คุยกับ "พี่จ๋า BNK48" ไอดอลคนเก่ง ว่าที่นิสิตเภสัชฯ จุฬาฯ พร้อมแชร์เทคนิคการเรียนเพื่อคณะในฝัน

“ฉันส่งวิ้งค์ 3 ครั้ง คงเข้าที จัด 3 ครั้ง ให้เธอ 1 ครั้ง คงน้อยไป ถ้าให้ 4 มันคงจะดูเยอะไป~”

ขอเปิดด้วยเพลงน่ารักๆ เติมความสดใสกันสักหน่อย >< สวัสดีน้องๆ ทุกคนนะคะ กลับมาเจอกับพี่หลิงในบทความของ Dek-D TCAS กันอีกแล้ว ดูจากเนื้อเพลงข้างต้นเนี่ย คงเดาได้ว่าหัวข้อของเราวันนี้ต้องเกี่ยวข้องกับไอดอลแน่ๆ เลย ขอบอกว่าถูกต้องแล้วค่ะ เพราะรุ่นพี่ที่จะมาคุยกับเราวันนี้ไม่ใช่แค่นักเรียนคนเก่งว่าที่นิสิตเภสัช จุฬาฯ เท่านั้น แต่ยังเป็นถึงสมาชิกของวงไอดอลไทยชื่อดังอย่าง BNK48 อีกด้วย!  

ทั้งเก่ง ทั้งปังขนาดนี้ คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ‘พี่จ๋า - ณปภัช วรพฤทธานนท์’ หรือ ‘จ๋า BNK48’ อีกหนึ่งไอดอลที่รับผิดชอบทั้งงานและการเรียนได้ดีมากๆ จนสอบติดคณะสายวิทย์สุขภาพดังหวัง อย่างคณะเภสัชศาสตร์ สาขาวิชาเภสัชกรรมอุตสหการ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ในที่สุด อยากรู้กันแล้วใช่ไหมล่ะว่าพี่จ๋ามีเคล็ดลับอะไร? เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา เราตามไปอ่านเทคนิคการเตรียมตัวดีๆ จากพี่จ๋ากันเลยค่า

เทคนิคการเตรียมพร้อมก่อนเข้ามหาลัยฯ สไตล์พี่จ๋า

จัดอันดับอย่างไรให้ไม่พลาด มีโอกาสได้เรียนคณะที่อยากสูงสุด

ด้วยความหลงใหลในวิชาวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะชีววิทยา ทำให้พี่จ๋าตั้งใจศึกษาต่อในสายวิทยาศาสตร์สุขภาพ เมื่อถึงเวลาจัดอันดับ Admission เลยเลือกยื่นคณะสายนี้เป็นส่วนใหญ่ ทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้าเลือกตามความชอบอย่างเดียวก็ดูจะเสี่ยงเกินไป วิธีจัดอันดับของพี่จ๋าจึงใช้ทั้งเกณฑ์ความสนใจและความมั่นใจว่าเราจะไม่พลาดมาประกอบกัน

ในอันดับแรกๆ พี่จ๋าแนะนำให้สู้เพื่อคณะในฝัน ที่เราอยากเข้าสุดๆ ไปเลย ไม่ต้องกลัวหรือเครียดว่าคะแนนเราจะถึงไหม เพราะอย่างน้อยเราก็ได้เลือกไปแล้ว จะได้ไม่ต้องมาเสียดายทีหลัง ส่วนอันดับต่อๆ มา ก็ต้องดูทั้งคะแนนและความชอบประกอบกัน แล้วเลือกคณะที่คะแนนเรามีโอกาสสอบติด แต่ก็ควรมีความสนใจสนใจคณะนั้นอยู่ด้วยนะ เพราะเราต้องเรียนสิ่งนี้ไปอีกหลายปีเลย เมื่อเลือกคณะได้แล้ว จากนั้นก็เรียงอันดับไล่ลงมาตามคะแนนค่ะ

ส่วนอันดับท้ายๆ ควรเลือกคณะที่คะแนนของเราอยู่ใน Safe Zone หรือเป็นคณะที่เรามีคะแนนบวกจากปีก่อนๆ ค่อนข้างสูง เพราะจะได้มั่นใจว่าต่อให้ปีนี้คะแนนจะเฟ้อขึ้นหรือฝืดลงอย่างไร เราจะไม่มีทางหลุดจากอันดับนี้ไปแน่ๆ ค่ะ

