หลัก 3 "Self" พัฒนาตนเองสำหรับชาว GEN Z | EP. 3 การปรับตัวจากเด็กนักศึกษาสู่วัยทำงาน

หลัก 3 "self" ตัวช่วยค้นหาตัวเอง+สร้างความมั่นใจ 
ให้ชาว GEN Z

EP. 3 Self-Esteem หลักในการสร้างความมั่นใจสำหรับเด็กจบใหม่

สวัสดีค่ะ น้องๆ ชาว Dek-D ทุกคน จากบทความ 2 EP. ที่ผ่านมานั้นได้เล่าถึงเส้นทางชีวิตของวัยรุ่นวัยเรียนทั้งก่อนเข้ามหาวิทยาลัย และการใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยไปแล้ว สำหรับบทความนี้จะเล่าถึงเรื่องราวต่างๆ ที่นักศึกษาจบใหม่อาจจะต้องพบเจอหลังจากเรียนจบค่ะ

        ชีวิตของเราทุกคนล้วนต้องมีช่วงเวลาที่เปลี่ยนผ่านอยู่เสมอ เริ่มต้นตั้งแต่การเข้าเรียนในระดับชั้นปฐมวัยจนเรียนจบในระดับอุดมศึกษา และสุดท้ายก็คือการทำงาน ซึ่งวัยทำงานคงเป็นช่วงชีวิตที่หลายคนอาจรู้สึกกังวลและไม่มั่นใจมากที่สุด โดยเฉพาะนักศึกษาจบใหม่ที่ต้องเข้าสู่ชีวิตของการเป็นผู้ใหญ่อย่างเต็มตัว

หลัก 3 "self" ตัวช่วยค้นหาตัวเอง+สร้างความมั่นใจ ให้ชาว GEN Z EP. 3 Self-Esteem หลักในการสร้างความมั่นใจสำหรับเด็กจบใหม่
หลัก 3 "self" ตัวช่วยค้นหาตัวเอง+สร้างความมั่นใจ ให้ชาว GEN Z EP. 3 Self-Esteem หลักในการสร้างความมั่นใจสำหรับเด็กจบใหม่

3 ปัญหาสำคัญเมื่อเด็กจบใหม่ต้องเข้าสู่ชีวิตการทำงาน

สิ่งที่เด็กจบใหม่ต้องเผชิญอีกครั้งคงหนีไม่พ้นเรื่องของการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ที่เป็นสังคมชีวิตการทำงาน แน่นอนว่าสังคมของการทำงานนั้นต่างจากสมัยเรียนที่เรามีหน้าที่รับผิดชอบแค่เรื่องเรียนเท่านั้น แต่เมื่อเข้าสู่วัยทำงานเราต้องรับผิดชอบและแบกรับภาระที่เพิ่มขึ้น ต้องตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง และอาจต้องแข่งกับเพื่อนร่วมงาน เพื่อทำผลงานให้เป็นที่น่าพอใจ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้เราเกิดความไม่มั่นใจในความรู้และความสามารถของตนเอง รวมถึงปัญหาอื่นๆ อีกมากมาย

ทำงานไม่ตรงสายกับที่เรียนมา

ช่วงมหาวิทยาลัยเราได้เข้าไปเรียนรู้และสัมผัสประสบการณ์ต่างๆ ทำให้เราได้เห็นว่าตัวเองถนัดด้านใดและสนใจเรื่องใดบ้าง สำหรับบางคนที่เรียนแล้วรู้สึกชอบ และสนุกกับสิ่งที่เรียนก็สามารถต่อยอดกับการทำงานได้ แต่กลับกันบางคนที่เรียนไปตามหลักสูตรอาจค้นพบว่าสิ่งที่ตัวเองเคยสนใจกลับไม่ใช่สิ่งที่ต้องการแล้ว จนเกิดความรู้สึกด้านลบกับสิ่งนั้น ส่งผลให้ตัดสินใจเปลี่ยนสายงาน สาขาอาชีพ และเริ่มมองหาเส้นทางใหม่ที่ตัวเองสามารถทำได้ แต่บางคนก็อาจมองว่าเป็นเรื่องยากที่เราจะก้าวออกมาจากจุดที่คุ้นเคย เพราะกลัวเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากคนรอบข้างที่อาจไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทางเดินใหม่ 

