แนะแนวเตรียมความพร้อม TCAS65 สู่ "คณะแพทยศาสตร์"

สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D ทุกคน ปฏิเสธไม่ได้ว่าถ้าพูดถึงคณะยอดนิยมที่ใครหลายๆ คนหมายตาเอาไว้  ไม่ว่าจะเป็นตัวน้องๆ ม.6 ที่อยากจะเข้าไปเรียนในคณะนี้เอง หรือเป็นทางครอบครัว ทางผู้ปกครองที่อยากให้ลูก ให้หลานได้เรียนก็ตาม หนึ่งในนั้นจะต้องเป็น คณะแพทยศาสตร์ แน่นอน  ซึ่งที่ผ่านมาก็มีน้องๆ และผู้ปกครองจำนวนไม่น้อยเข้ามาสอบถามถึงเกณฑ์การรับสมัครของคณะนี้ วันนี้ TCAS Coach เลยรวบรวมข้อมูลของคณะนี้มาฝากกัน

 เตรียมความพร้อม TCAS65 สู่คณะแพทยศาสตร์ 

คณะนี้เรียนอะไร

คณะแพทยศาสตร์ เป็นคณะในกลุ่มวิทยาศาสตร์สุขภาพที่เรียนรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจของมนุษย์ ทั้งดูแล เยียวยา และรักษาอาการเจ็บป่วย หรือโรคต่างๆ ซึ่งในการเรียนปีแรก จะเป็นการเรียนในวิชาพื้นฐานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ และวิชาพื้นฐานทั่วไป อย่าง คณิตศาสตร์  แคลคูลัส ภาษาไทย  ภาษาอังกฤษ พอเข้าปี 2 - 3 ชั้นพรีคลินิก จะเริ่มได้เรียนพวกวิชาทางด้านการแพทย์มากขึ้น  ได้เรียนรู้ระบบร่างกายต่างๆ  มากขั้น พอปี 4 - 5 ก็จะเป็นชั้นคลินิก ได้เริ่มเรียนรู้การทำงานของแพทย์ ไปเรียนกับเคสจริงๆ ในโรงพยาบาล ได้ไปช่วยดูแลคนไข้ หยิบจับนู่นนี่ตามวอร์ดต่างๆ ส่วนปี 6 ปีสุดท้าย หรือที่เราจะเรียกกันว่า Extern ก็จะเริ่มรักษาคนไข้จริงๆ ได้ไปอยู่ตามโรงพยาบาลในจังหวัดต่างๆ  ได้ดูแลรักษาคนไข้เต็มๆ กันไปเลย

คณะนี้เหมาะกับใคร

1. เหมาะกับคนที่พร้อมจะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เพราะการเป็นแพทย์จะได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ ตลอดชีวิต อาจจะเจอโรคใหม่ๆ ไวรัสตัวใหม่ หรือมีเคสใหม่ๆ  ให้ทำการรักษาในอนาคตก็ได้
2. ไม่ว่าม.ปลายจะจบจากแผนการเรียนไหน จะเป็นวิทย์-คณิต ศิลป์-คำนวณ ศิลป์-ภาษา หรือเป็นนักเรียนเทียบเท่าม.6 ก็สามารถยื่นสมัครผ่าน กสพท ได้หมด ไม่มีกำหนด GPAX ขั้นต่ำ
3. สำหรับคณะแพทยฯ จะมีโครงการผลิตแพทย์เพื่อชนบท ที่เปิดโอกาสให้นักเรียนที่มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ที่กำหนดเข้ามาเรียน และกลับไปทำงานอยู่ที่ภูมิลำเนาของตัวเอง
4. การทำงานของแพทย์จะต้องเข้าใจปัญหา และความเจ็บปวดของผู้อื่น

