เมื่อเวลา 01.20 น. คืนวันที่ 14 พ.ค. ร.ต.ท.กิตติกร บังศรี ร้อยเวร สภ.เมืองขอนแก่น รับแจ้งจากทาง รพ.ขอนแก่นรามว่า มีคนถูกยิงมารักษาตัวแต่เสียชีวิตแล้วจึงรุดไปตรวจสอบ

 

          ทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือ นายจิราวัฒน์ เลิศกุยอุยไพศาล อายุ 18 ปีอยู่บ้านเลขที่ 117 หมู่ 11 ต.ปอพาน อ. นาเชือก จ.มหาสารคาม นักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนนาเชือกพิทยาสรรค์ ถูกยิงด้วยกระสุนปืน .38 เข้าที่ขมับขวา 1 นัดกระสุนฝังใน สอบสวนนายวชิระ เลิศกุยอุยไพศาล อายุ 55 ปี บิดาผู้ตาย มีตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านโคกก่องโคกสูงหนองแต้ ต.หนองแดง อ.นาเชือก จ.มหาสารคาม ระบุว่าเหตุเกิดเมื่อช่วงเช้าวันที่ 13 พ.ค.ที่ผ่านมา บุตรชายฉวยจังหวะที่คนในบ้านเผลอ แอบหยิบปืน .38 ที่เก็บไว้ในห้องนอน ยิงตัวเองจนบาดเจ็บสาหัส จึงรีบนำส่ง รพ.นาเชือกแต่เนื่องจากอาการโคม่า จึงส่งต่อมารักษาที่ รพ.ขอนแก่นราม จนกระทั่งเสียชีวิตดังกล่าว 

 
 

          นายวชิระ  เผยถึงสาเหตุที่บุตรชายฆ่าตัวตายทั้งน้ำตาคลอเบ้าว่า บุตรชายเป็นเด็กเรียนเก่ง คว้ารางวัลด้านการศึกษาทั้งระดับอำเภอและจังหวัดมามากมาย จนสำเร็จการศึกษาชั้น ม. 6 ตั้งใจว่าจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยเพื่อศึกษาต่อทางด้านคอมพิวเตอร์ โดยบุตรชายมีคะแนนแอดมิชชั่น 5,200 คะแนน ได้สิทธิเรียนที่มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ขณะเดียวกันก็มั่นใจว่าตัวเองน่าจะสอบได้ คณะทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตศรีราชาตามที่เลือกไว้ เพราะคะแนนสูงกว่าคะแนนขั้นต่ำ จึงขอสละสิทธิโควตาของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม เพื่อจะไปเรียนที่ ม.เกษตรฯ แต่พอถึงวันประกาศผลจริงๆกลับไม่มีรายชื่อของบุตรชายติด ม.เกษตรฯ บุตรชายพยายามสอบถามทั้งทางโทรศัพท์ และตรวจเช็คทางอินเตอร์เน็ตก็ไม่มีชื่อ สอบถามไปทางสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ก็ไม่ได้ความชัดเจน ทำให้บุตรชายผิดหวังและเครียดกับเรื่องดังกล่าวมาก เก็บตัวเงียบอยู่แต่ในห้องนอน ไม่ยอมพูดจากับใคร

 

          นายวชิระ  กล่าวต่อไปว่า ทางบ้านพยายามพูดปลอบใจและให้ความหวังว่าจะพาไปสมัครเรียนคณะทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ (ภาคพิเศษ) มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสนแทน โดยใช้ผลคะแนนแอดมิชชั่นที่ได้ เตรียมตัวเดินทางเข้ากรุงเทพฯในวันที่ 13 พ.ค. วันเดียวกับที่เกิดเหตุ แต่ บุตรชายคงจะรับไม่ได้กับความผิดหวังที่เกิดขึ้น แอบยิงตัวตายไปเสียก่อน

 

