เปิด 7 จุดเด่น "วิทย์คอมฯ" ม.เกษตรศาสตร์ ที่คน (อยาก) เรียนคอมฯ ต้องเทใจให้

มาแรงไม่หยุดฉุดไม่อยู่จริงๆ สำหรับสายงานด้านคอมพิวเตอร์และดิจิทัล... ใครไม่อยากตกเทรนด์ยุคนี้ ก็ต้องหันมาเรียนด้านคอมพิวเตอร์แล้ว! 

ในประเทศไทยมีหลักสูตรด้านคอมพิวเตอร์อยู่หลายหลักสูตร หนึ่งในนั้นคือ วิทยาการคอมพิวเตอร์ และถ้าพูดถึงวิทยาการคอมพิวเตอร์ ก็ต้องนึกถึง “สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ ม.เกษตรศาสตร์” ที่เปิดสอนมาแล้วกว่า 50 ปี ก่อตั้งภาควิชามากว่า 30 ปี ปัจจุบันมีเปิดสอนทั้งภาคปกติและภาคพิเศษ ซึ่งทั้ง 2 ภาคนั้นใช้หลักสูตรเดียวกัน ตัดเกรดด้วยกัน ไม่มีความแตกต่างในด้านวิชาการเลย จบมาสามารถเป็นได้ทั้ง Programmer, Developer หรือใครสนใจสาย Tester, Network, Security และ Game Developer ก็ทำได้เหมือนกัน

มาทำความรู้จักสาขานี้กันให้มากขึ้นผ่านจุดเด่น 7 ข้อนี้ หากใครสนใจก็สามารถสมัครผ่าน TCAS66 รอบ 3 Admission นี้ได้เลย

บอกใครใครจะเชื่อ ว่าสายศิลป์สามารถเรียน “วิทยาการคอมพิวเตอร์” ได้ มหาวิทยาลัยอื่นอาจจะไม่ได้ แต่ที่ ม.เกษตรฯ เขารับทั้งศิลป์-คำนวณ และ ศิลป์-ภาษา โดยในตัวหลักสูตรจะมีแค่วิชาคณิตศาสตร์ แคลคูลัส 1 เท่านั้น ไม่มีวิทยาศาสตร์ ทั้งฟิสิกส์ เคมี และชีววิทยา ซึ่งในปีก่อนๆ ก็มีเด็กสายศิลป์เข้ามาเรียนจริงๆ และเรียนได้ดีด้วย

ดังนั้น ใครที่เพิ่งรู้ตัวว่าชอบคอมพิวเตอร์ แต่เรียนสายศิลป์มาแล้ว ให้ตรงมาที่ ม.เกษตรฯ เลยนะ เปิดรับทุกคน

• สำหรับวิชาเรียนในปีต่างๆ จะมีเนื้อหา ดังนี้
  ปี 1 เรียนพื้นฐานด้าน Programming, C, Python, JAVA
  ปี 2 ต่อยอดขึ้นมาเรียน Data Structure, Algorithm, Database, Mobile App, Computing Mathematics
  ปี 3 เรียนด้าน Network, System Analysis and Design, Security, Computer Architecture
  ปี 4 ฝึกงานสหกิจศึกษา และทำ Senior Project ในเทอมสุดท้าย
  
  ว้าวว! ดูจากวิชาเรียนแล้ว เน้นคอมล้วนๆ มาเรียนไม่ผิดหวังแน่

สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ ม.เกษตรศาสตร์ ไม่มีเอกย่อย ทุกคนจะได้เรียนเนื้อหาเหมือนกันในช่วงชั้นปี 1-2 จากนั้นปี 3-4 จะมีวิชาเลือกที่สามารถเลือกเรียนได้ตามความสนใจ โดยจะมี 3 ด้านหลักๆ คือ Developer, AI/Data Science และ Game and Animation 

โดยเป้าหมายหลักที่ภาควิชากำลังศึกษาและให้ความสำคัญคือ AI for Health คือ การใช้ประโยชน์จาก AI มาใช้ทางการแพทย์ เช่น การประมวลผลโรค การวิเคราะห์โรคต่างๆ เป็นต้น และด้านถัดมาคือ Agriculture คือ การใช้ประโยชน์จาก AI เพื่อการเกษตร เช่น การวิเคราะห์หาโรคในพืช การสำรวจสภาพแวดล้อมทางการเกษตร เป็นต้น

และในอนาคต ก็จะพัฒนาต่อยอดไปในเรื่องของการสร้างเกม และการกีฬา ซึ่งเป็นจุดเด่นของประเทศไทยเช่นกัน

หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่สุดของหลักสูตรด้านคอมพิวเตอร์คือ การฝึกงาน เพราะเป็นตัวช่วยให้นิสิตเข้าใกล้การทำงานจริงมากที่สุดและได้ลองนำความรู้มาใช้ทำงานจริง หากสถาบันไม่มีการสนับสนุนที่ดี ผู้เรียนก็จะได้เรียนรู้ไม่เต็มที่

ซึ่งที่ ม.เกษตรศาสตร์ เขามีพาร์ทเนอร์องค์กรชั้นนำด้านเทคโนโลยีเพียบ เช่น SCB, Sale Force, Siam Kubota, ASCEND, CP All, CPF, PCC, Kerry, WONG NAI, FPT, BAY และ K-Bank เป็นต้น  ซึ่งจะเป็นแหล่งฝึกงานสหกิจศึกษาของน้องๆ แบบที่ไม่ต้องออกไปหาที่ฝึกงานเองให้เหนื่อย ดังนั้น ปี 4 ที่น้องๆ จะต้องไปฝึกงานก็จะได้ฝึกงานกับองค์กรชั้นนำระดับประเทศได้ง่ายๆ ไม่ต้องยื่นใบสมัครที่บริษัทเอง! สะดวกสุด

ถ้าฝึกงานในประเทศยังไม่จุใจพอ อยากโกอินเตอร์ไปหาโอกาสใหม่ๆ ในต่างแดน ที่นี่ก็มีให้เลือกเช่นกัน ซึ่งสาขาวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ได้ทำ MOU กับมหาวิทยาลัยต่างๆ ในประเทศไต้หวันและประเทศเกาหลีใต้ เช่น National Central University (ไต้หวัน), Tamkang University (ไต้หวัน), Yuan Ze University (ไต้หวัน), Dongseo University (ประเทศเกาหลีใต้), National Kyungpook University (ประเทศเกาหลีใต้) เป็นต้น

ความพิเศษของการไปฝึกงานหรือแลกเปลี่ยนที่ต่างประเทศ นิสิตจะได้ฝึกงานจริงทั้งด้าน Game, Animation, AI จากผู้เชี่ยวชาญ โดยจะมีอาจารย์คนไทยดูแล แต่ในการฝึกงานนั้นจะได้ทำโปรเจคร่วมกับนักศึกษาประเทศนั้นๆ เพื่อฝึกการทำงานร่วมกัน ในบรรยากาศการเรียนและการทำงานที่เป็นนานาชาติ

นอกจากนี้ยังมีการจัดค่าย AI และ Intelligence กับมหาวิทยาลัยพันธมิตรในต่างประเทศ เป็นเวลา 10-14 วัน ที่ทั้งได้ความรู้ มีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม และ ความสนุกสนาน

ซึ่งที่ภาควิชามีทุนสนับสนุนสำหรับการไปแลกเปลี่ยนให้ด้วย ดังนั้น ใครมีไฟ ภาษาได้ อยากไปแลกเปลี่ยนแต่ขาดงบก็ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป แค่มีฝัน ม.เกษตรฯ พาไปถึงฝันแน่นอน

ทำดีมีคนเห็น! สำหรับน้องๆ ที่จริงจังกับการเรียนสุดๆ และสามารถทำผลงานได้ยอดเยี่ยม ก็รับไปเลยทุนการศึกษา ขอบอกว่าไม่ใช่น้อยๆ เลยทีเดียว

โดยทุนผลการเรียนดีเด่น จะแบ่งเป็น 2 ประเภท เรียกว่าทุน 3A 5A คือ ทุนสำหรับผู้ที่ได้ A จำนวน 3 รายวิชาของภาควิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์  จะได้เงินทุนการศึกษา และหากได้ A 5 รายวิชา จะได้เรียนฟรี สำหรับภาคพิเศษก็จะได้ค่าธรรมเนียมการศึกษาคืนด้วย 

และไม่ใช่แค่ทุนเรียนดีเท่านั้น ถ้าเป็นคนมีฝีมือ ที่นี่มีทุนรออยู่อีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็นทุนนำเสนอผลงานทางวิชาการทั้งในและต่างประเทศ ทุนสนับสนุนการฝึกงาน ทุนช้างเผือก ทุนผู้ช่วยสอน และทุนผู้ช่วยวิจัย เป็นต้น เรียกว่าผลการเรียนดี มาแต่ตัว ก็เรียนจบฟรีๆ ได้เลย

ในแต่ละปีจำนวนรับของภาคปกติอาจจะไม่เพียงพอต่อความต้องการของน้องๆ ภาควิชาจึงเปิดภาคพิเศษเพิ่มขึ้นมา โดยเปิดรับใน TCAS ทุกรอบเหมือนกับภาคปกติ ซึ่งมีคำถามบ่อยๆ ว่า แล้วเรียนต่างกันมั้ย?

ขอบอกว่าด้านวิชาการไม่ได้แตกต่างเลย ใช้หลักสูตรเดียวกัน ตัดเกรดด้วยกัน แต่ภาคพิเศษนั้นผู้ปกครองจะต้องจ่ายค่าใช้จ่ายของนิสิตโดยรัฐไม่ได้สนับสนุนในส่วนของค่าเทอม และเวลาเรียนก็จะแตกต่างจากภาคปกติ พูดง่ายๆ คือ อาจจะมีทั้งเรียนเช้า เย็น และเสาร์ อาทิตย์ 

เอาล่ะ ใครอ่านมาถึงตรงนี้ คงอยากรู้แล้วใช่มั้ยว่า จะเข้าสาขานี้ต้องใช้คะแนนอะไรบ้าง 

ซึ่งทั้งภาคปกติและภาคพิเศษใช้แค่ 3 วิชาเท่านั้น คือ 

• ภาคปกติ : ใช้  GPAX 30% + TGAT1 การสื่อสารภาษาอังกฤษ 35% + TPAT3 ความถนัดทางวิทยาศาสตร์ฯ 35% และกำหนดจำนวนหน่วยกิตวิชาคณิตศาสตร์ 12 หน่วยกิต
• ภาคพิเศษ : ใช้ GPAX 30% + TGAT1 การสื่อสารภาษาอังกฤษ 40% + TPAT3 ความถนัดทางวิทยาศาสตร์ฯ 30% และกำหนดจำนวนหน่วยกิตวิชาคณิตศาสตร์ 9 หน่วยกิต

การสมัครรอบ Admission จะเปิดรับสมัคร 7-13 พ.ค.นี้ ใครสนใจอย่าลืมเลือก “วิทยาการคอมพิวเตอร์ ม.เกษตรศาสตร์” เปิดรับทั้งภาคปกติและภาคพิเศษ รวม 49 ที่นั่ง

เพราะเรื่องเทคโนโลยี กลายเป็นเรื่องใกล้ตัวไปแล้ว ดังนั้นหากใครสนใจสายนี้ มาเรียนแล้วรับรองไม่ผิดหวัง เพราะจบแล้วสามารถทำงานได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นนักวิเคราะห์ นักพัฒนาซอฟต์แวร์ ปัญญาประดิษฐ์ นักวิทยาการข้อมูล ผู้จัดการโครงการเทคโนโลยีดิจิทัล นักพัฒนาความมั่นคงปลอดภัยระบบดิจิทัล ไปจนถึงเป็นผู้ประกอบการ หรือ ทำสตาร์ทอัพ  แล้วไปเจอกันที่มหาวิทยาลัย! 

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://cs.sci.ku.ac.th/