สาขาวิชาในคณะแพทยศาสตร์

โดยทั่วไปแล้วคณะแพทยศาสตร์ จะเปิดสอนในหลักสูตร หรือสาขาวิชาเดียว ก็คือ แพทยศาสตรบัณฑิต (พ.บ.) ที่เป็นหลักสูตร 6 ปีการศึกษานั่นเอง จะไม่มีสาขาวิชาย่อยออกไปอีก  แต่ในบางมหาวิทยาลัยอาจจะเห็นว่ามีหลักสูตร หรือสาขาวิชาอื่นๆ ที่เปิดสอน สังกัดอยู่ในคณะแพทยฯ ด้วย เช่น สาขาวิชาปฏิบัติการฉุกเฉินการแพทย์ สาขาวิชาความผิดปกติของการสื่อความหมาย สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ข้อมูลสุขภาพ สาขาวิชาเวชนิทัศน์ สาขาวิชาเทคโนโลยีการศึกษาการแพทย์ สาขาวิชากายอุปกรณ์ เป็นต้น  หรือบางมหาวิทยาลัยก็มีสาขาวิชาทางสหเวชศาสตร์ด้วย เช่น สาขาวิชารังสีเทคนิค สาขาวิชากายภาพบำบัด สาขาวิชาเทคนิคการแพทย์ เป็นต้น  ซึ่งจะได้รับวุฒิการศึกษาอื่นๆ ไม่เกี่ยวข้องกับแพทย์ เช่น วิทยาศาสตรบัณฑิต (วท.บ.)  เทคโนโลยีบัณฑิต (ทล.บ.)  เป็นต้น

มหาวิทยาลัยที่เปิดสอนคณะแพทยศาสตร์

• จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  • หลักสูตรปกติ
  • หลักสูตรนานาชาติ
  • คณะแพทยศาสตร์-กรมแพทย์ทหารอากาศ กองทัพอากาศ
• มหาวิทยาลัยขอนแก่น
• มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
• มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
  • หลักสูตรปกติ
  • หลักสูตรภาษาอังกฤษ
• มหาวิทยาลัยนเรศวร
• มหาวิทยาลัยมหิดล
  • คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
  • คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
  • คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี-วิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์
• มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
  • หลักสูตรปกติ
  • มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ-มหาวิทยาลัยนอตติงแฮม
• มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
• มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช (คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล)
• วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า
• มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
• มหาวิทยาลัยบูรพา
• มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
• มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์
• มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
• มหาวิทยาลัยพะเยา
• มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
• มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
• สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
  • หลักสูตรนานาชาติ

มหาวิทยาลัยเอกชน (แพทยสภารับรอง)

• มหาวิทยาลัยรังสิต
• มหาวิทยาลัยสยาม

ค่าธรรมเนียมการศึกษา

• จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 34,000 บ. / ภาคการศึกษา
• มหาวิทยาลัยมหิดล 30,000 บ. / ภาคการศึกษา
• มหาวิทยาลยขอนแก่น 18,000 บ. / ภาคการศึกษา
• มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง 50,000 บ. / ภาคการศึกษา
• มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 20,000 บ. / ภาคการศึกษา

ตัวอย่างโครงการที่เปิดรับแต่ละรอบ (อ้างอิงข้อมูลจาก TCAS64)

อาชีพหลังจบการศึกษา

เรียนจบคณะแพทยศาสตร์ 6 ปี จะได้เป็น "แพทย์" แน่นอนค่ะ แต่ก่อนที่จะไปทำงาน หรือเป็นแพทย์แบบเต็มตัวได้ จะต้องผ่านการสอบใบประกอบวิชาชีพก่อน โดยการสอบจะมีทั้งหมด  3 รอบ ได้แก่ ตอนจบชั้นปีที่ 3, ตอนจบชั้นปีที่ 5 และตอนจบชั้นปีที่ 6 

หลังจากที่สอบใบประกอบวิชาชีพผ่านเรียบร้อยแล้ว ก็จะต้องไปเป็น Intern ใช้ทุนกันก่อน (ถ้าใครไม่อยากใช้ทุน ก็จ่ายค่าปรับแทน) ถึงจะสามารถเลือกสถานที่ทำงาน โรงพยาบาล หรือคลินิกเองได้ แต่ถ้าใครอยากจะเป็นแพทย์เฉพาะทาง หรือรักษาแบบเฉพาะด้าน ก็จะต้องไปเรียนต่อกันอีกหลายปีเลยล่ะ

รอบการรับสมัครของคณะแพทยศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดในแต่ละปี จะเป็นการรับผ่าน กสพท ในรอบ Admission  และมักจะไม่เปิดรับสมัครรอบรับตรงอิสระ หรือ TCAS รอบ 4 ดังนั้นวางแผนการสมัครให้รอบคอบกันนะคะ ส่วนถ้าใครสนใจสาขาวิชาอื่นๆ ที่สังกัดในคณะแพทยฯ ให้รอติดตาม TCAS Coach ครั้งต่อๆ ไป นะคะ