เช็กให้ชัวร์! ใส่อ้างอิงยังไง ให้ปลอด Plagiarism พร้อมบอกฟังก์ชันการอ้างอิงใน Word & Google Docs 

สวัสดีชาว Dek-D ทุกคนค่ะ ครั้งที่แล้วพี่ ๆ ชาว Dek-D ได้พูดถึงความร้ายแรงของการคัดลอกผลงานผู้อื่น (Plagiarism) ไปแล้ว หากใครยังไม่อ่าน คลิก ครั้งนี้เรามาต่อด้วย “การใส่อ้างอิง (Citation)” หนึ่งในแนวทางการหลีกเลี่ยง Plagiarism กันค่ะ พร้อมบอก How to การใช้ฟังก์ชันการใส่อ้างอิงใน Microsoft Word และ Google Docs  รับรองว่าใช้ง่าย ไม่ต้องมานั่งพิมพ์เองทีละตัวจนมือหงิก

เช็กให้ชัวร์! ใส่อ้างอิงยังไง ให้ปลอด Plagiarism พร้อมบอกฟังก์ชันการอ้างอิงใน Word & Google Docs 
เช็กให้ชัวร์! ใส่อ้างอิงยังไง ให้ปลอด Plagiarism พร้อมบอกฟังก์ชันการอ้างอิงใน Word & Google Docs  

เช็กให้ชัวร์! ใส่อ้างอิงยังไง ให้ปลอด Plagiarism พร้อมบอกฟังก์ชันการอ้างอิงใน Word & Google Docs  

การใส่อ้างอิง (Citation) คืออะไร 

การใส่อ้างอิง (Citation) หมายถึง การระบุแหล่งที่มาของข้อมูลที่เราใช้ในงานเขียนเพื่อแสดงให้เห็นว่า ข้อมูลหรือแนวคิดเหล่านั้นมาจากแหล่งใด และเพื่อให้ผู้อ่านสามารถตรวจสอบข้อมูลได้

ประกอบด้วยอะไรบ้าง ข้อมูลหลัก ๆ ที่ปรากฏในอ้างอิงจะมีดังนี้

  • ชื่อผู้เขียน ระบุชื่อผู้ที่เขียนงานหรือข้อมูลที่เรานำมาใช้
  • ปีที่เผยแพร่ ระบุปีที่ข้อมูลหรือเอกสารนั้นถูกเผยแพร่
  • ชื่อเรื่อง ระบุชื่อของหนังสือ, บทความ, หรือเอกสารที่ใช้
  • แหล่งที่มา ระบุข้อมูลเกี่ยวกับที่มาของเอกสาร เช่น ชื่อหนังสือพิมพ์, วารสาร, URL ของเว็บไซต์
  • หน้า ระบุหน้าที่ข้อมูลนั้นปรากฏ (หากมี)

ทำไมต้องใส่อ้างอิง

  • เพิ่มความน่าเชื่อถือ ช่วยแสดงให้เห็นว่าข้อมูลที่ใช้มาจากแหล่งที่เชื่อถือได้และเป็นที่ยอมรับ
  • ให้เครดิตแก่ผู้เขียนต้นฉบับ เป็นการให้เกียรติและแสดงความเคารพต่อผลงานของผู้อื่น
  • หลีกเลี่ยงการลอกเลียนแบบ สามารถป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์และการลอกเลียนแบบ (plagiarism)
  • ให้ข้อมูลเพิ่มเติมแก่ผู้อ่าน ผู้อ่านสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมหรือศึกษารายละเอียดในแหล่งข้อมูลเดิมจากรายการอ้างอิงได้
  • มีความรู้และการวิจัยที่ครอบคลุม แสดงให้เห็นว่าเราได้ศึกษาค้นคว้าและศึกษาเรื่องนั้น ๆ อย่างละเอียด มีการใช้แหล่งข้อมูลที่หลากหลายและมีคุณภาพ

อะไรบ้างที่ไม่ต้องใส่อ้างอิง

  • ความรู้ทั่วไป ข้อเท็จจริงทั่วไป (เช่น กรุงเทพฯ เป็นเมืองหลวงของประเทศไทย)
  • ความเห็นส่วนตัว ประสบการณ์ส่วนตัว
  • ภาพถ่าย วิดีโอ เสียงหรือสิ่งอื่น ๆ ที่เป็นของเรา
  • ผลการวิจัย ศึกษา ทดลองของเรา

หมายเหตุ  หากไม่แน่ใจว่าข้อมูลที่เรานำมาใช้จำเป็นต้องใส่อ้างอิงหรือไม่ แนะนำให้ใส่อ้างอิงไว้ก่อนเพื่อความปลอดภัย  กันไว้ดีกว่าแก้ค่ะ

การอ้างอิงรูปแบบ APA 

การอ้างอิงมีหลายรูปแบบ โดยแต่ละรูปแบบมีกฎและแพทเทิร์นการเขียนที่แตกต่างกันไปตามลักษณะของข้อมูลที่เราต้องการอ้างอิง รูปแบบการอ้างอิงที่พบบ่อย เช่น

  • APA (American Psychological Association)
  • MLA (Modern Language Association)
  • Chicago
  • Harvard style

การอ้างอิงรูปแบบที่เราจะโฟกัสกันในวันนี้ คือ  รูปแบบ “APA (American Psychological Association)” ซึ่งเป็นรูปแบบที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย และนิยมใช้ในสาขาวิชาจิตวิทยา การศึกษาและสาขาสังคมศาสตร์ โดยแบ่งเป็น 2 ส่วนดังนี้

  1. การอ้างอิงในตัว (in-text citation)
    • 1.1 แบบเชิงอรรถ (footnote)
    • 1.2 แบบแทรกในเนื้อหา  (ระบบนาม-ปี)
  2. รายการอ้างอิงหรือบรรณานุกรม (reference lists)

1.1 การอ้างอิงแบบเชิงอรรถ (footnote) 

เป็นการระบุรายละเอียดที่ด้านล่างของหน้ากระดาษ โดยใช้ตัวเลขกำกับเพื่อลิงก์กับเนื้อหาในบทความหรือหนังสือ ทำให้อ่านเนื้อหาได้ต่อเนื่องโดยไม่มีการขัดจังหวะของอ้างอิง  มักใช้ในงานวิจัยด้านประวัติศาสตร์ กฎหมาย หรือในงานวิชาการที่ต้องการอธิบายเพิ่มเติม  

Credit:  https://www.slideserve.com/halia/4617542
Credit:  https://www.slideserve.com/halia/4617542

อย่างไรก็ตามยังมีข้อเสีย เพราะการอ้างอิงแบบเชิงอรรถ (footnote)  เหมาะสำหรับเนื้อหาที่ต้องการใส่รายละเอียดเยอะ ๆ ทำให้มีความซับซ้อนกว่าแบบแทรกในเนื้อหามาก จึงอาจไม่เหมาะสำหรับน้อง ๆ ที่เป็นมือใหม่ 

ด้วยเหตุนี้จึงขอโฟกัสที่ “การอ้างอิงแบบแทรกในเนื้อหา  (ระบบนาม-ปี)”  เป็นหลักแทน เพราะง่ายและสะดวกต่อการใช้งานมากกว่าแบบเชิงอรรถ โดยเฉพาะสำหรับผู้เริ่มต้นค่ะ

1.2 การอ้างอิงแบบแทรกในเนื้อหา  (ระบบนาม-ปี)

  • ผู้แต่งชาวไทย: ใส่แค่ชื่อ-นามสกุล ไม่ต้องใส่คำนำหน้า/คำเรียกทางวิชาชีพ
    • เช่น ศาสตราจารย์ ดร.โชคดี  มีชัย --->  โชคดี  มีชัย
  • ผู้แต่งชาวต่างชาติ: ใส่แค่นามสกุล
    • เช่น John Aaron Smith  ---> Smith

1. (ผู้แต่ง, ปีพิมพ์, เลขหน้า) ไว้ท้ายข้อความที่อ้างอิง เช่น

  • ................................  (สุนีย์ มัลลิกะมาลย์, 2549, น. 200-205)
    • หากไม่มีเลขหน้า  (สุนีย์ มัลลิกะมาลย์, 2549)
  • ................................   (McCartney & Phillips, 2006, pp. 498-499)
  • ................................   (Murphy, 1999, p. 85)

2. ผู้แต่ง (ปีพิมพ์, เลขหน้า)

  • ลดาพร บุญฤทธิ์ (2539, น. 49) ได้ศึกษาถึง................................
    • หากไม่มีเลขหน้า  ลดาพร บุญฤทธิ์ (2539)
  • Kanokon Boonsarngsuk (2002, p. 14) studied………………………………….

3. ปีพิมพ์ ผู้แต่ง (เลขหน้า)

  • ในปี 2556 นันทนา วงษ์ไทย ได้อธิบายว่า “การผลิตซ้ำและตอกย้ำค่านิยมดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์เชิงอำนาจที่ไม่เท่าเทียมกันระหว่างสื่อโฆษณาและประชาชนผู้รับสาร โดยสื่อโฆษณาจัดเป็นฝ่ายที่มีอำนาจทางสังคมสูงกว่า” (น. 104)

ใส่ “……” ตอนไหนบ้าง?

  1. ข้อความที่คัดลอกมายาวไม่เกิน 3 บรรทัด 
    •  ให้พิมพ์ต่อเนื่องกับเนื้อหา
    • ไม่ต้องขึ้นย่อหน้าใหม่
    • ใส่ “……”
  2. ยาวกว่า 3 บรรทัด
    • ให้ขึ้นบรรทัดใหม่แล้วย่อหน้า  (กด tab 1 ครั้ง)
    • ส่วนที่คัดลอก/ถอดความมา ก็ให้ย่อเข้ามาอีก (กด tab 2 ครั้ง)  โดยไม่ต้องใส่ “……”
เปรียบเทียบแบบที่ 1 กับ แบบที่ 2
เปรียบเทียบแบบที่ 1 กับ แบบที่ 2

ข้อความจากอินเทอร์เน็ต/ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์: ถ้ามีเลขหน้า ใส่เลขหน้าตามปกติ แต่ถ้าไม่มีเลขหน้า ให้ใส่ย่อหน้าแทน เช่น

  • สำนักงานราชบัณฑิตยสภา (2554) ได้อธิบายความหมายของความเครียดไว้ว่า “ความเครียด หมายถึง ลักษณะอาการที่สมองไม่ได้ผ่อนคลายเพราะคร่ำเคร่งอยู่กับงานจนเกินไป, ลักษณะอาการที่จิตใจมีอารมณ์ บางอย่างมากดดันความรู้สึกอย่างรุนแรง” (ย่อหน้าที่ 2)
  • “Stress is our body’s response to pressure. Many different situations or life events can cause stress.” (Mental Health Foundation, 2021, para. 1)

2. รายการอ้างอิงหรือบรรณานุกรม (reference lists)

  • ผู้แต่งชาวไทย: ใส่แค่ชื่อ-นามสกุล ไม่ต้องใส่คำนำหน้า/คำเรียกทางวิชาชีพ 
    •  เช่น ศาสตราจารย์ ดร.โชคดี  มีชัย --->  โชคดี  มีชัย
  • ผู้แต่งชาวต่างชาติ: นามสกุล, ชื่อย่อของชื่อแรก. ชื่อย่อของชื่อกลาง.(ถ้ามี)
    • เช่น John Aaron Smith  ---> Smith, J. A.

หมายเหตุ 

  • เมื่ออ้างอิงแบบแทรกในเนื้อหาแล้ว ให้เพิ่มในรายการอ้างอิงท้ายเล่มด้วย
  • ตัวอักษรสีเขียว หมายถึง ใช้ตัวเอียง (มักเป็นชื่อเรื่อง)

2.1 หนังสือ

ชื่อผู้เขียน. (ปีพิมพ์). ชื่อหนังสือ. สถานที่พิมพ์: สำนักพิมพ์.

  • กาญจนา แก้วเทพ. (2544). ศาสตร์แห่งสื่อและวัฒนธรรมศึกษา. กรุงเทพฯ: เอดิสันเพรสโปรดักส์.
  • Shotton, M. A. (1989). Computer addiction? A study of computer dependency. London: Taylor & Francis.

2.2 บทความในวารสาร

ชื่อผู้แต่ง. (ปีพิมพ์). ชื่อบทความ. ชื่อวารสาร, เลขของปีที่(เลขของฉบับที่), เลขหน้า. URL (ถ้ามี) 

  • กัลยกร วรกุลลัฎฐานีย์. (2561). โฆษณาหลอกเด็ก? พฤษภาคม-สิงหาคม ฉบับ: "เรื่องเก่าๆ กับมุมมองใหม่", 11(2), 238.  https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jcmag/article/view/155438/112914
  • Light, M. A., & Light, I. H. (2008). The geographic expansion of Mexican immigration in the United States and its implication for local new enforcement. Law Enforcement Executive Forum Journal, 8(1), 73-82.

2.3 เว็บไซต์

ชื่อ นามสกุลผู้เขียน. (วัน เดือน ปีที่เผยแพร่). ชื่อบทความ. ชื่อเว็บไซต์. URL

  • เสาวนีย์ สังฆโสภณ. (6 ตุลาคม 2553). ดนตรีเพื่อสุขภาพ (ตอนที่ 1). คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล. https://www.si.mahidol.ac.th/th/healthdetail.asp?aid=119
  • Buckles, S. (1 July 2024). Innovation centers spur new biotherapeutics for patients. Mayo Clinic. https://newsnetwork.mayoclinic.org/discussion/innovation-centers-spur-new-biotherapeutics-for-patients/

การใส่อ้างอิงใน Microsoft Word และ Google Docs

รายการอ้างอิงมีหลายรูปแบบมาก ๆ ขึ้นอยู่กับแหล่งที่มาของข้อมูล ทำให้มีแพทเทิร์นที่แตกต่างกันออกไป  จะให้มาพิมพ์ทีละตัวก็คงไม่ไหว ไม่มีงานส่งอาจารย์กันพอดี แถมยังเสี่ยงทำผิดรูปแบบด้วย 

 รู้หรือไม่ว่า  โปรแกรมจัดทำเอกสารอย่าง Microsoft Word และ Google Docs มีฟังก์ชัน “การอ้างอิง”  เพียงแค่ใส่ข้อมูลลงไป  โปรแกรมก็จะจัดรายการอ้างอิงมาให้ ช่วยลดข้อผิดพลาดและประหยัดเวลาไปได้เยอะเลย 

Microsoft Word 

  1. เลือกแท็บ “การอ้างอิง” บนแถบเมนูด้านบน
  2. เลือก “สไตล์”  เช่น  APA, MLA, Chicago
  3. คลิกที่ “แทรกข้อมูลอ้างอิง” แล้วเลือก “เพิ่มแหล่งที่มาใหม่”
  4. กรอกข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งที่มา เช่น ผู้เขียน ชื่อหนังสือ ปีพิมพ์
  • เพิ่มการอ้างอิงในเนื้อหา  ให้คลิกที่ “แทรกอ้างอิง” แล้วเลือกแหล่งที่มาที่เราเพิ่มไว้ก่อนหน้า
  • สร้างรายการอ้างอิง (บรรณานุกรม)  ให้คลิกที่ “บรรณานุกรม”
ภาพตัวอย่างการใส่อ้างอิงใน Microsoft Word
ภาพตัวอย่างการใส่อ้างอิงใน Microsoft Word 

Google Docs

  1. เลือก “เครื่องมือ” บนแถบเมนูด้านบน
  2. เลือก “การอ้างอิง”
  3. เลือกสไตล์การอ้างอิง เช่น APA, MLA, Chicago
  4. คลิก “เพิ่มแหล่งอ้างอิง” แล้วเลือกประเภทแหล่งอ้างอิง
  5. กรอกข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งที่มา เช่น ผู้เขียน ชื่อหนังสือ ปีพิมพ์
  • เพิ่มการอ้างอิงในเนื้อหา ให้คลิก “อ้างอิง” ซึ่งอยู่ข้าง ๆ แหล่งที่มาที่เราได้เพิ่มไว้ก่อนหน้า
  • สร้างรายการอ้างอิง (บรรณานุกรม)  ให้คลิก “แทรกส่วนอ้างอิง”
ภาพตัวอย่่างการใส่อ้างอิงใน Google Docs
ภาพตัวอย่่างการใส่อ้างอิงใน Google Docs

คำแนะนำ ทำงานไป ใส่อ้างอิงไปจะดีกว่าการใส่ย้อนหลัง เพราะอาจทำให้ข้อมูลตกหล่นได้ แม้จะมีตัวช่วยอย่างฟังก์ชันการอ้างอิงก็ควรตรวจสอบด้วยตนเองอีกทีเพื่อความชัวร์ค่ะ

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการยกตัวอย่างเท่านั้น การอ้างอิงแบบ APA ยังมีรายละเอียดเพิ่มเติมอีกมากมายที่ยังไม่ได้พูดถึงในครั้งนี้  น้อง ๆ สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้โดยการค้นหาคำว่า “การอ้างอิงแบบ APA” ค่ะ

ขอบคุณข้อมูลจากhttps://www.nupress.grad.nu.ac.th/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A1/#hd-6682302fac80bhttp://www.jba.tbs.tu.ac.th/////////files/APA_Style.pdfhttps://www.lib.cmru.ac.th/web62/core/FILE/1565321805.pdfhttps://op.mahidol.ac.th/la/wp-content/uploads/2023/09/TULIBS_APA.pdf

 

 

 

 

Dek-D Team ทีมคอลัมนิสต์ Dek-D

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

1 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด