAT จริงๆ แต่ละพาร์ทมีสัดส่วนคะแนนที่ใกล้เคียงกันหมด ก็เน้นตรงพาร์ทที่ไม่ถนัด หรือไม่ค่อยแม่น
9 วิชาสามัญ เป็นที่กล่าวขานว่าให้เน้น passage อย่างของปีล่าสุด #dek61 ก็เจอบทความที่มีในข้อสอบจากเว็บไซต์ต่างๆ (กระทู้: คลิก)
วันสอบ (แบ่งเวลาดีดี)
ในห้องสอบน้องๆ จะต้องแบ่งเวลาในการทำข้อสอบให้ดีดี จะแบ่งตามจำนวนข้อ ความยากง่าย หรือความถนัดก้แล้วแต่ อาจจะสังเกตตัวเองจากการฝึกทำข้อสอบเก่าก่อนว่า ถนัดทำแบบไหน เพราะแต่ละคนอาจจะมีความถนัดที่แตกต่างกันบางคนเลือกที่จะทำส่วนที่ถนัดก่อน บางคนเลือกทำส่วนที่ยากก่อน บางคนเลือกทำส่วนที่ยาวก่อน บางคนเลือกทำส่วนที่สั้นก่อน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความถนัดของแต่ละบุคคล...แต่หลายๆ คนกระซิบบอกว่า ให้เลือกทำจากที่ถนัดก่อน เพราะจะได้โกยคะแนนส่วนนี้ไป แต่ถ้าเอาไปทำทีหลัง แล้วเกิดหมดเวลาก่อน จะได้ไม่เสียดายข้อที่ทำได้
ขั้นตอนที่ 4 ฝึกทำข้อสอบเก่า
การทำข้อสอบเป็นขั้นตอนที่สามารถใช้ได้กับทุกวิชา เพราะการทำข้อสอบจะช่วยให้น้องๆ รู้จักและคุ้นชินกับลักษณะของข้อสอบมากขึ้น และถ้ายิ่งได้ลองซ้อมจับเวลาไปด้วยแล้ว น้องจะรู้ว่าตัวเองใช้เวลาประมาณไหนในการทำข้อสอบแต่ละข้อ แต่ละพาร์ท รวมถึงจะรู้ได้ทันทีว่า พาร์ทไหนเราได้ พาร์ทไหนเราไม่ได้ ซึ่งจะทำให้น้องๆ ได้เตรียมตัวเพิ่มเติมก่อนที่จะลงสนามจริง
อย่างเช่น
- พาร์ทบทสนทนา หรือ convesation ทั้งหลาย น้องๆ จะต้องไปดูการเลือกใช้คำพูดในบริบทที่แตกต่างกัน และอย่าลืมว่า ในการถามคำถาม หรือตอบคำถามอาจจะมาในรูปแบบประโยคที่แตกต่างกัน แต่มีจุดมุ่งหมาย หรือความหมายที่เหมือนกัน ซึ่งก็ควรจะใช้ให้ถูกตามบริบท หรือสถานการณ์ต่างๆ ด้วย ถ้าให้ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น มีคนต้องการถามทุกข์สุขเรา ก็สามารถใช้ได้คำว่า "How are you?" "How's it going?" "How are you doing?" เป็นต้น
- พาร์ท Reading น้องๆ อาจจะลองไปหาบทความ ประกาศ หรือข้อความต่างๆ เพิ่มเติม เพื่อฝึกจับใจความ ฝึกอ่านให้เร็ว และฝึก Keyword ของเรื่อง หรือประกาศนั้นให้เจอ ที่สำคัญ!! อ่านโจทย์ดีดี ว่าต้องการอะไรให้ตอบอะไร
- พาร์ท Error เป็นพาร์ที่วัดความรู้ในเรื่องของหลักไวยากรณ์ น้องๆ ลองกลับไปทบทวนไวยากรณ์เรื่องหลักๆ อย่างเช่น เรื่อง Tenses-Voice (Active/Passive), Subject-Verb Agreement, Part of speech เป็นต้น
และที่สำคัญในการฝึกทำข้อสอบ สำหรับวิชาภาษาอังกฤษ คือ เป็นส่วนที่ทำให้น้องๆ เห็นคำคัพท์มากขึ้น ได้หาคำแปลก่อนที่จะไปเจอในข้อสอบจริง
เทคนิคพิเศษ ตัวช่วยตลอดกาล
นับเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ สำหรับวิชาภาษาอังกฤษเลยค่ะ ยิ่งน้องๆ "ท่องศัพท์" เยอะ มีคลังคำศัพท์มากเท่าไหร่ ก็เหมือนน้องๆ มีตัวช่วยในการทำข้อสอบมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นมันยังติดตัวน้องๆ สามารถไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ด้วย
หลังจากที่เราได้เทคนิคแล้ว ทีนี้ไปดูกันว่า คะแนนที่มากกว่า 80% ของแต่ละข้อสอบคือ เท่าไหร่
ข้อสอบ | คะแนนเต็ม | จำนวนข้อ | คะแนนที่ต้องได้ | จำข้อที่ต้องทำได้ |
O-NET | 100 | 80 | 80 คะแนนขึ้นไป | 64 ข้อ |
GAT | 150 | 60 | 120 คะแนนขึ้นไป | 48 ข้อ |
วิชาสามัญ | 100 | 80 | 80 คะแนนขึ้นไป | 64 ข้อ |
อันนี้เป็นเพียงเทคนิคคร่าวๆ ที่พี่แนนนี่อยากให้น้องๆ นำไปประยุกต์กับสไตล์ของน้องๆ เองค่ะ หรือถ้ามีใครมีเทคนิคดีดี พร้อมแบ่งปันเพื่อนๆ สามารถแนะนำกันเข้ามาได้นะคะ
1 ความคิดเห็น
ขอบคุณ