เมื่อ Covid ทำพิษ แต่ชีวิตการเรียน (ออนไลน์) ยังต้องไปต่อ

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการเรียนออนไลน์บังคับให้นักเรียนหลายคนต้องปรับตัวครั้งใหญ่ พี่จ๋าเองก็เช่นกัน จากที่เคยได้ไปเจอเพื่อนๆ ที่โรงเรียน กลับต้องมานั่งเรียนที่บ้านคนเดียว แม้จะมีข้อดีอยู่บ้างตรงที่ช่วยประหยัดเวลาเดินทาง แต่การเรียนผ่านจอก็ทำให้เราตาล้า เสียสมาธิได้ง่าย และอาจรู้สึกเหนื่อยกว่าปกติ วันนี้พี่เลยนำทริคเรียน from home ให้ได้ประสิทธิภาพจากพี่จ๋ามาฝากกันค่ะ

อย่างแรกคือการสร้างบรรยากาศ เมื่อตื่นแล้วควรอาบน้ำ แต่งตัว กินข้าวให้เรียบร้อยเลย ร่างกายเราจะได้สดชื่น ตื่นตัวพร้อมรับการเรียนใหม่ๆ ที่สำคัญคือไม่ควรเรียนในห้องนอนนะ เพราะเตียงนี่เป็นตัวดึงความสนใจชั้นดี แถมยังทำให้ง่วงอีกต่างหาก!

ข้อต่อมาคือการตั้งเป้าหมายทั้งในระยะยาวและระยะสั้น เป้าหมายระยะยาวก็คือ วางแผนคณะที่เราอยากเข้า หรือในเดือนนี้จะเก็บเนื้อหาไหนให้จบ ข้อนี้พี่จ๋าบอกว่าจะเขียนเตือนตัวเองเอาไว้เลย ถ้าจะให้ดีแปะไว้ผนังบ้าน หรือที่ที่เห็นเด่นๆ จะได้ย้ำเตือนตัวเองว่าต้องทำให้ได้ ส่วนเป้าหมายระยะสั้น พี่จ๋าจะจดลง Planner เอาไว้เป็นลิสต์ว่าวันนี้จะทำอะไรบ้าง เพราะสิ่งนี้จะช่วยเราจัดลำดับความสำคัญของสิ่งที่ต้องทำ และยังมีแรงใจทำสิ่งนั้นๆ ให้สำเร็จลุล่วงด้วยนะ

ข้อสุดท้าย พี่จ๋าเน้นว่าควรหมั่นทบทวนเนื้อหาหลังเรียนออนไลน์เสร็จ รวมถึงทำ Shortnote สรุปไว้ จะได้จดจำเนื้อหาได้มากขึ้น สำหรับทริคการจด Shortnote ให้จำง่ายและน่าอ่านแบบพี่จ๋าก็ไม่ยากเลยค่ะ แค่จดเนื้อหาที่สรุปแล้วให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ถ้าส่วนไหนที่สำคัญ ก็เน้นให้ชัดด้วยการเขียนตัวใหญ่ๆ เข้าไว้ และนำสีที่แตกต่างมาช่วยในการจำค่ะ

ใครอยากได้ชีทสรุปสวยๆ จากพี่จ๋าเพิ่มเติม ตามไปได้ที่ Facebook: @bnk48official.jaa หรือ Instagram: @jaa.bnk48official แฮชแท็ก #StudyWithJaja ได้เลยค่า มีหลายวิชาเลยน้า

การหยุดพัก สุขภาพ สภาพจิตใจ ใครว่าไม่สำคัญ

การเป็นไอดอลที่ต้องฝึกซ้อมเป็นประจำควบคู่ไปกับการเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ใช่เรื่องง่าย แต่พี่จ๋าก็รับมือกับทั้งสองบทบาทได้ดีทีเดียวค่ะ เคล็ดลับของพี่จ๋าคือการจดจ่อกับสิ่งตรงหน้าเต็มที่ แบ่งเวลาทั้งสองกิจกรรมอย่างชัดเจน ซ้อมคือซ้อม เรียนคือเรียน เมื่อรู้สึกเหนื่อยเกินไปก็ไม่ฝืน ให้หยุดทุกอย่างไว้ก่อนแล้วไปหากิจกรรมผ่อนคลายทำ หรือจะนอนพักเลยไปเลยก็ได้ ตื่นมาแล้วค่อยหาของอร่อยๆ กิน จะช่วยเยียวยาความเหนื่อยล้าได้มากเลย

การดูแลสุขภาพให้แข็งแรงก็จำเป็นไม่แพ้กันค่ะ พี่จ๋าจะออกกำลังกายอยู่เป็นประจำ เพราะต้องซ้อมเต้นตลอดอยู่แล้ว นอกจากนั้นก็จะรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ทานน้ำผักเสริมให้ร่างกายได้สารอาหารครบถ้วน ในแง่สภาพจิตใจ พี่จ๋าจะคุยกับคนรอบข้างที่ไว้ใจบ่อยๆ อย่างครอบครัวหรือแก๊งเพื่อนสนิท เพื่อระบายความเครียด ช่วยกันปรับทุกข์ และแลกเปลี่ยนกำลังใจซึ่งกันและกัน พี่จ๋าบอกว่านี่เป็นวิธีที่ดีมากๆ เพราะมันช่วยเติมแรงใจให้เรา ไปพร้อมๆ กับย้ำเตือนยังมีเพื่อนที่พร้อมสู้ไปด้วยกันอีกเพียบเลย

เพราะวันสอบมีครั้งเดียว จึงต้องลองให้เหมือนจริงที่สุด

อีกสิ่งที่ขาดไม่ได้คือการจำลองสถานการณ์การสอบ เพราะต่อให้เราเตรียมตัวมาดีแค่ไหน แต่ถ้าเกิดตื่นสนามในวันจริงขึ้นมา เราอาจลนลานจนทำพลาดไปอย่างน่าเสียดาย ดังนั้นเวลาฝึกทำข้อสอบ พี่จ๋าจะพยายามฝึกจับเวลา และทำทุกอย่างให้เหมือนอยู่ในห้องสอบจริงๆ ที่สุด ถ้าน้องๆ คนไหนสะดวกเดินทาง สนามสอบ Pre-Test ก็เป็นอีกตัวช่วยที่ไม่ควรพลาด พี่จ๋าแอบกระซิบมาด้วยว่าได้ไปลองสนามสอบของ Dek-D Pre-Admission มาเหมือนกันล่ะค่ะ

สรุป 3 ทริคการเตรียมตัวเข้ามหาวิทยาลัยสไตล์พี่จ๋า

ฝากถึงเพื่อนๆ Dek64 และน้องๆ รุ่นต่อไป

“จ๋าก็ขอแสดงความยินดีกับเพื่อนๆ DEK64 ทุกคนเลยนะคะ ดีใจด้วยนะคะ มีที่เรียนกันแล้ว แต่สำหรับใครที่พลาดหวัง ก็ยังมีรอบต่อไปนะคะ อาจจะเหนื่อยบ้าง ท้อบ้าง แต่ก็อย่าเพิ่งละความพยายาม ความตั้งใจของเราไปนะคะ ส่วนสำหรับ DEK65 จ๋าก็ขอเป็นกำลังใจให้ และอยากให้น้องๆ ทุกคนเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมสำหรับการสอบเข้ามหาวิทยาลัยด้วยนะคะ”

เรียกได้ว่าเป็นไอดอลที่ครบเครื่องทั้งด้าน Performance ทั้งการเรียนคนหนึ่งเลย ทาง Dek-D TCAS ขอแสดงความดีใจกับพี่จ๋าที่สอบติด และขอขอบคุณที่มาแชร์เทคนิคดีๆ ให้เราได้ฟังกันนะคะ พวกเราเชื่อว่าพี่จ๋าจะเป็นแรงบันดาลใจให้รุ่นน้องได้อีกมากมายเลยล่ะค่ะ ^^ อ่านบทความนี้จบแล้วอย่าลืมนำทริคดีๆ ไปปรับใช้ แล้วฮึดสู้เพื่ออนาคตของเรากันนะคะ สำหรับวันนี้ขอลาไปก่อน สวัสดีค่า~