แจก 6 แผนเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย สำหรับ ม.4-5-6 ปรับใช้ได้ทุกปี

ทุกๆ ปิดเทอม นอกจากจะเป็นเวลาพักผ่อนหลังจากการเรียนหนักมาตลอดทั้งปี ยังเป็นช่วงเวลาสำคัญของน้องๆ ม.ปลาย 4-6 ที่กำลังเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย เพราะได้เวลาทบทวนตัวเองและเนื้อหาการเรียน พร้อมกับวางแผนว่าจะเตรียมตัวต่อไปยังไงดี

แจกแผนเตรียมตัวสอบเข้ามหาลัย สำหรับ ม.4-5-6 ปรับใ้ช้ได้ทุกปี
แจกแผนเตรียมตัวสอบเข้ามหาลัย สำหรับ ม.4-5-6 ปรับใ้ช้ได้ทุกปี

สำหรับตอนนี้พี่ๆ #dek66 ใกล้ถึงเวลาที่จะไปถึงฝั่ง ก็ได้เวลาน้องๆ ม.ปลาย รุ่นใหม่  ขึ้นมาแทนที่ วันนี้พี่มิ้นท์ เลยมาแจก 7 แผนเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย สามารถนำไปปรับให้เข้ากับกิจวัตรประจำวันของน้องๆ ได้เลย

แจก 6 แผนเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย 
สำหรับ ม.4-5-6 ใช้ได้ทุกปี

1. ค้นหาตัวเอง

เป็นเรื่อง Basic และสำคัญที่สุดก่อนจะเริ่มทำอย่างอื่น เพราะการค้นหาตัวเองจะทำให้เรารู้ว่าจะต้องวางแผนการสอบเข้ามหาวิทยาลัยยังไง คณะต่างกัน การเตรียมตัวก็ต่างกัน ถึงแม้ว่าจะเป็นกลุ่มคณะสายวิทย์เหมือนกันก็มีวิชาสอบที่ไม่เหมือนกันค่ะ เช่น ถ้าเข้ากลุ่มแพทย์ ต้องใช้ TPAT1 และ A-Level 7 วิชา แต่ถ้าเข้าวิศวกรรมศาสตร์ จะใช้ TGAT + TPAT3 และ A-Level ของกลุ่มวิทย์

ซึ่งการค้นหาตัวเอง อาจดูจากว่าเราชอบอะไร อยากทำงานอะไร แรงบันดาลใจในการเรียนคืออะไร ให้คิดไกลไว้ก่อน แล้วค่อยๆ บีบเข้ามา ก็จะรู้ว่าเราต้องเดินไปทางไหนค่ะ

หนึ่งในวิธีที่ค้นหาตัวเองได้ง่ายที่สุด คือ การเข้าร่วมกิจกรรมที่เกี่ยวข้องด้านการศึกษา เช่น Open House ของมหาวิทยาลัยต่างๆ เพราะน้องจะได้รู้จักทั้งมหาวิทยาลัยและคณะในคราวเดียว เมื่อได้ข้อมูลเบื้องต้นว่าคณะต่างๆ เรียนอะไร ก็จะวางแผนต่อได้ง่ายขึ้น

Tip! รู้หรือไม่ Dek-D ก็มีจัดงาน Open House ให้ข้อมูลด้านการศึกษาทุกปี เรียกว่าขนหลายสิบคณะ/มหาวิทยาลัย นอกจากบูธให้ข้อมูลมหาวิทยาลัยแล้วยังมีบูธโปรแกรมและบูธรุ่นพี่ มาช่วยค้นหาความฝันของน้องๆ อีกด้วย เช่น บูธปรึกษารุ่นพี่ บูธตรวจ Portfolio บูธโปรแกรมแจกแผนการอ่านหนังสือ  

 

มาให้ได้นะ ปีนี้จัด 29 เม.ย.66 เป็นรอบพิเศษ ที่จัดขึ้นมาก่อนเปิดเทอม ให้ได้เตรียมตัวได้ไวขึ้น  ดูรายละเอียดเพิ่มเติม https://www.dek-d.com/tcas/fair/

2. ติดตามข่าวแบบเกาะติด

หากเป็น ม.5 ที่กำลังจะขึ้น ม.6 ข้อนี้สำคัญมากๆ รู้ข่าวไว เตรียมตัวไวก็ยิ่งได้เปรียบ  

ในแต่ละปี ข่าวจะเริ่มประกาศออกมาในช่วงเดือนสิงหาคมเป็นต้นไป ประเด็นแรกที่มาก่อนเพื่อน คือ รูปแบบของ TCAS โดยจะบอกว่า TCAS ปีนั้นๆ เป็นยังไง เหมือนหรือต่างจากแบบเดิม จากนั้นก็จะตามมาด้วยยรายละเอียดของ กสพท และประมาณเดือนกันยายน ก็จะเริ่มมีข้อมูลของรอบ Portfolio ออกมาตามลำดับ  

การติดตามข่าวมีหลากหลายช่องทาง ช่องทางหลักคือ เว็บไซต์ myTCAS ของ ทปอ., เว็บไซต์ กสพท และเว็บไซต์รับสมัครมหาวิทยาลัยต่างๆ  

Tip! การติดตามข่าว ควรเช็กทุกวัน หรือ อย่างน้อยอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง เพราะข่าวเปลี่ยนแปลงได้เสมอและจะมีเยอะมากๆ ในช่วงเปิดรับสมัครรอบต่างๆ ค่ะ หากใครไม่ว่างติดตามข่าวด้วยตัวเอง แนะนำแอปเด็กดี TCAS โหลดครั้งเดียว แจ้งเตือนฟรีตลอดปี เพราะมีฟังก์ชัน Alert ข่าวอะไรมาใหม่ น้องๆ ได้รู้พร้อมเพื่อนแน่นอน  

3. วางแผนการเรียน/เกรด ทบทวนบทเรียน

แผนถัดไป คือการโฟกัสที่เรื่องเรียน เพราะหลังจากที่รายละเอียด TCAS ออกมาแล้ว ก็ได้เวลาเตรียมตัวจริงจัง เริ่มจากใกล้ตัวที่สุด คือ สะสมความรู้ในห้องเรียนไปสอบ TGAT/TPAT และ A-Level โดยเฉพาะ A-Level จะเป็นเนื้อหาตามหลักสูตรที่ได้เรียนจากโรงเรียน พร้อมกับการสะสม GPAX ด้วย ซึ่งในรอบต่างๆ ยังมีการใช้ GPAX ทั้ง 5 และ 6 เทอม

ในช่วงตลอดทั้ง 2 เทอม ใครรู้ตัวว่าอ่อนตรงไหน ก็รีบเสริม เติมความรู้ และแบ่งเวลาให้ดีๆ เพราะกิจกรรม ม.ปลาย ก็กินเวลาอ่านหนังสือของน้องๆ ไปเยอะทีเดียวค่ะ

4. เข้าค่ายคณะต่างๆ

หากความฝันชัดเจนขึ้นและอยากเช็กว่าคณะนั้นเหมาะกับเราจริงมั้ย แนะนำให้หาค่ายของคณะต่างๆ แล้วลองไปร่วมดู ค่ายคณะเหมือนเป็นการรวมเอาทั้งวิชาการ วัฒนธรรมในมหาลัย และยังมีคำแนะนำจากรุ่นพี่ มารวมไว้ในหนึ่งเดียว ซึ่งค่ายจะมีการเปิดรับอยู่ตลอดทั้งปี แต่ต้องติดตามจากคณะ/มหาวิทยาลัยต่างๆ ส่วนใหญ่จะค้างคืนและมีค่าใช้จ่ายค่ะ ก็ต้องเตรียมเงินไว้บางส่วนด้วย จะไปต่อหรือพอแค่นี้สำหรับคณะที่คิดไว้ "ค่าย" ให้คำตอบได้แน่นอน

5. ฝึกทำโจทย์ให้เหมือนจริง

จุดบอดของการสอบจริงของรุ่นพี่ มักจะเกิดจากการทำไม่ทันเวลาหรือตื่นสนามสอบ อยู่ในห้องสอบเหมือนอยู่ในสนามรบ ทำให้ไม่มีสมาธิในการสอบ หนึ่งในวิธีเตรียมตัวที่เหมาะสมคือ การฝึกทำโจทย์ในสถานการณ์เสมือนจริง อาจจะจัดสิ่งแวดล้อมในบ้านและจับเวลาด้วยตัวเอง หรือ มาฝึกสอบข้อสอบเสมือนจริงเพื่อให้ได้บรรยากาศที่สมจริงที่สุด

Tip! ที่สนามของ Dek-D's PreAdmission ซึ่งจะเปิดสอบทั้ง TGAT/TPAT และ A-Level ทุกปี น้องๆ จะได้ทดลองแนวข้อสอบที่ใกล้เคียงกับข้อสอบจริงเพราะออกตามแนว Test Blueprint ที่ออกโดย ทปอ. พร้อมกับได้สัมผัสประสบการณ์ในสนามสอบจริง เพราะสนามสอบส่วนใหญ่ เป็นสนามสอบจริงของการสอบ TGAT/TPAT และ A-Level ด้วย  รายละเอียด https://www.dek-d.com/pre-admission/

6. หาโค้ชช่วยวางแผน

การมีที่ปรึกษาดีๆ สักคน อาจช่วยวางแผนให้น้องๆ ไปสู่ความฝันได้เร็วขึ้น ไม่ว่าจะเป็นปรึกษาการเรียน ปรึกษาเรื่องสอบ ปรึกษาการค้นหาตัวเองว่าเรียนอะไรดี คณะนั้นเรียนอะไร เป็นต้น เพราะการได้ข้อมูลหลายๆ ด้าน สามารถนำมาใช้ตัดสินใจได้

Tip! การหาที่ปรึกษานั้น อาจเป็นคนใกล้ตัวของน้องๆ พี่ ผู้ปกครอง รุ่นพี่ที่โรงเรียน หรือเป็นเพื่อนของน้องๆ ก็ยังได้ค่ะ แต่ถ้าไม่มีใครที่ให้คำปรึกษาได้จริงๆ ที่เว็บบอร์ดของเว็บ Dek-D มีพื้นที่ให้น้องๆ มาตั้งคำถามได้ฟรี ไปจนถึงบริการ CoachDD ซึ่งเป็นบริการใหม่ มีรุ่นพี่ที่มีประสบการณ์ด้านแอดมิชชั่นรอบต่างๆ คอยเป็นปรึกษา รายละเอียดเพิ่มเติม https://coachdd.dek-d.com/

 

ทั้งหมดนี้ เป็นแผนที่จะช่วยน้องๆ ค้นหาตัวเองและพาไปสู่เป้าหมายได้ง่ายขึ้น ถ้าค่อยๆ ทำไปตาม Step แต่ทั้งนี้ก็อยากฝากน้องๆ ว่า การเตรียมตัวสอบเป็นเรื่องที่ดี แต่ก็ต้องแบ่งเวลาพักผ่อนให้กับตัวเองบ้าง เพราะไม่อยากให้น้องๆ สูญเสียเวลาวัยสนุกของน้องๆ ไปค่ะ

พี่มิ้นท์
พี่มิ้นท์ - Columnist พี่สาวใจเย็น ผู้เกิดมาในแอดมิชชั่นยุคแรก แต่เข้าใจ TCAS มากกว่า

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น