สวัสดีค่ะน้องๆ เดือนมิถุนายน ถือเป็นเดือนแห่งการเฉลิมฉลองของกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศ หรือ LGBTQ โดยจะเรียกเดือนนี้กันว่า Pride Month ซึ่งจะเห็นได้ว่าปัจจุบันหลายๆ ประเทศ รวมทั้งประเทศไทยเอง มีการรณรงค์และผลักดันในเรื่องของความเท่าเทียมกันทางเพศอยู่ตลอด
อย่างในช่วง 3 - 4 ปีมานี้ หลายๆ มหาวิทยาลัยในประเทศไทยก็ให้สิทธิและเสรีภาพเรื่องการแต่งกาย การแต่งเครื่องแบบนิสิตนักศึกษามากขึ้น อนุญาตให้น้องๆ สามารถแต่งตัวตามเพศสภาพ หรือเพศที่แสดงออกได้ โดยออกเป็นแนวปฏิบัติ หรือข้อบังคับของมหาวิทยาลัย เช่น มหาวิทยาลัยนเรศวร, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นต้น ซึ่งล่าสุดมีอีก 1 มหาวิทยาลัย อย่าง มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ที่ออกประกาศในเรื่องนี้มาเช่นกัน
ม.อ. อนุญาตให้แต่งกายตามเพศสภาพ-ไม่ตรงกับเพศกำเนิดได้
เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมา ทางมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้ประกาศแนวปฎิบัติการแต่งกายของนักศึกษาตามเพศสภาพหรือเพศภาวะ หรืออัตลักษณ์ทางเพศไม่ตรงกับเพศกำเนิด พ.ศ.2564 โดยสรุปรายละเอียดได้ดังต่อไปนี้
"นักศึกษามีสิทธิแต่งกายด้วยเครื่องแบบนักศึกษาที่ใช้เป็นปกติ หรือในงานพิธีการ
ตามเพศสภาพ หรือเพศสภาวะ หรืออัตลักษณ์ทางเพศของตนได้
รวมทั้งนักศึกษามีสิทธิแต่งกายด้วยเครื่องแบบนักศึกษาเฉพาะกรณี
ตามเพศสภาพหรือเพศสภาวะ หรืออัตลักษณ์ทางเพศของตนได้
เว้นแต่การแต่งกายของนักศึกษาในรายวิชาปฏิบัติการ ให้เป็นไปตามข้อกำหนดของแต่ละคณะ"
คำจำกัดความ
ทางมหาวิทยาลัยยังระบุความหมายของคำว่า เพศสภาพ/เพศสภาวะ, อัตลักษณ์ทางเพศ และเพศโดยกำเนิด ไว้ดังนี้
เพศสภาพ หรือ เพศสภาวะ
- การแสดงพฤติพรรม การปฏิบัติ หรือแสดงบทบาททางเพศของบุคคล ซึ่งอาจตรง หรือไม่ตรงกับลักษณะเพศโดยกำเนิด
อัตลักษณ์ทางเพศ
- ลักษณะเฉพาะของบุคคล หรือตัวตนของบุคคล ซึ่งรวมทั้งจิตใจ และพฤติกรรมที่แสดงออกเกี่ยวกับลักษณะทางเพศสภาพ หรือเพศสภาวะของแต่ละบุคคล
เพศโดยกำเนิด
- เพศซึ่งถูกระบุไว้เมื่อแรกเกิด โดยใช้ลักษณะเพศทางสรีระ หรืออวัยวะเพศมาเป็นฐานในการกำหนด
ทั้งนี้ระเบียบการในการแต่งกายของนักศึกษา ยังคงเป็นไปตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัยที่ได้กำหนดไว้ในประกาศ ว่าด้วยเครื่องแบบนักศึกษามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ พ.ศ. 2560
ขอบคุณข้อมูลจากประกาศของมหาวิทยาลัย
ตอนนี้หลายๆ มหาวิทยาลัยเข้าใจ และให้ความสำคัญในเรื่องการแต่งกายตามเพศสภาพ หรือไม่ตรงตามเพศกำเนิดมากขึ้น ก็นับว่าเป็นสัญญาณที่ดีมากๆ เลยนะคะ และพี่แนนนี่ก็เชื่อว่ายังมีอีกหลายมหาวิทยาลัยที่กำลังผลักดันเรื่องนี้อยู่เช่นกัน
3 ความคิดเห็น