4 ข้อน่ารู้! สู่การปรับตัวเป็นเฟรชชี่อย่างมีความสุข

สวัสดีค่ะน้องๆ เฟรชชี่ทุกคน ขึ้นปี 1 แล้ว เป็นยังไงกันบ้างเอ่ย? สนุกกับรั้วมหาวิทยาลัยมั้ยคะ น้องๆ หลายคนอาจจะทั้งรู้สึกสนุกทั้งกังวลผสมกัน ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยค่ะ เพราะตอนพี่คิตตี้เข้าปี 1 ก็มีความรู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน กังวลว่าเราจะมีเพื่อนมั้ย จะเรียนไหวหรือเปล่า จะต้องใช้ชีวิตยังไง คิดเต็มไปหมดเลย ก็เป็นการเริ่มต้นออกมาใช้ชีวิตด้วยตัวเองครั้งแรกนี่เนาะ ก็อาจจะต้องกังวลเป็นธรรมดา 

วันนี้พี่คิตตี้เลยจะมาคลายความกังวลให้กับน้องๆ ชวนไปดู 4 ข้อน่ารู้ ที่จะทำให้เราสามารถใช้ชีวิตเฟรชชี่ได้อย่างเฟรชๆ นั่นเอง

4 ข้อน่ารู้ สู่การปรับตัวเป็นเฟรชชี่อย่างมีความสุข

1. การเรียนอาจจะยังไม่คงที่ ปรับตัวอีกที ค่อยๆ ดีไปตาม step

เป็นด้านที่น้องๆ หลายคนกังวลมาเป็นอันดับหนึ่งเลย เพราะว่าการเรียนในมหา’ลัยจะแตกต่างกับมัธยม ทั้งเรื่องตารางเรียน ที่ต้องจัดการเองว่าจะลงวิชาไหน มีวิชาเลือก วิชาเสรี และอื่นๆ ที่เราต้องทำความเข้าใจ เพื่อให้เก็บหน่วยกิตให้ครบในแต่ละเทอม (บางมหา’ลัย จะลงให้น้องๆ ปี 1 ก่อนในเทอมแรก และปีถัดๆ ไป จะให้เลือกลงเอง) รวมไปถึงจะเลือกเรียนกี่โมง และลงวันไหนบ้าง เรียกได้ว่าจะต้องจัดการเองแทบจะทั้งหมดเลยค่ะ 

นอกจากนี้จะต้องปรับตัวจากการเรียนวิชาละ 1 ชั่วโมง เป็น วิชาละ 3 ชั่วโมง เพราะในแต่ละรายวิชามีการเรียนทั้งทฤษฎี และ ปฏิบัติ เรียนนอกห้องเรียนบ้าง ทำให้ต้องใช้เวลาต่อรายวิชานานขึ้นกว่าเดิม เพื่อให้ได้ความรู้ที่ครบถ้วนนั่นเอง พอเรียนอย่างเต็มที่ ข้อสอบส่วนใหญ่ก็เลยเป็นข้อเขียนวัดความเข้าใจ และมีควิซเก็บคะแนนในบางสัปดาห์ ค่อนข้างที่จะวัดความเข้าใจแบบเรียลไทม์เลยค่ะ TT

เรื่องเกรด ก็เป็นอีกเรื่องนึงที่น้องๆ กังวล พี่คิตตี้อยากบอกน้องๆ ว่า ไม่ต้องกลัวนะคะถ้าเกรดเราจะลดลงจากมัธยมในช่วงแรกๆ อาจจะเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น การปรับตัว หรืออาจจะยังไม่ชินกับการเรียนในรูปแบบมหา’ลัย ค่อยๆ ปรับตัวนะคะน้องๆ ถ้าเรารู้ตัวเองแล้วว่าเราเจอสิ่งที่ต้องแก้ไขตรงไหน เทอมถัดไปเราก็จะรู้แนวทางการเรียนของเราได้ค่ะ

Tips : ถ้ามีวิชาที่ต้องเลือก แนะนำให้น้องๆ เลือกรายวิชาที่อยากเรียน ถึงจะไม่มีเพื่อนไปเรียนด้วย แต่การมีเพื่อนใหม่ๆ จากการเรียนก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีเลยนะคะ เรียนวิชาที่ชอบ เราจะได้สนุก และไม่กดดันมากเกินไป

2. กิจกรรมดี กิจกรรมเด่น เน้นกิจกรรม 

เข้ามามหาวิทยาลัย มีกิจกรรมให้น้องๆ ทำเยอะมากกกก ก.ไก่ล้านตัวเลยค่ะ บางที่จะมีให้น้องๆ เก็บชั่วโมงกิจกรรมตามด้านต่างๆ ตามที่กำหนดก่อนเรียนจบและได้รับใบ Activity Transcript บันทึกว่าเราเคยร่วมกิจกรรมอะไรมาบ้าง บางกิจกรรมได้ใช้ทักษะต่างๆ เก็บเกี่ยวประสบการณ์ด้วยนะคะ สามารถนำไปยื่นขอทุน หรือ เข้าสมัครงานในอนาคตก็ได้ด้วยค่ะ

กิจกรรมจะมีทั้งของคณะ และ ส่วนกลางมหา’ลัย เช่น รับน้อง แนะแนว จิตอาสา กีฬาสีเฟรชชี่ พัฒนาทักษะในด้านเฉพาะ แข่งขันต่างๆ  และอีกหลายกิจกรรมที่มีให้เลือกทำอย่างจุใจตลอดการเรียนมหา’ลัย พี่คิตตี้ก็ชอบเข้ากิจกรรมมากเลยค่ะ เรียน 4 ปี เก็บชั่วโมงกิจกรรมไปแล้วเกือบสามร้อยชั่วโมงเลย (มาแนวขิงน้องๆ ซะแล้ว 555555555) 

กิจกรรมเยอะแบบนี้ ตารางเวลาของน้องๆ บางคนอาจจะรวน ปรับตัวไม่ทัน แบ่งเวลาไม่ถูก การแบ่งเวลาเป็นเรื่องสำคัญมากค่ะา เพราะถ้าหากเราแบ่งเวลาไม่ได้ ก็อาจจะกระทบกับการเรียน หรือเวลาในการพักผ่อนและสุขภาพ แต่ว่าจริงๆ แล้วเราสามารถเลือกเข้าร่วมได้นะคะ โดยอาจจะจัดลำดับเป็น กิจกรรมที่สนใจมาก สนใจปานกลาง แล้วก็มาเช็กเวลาว่าตรงกับเวลาเรียน หรือ เวลาที่เราต้องทำอะไรสำคัญมั้ย หากสนใจมากและไม่กระทบกับเวลาด้านอื่น ก็เลือกเข้าร่วมได้เลยค่า (ต้องเป็นกิจกรรมที่สามารถเลือกได้นะคะ บางกิจกรรมทางคณะ มหา’ลัยก็มีกำหนดมาแล้วว่าน้องปี 1 ควรที่จะเข้าร่วม) 

Tips : กิจกรรมมีให้เลือกเยอะ และหลากหลาย บางกิจกรรมเปิดรับทุกปี หากน้องๆ ไม่สามารถเข้าร่วมได้ในช่วงนั้น อาจจะลิสต์เก็บไว้ก่อน แล้วไปเลือกตอนที่เราสามารถเข้าร่วมได้เต็มที่ เพื่อที่จะได้ไม่กระทบกับตารางเวลาของตัวเอง

3. ปรับตัวในสังคม จากมัธยม สู่ มหา’ลัย (เพื่อน การเข้าสังคม)