อยากให้เวลาตัวเอง เพื่อค้นหาสิ่งที่ใช่

มีเด็กจบใหม่หลายคนที่เรียนจบแล้วยังไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร และรู้สึกว่าตัวเองยังไม่มีความพร้อมสำหรับการทำงานแต่ก็ไม่ได้อยากเรียนต่อ จึงอยากให้เวลาตัวเองได้ลองค้นหาและทบทวนตัวเองให้มากขึ้น

ซึ่ง GAP YEAR เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่หลายคนอยากทำ เพื่อให้ตัวเองได้เรียนรู้และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ใหม่ๆ ที่อาจสร้างแรงบันดาลใจให้กับชีวิต และใช้เวลาส่วนนี้พัฒนาตัวเองเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการทำงาน แต่เมื่ออยากทำก็ไม่มั่นใจว่าควรทำหรือไม่ กังวลว่าจะทำให้เสียเวลาหรือเสียโอกาสในการทำงานไป ซึ่งปัจจัยเหล่านี้อาจทำให้เกิดความรู้สึกไม่มั่นคง เพราะต้องมีเงินสำรองสำหรับการใช้ชีวิตในช่วง GAP YEAR ด้วย 

รู้สึกว่าตัวเองเก่งไม่พอ

ในปัจจุบันตลาดแรงงานมีการแข่งขันสูงพอสมควร หลายองค์กรต้องการพนักงานที่มีความรู้ ความสามารถรอบด้านเข้ามาทำงาน สำหรับนักศึกษาจบใหม่ที่ยังไม่มีประสบการณ์ในการทำงานอาจรู้สึกขาดความมั่นใจในการเข้าสู่ตลาดแรงงานที่มีอัตราการแข่งขันสูง หรือ บางคนที่ไม่เคยชื่นชมตัวเอง และยังรู้สึกว่าตัวเองเก่งไม่พอ เพราะคิดว่าความสามารถของตัวเองยังดีเทียบเท่าคนอื่นไม่ได้ ความคิดเหล่านี้เป็นสิ่งที่สร้างความกดดัน และยิ่งเพิ่มความกลัวให้กับตัวเอง ส่งผลให้เรามีความมั่นใจที่ลดน้อยลงไป

3 ปัญหาสำคัญเมื่อเด็กจบใหม่ต้องเข้าสู่ชีวิตการทำงาน
3 ปัญหาสำคัญเมื่อเด็กจบใหม่ต้องเข้าสู่ชีวิตการทำงาน

Self-Esteem หลักในการสร้างความมั่นใจสำหรับเด็กจบใหม่

การปรับตัวเข้าสู่วัยทำงานในวิกฤตการณ์โควิด-19 เป็นเรื่องที่ค่อนข้างลำบาก เพราะปัญหาเศรษฐกิจ ทำให้ตำแหน่งงานมีจำนวนลดลง หลาย ๆ บริษัทจึงมีความคาดหวังในตัวผู้สมัครเพิ่มขึ้น คุณสมบัติของผู้สมัครจึงสูงขึ้นตามไปด้วย   ทำให้นักศึกษาจบใหม่ที่ยังไม่มีความมั่นใจในตัวเองจะยิ่งรู้สึกกดดัน

ซึ่งวิธีการเตรียมตัวรับมือและสร้างความมั่นใจนั้น สามารถทำได้โดยการมี Self-esteem ที่จะช่วยเป็นเกราะป้องกันทางความรู้สึก ทำให้เราเชื่อมั่นและเห็นคุณค่าในตัวเองมากขึ้น

Self-Esteem คืออะไร?

คือ การมีมุมมองต่อตัวเองในทางที่ดี รักตัวเองในแบบที่ตัวเองเป็น พร้อมทั้งเคารพและเห็นคุณค่าในตัวเอง ซึ่งจะส่งผลให้เรามั่นใจในความสามารถของตัวเอง และกล้าที่จะเผชิญกับสิ่งต่างๆ โดยไม่ปล่อยให้ผู้อื่นมาตัดสินตัวเรา ในทางกลับกันบางคนอาจมีความรู้สึกในด้านลบกับตัวเอง คิดว่าเราไม่ดีหรือไม่เก่งเหมือนคนอื่น อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าเรามี Self-Esteem ต่ำ ดังนั้นการปรับเปลี่ยนนิสัยและทัศนคติของเราจึงมีความสำคัญ เพื่อให้เราเห็นคุณค่าของตัวเองมากขึ้น โดยสามารถทำได้ด้วย 4 วิธีการ ดังนี้

1.หาตัวเองให้เจอและตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน

          จุดเริ่มต้นที่สำคัญคือ ต้องเริ่มจากสิ่งที่ตัวเองถนัดหรือทำได้ดีอยู่แล้ว ซึ่งอาจเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่เราอาจมองข้ามไป เช่น อ่านนิยาย วาดภาพ เล่นเกม สิ่งเหล่านี้สามารถนำไปต่อยอดเพื่อสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับเราได้ แต่การที่จะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้สำเร็จได้ต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน เพื่อไม่ให้เราหลงทาง โดยเป้าหมายที่ตั้งอาจไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องใหญ่มาก แต่ประเมินแล้วว่าเราสามารถทำได้ เพราะถ้าเป็นเป้าหมายที่ใกล้ตัวและมีความชัดเจนจะทำให้เรามีกำลังใจ กล้าทำ และมั่นใจว่าตัวเองสามารถทำสำเร็จได้

2.ไม่โทษตัวเองและยอมรับข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น

บางคนชอบความสมบูรณ์แบบหรือเรียกว่าได้ว่าเป็น Perfectionist ทุกอย่างที่ทำต้องตรงตามแผนที่วางไว้ ทั้งในด้านการทำงานและชีวิตส่วนตัว จึงพยายามหลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้เกิดความผิดพลาด เพราะตั้งใจและคาดหวังกับทุกๆ สิ่งที่ตัวเองทำต้องมีความสมบูรณ์แบบ แต่เมื่อสิ่งนั้นผิดพลาดไม่เป็นตามแผนที่ตั้งไว้ ความมั่นใจที่มีก็อาจลดลงจึงทำให้โทษตัวเอง และจมอยู่กับความผิดพลาดเหล่านั้นเป็นเวลานาน 

เพื่อให้เป็นผลดีต่อสภาพจิตใจของตัวเอง ไม่ควรตอกย้ำความผิดพลาดของตัวเองและไม่ควรคิดว่าสิ่งนั้นไม่สามารถแก้ไขได้ ทุกปัญหาที่เกิดขึ้นมีทางออกและทางแก้ไขเสมอ การยอมรับความผิดพลาดโดยมองว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ จะทำให้เรารู้สึกแย่กับตัวเองน้อยลง รู้จักให้อภัยตัวเองในทุกครั้งที่ผิดพลาดแทนการโทษตัวเอง เมื่อเราสามารถลดความสมบูรณ์แบบภายในใจลงได้ จะทำให้เรารู้สึกมีความสุขและรู้สึกดีกับตัวเองมากขึ้น  

3.หลีกเลี่ยงการดูถูกตัวเอง ชมตัวเองให้มากขึ้น

หลายคนอาจเคยดูถูกตัวเองด้วยคำพูด และความคิดต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อจิตใจ ซึ่งสิ่งเหล่านี้มักจะผุดขึ้นมาบ่อยเมื่อเราเริ่มไม่มั่นใจกับสิ่งที่จะทำ จึงเลือกที่จะหนีและไม่พยายามลงมือทำ ซึ่งการทำแบบนี้ถือเป็นการไม่เคารพตัวเอง และลดคุณค่าของตัวเอง หากยังมีความรู้สึกด้านลบแบบนี้ต่อตัวเองไปเรื่อยๆ จะยิ่งทำให้เรารู้สึกแย่กับตัวเองมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลต่อสภาพจิตใจของเราได้ในอนาคต 

ทางที่ดีพยายามหลีกเลี่ยงการดูถูกตัวเอง เราทุกคนต่างมีข้อดี และความสามารถที่แตกต่างกันออกไป บางอย่างที่คนอื่นทำไม่ได้ เราอาจจะทำได้ดี ลองใจดีกับตัวเองเยอะๆ ให้รางวัลตัวเองด้วยการชื่นชมตัวเองบ่อยๆ ไม่ว่าจะเรื่องเล็กน้อย ทำทุกวันให้กลายเป็นความเคยชินแล้ว Self-Esteem ของเราก็จะค่อยๆ เพิ่มขึ้น

 4.ลดการถ่อมตัวลงและเปิดใจรับคำชมจากผู้อื่นมากขึ้น

        หลายครั้งเราอาจได้รับคำชื่นชมจากคนรอบข้างว่าสิ่งที่เราทำนั้นน่าประทับใจ แต่เรามักตอบกลับไปแบบถ่อมตัวว่า ‘ไม่ขนาดนั้นหรอก’ ‘ยังต้องฝึกอีกเยอะเลย’ ‘ชมกันเกินไปหรือเปล่า’ แต่รู้หรือไม่ว่าการที่เราถ่อมตัวมากจนเกินไป และไม่ยอมรับคำชมจากคนอื่นอาจทำให้เราละเลยข้อดีของตัวเอง จนอาจขาดความเชื่อมั่นในตัวเอง ทั้งที่มีความสามารถที่โดดเด่นและน่าชื่นชม เป็นการลดคุณค่าในตัวเองอีกรูปแบบหนึ่ง ดังนั้นลองเปลี่ยนการตอบกลับด้วยไปอย่างมั่นใจ ว่า ‘ขอบคุณ’ แทน ช่วงแรกอาจจะรู้สึกว่าฝืนอยู่บ้างแต่เมื่อทำไปนานๆ จนเกิดความเคยชิน สิ่งนี้จะช่วยให้เรามีความมั่นใจและเห็นคุณค่าในตัวเองมากขึ้น 

Self-Esteem หลักในการสร้างความมั่นใจสำหรับเด็กจบใหม่
Self-Esteem หลักในการสร้างความมั่นใจสำหรับเด็กจบใหม่

สำหรับนักศึกษาจบใหม่ที่กำลังจะก้าวเข้าสู่วัยทำงาน การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้อาจไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเราจะรับมือกับสิ่งที่เราจะต้องเจอไม่ได้ หากใครที่กำลังรู้สึกว่าตัวเองกำลังเผชิญอยู่กับความรู้สึกแย่ หรือเป็นกังวลก็สามารถนำคำแนะนำจากบทความนี้ไปปรับใช้เพื่อทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น และสามารถรับมือกับสิ่งต่างๆ ที่จะต้องพบเจอได้

 

        สุดท้ายนี้ พี่แป้งแนะนำว่าให้ลองนำหลักการต่างๆ จากบทความทั้ง 3 EP. ไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับตัวเองดูนะคะ เชื่อว่าทุกคนจะสามารถก้าวผ่านปัญหาต่างๆ ที่เข้ามาได้อย่างแน่นอน และหวังว่าบทความเรื่อง หลัก 3 "Self" ตัวช่วยค้นหาตัวเอง+สร้างความมั่นใจ ให้ชาว GEN Z ทั้ง 3 EP. นี้จะเป็นประโยชน์ และช่วยให้ทุกคนได้เสริมสร้างทัศนคติเชิงบวก หรือเสริมสร้างกำลังใจ สำหรับการใช้ชีวิตทั้งในปัจจุบันและอนาคตของทุกคนนะคะ ^^

ขอบคุณข้อมูลจากhttps://faithandbacon.com/self-esteem/https://ihealzy.com/self-esteem/https://www.youdee.redcross.or.th/post/self-esteem-%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3

 

พี่แป้ง

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น