สวัสดีน้องๆ ชาว Dek-D ทุกคนค่ะ ช่วงนี้เห็นน้องๆ หลายคนกำลังค้นหาคณะและคำนวณคะแนนกันอย่างคร่ำเคร่ง หลังจากที่ได้รู้คะแนนแล้ว รวมถึงมีการแชร์คะแนนตามกลุ่มต่างๆ เพื่อเทียบคะแนนกับคนอื่นหรือถามหาโอกาสในการสอบติด
หนึ่งในประเด็นที่พี่มิ้นท์จะอธิบายวันนี้สำคัญมากๆ เพราะยังเห็นน้องๆ บางส่วนเข้าใจผิดเกี่ยวกับการจัดอันดับและการประมวลผล โดยเข้าใจว่าการจัดอันดับ ยิ่งวางไว้อันดับสูงจะยิ่งทำให้มีโอกาสติดมากขึ้น ความจริงเป็นยังไง มาดูกันค่ะ
"อันดับ" รอบ 3 สำคัญยังไง?
คะแนนสูงกว่า VS อันดับสูงกว่า ใครติด?
รอบ 3 อะไรสำคัญที่สุด?
จริงๆ แล้ว ปฏิเสธไม่ได้ว่าทั้งอันดับและคะแนน ต่างก็เป็นองค์ประกอบที่สำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าและเป็นตัวตัดสินว่าใครจะสอบติด คือ "คะแนน" ค่ะ คนที่ได้คะแนนมากกว่าจะเป็นผู้สอบติดไป
แล้วอันดับมีหน้าที่อะไร
"อันดับ" มีไว้เพื่อเรียงลำดับของคณะที่ต้องการคัดเลือก โดยเมื่อเริ่มต้นประมวลผล ทุกคนจะได้รับการพิจารณาเริ่มต้นที่อันดับที่ 1 เมื่อถึงขั้นตอนการประมวลผล ระบบจะดึงคะแนนของทุกคนที่เลือกคณะเดียวกันมาเรียงลำดับคะแนนจากมากไปหาน้อย และตัดคนที่จำนวนรับ เช่น รับ 20 คน คนที่ได้คะแนนมากสุด 20 คนจะสอบติด
ส่วนคนที่ไม่ติด ก็จะได้ไปพิจารณาอันดับที่ 2 ดังนั้นหน้าที่ของ "อันดับ" ในแอดมิชชั่น ก็มีขึ้นเพื่อเป็นคณะสำรองว่า หากไม่ติดอันดับนี้ อันดับถัดไปจะพิจารณาคณะอะไร
แล้วอันดับสำคัญยังไงกับการจัดอันดับ
แม้หน้าที่ของ "อันดับ" จะเป็นเพียงลำดับสำรองในการพิจารณาคะแนน แต่ก็มีความสำคัญนะคะ ไม่ใช่ว่าอยากเรียนอะไรก็จับใส่ 10 อันดับโดยไม่ได้เรียงให้ดีก่อน เพราะเมื่อน้องๆ ติดอันดับไหนแล้วจะต้องเรียนคณะนั้นๆ และจะหยุดพิจารณาอันดับอื่นทันที
ซึ่งในปีก่อนๆ มักมีเคสที่วางคณะแบบไม่ได้เรียง แล้วติดคณะอันดับ 2 กลับไม่อยากเรียน เพราะไม่ได้ตั้งใจเลือก ในใจอยากเรียนคณะอันดับ 5 มากกว่า แบบนี้ก็จะไม่สามารถไปเลือกอันดับ 5 ได้ แม้คะแนนจะถึงก็ตาม
ยกตัวอย่าง เคสแบบนี้ใครสอบติด!
