เปิดเส้นทางเข้ามหา'ลัย "บูม-สหรัฐ เทียมปาน" แชมป์ The Star Idol สู่รั้ว มศว เอกการแสดง-กำกับการแสดง

สวัสดีค่ะน้องๆ หลังจากคราวที่แล้ว TCAS IDOL พาน้องๆ ไปล้วงเทคนิคการยื่นสมัครเข้ามหาวิทยาลัยในระบบ TCAS ของ กร-Proxie กันมาแล้ว คราวนี้พี่แนนนี่ขอพาน้องๆ ไปพูดคุยกับอีก 1 ศิลปิน T-POP ที่พึ่งจะสอบติดมหาวิทยาลัย ได้เป็นเฟรชชี่น้องใหม่รั้วเทาแดง ย่านอโศก อย่าง “บูม - สหรัฐ เทียมปาน” แชมป์ The STAR Idol คนแรกของประเทศไทย ถึงวิธีเตรียมตัวยื่นสมัครเข้ามหาวิทยาลัยใน TCAS65 รอบ Portfolio แถมตามไปล้วงเคล็ดลับในการค้นหาตัวเองกันด้วย

เปิดเส้นทางเข้ามหา'ลัย "บูม-สหรัฐ เทียมปาน" แชมป์ The STAR Idol สู่รั้วมศว เอกการแสดง-กำกับการแสดง

Q : แนะนำตัวคร่าวๆ  ให้ชาว Dek-D รู้จักกันหน่อย

บูม - สหรัฐ เทียมปาน ครับ จบ ม.6 จากโรงเรียนหอวัง ห้องเรียนพิเศษดนตรี ปัจจุบันผ่านการคัดเลือก TCAS65 รอบ Portfolio เป็นนิสิตปีที่ 1 วิทยาลัยนวัตกรรมสื่อสารสังคม สาขาวิชาภาพยนตร์และสื่อดิจิทัล (2 ภาษา) วิชาเอกการแสดงและกำกับการแสดงภาพยนตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

Q : ย้อนเล่าชีวิต ม.6 ให้ฟังหน่อย

ช่วง ม.6  ของผมตอนนั้นประกวด The Star Idol แล้วก็อยู่ในช่วงเรียนออนไลน์พอดี ก็ซ้อมไปด้วยเรียนไปด้วย บางครั้งที่เข้าห้องเรียนไม่ได้ ก็ตามเคลียร์งานส่งแทนครับ  คือเพื่อนๆ คุณครู ที่โรงเรียนก็เข้าใจที่ต้องไปประกวด ไปทำงาน เพราะทางโรงเรียนก็ขึ้นป้าย ทั้งหน้าโรงเรียน หลังโรงเรียน ในเว็บไซต์ มีหน้าผมหมดเลย ทุกคนรู้ เพื่อนๆ ก็ช่วยตามงานให้ ผมก็แค่ทำส่งให้ครบตามวิชา

ผมไม่ใช่เด็กวิชาการเท่าไหร่ เป็นเด็กกิจกรรม แต่ตอนเรียนก็เรียนเต็มที่ แบบพวกที่ถนัดที่สุดตอนเรียนมัธยม แนะแนว ชมรม เป็นวิชาได้ไหม ไม่ชอบสุดๆ เลยคือเลขครับ อันนี้ไม่ได้เลย ส่วนภาษาอังกฤษพอได้บ้าง

Q : แรงบันดาลในการเลือกคณะนี้ สาขานี้ คืออะไร

ทีแรกผมก็อยากเรียนสายดนตรี เหมือนตอน ม.ปลายต่อนะ แต่ก็เริ่มเอียนกับพวกทฤษฎีตัวโน้ตแล้ว ผมก็เลยหาสิ่งที่อยากลองเรียน ซึ่งก็คือการแสดงอะไรแบบนี้ ทีแรกเลือกเป็นคณะศิลปกรรมศาสตร์ เอกละครเวทีไว้ แต่พอมาเจอนวัตกรรมฯ จะเป็นแบบภาพยนตร์ เป็นสื่อดิจิทัลอะไรแบบนี้ ก็เลยคิดว่าน่าจะเหมาะกับผมมากกว่า เป็นพวกทำรายการ พวกแสดง กำกับภาพยนตร์ น่าจะต่อยอดได้มากกว่าสำหรับผม  ก็เลยเปลี่ยนกะทันหัน  การทำงานในวงการก็มีส่วน พออยู่ใน The Star เริ่มทำงานไปสักพักเลยคิดว่าผมอยู่นวัตกรรมฯ น่าจะดีกว่า

Q : ที่พูดมาเหมือนปักมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒไว้ในใจเป็นพิเศษเลย

ที่ผมเลือก มศว เป็นเพราะใกล้ตึกแกรมมี่ด้วย ตอนแรกจะไป ม.นึง เขามีทุนเรียนฟรีให้ด้วย น่าจะสบายเรื่องค่าใช้จ่าย แต่จะไม่สบายตรงเรื่องการเดินทาง เลยตัดสินใจเลือก มศว ดีกว่า เวลามาทำงานก็จะได้สะดวก อีกอย่างนักแสดง ศิลปินหลายคนก็อยู่ที่นี่ด้วย

Q : วางแผนการยื่นสมัครใน TCAS เป็นยังไง

ผมคิดง่ายๆ แบบว่า ถ้ารอบแรกไม่ติด ก็คงต้องหาที่เรียนใหม่ คือผมไม่ได้เป็นคนที่เรียนเก่งอะไร  ถ้าไม่ได้ก็แค่หาที่อื่นไป แต่ดูใน มศว นี่แหละ น่าจะกลับไปดูคณะศิลปกรรมศาสตร์ เหมือนเวลารับสมัครไม่พร้อมกัน เหมือนศิลปกรรมฯ ไม่ได้เปิดรับ TCAS รอบ 1 ด้วย เปิดรอบ 2 เลย ผมก็เลยสมัครนวัตกรรมฯ ก่อน แล้วถ้าไม่ผ่านรอบแรก ก็จะไปสมัครศิลปกรรม รอบ 2  เลย

Q : เตรียมตัวยื่น Portfolio ยังไงบ้าง

ที่จริงคณะผม แค่ยื่น Portfolio ถ้าผ่านก็มีแค่สอบสัมภาษณ์อย่างเดียว  จากเกณฑ์ ผมก็มีผลงานด้านการแสดงมาบ้าง เคยผ่านการแสดงมา แต่ไม่ได้เป็นตัวเอก เป็นรับเชิญมากกว่า  ส่วนที่ใส่ๆ เพิ่มไปใน Portfolio อีกผมก็ยื่นผลงานจากรายการ The Star แล้วก็ที่ผมเคยประกวดร้องเพลงผ่านๆ มา ทำตัวให้ดูมีกิจกรรมเยอะๆ 

Q : ต้องแสดงละครส่งไปด้วย เล่าให้ฟังหน่อยเล่นอะไรไป

เป็นอะไรที่น่าอายมากครับ ผมจะไม่มีวันเปิดให้ใครดูเด็ดขาด เป็นคลิปแบบว่า เป็นการแสดงที่ผมคิดว่าคณะนี้น่าจะต้องการความสร้างสรรค์อะไรแบบนี้ครับ ผมเลยคิดพล็อตแบบว่า เช้าวันนึงผมตื่นขึ้นมา แล้วผมก็กลายเป็นผู้หญิง แล้วผมก็มองสำรวจตัวเอง ว่าเป็นยังไงอะไรแบบนี้

Q :  เล่าตอนสอบสัมภาษณ์ให้ฟังหน่อย

ก่อนหน้าสมัคร ผมไปหาข้อมูลว่า สอบสัมภาษณ์จะเป็นประมาณไหน  อารมณ์ไหน แล้วก็หาหนังดูเพิ่ม เพราะสาขานี้เกี่ยวกับหนัง แล้วด้วยความเป็นหลักสูตรภาษาอังกฤษ สอบสัมภาษณ์ก็มีภาษาอังกฤษด้วย ผมก็เตรียมคำศัพท์ง่ายๆ ไว้ก่อนไว้ด้วย พอตอนสัมภาษณ์ส่วนมากเขาก็ถามประมาณว่า เราชอบดูหนังไหม? มีใจรักกับคณะนี้ไหมมากกว่า  แล้วอาจารย์ก็มีถามถึงว่า จบรายการ The Star เราได้อะไรมาบ้าง ประมาณนี้ 

Q : มีอาจารย์ หรือเพื่อนๆ จำเราได้บ้างไหม

ตอนนั้นเป็นสัมภาษณ์ออนไลน์ผ่าน zoom ในห้องสัมภาษณ์มีหลายคน รอสอบเป็นสิบ อาจารย์ไม่มีทักนะครับ แต่ก็มีเพื่อนบางคนจำได้ มาถามว่า ใช่บูม เดอะสตาร์ไหม แล้วก็มีให้ผมร้องเพลงให้ฟัง แต่ผมเขิน เลยไม่ได้ร้องไป

Q : โมเมนต์ตอนเห็นรายชื่อว่าผ่านการคัดเลือกเป็นยังไงบ้าง

ดีใจครับ ดีใจอยู่แล้ว แต่ช่วงนั้นหลายมหาวิทยาลัยประกาศรายชื่อออกมา พอเห็นเพื่อนๆ เอามาลงโซเชียล ก็รู้สึกอยากเอามาลงบ้าง แล้วพอประกาศผมเห็นชื่อ ก็รีบเอามาลงเลย เพราะแฟนคลับเองก็รอลุ้นอยู่เหมือนกัน

Q : แอบเห็นรูปใส่ชุดนิสิตแล้วเป็นไงบ้าง

วันนั้นผมเข้าไปซื้อชุดนิสิต พอได้มาก็ตื่นเต้น เอามาใส่ถ่ายรูปเล่นลง IG เลยครับ เสื้อเลยอาจจะดูยับๆ หน่อย ตอนนี้ผมยังไม่เปิดเรียนที่มหาวิทยาลัยเลยครับ  แต่ก็แอบมีการบ้าน มีโปรเจค ให้เตรียมการแสดง เตรียมโชว์ของสาขา ในวันรับน้อง เขาก็ให้แต่ละเอก คิดการแสดง เตรียมเอง ซ้อมเองมาโชว์ ของเอกผมมีประมาณ 33 คน ก็ช่วยๆ กันทำ ส่วนตัวผมชอบการทำงานเป็นทีมอยู่แล้ว ทำกับคนเยอะๆ สนุกดีครับ

Q : เรียนด้านการแสดงกำกับการแสดงแบบนี้ ในอนาคตมีแนวบทละครที่อยากเขียนไหม

บทละครที่ผมอยากเขียน คือ ให้ตัวเอกเป็นคนแปลกๆ ออกแนวเป็นโรคจิตครับ

Q : ข้ามมาพาร์ตการทำงานกันบ้าง เล่าเรื่องเพลงให้ฟังหน่อย มีส่วนร่วมยังไงบ้าง

ถ้า "เพลงถ้าเธอยังไหว" เพลงประกอบละครเรื่องใต้หล้า บูมมีส่วนร่วมคือ....เป็นนักร้องนี่แหละครับ (หัวเราะ) แต่ถ้าเป็นเพลงก่อนหน้านี้ ก็จะมีส่วนร่วมเยอะหน่อย อย่าง "เพลงแค่นั้นก็มากพอ" เพลงที่ 2 ผมแต่งทำนอง ส่วนเพลงแรกในชีวิต  "ถ้าเธอไม่ได้คิดอะไร" ผมมีได้ไปร่วมแต่งท่อนแร็บ และทำนองเลย แต่ในอนาคตผมก็อยากทำเองให้ครบ 100% เลย รอดูกันครับว่าจะเป็นยังไง

Q : แล้วจะมีผลงานเพลง หรือการแสดงอะไรให้ได้ติดตามเร็วๆ นี้ไหม

เพลงใหม่ตอนนี้ผมกำลังทำ คิดว่าน่าจะปล่อยประมาณช่วงกันยายน 2565 เลย ส่วนงานด้านการแสดง ก่อนหน้านี้มีแอบไปแคสมาแล้วบ้างครับ แต่ยังแคสไม่ผ่าน ยังไม่ตรงเท่าไหร่ ก็รอดูต่อไปว่าจะเป็นยังไง ส่วนถ้าเป็นแนวละครที่อยากแสดง ผมแสดงได้หมดเลย แบบไหนก็ได้ แต่ถ้าอยากเล่นจริงๆ ก็คิดว่าเป็นบทแปลกๆ แต่จะเป็นตัวเล็ก ตัวน้อยได้หมดเลย ให้ผมเป็นโจรก็เล่นได้

Q : ถ้าไม่ได้เรียนทางด้านศิลปิน-การแสดงแบบนี้ บูมคิดจะเรียนอะไร

ช่วงนึงผมเคยอยากเรียนดีไซน์เนอร์ครับ เพราะคุณแม่เป็นช่างด้วย เลยมีความคิดว่าจะเรียนออกแบบเสื้อผ้าจริงจัง แต่ก็พับโปรเจคไปมามุ่งมั่นทางด้านร้องเพลงมากกว่า แต่ถ้าในอนาคตจะถ้ามีโอกาส ก็อยากเปิดแบรด์เป็นของตัวเองเหมือนกันครับ

Q : แบบนี้บูมเองมีวิธีค้นหาตัวเองยังไง แบ่งปันให้น้องๆ หน่อย

ผมเองเรียนร้องเพลงตั้งแต่ 4 ขวบครึ่งก็จริง แต่ทีแรกก็ไม่ได้มีความคิดอยากจะเป็นนักร้องเลย ความคิดตอนเด็กๆ ผมอยากเป็นเชฟ โตมาหน่อยก็อยากเป็นทหาร ดูหนังสงครามแล้วอินเลยครับ ทีนี้พอผมไปหารายละเอียดแล้วเป็นทหารต้องตื่นตี 4 ตี 5 แบกของหนักๆ  ผมก็เลยเลิกคิดเรื่องความฝันไปเลย จนกระทั่งตอนเสียงแตกหนุ่ม เสียงผมก็ต่ำลง ผมก็หาเพลงเสียงสูงๆ มาฝึกร้องเพลง ก็ไปเจอเพลงของ silly fools แล้วผมชอบมาก  ถึงขั้นไอดอลเลย ก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นให้อยากเป็นนักร้องจริงจัง 

อย่างผม ผมรู้สึกว่าสิ่งที่สามารถทำได้ดีที่สุดในชีวิตผม ก็คือการร้องเพลง รองลงมาก็เป็น..อาจจะเป็นการทำงานในวงการบันเทิง เพราะว่าเรื่องเรียนก็ไม่ได้เก่ง กีฬาก็ไม่ได้เก่งขนาดนั้น พอผมรู้ว่าตัวเองถนัดอะไร ก็หาเป้าหมายที่ใกล้เคียงตัวผมมากที่สุด เพราะผมเองก็คิดว่า ถ้าผมเรียนไม่ตรงสาย หมายถึงไปเรียนสายอื่นที่ไม่ใช่ร้องเพลง ผมก็รู้สึกว่ายังไงผมก็จะร้องเพลงอยู่ดี แล้วผมเชื่อว่า3 หรือลองนึกๆ ดูว่า ในชีวิตทำอะไรแล้วดีใจที่สุด  อาจจะเป็นสิ่งนั้นก็ได้

Q : สุดท้ายฝากถึงน้องๆ ชาว Dek-D ที่กำลังเรียนอยู่หน่อย

ผมว่าง่ายๆ คือเรื่องการรับผิดชอบ เข้าเรียน และทำการบ้าน ทำงานส่งให้ตรงเวลา พอมีเวลาว่างๆ ก็ติดต่อครูดูว่ามีงานไหนค้างอยู่บ้างไหม จะได้ไม่มีตกหล่น แล้วก็อยากให้น้องๆ ทุกคนสนุกกับการใช้กับการชีวิต แล้วก็อย่าเครียดครับ
 

กว่าจะได้สาขาวิชาที่จะเข้าเรียนในรั้วมหาวิทยาลัย พี่บูม-สหรัฐ เองก็มีความฝันที่ค่อนข้างหลากหลาย และเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด แต่ท้ายที่สุดก็ได้พบกับอีกเส้นทางที่สนใจเรียบร้อยแล้ว สำหรับน้องๆ คนไหนที่ยังไม่รู้ว่าจะเรียนในสาขาวิชาอะไร ลองพาตัวเองเข้าไปอยู่ในสิ่งแวดล้อมนั้นๆ เผื่อจะได้ค้นหาตัวเองเจอบ้างเหมือนกัน