“อันดับ" vs "คะแนน" อะไรจะสำคัญกว่า ใครจะสอบติดก่อน มาดูกัน!

สวัสดีค่ะน้องๆ “อันดับ vs คะแนน อะไรจะทำให้สอบติดมากกว่า?” เป็นหนึ่งในคำถามรอบ Admission ที่หลายคนสงสัย และเข้าใจผิดมากที่สุด แล้วเรื่องนี้ก็ถือเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ ในการจัด 10 อันดับ และยื่นสมัครรอบ Admission เพราะถ้าหากเรียงลำดับพลาด อาจจะทำให้ไม่ได้เรียนในคณะที่ชอบ หรือสอบไม่ติดเลยก็ได้ วันนี้พี่แนนนี่จะพาน้องๆ ไปไขข้อสงสัยในเรื่องนี้กัน!
 

“อันดับ" vs "คะแนน" อะไรจะสำคัญกว่า ใครจะสอบติดก่อน มาดูกัน! 

อันดับ" กับ "คะแนน" อะไรสำคัญกว่า?

จริงๆ แล้วทั้งอันดับ และคะแนน ต่างก็เป็นตัวแปรสำคัญในการประมวลผลรอบ Admission ทั้งคู่ แต่จะทำหน้าที่แตกต่างกันออกไป

ในแง่ของการพิจารณาคัดเลือก จุดที่จะตัดสินว่าใครจะผ่านการเลือกนั้น จะเป็น “คะแนน” คนที่มีคะแนนสูงกว่า ไม่ว่าจะยื่นสมัครไว้ในอันดับไหน ก็จะมีสิทธิ์ผ่านการคัดเลือกไปก่อน เพราะทปอ.จะเรียงลำดับคะแนนคนที่สมัครในสาขาวิชาเดียวกันจากมากสุดไปน้อยสุดเสมอ คนที่จะผ่านการคัดเลือกก็จะเป็นคนที่มีคะแนนสูงสุดตามจำนวนรับ

ตัวอย่างเช่น : คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดรับสมัคร 25 ที่นั่ง และมีผู้สมัครทั้งหมด 150 คน ทปอ.ก็จะเรียงลำดับคะแนนทั้ง 150 คนจากมากที่สุดไปน้อยที่สุด ส่วนคนที่จะผ่านการคัดเลือก ก็จะเป็นคนที่มีคะแนนสูงสุด 25 ลำดับแรกเท่านั้น

แล้วทำไมต้องจัดอันดับ?

ทปอ. อนุญาตให้แต่ละคนยื่นสมัคร รอบ Admission  ได้สูงสุด 10 อันดับ แบบเรียงลำดับ! เพราะกระบวนการประมวลผลการคัดเลือกนั้น ทปอ.จะไล่พิจารณาคัดเลือกไปทีละอันดับ โดยจะเริ่มดูจากอันดับที่ 1 ก่อนของแต่ละคนก่อน ถ้าไม่ผ่านการคัดเลือก ก็จะไปพิจารณาอันดับที่ 2 ถ้ายังไม่ผ่านการคัดเลือก ก็จะดูอันดับถัดไปเรื่อยๆ จนกว่าจะผ่านการคัดเลือก หรือไล่พิจารณาไปครบทุกอันดับที่ยื่นสมัครแล้ว นั่นหมายความว่า ถ้าเราไม่ผ่านการคัดเลือกในอันดับแรก เราก็จะมีอันดับถัดๆ ไปสำรองอยู่

แต่ในขณะเดียวกันถ้าผ่านการคัดเลือกในอันดับไหนไปแล้ว ทปอ. ก็จะไม่ไปพิจารณาในอันดับถัดๆ ไปอีกเลย ดังนั้นในแง่ของผู้สมัคร อันดับ ก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน  ถ้าไม่เรียงลำดับสาขาวิชาตามที่สนใจแล้ว หากผ่านการคัดเลือกอันดับไหนไป ก็ต้องเรียนสาขาวิชานั้นๆ ไม่สามารถขอเปลี่ยนไปพิจารณาในอันดับที่ต่ำกว่าได้

ตัวอย่างเช่น : นายเด็กดี ชื่นชอบสาขาวิชาในอันดับที่ 3 มากๆ แต่คะแนนไม่ผ่านการคัดเลือกในอันดับที่ 1 ระบบก็ไปพิจารณาอันดับที่ 2 และผ่านการคัดเลือกในอันดับนี้ ก็ส่งผลให้เขาได้เรียนในอันดับที่ 2 ทันที  จะไม่สามารถไปขอพิจารณาในอันดับที่ 3 ได้อีก

ยกตัวอย่าง

กรณีที่ 1) คะแนนต่างกัน อันดับต่างกัน

ถ้านาย A และ นาย B ยื่นสมัครในสาขาวิชาเดียวกัน แต่เลือกยื่นไว้ในอันดับต่างกัน ตามตารางข้างต้น กรณีนี้ นาย B จะมีสิทธิ์ผ่านการคัดเลือกเข้าไปก่อน เพราะมีคะแนนสูงกว่านาย A

กรณีที่ 2) คะแนนต่างกัน อันดับเท่ากัน 

ถ้านาย A และ นาย B ยื่นสมัครในสาขาวิชาเดียวกัน แต่เลือกยื่นไว้ในอันดับต่างกัน ตามตารางข้างต้น กรณีนี้ นาย A จะมีสิทธิ์ผ่านการคัดเลือกเข้าไปก่อน เพราะมีคะแนนสูงกว่านาย B

กรณีที่ 3) คะแนนเท่ากัน อันดับต่างกัน

ในกรณีนี้ ถ้าสาขาวิชามีที่นั่งว่างมากกว่า 2 ที่ขึ้นไป ก็จะผ่านการคัดเลือกไปทั้งคู่ เพราะคะแนนเท่ากัน แต่ถ้าเหลือ 1 ที่นั่ง และมีคนคะแนนเท่ากันแบบนี้ ทาง ทปอ.จะติดต่อไปยังสาขาวิชานั้นๆ ก่อน ว่าจะตัดสินใจอย่างไร ถ้าทางสาขาวิชารับก็จะผ่านคัดเลือกไปทั้งคู่ แต่ถ้าไม่รับ ก็จะไม่ผ่านคัดเลือกทั้งคู่เช่น ระบบจะไปพิจารณาในอันดับถัดไป

กรณีที่ 4) คะแนนเท่ากัน อันดับเท่ากัน 

กรณีนี้จะเหมือนกับกรณีที่ 3 เลย ถ้ายังมีที่นั่งว่าง ก็จะผ่านการคัดเลือกทั้งคู่ แต่ะถ้าเหลือแค่ 1 ที่นั่ง ก็อยู่ที่สาขาวิชาว่าจะตอบรับอย่างไร  หากสามารถยืดหยุ่นจำนวนรับได้ เมื่อรับเข้าไปแล้ว สามารถเข้าเรียนได้จำนวนคนที่เพิ่มมา ไม่เป็นปัญหาต่อการเรียน  การทดลอง หรืออุปกรณ์การเรียนต่างๆ ก็มักจะตอบรับทั้งคู่ แต่ถ้าไม่สามารถรับเกินจำนวนที่ระบุไว้ ก็จะไม่รับทั้งคู่ อย่างเท่าเทียมกัน

ย้ำอีกครั้ง! "คะแนน" สำคัญกว่า "อันดับ" เพราะไม่ว่าน้องๆ จะยื่นสมัครในอันดับไหนก็ตาม ถ้าคะแนนน้อยกว่า ก็มีสิทธิ์น้อยกว่า แต่ก็แนะนำให้ดูอันดับควบคู่ไปด้วย เพราะอย่าลืมว่าการประมวลผลจะไล่ตามอันดับที่ยื่นสมัครไปเรื่อยๆ เช่นกัน

อ่านเรื่องก่อนหน้า

อ่านเรื่องต่อไป