เพื่อให้น้องๆ เข้าใจมากขึ้น พี่มิ้นท์ยกกรณีศึกษา 4 ตัวอย่างที่มีโอกาสเป็นไปได้ในการคัดเลือก และบทสรุปว่าหากเกิดกรณีแบบนี้ ใครจะผ่านการคัดเลือก
กรณีที่ 1 คะแนนต่างกัน อันดับต่างกัน
หากคณะนิติศาสตร์ เหลือเพียง 1 ที่นั่ง โดยที่ A และ B มีคะแนนและอันดับตามนี้
เคสนี้ ตัดสินง่ายค่ะ ใคร "คะแนน" มากกว่า ก็มีโอกาสสอบติดก่อน ดังนั้น A จะติดคณะนี้ไปในคนสุดท้าย ส่วน B ก็จะได้พิจารณาคะแนนในอันดับที่ 2 ต่อไป
กรณีที่ 2 คะแนนต่างกัน อันดับเท่ากัน
หากคณะนิติศาสตร์ เหลือเพียง 1 ที่นั่ง โดยที่ A และ B มีคะแนนและอันดับตามนี้
เคสนี้ เหมือนกับเคสที่ 1 เพราะระบบจะพิจารณาคะแนนก่อนเสมอ แม้จะวางไว้ที่อันดับเดียวกัน แต่ A เป็นคนที่ได้คะแนนมากกว่าก็จะเป็นคนที่ได้ที่นั่งสุดท้ายไป ส่วน B จะได้ไปพิจารณาอันดับ 3
กรณีที่ 3 คะแนนเท่ากัน ลำดับต่างกัน
หากคณะนิติศาสตร์ เหลือเพียง 1 ที่นั่ง โดยที่ A และ B มีคะแนนและอันดับตามนี้
เมื่อการพิจารณาคนเข้าเรียนดูที่ "คะแนน" เป็นหลัก หากมีคนได้คะแนนเท่ากันในที่นั่งสุดท้าย อันดับก็ไม่มีผลอะไรอยู่ดีค่ะ เพราะสุดท้ายแล้ว คณะจะเป็นคนพิจารณาเองว่าจะรับหรือไม่รับ นักเรียนทั้ง 2 คนนี้ หากรับ ก็จะได้เข้าเรียนทั้ง 2 คน แม้ว่าจะเกินจำนวนรับก็ตาม แต่ถ้าปฏิเสธไม่รับ ก็จะไม่ได้เรียนทั้ง 2 คน
กรณีที่ 4 คะแนนเท่ากัน ลำดับเท่ากัน
หากคณะนิติศาสตร์ เหลือเพียง 1 ที่นั่ง โดยที่ A และ B มีคะแนนและอันดับตามนี้
กรณีสุดท้าย แม้โอกาสจะเกิดขึ้นได้ยาก แต่ก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้ การตัดสินจะเหมือนกับเคสที่ 3 ค่ะ โดยคณะจะเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะรับหรือไม่รับ ซึ่งไม่ว่าผลจะออกมาแบบใด ก็จะได้รับผลแบบนั้นทั้ง 2 คนเพื่อความเท่าเทียมค่ะ
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ หวังว่าน้องๆ จะเข้าใจในระบบการคัดเลือกมากขึ้น และให้ความสำคัญกับ "คะแนน" ในฐานะตัวตัดสินว่าจะติดหรือไม่คณะนั้น ส่วน "อันดับ" ก็มีความสำคัญในแง่ของแผนที่ที่จะพาน้องๆ เดินต่อว่าถ้าไม่ติดในอันดับนี้แล้ว ต่อไปจะพิจารณาคณะอะไร การจัดอันดับจึงเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ที่จะต้องระมัดระวัง เลือกคณะที่เป็นไปได้ไปพร้อมๆ กับคณะที่เราอยากเรียน ยังไงก็ขอให้น้องๆ ทุกคนโชคดีกับอันดับที่เลือกนะคะ
ใกล้แล้ว!! ปิดเทอมนี้ ชวน ม.6-5-4 ผู้ปกครอง มางาน Dek-D’s TCAS Fair ตอน OPEN WORLD TCAS67 งานแฟร์การศึกษาเตรียมเข้ามหาวิทยาลัยที่ใหญ่ที่สุด
.
พบกิจกรรมใหม่ๆ เพียบ เช่น
- บูธปรึกษาจัดอันดับ TCAS66 รอบ 3
- ห้องจำลองสอบ TGAT
- พอร์ตฟอลิโอคลินิก (ตรวจและรีวิวพอร์ต)
พบกัน เสาร์ที่ 29 เม.ย.66 เวลา 09.00-18.00 น. ไบเทค บางนา ฮอล EH98
0 ความคิดเห็น