การปรับตัวเข้าสังคม เป็นอีกด้านที่น้องๆ กังวลเยอะที่สุดในการเรียนมหา’ลัย เป็นเพราะเราต้องแยกจากกลุ่มเพื่อนกลุ่มเดิม และสภาพแวดล้อมเดิมมาที่ใหม่ ทำให้กังวลว่าจะเข้ากับเพื่อนใหม่ได้มั้ย จะมีเพื่อนหรือเปล่า บางคนพูดไม่ค่อยเก่งก็จะกังวลว่าไม่มีเรื่องจะชวนเพื่อนคุย พี่คิตตี้ก็เป็นเหมือนกับน้องๆ เลยค่ะตอนปี 1 กลัวไปหมดทุกอย่างเลย แต่พอได้ไปเรียนแล้ว ได้ทำงานกลุ่ม เข้ากิจกรรม ได้เห็นสไตล์เพื่อนๆ ก็ทำให้เราได้รู้จักเพื่อนๆ เพิ่มจริงๆ ค่ะ บางคนเราอาจจะทำงานกลุ่มถูกคอ อยู่ด้วยกันบ่อยๆ จนสนิทเลยก็มี

พอมาในสังคมที่กว้างขึ้น ก็จะเจอคนมากหน้าหลายตา ทำให้การเลือกคบเพื่อนเป็นเรื่องสำคัญ เพราะหากเจอเพื่อนที่ไทป์ไม่ตรงกัน อาจจะทำให้น้องๆ รู้สึกอึดอัด หรือ รู้สึกว่าตัวเองไม่เหมาะกับการเรียนที่นี่ หากอยู่ตรงไหนแล้วเรารู้สึกไม่เป็นตัวเอง หรือ รู้สึกว่าไม่เหมาะกับเรา พี่คิตตี้แนะนำให้ลองถอยออกมาก้าวนึงนะคะ ถึงจะดูทำยาก แต่ถ้าน้องๆ ต้องใช้ความอดทนจนน้องๆ เหนื่อยมาก น้องๆ จะใช้ชีวิตของตัวเองไม่มีความสุข เชื่อในกฎแรงดึงดูดไว้นะคะ วันนึงเราจะเจอกลุ่มเพื่อนที่เหมาะกับเราจริงๆ ค่ะ เริ่มจากการลองทำงานกลุ่มกับกลุ่มใหม่ๆ เข้ากิจกรรมที่เราสนุก อาจจะทำให้เจอคนไทป์เดียวกันก็ได้นะคะ 

Tips : กิจกรรมและการลงเรียนวิชาที่เราสนใจ อาจจะทำให้เราเจอเพื่อนที่ไทป์เดียวกัน พาตัวเองไปอยู่ให้ถูกที่ แล้วเราจะมีความสุขกับการใช้ชีวิตในสังคมใหม่ อาจจะมีบางครั้งที่เรารู้สึกว่าไม่เหมาะกับบางที่บ้าง แต่ถ้าเรารู้ทันความรู้สึกตัวเอง ก็ทำให้เราหยุดความ Toxic นั้นได้ไวค่ะ

4. Routine เปลี่ยนไป ใช้ชีวิตด้วยตัวเอง 

เป็นอีกเรื่องนึงที่ต้องปรับตัวเกือบ 100% เลยก็ว่าได้ค่ะ สำหรับกิจวัตรประจำวันเมื่อมาอยู่หอ ต้องตื่นเองโดยที่ไม่มีคนปลุก ซักผ้า กวาดห้อง ทำกับข้าว ซื้อข้าวเอง และอื่นๆ อีกมากมาย จากเดิมที่อาจจะมีที่บ้านคอยช่วยบ้างในบางเรื่อง เรียกได้ว่าเป็นการออกมาใช้ชีวิตเอง เหมือนนับ 1 ใหม่อีกครั้งเลยค่ะ

 รวมไปถึงด้านการเงิน ที่น้องๆ ต้องบริหารเงินของตัวเอง ใช้อย่างพอดี ไม่ใช้จ่ายเกินความจำเป็น เพื่อที่จะได้ไม่เดือดร้อนตัวเองในช่วงสิ้นเดือน (สิ้นเดือนเหมือนสิ้นใจกับมาม่ามันน่าเศร้านะคะ TT) และไม่กระทบกับที่บ้านมาก เพราะการเข้าเรียนมหา’ลัย มีค่าใช้จ่ายที่หลากหลาย คลิกที่นี่ อาจจะมีค่าใช้จ่ายเล็กๆ น้อยๆ เพิ่มมา ขึ้นอยู่กับแต่ละคน เราเลยต้องวางแผนการเงินของเราให้ดี 

น้องๆ บางคนที่อยู่หอใน บางที่มีการสุ่มเมทให้ในช่วงเทอมแรก ก็อาจจะทำให้กังวลว่าการใช้ชีวิตของเรา จะไปรบกวนเพื่อน หรือทำให้เพื่อนไม่สบายใจมั้ย การทำข้อตกลงร่วมกัน ก็จะสามารถทำให้เราอยู่ร่วมกันได้อย่างสบายใจ พี่คิตตี้มองว่าการมีรูมเมทที่หอใน ก็เป็นอีกข้อดีที่จะทำให้เราได้ทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ด้วยนะคะ อาจจะยังไม่ชิน แต่มันจะต้องดีแน่นอนค่า

Tips1 : ทำรายรับรายจ่าย จะช่วยให้น้องๆ วางแผนค่าใช้จ่ายของตัวเองได้ดี และรู้ว่าในแต่ละเดือนเราควรลดหรือเพิ่มค่าใช้จ่ายในส่วนไหน เพื่อวางแผนเดือนต่อไปให้ดีขึ้น

Tips2 :  ถ้าอยู่กับรูมเมท ความพอดี ตรงกลาง จะสามารถทำให้เราอยู่ด้วยกันได้ อาจจะมีบางเรื่องที่ไม่ถูกใจกัน บอกและเตือนกันตั้งแต่เนิ่นๆ (ด้วยความสุภาพนะคะ TT) ดีกว่าเก็บไว้จนระเบิด จะทำให้อีกฝ่ายสงสัยว่าถ้าไม่โอเค ทำไมถึงไม่บอกตั้งแต่แรก และเราก็อาจจะรู้สึกอึดอัดอยู่ตลอดก็ได้ค่ะ 

 

เป็นยังไงกันบ้างคะน้องๆ กับ 4 ข้อน่ารู้ ที่พี่คิตตี้ได้พาไปดู น้องๆ กังวลน้อยลงมั้ยคะ หรือว่ามากขึ้นกว่าเดิม แฮร่! จริงๆ แล้วการเริ่มต้นใหม่ไม่ได้แย่เสมอไปนะคะ เพราะมันอาจจะทำให้เราได้เจอประสบการณ์ใหม่ๆ เพิ่มขึ้น และ ได้เจอคนรอบข้างดีๆ ด้วย พี่คิตตี้ขอให้น้องๆ เฟรชชี่มีความสุขกับรั้วมหา’ลัย เจอเพื่อนใหม่ที่น่ารัก และสังคมที่ดีกันทุกคนเลยนะคะ เพี้ยงง

 

 

ขอบคุณรูปภาพhttps://www.freepik.com/free-photo/young-entrepreneurs-discussing-something-with-smile-during-conference-indoor-portrait-international-employees-sitting-office-with-laptops-talking-about-work_10483919.htm#page=2&query=freshy&position=35&from_view=search&track=sphhttps://www.freepik.com/free-photo/sports-tools_18415697.htm#page=2&query=activity&position=6&from_view=search&track=sphhttps://www.freepik.com/free-photo/tranquil-student-girl-relaxing-park_4534202.htm#query=sleep&position=7&from_view=search&track=sphhttps://www.freepik.com/free-photo/people-office_9723335.htm#page=2&query=freshy&position=39&from_view=search&track=sphhttps://www.freepik.com/free-photo/everyone-is-smiling-listens-group-people-business-conference-modern-classroom-daytime_9694503.htm#page=2&query=freshy&position=10&from_view=search&track=sphhttps://www.freepik.com/free-photo/multiethnic-group-young-cheerful-students-standing-outdoors_7571533.htm#page=2&query=freshy&position=39&from_view=search&track=sph

 

พี่คิตตี้

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น