          “เรื่องที่เกิดขึ้นอยากจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยตรวจสอบความผิดพลาดด้วย ระหว่างมหาวิทยาลัยมหาสารคามที่ลูกผมยื่นเรื่องสละสิทธิ์ไว้แล้ว เท่าที่ทราบมีความผิดพลาดไม่ได้ตัดสิทธิและส่งคะแนน นร.ที่สอบได้ไปยังมหาวิทยาลัยที่เลือกเกือบ 100 คน จนต้องมีการยื่นอุทธรณ์และประมวลผลใหม่ ก่อนจะคืนสิทธิให้กับนักเรียนกลุ่มดังกล่าวในภายหลัง ซึ่งอาจจะมีกรณีของลูกชายรวมอยู่ด้วย กับอีกกรณีคือรายชื่อของ ม.เกษตรฯอาจจะผิดพลาดตกหล่นหายไป หน่วยงานที่กำกับดูแลการสอบเข้ามหาวิทยาลัยควรมีระบบตรวจสอบและช่วยเหลือ นร.ที่มีปัญหาอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากกว่าที่เป็นอยู่ ผมไม่อยากให้กรณีของลูกชายเกิดขึ้นซ้ำรอยอีก” นายวชิระกล่าวสรุปก่อนจะยื่นเรื่องขอรับศพบุตรชายกลับไปบำเพ็ญ กุศลที่ จ.มหาสารคามต่อไป
 

พี่ลาเต้ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

พี่ลาเต้
พี่ลาเต้ - Columnist นักข่าวสายการศึกษา เกาะติดทุกข่าวแทนน้องๆ ตัวถีบ ตัวดันให้ ม.6 สอบติด

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

ดเ้ดเ้ดดก้ดก้ 15 พ.ค. 51 23:32 น. 7
เปลี่ยนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน ค่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา นินินินินินินินินินินินินินิ ยมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม ของงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง คนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน ไทยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ดีดีดีดีดีดีดีดีดีดีดีดีดี กว่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา มั๋งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง ครับบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ ค่านิยมห่วยๆ ของสังคมที่ทำให้คน บ้า คณะ กับ บ้ามหาวิทยาลัย โดยไม่คิดว่าตัวเองชอบสาขาวิชาใดกันแน่ ทุกวันนี้เราจะพบกับความจริงว่า นักเรียนหลายคนเลือกเรียนในคณะที่ตัวเองไม่ได้ชอบจริง แต่ทำไปตามกระแสสังคม เช่น ผู้ชายต้องวิศวะ เท่านั้น(บางคนวิศวะอะไรก็ได้ไม่สนสาขาวิชา) ทำให้ทุกวันนี้มีการเปิดสอนวิศวะเกือบทุกมหาวิทยาลัยทั้งๆที่อาจเกินความต้องการแรงงานไปแล้วววว(บางคนบอกว่าวิศวะมันเกร่อ) หรือบางคนก็บ้ามหาวิทยาลัย ของติดมหาวิทยาลัยดังๆ คณะอะไรก็ได้ จบมาทำงานก็ไม่มีความสุข บ้าคณะ กับ บ้ามหาลัย นี่แหละคือสาเหตุของความเครียดอย่างแท้จริง เราเชื่อว่าเด็กไทยจำนวนไม่น้อย ยึดถือกับ คณะ และ มหาวิทยาลัย โดยไม่คำนึงถึงความชอบ และความสามารถของตัวเอง เมื่อไม่ได้ก็รู้สึกเสียหน้า แก้ปัญหาชีวิตไม่ถูก เพราะเราหวังแต่สูงๆ ที่ไม่ใช่ตัวของเราเอง เราทำเพื่อให้ตัวเองดูดี ให้คนอื่นเรียกตัวเองว่า นักศึกษา..... พ่อ แม่ ผู้ใหญ่ นี่แหละคือคนที่ปลุกค่านิยมนี้ขึ้น เด็กไทยเลยใจแคบ มองข้ามคณะที่น่าเรียน หลายคณะ(ผมไม่ขอกล่าวถึงละกัน) ควรจะสร้างค่านิยมที่เปิดกว้างในอาชีพต่างๆมากยิ่งๆขึ้น แล้วให้มีการเปิดคณะที่สอนตามความต้องการของแรงงาน คิดดูดีๆ แทนที่เราจะเสียงบประมาณเพื่อสร้าง บัณฑิตที่หางานทำไม่ได้ซัก 10 คน ผมว่าเอางบประมาณนั้นมาสร้างอาชีพที่คนต้องการ 1 คนจะดีกว่า จิงมั้ย ทุกวันนี้มหาวิทยาลัยนึกจะเปิดคณะไหนก็เปิด ใบปริญญาดูเหมือนเป็นสิ่งที่ใครๆก็มีได้ง่ายๆ อาจรวมไปถึงปริญญาโทด้วยซ้ำ มีเงินก็จ่ายกันเข้าไป มีใครคิดจะเปลี่ยนแปลงค่านิยมนี้มั่งมั้ยล่ะ ดีแต่มีสนับสนุน ถ้าเด็กทุกคนเลือกเรียนที่ตัวเองชอบจริงๆ ไม่บ้าคณะ ไม่บ้ามหาวิทยาลัย ทุกอย่างมันจะลงตัวของมันเอง
0
กำลังโหลด
whitelovely Member 16 พ.ค. 51 00:04 น. 8

เห็นด้วยกับหลากหลายความเห็นที่อยากให้เปลี่ยนระบบ ทุกวันนี้สังคมและค่านิยมมันบีบรัดพวกเราจนเกินไป พวกเราส่วนใหญ่เอาเเต่เรียนๆๆเพื่อเข้ามหาลัย เพื่อเป็นที่ยอมรับของคนในสังคม โดยไม่ได้มีเวลาไปใส่ใจกับเรื่องอื่นๆที่สำคัญเช่นกัน เช่นครอบครัว จริยธรรม ธรรมชาติ อากาศที่บริสุทธิ์ที่จะหายไปทุกวัน แล้วเราจะเรียนกันไปเพื่ออะไรถ้ามันทำให้โลกเราแย่ลง ไม่ได้ทำให้คนเรามีจิตใจดีขึ้นเอาซะเลย บางคนยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองชอบอะไร

แต่เราก็ไม่เห็นด้วยกับการฆ่าตัวตาย มันไม่ใช่ทางออกทุกอย่าง มันเป็นการหนีปัญหาในความคิดของเรา ทำไมเขาไม่คิดถึงพ่อแม่ครอบครัวคนที่รักเขาบ้าง เสียดายที่พ่อแม่เฝ้าทะนุถนอม ให้เรียนหนังสือ ทั้งๆที่เป็นคนเก่ง น่าจะเป็นคนที่มาช่วยกันพัฒนาชาติบ้านเมือง เขาน่าจะรอ น่าจะต่อสู้ลองสอบถามใหม่ ถ้าไม่ได้จริงๆก็สอบใหม่ก็ได้ ชีวตของเรามีค่าที่สุด เรายังมีโอกาสเริ่มใหม่ได้

ทางรัฐบาลเองก็ควรจะหาทางแก้ปัญหาได้เเล้ว ว่าทำไมทุกปีนักเรียนถึงได้ฆ่าตัวตาย ควรที่จะควบคุมสื่อรึเปล่า หรือว่าจะขอความร่วมมือจากผู้ปกครองและครู ให้ปลูกฝังให้เด็กรักชีวิตตัวเอง ให้อดทน และคิดที่จะแก้ปัญหา อย่าให้มีใครต้องมาสังเวยชีวิตกับเรื่องอย่างนี้อีกเลย...

0
กำลังโหลด

76 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
ออย 15 พ.ค. 51 22:45 น. 4
เราเข้าใจความรู้สึกนี้ เฮ้ออ..แอดมิดชั่นนี่โหดร้ายจิงๆ เราคนนึงที่ไม่ติดแอดมิด ความหวังที่มีอยู่พังทลายลงไปเลยทีเดียว ทุกอย่างที่วางไว้มันพังไปหมด ต้องใช้สมองคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไป ต้องดิ้นรน มากมายเพื่อที่จะได้เข้าเรียน ซึ่งมันก้อมีข้อจำกัดที่เงิน มหาลัยเอกชน ค่าเล่าเรียนก้อสูงมากกก เฮ้อ..เหนใจค่ะ ขอให้ไปสู่สุขตินะคะ ปล.คิดว่ามันเปนสิ่งที่โหดร้ายมากค่ะกับการแอดมิดชั่น บางคนได้ที่เรียน เเต่ไม่ได้คณะที่หวัง ถ้าชอบก้อดี แต่ถ้าไม่ชอบก้อต้องเสียเวลาไปอีกปีหรืออาจจะต้องทนเรียนในสิ่งที่ไม่ชอบ ไปอีกยาวนานนน ค่ะ
0
กำลังโหลด
VPX 15 พ.ค. 51 22:47 น. 5
เปลี่ยนระบบเถอะ คนที่จะต้องจบชีวิตเพราะการAdmisstion เพราะเค้าก้อหวังอยากได้เรียนที่ๆเค้สชอบ แต่ระบบนี้เน้นแต่คะแนน คนที่คะแนนสูงก็ได้เรียนแล้ว ถามหน่อยถ้าจะให้เลือกระหว่างขอให้ติดเถอะ อะไรก้อได้ กับ ฉันชอบคณะนี้ ฉันอยากเรียนสาขานี้ เปงคุณจะเลือกอะไร
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
ดเ้ดเ้ดดก้ดก้ 15 พ.ค. 51 23:32 น. 7
เปลี่ยนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน ค่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา นินินินินินินินินินินินินินิ ยมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม ของงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง คนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน ไทยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ดีดีดีดีดีดีดีดีดีดีดีดีดี กว่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา มั๋งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง ครับบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ ค่านิยมห่วยๆ ของสังคมที่ทำให้คน บ้า คณะ กับ บ้ามหาวิทยาลัย โดยไม่คิดว่าตัวเองชอบสาขาวิชาใดกันแน่ ทุกวันนี้เราจะพบกับความจริงว่า นักเรียนหลายคนเลือกเรียนในคณะที่ตัวเองไม่ได้ชอบจริง แต่ทำไปตามกระแสสังคม เช่น ผู้ชายต้องวิศวะ เท่านั้น(บางคนวิศวะอะไรก็ได้ไม่สนสาขาวิชา) ทำให้ทุกวันนี้มีการเปิดสอนวิศวะเกือบทุกมหาวิทยาลัยทั้งๆที่อาจเกินความต้องการแรงงานไปแล้วววว(บางคนบอกว่าวิศวะมันเกร่อ) หรือบางคนก็บ้ามหาวิทยาลัย ของติดมหาวิทยาลัยดังๆ คณะอะไรก็ได้ จบมาทำงานก็ไม่มีความสุข บ้าคณะ กับ บ้ามหาลัย นี่แหละคือสาเหตุของความเครียดอย่างแท้จริง เราเชื่อว่าเด็กไทยจำนวนไม่น้อย ยึดถือกับ คณะ และ มหาวิทยาลัย โดยไม่คำนึงถึงความชอบ และความสามารถของตัวเอง เมื่อไม่ได้ก็รู้สึกเสียหน้า แก้ปัญหาชีวิตไม่ถูก เพราะเราหวังแต่สูงๆ ที่ไม่ใช่ตัวของเราเอง เราทำเพื่อให้ตัวเองดูดี ให้คนอื่นเรียกตัวเองว่า นักศึกษา..... พ่อ แม่ ผู้ใหญ่ นี่แหละคือคนที่ปลุกค่านิยมนี้ขึ้น เด็กไทยเลยใจแคบ มองข้ามคณะที่น่าเรียน หลายคณะ(ผมไม่ขอกล่าวถึงละกัน) ควรจะสร้างค่านิยมที่เปิดกว้างในอาชีพต่างๆมากยิ่งๆขึ้น แล้วให้มีการเปิดคณะที่สอนตามความต้องการของแรงงาน คิดดูดีๆ แทนที่เราจะเสียงบประมาณเพื่อสร้าง บัณฑิตที่หางานทำไม่ได้ซัก 10 คน ผมว่าเอางบประมาณนั้นมาสร้างอาชีพที่คนต้องการ 1 คนจะดีกว่า จิงมั้ย ทุกวันนี้มหาวิทยาลัยนึกจะเปิดคณะไหนก็เปิด ใบปริญญาดูเหมือนเป็นสิ่งที่ใครๆก็มีได้ง่ายๆ อาจรวมไปถึงปริญญาโทด้วยซ้ำ มีเงินก็จ่ายกันเข้าไป มีใครคิดจะเปลี่ยนแปลงค่านิยมนี้มั่งมั้ยล่ะ ดีแต่มีสนับสนุน ถ้าเด็กทุกคนเลือกเรียนที่ตัวเองชอบจริงๆ ไม่บ้าคณะ ไม่บ้ามหาวิทยาลัย ทุกอย่างมันจะลงตัวของมันเอง
0
กำลังโหลด
whitelovely Member 16 พ.ค. 51 00:04 น. 8

เห็นด้วยกับหลากหลายความเห็นที่อยากให้เปลี่ยนระบบ ทุกวันนี้สังคมและค่านิยมมันบีบรัดพวกเราจนเกินไป พวกเราส่วนใหญ่เอาเเต่เรียนๆๆเพื่อเข้ามหาลัย เพื่อเป็นที่ยอมรับของคนในสังคม โดยไม่ได้มีเวลาไปใส่ใจกับเรื่องอื่นๆที่สำคัญเช่นกัน เช่นครอบครัว จริยธรรม ธรรมชาติ อากาศที่บริสุทธิ์ที่จะหายไปทุกวัน แล้วเราจะเรียนกันไปเพื่ออะไรถ้ามันทำให้โลกเราแย่ลง ไม่ได้ทำให้คนเรามีจิตใจดีขึ้นเอาซะเลย บางคนยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองชอบอะไร

แต่เราก็ไม่เห็นด้วยกับการฆ่าตัวตาย มันไม่ใช่ทางออกทุกอย่าง มันเป็นการหนีปัญหาในความคิดของเรา ทำไมเขาไม่คิดถึงพ่อแม่ครอบครัวคนที่รักเขาบ้าง เสียดายที่พ่อแม่เฝ้าทะนุถนอม ให้เรียนหนังสือ ทั้งๆที่เป็นคนเก่ง น่าจะเป็นคนที่มาช่วยกันพัฒนาชาติบ้านเมือง เขาน่าจะรอ น่าจะต่อสู้ลองสอบถามใหม่ ถ้าไม่ได้จริงๆก็สอบใหม่ก็ได้ ชีวตของเรามีค่าที่สุด เรายังมีโอกาสเริ่มใหม่ได้

ทางรัฐบาลเองก็ควรจะหาทางแก้ปัญหาได้เเล้ว ว่าทำไมทุกปีนักเรียนถึงได้ฆ่าตัวตาย ควรที่จะควบคุมสื่อรึเปล่า หรือว่าจะขอความร่วมมือจากผู้ปกครองและครู ให้ปลูกฝังให้เด็กรักชีวิตตัวเอง ให้อดทน และคิดที่จะแก้ปัญหา อย่าให้มีใครต้องมาสังเวยชีวิตกับเรื่องอย่างนี้อีกเลย...

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
แนน 16 พ.ค. 51 01:57 น. 11
เป็นบทเรียนให้รู้ว่า ควรที่จะดูผลแอดฯเอง เพื่อนไม่ได้เห็นความสำคัญของเรามากมายเพราเขาก็ต้องดูของเขาเช่นกัน ฉะนั้นเพื่อความมั่นใจ ควรที่จะดูเอง ดีที่สุดแล้ว แล้วอีกอย่างไม่น่าจะไปยึดติดกับม.รัฐฯมากมาย บ้านเราก็ไม่มีเงิน พวกญาติๆก็เรียนม.รัฐกันหมด เรายังเรียนเอกชนได้เลย ไม่ใช่ว่าเรียนเอกชนแล้วจะโง่นี่ มันอยู่ที่จังหวะ โอกาสและตัวเรา ถึงให้เราไปเรียนจุฬาฯถ้าขี้เกียจจุฬาฯก็ไม่ได้ช่วยอะไรหรอกนะ เรียนที่ไหนก็ได้แล้วสมัยนี้ง่ะ สถาบันไม่ได้เป็นตัวพิสูจน์ความเป็นคนของเรานี่ *ไปสู่สุขคตินะค่ะ
0
กำลังโหลด
Oo..ต้นข้าวสีฟ้า..oO Member 16 พ.ค. 51 07:09 น. 12
รามก็ยังมีนี่คะ...อย่าหมดหวังท้อแท้สิคะ แค่แอดไม่ติดไม่ได้จบสิ้นทุกอย่างนะคะ..มันแค่จุดเริ่มต้นว่าชีวิตจะไปในทางไหน เราก็ไม่ติด..ถามว่าเสียใจมั้ย..ก็เสียใจค่ะ..แต่อนาคตไม่จบลงเท่านี้ ู่สู่สุขติี้
0
กำลังโหลด
มาย 16 พ.ค. 51 07:32 น. 13
ปีนี้ก้อสังเวยแอดมิสไปอีกคนแล้ว ปีที่แล้วก้อมี ทำไมต้องมีเหตการณ์นี้ทุกปีด้วยนะ ขอให้ไปดีนะคะ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
วิศว 16 พ.ค. 51 08:32 น. 15
ชั้นไม่ติด วิศวะ มก. ชั้นก็ยังอยุ่ได้เลยยย เพื่อนๆ น้องๆ ก็ คิดถึงพ่อแม่วไก่อนล่ะกัน จบ วิศวะ ที่ไหน ก็เปน วิศวะ เหมือนกันแหละ น๊า ตอนนี้ก็เรียน วิศวะ มหาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง อยู่ อ่ะ มันก็ไม่ได้เลวร้ายน๊า
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
เฮ้อ 16 พ.ค. 51 09:57 น. 18
คนนี้เค้าฆ่าตัวตายเพราะอยากเรียนเกษตรจัด แต่รายชื่อตกหล่น ส่วนชั้นสิ อยากฆ่าตัวตายเพราะได้เรีนที่นี่เนี่ยแหละ!!! เฮ้อ...ต่างคนต่างความคิด
0
กำลังโหลด
papapa 16 พ.ค. 51 10:14 น. 19
คุณความคิดเห็นที่ 18 คะ อยากทราบจังเลยค่ะ ว่าม.เกษตรไม่ดีตรงไหน มีคนจบออกไปทำงาน ก้าวหน้าก็ตั้งมาก ถ้าไม่อยากได้แล้วเลือกทำไม คุณควรจะยอมรับผลของการกระทำของคุณเองนะคะ แล้วก็หยุดว่าร้ายสถาบันซะที เพราะสถาบันเค้าไม่ผิด คนที่ผิดก็คือคนเลือกต่างหาก ส่วนผู้ที่เสียชีวิต ก็ขอให้ไปสู่สุขตินะคะ เสียใจกับครอบครัวด้วย และขอให้กำลังใจกับน้องๆผู้ท้อแท้ทั้งหลาย อดทนเถอะค่ะ แล้วจะผ่านมันไปได้
0
กำลังโหลด
The eye bloody of killer Member 16 พ.ค. 51 10:43 น. 20
สงสารพ่อแม่อะ เลี้ยงลูกกว่าจะโต แล้วมาตัดสินปัญหาโดยการฆ่าตัวตายง่ายๆ แล้วพ่อแม่ที่อยู่เบื้องหลังละ เค้าคงเสียใจมากๆๆ อยากให้ทุกคนคิดดีๆก่อนทำอะไร คิดถึงคนเบื้องหลังของเราด้วย ไม่อยากให้เกิดเหตุแบบนี้ซำซาก แอดไม่ติดไม่ใช่จะจบแค่นั้น เรียนเอกชนอะไรก็ได้นิ อาชีพการทำงานก็ยังรอให้เราฟันฝ่าไปอีก อุปสรรครอให้เราฝ่าฟันมัน
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด