สวัสดีครับ.. เป็นที่รู้กันดีว่าหากจะสอบเข้าเป็นนิสิตนักศึกษาแพทย์ผ่าน กสพท. นั้น จะต้องสอบวิชาหลักๆ 3 อย่าง นั้นคือ ความถนัดแพทย์ (สอบเดือนตุลาคม มีค่าน้ำหนัก 30%) วิชาพื้นฐาน (สอบเดือนกุมภาพันธ์ มีค่าน้ำหนัก 70%) และข้อสอบโอเน็ต (สอบเดือนกุมภาพันธ์ ไม่มีน้ำหนักคะแนน แต่ต้องได้ 60% ขึ้น)
แต่หลายคนยังไม่รู้ว่า แต่ละรอบควรทำคะแนนไว้ที่เท่าไหร่ถึงจะปลอดภัย ซึ่ง พี่ลาเต้ เองก็ไม่รู้เหมือนกัน 555 ว่าแล้ววันนี้ พี่ลาเต้ ก็เลยไปตามตัว นายโด่ง ขุนพลแอดมิชชั่นเรียลลิตี้ปี 1 ผู้ที่ปีที่แล้วฝ่าด่าน กสพท. จนติดคณะแพทยรามาฯ มหิดล มาได้อย่างภาคภูมิ มาแนะนำน้องรุ่น 54 ปีนี้ซะเลย ซึ่งนายโด่งจัดหนักมา 555 ให้คำแนะนำแน่นๆ มาตามนี้คร้าบ
การเตรียมตัวสอบความถนัดแพทย์
จริงๆ แล้วมันก็นานมากแล้วนะครับ เป็นปีเลยที่สอบความถนัดแพทย์ไป แต่ก็จำได้ว่าตัวเองเนี่ย พอเข้า ม.4 ก็เริ่มซื้อหนังสิอวิชาเฉพาะมาทำเลย แบบทำไป เรียนไป เล่นคอมไป ทำอยู่เล่มเดียวล่ะครับ เป็นหนังสืออ่านนอกเวลาไปตอนม.ปลาย ว่างก็อ่าน ว่างก็อ่าน ซ้ำไปซ้ำมาอยู่เล่มเดียว
แต่รวมๆ แล้วก็ไม่ได้เยอะมากนะครับ คือ พอที่จะจับคอนเซปท์ได้ แล้วก็ที่หนักที่สุดคือถามๆ รุ่นพี่ที่เขาสอบไปแล้วบ้าง จะได้เป็นแนวทางที่ถูกต้องจริงๆ สำหรับคนเคยมีประสบการณ์ แต่ก็มาเตรียมตัวหนักจริงๆ สำหรับวิชาเฉพาะแพทย์ก็เป็นช่วงสอบ GAT PAT เดือนตุลาเสร็จล่ะครับ ก็ทิ้งวิชาสามัญไปหมดเลย
ตอนนั้นก็อ่านหนักมาก เลยต้องมีเตรียมร่างกายให้พร้อม นอนให้พอ ทำสมาธิ เข้าวัด ทำบุญ ขอพรมากกว่า (เรื่องจริงที่เชื่อถือได้นะ) ก็ทำให้เรามีกำลังใจในการทำข้อสอบมากๆ เลย ส่วนเล่มที่อ่านก็เป็นเล่มความถนัดของเดอะบุคส์ครับ ถ้าเป็นปีนี้น่าจะเป็นเล่มที่หน้าปกเป็นหมอปิดหน้าปิดตา น่ากลัวๆ อะ ฮ่าๆ แล้วก็เสริมทักษะการทำเชื่อมโยงจากโจทย์แกทแพทนิดหน่อย ก็คิดว่าพร้อมที่จะเข้าสนามสอบแล้ว เพราะมีรุ่นพี่บอกมาว่าเชื่อมโยงจะง่ายกว่านี้มาก ส่วนจริยธรรมก็พอจับจุดได้ แล้วก็เชาว์ปัญหาเนี่ย ทำได้แต่อนุกรมก็เลยกลัวมากๆ ฮ่าๆ
การสอบความถนัดแพทย์แต่ละพาร์ท น่ากลัวยังไง
ข้อสอบพาร์ทแรก จะเป็นอนุกรมมีแค่ 10 ข้อ ที่เหลือจะเป็นบทความที่ยาวๆ มากกว่า ก็เลยทำให้เราทำกันไม่ทัน (ทำให้พาร์ทนี้เรื่องการบริหารเวลาสำคัญมาก) แล้วทำทันก็ไม่แน่ใจเลยว่าจะถูก ข้อสอบมีรวมๆแล้ว 50 ข้อครับ แต่อย่ากลัวครับ เพราเราทำไม่ได้ คนอื่นก็ทำไม่ได้เหมือนกัน ค่าเฉลี่ยคะแนนของพาร์ทนี้ก็จะน้อยๆ คนส่วนใหญ่จะทำไม่ได้ แล้วทำให้ตื่นเต้น ไปทำพลาดพาร์ทต่อไปได้ครับ ดังนั้นก็ทำเต็มที่ไว้ก่อนล่ะดี
พาร์ทที่สองจริยธรรม เป็นอะไรที่จับจุดยากมากครับ แถมตัวเลือกที่มีมาให้ต้องอ่านซ้ำมากกว่าหนึ่งรอบเพราะนอกจากจะงงแล้ว ยังเหมือนจะถูกหมดและผิดหมดเลยครับ แต่โชคดีที่ตรงส่วนนี้ให้คะแนนทุกข้อ ลดหลั่นกันไป ถ้าเราคิดทบทวนบ่อยๆ ก็อาจจะมึนได้ พี่ใช้วิธีเลือกคำตอบที่คิดว่า ใช่ สำหรับเรามากที่สุด
อย่างที่บอกครับถ้าอ่านหนังสือมาแล้วแค่พอ จับจุด ได้ก็จะทำได้ค่อนข้างมาก แล้วก็ถ้าลังเล จะทำให้เสียเวลามากครับ ตัวเลือกก็จะใช้คำที่สับสนให้เรางงด้วย แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพาร์ทนี้คือ ตอบให้เป็นตัวของตัวเองดีกว่าครับ เพราะถ้าเราอยากเป็นอาชีพนี้จริง บางทีทรรศนคติที่ดีต่อวิชาชีพก็จะช่วยเราได้นะ
พาร์ทเชื่อมโยง เป็นอะไรที่น่าห่วงน้อยสุดสำหรับน้องๆ ที่สอบปีนี้ครับ เพราะผ่านข้อสอบพาร์ทเชื่อมโยงของ GAT มาแล้ว เพราะข้อสอบของความถนัดแพทย์ จะง่ายกว่ามาก เพียงแต่ไม่ควรประมาท และทบทวนบ่อยๆ ถ้าใครเคยได้ GAT เต็มมาแล้ว พาร์ทนี้เป็นอะไรที่แค่ทำใจให้สบาย ไม่ประมาท ก็จะทำให้ได้เต็มง่ายๆเลย
บรรยากาศที่แตกต่างกับสอบ GAT PAT ไหม
ถ้าตอบตามตรงแล้วไม่ต่างนะครับ แต่สำหรับคนที่มุ่งหวังว่าอยากเรียน แพทย์ เรียน ทันตแพทย์มากจริงๆ แล้ว สภาพสนามสอบที่ไหนก็ตามจะมีความกดดันเพิ่มมากขึ้นแน่นอนอยู่แล้ว แค่อยากให้มั่นใจ ใจแข็ง แล้วทำกับมันให้เต็มที่ คิดซะว่าทำข้อสอบ O-NET อยู่ที่บ้าน
แล้วอย่าลืมว่าที่ทำอยู่ตรงนี้เพื่ออะไร ความกดดันก็จะหายไปเอง.. เพียงแต่การคุมสอบของ กสพท.จะเข้มงวดกว่ามาก สำหรับน้องๆ ม.6 หลายๆ คนก็คงเป็นครั้งแรกที่สอบกับระบบนี้ ก็อย่าลืมนำอุปกรณ์ที่ใช้สอบ บัตรสอบไปให้พร้อม ทำจิตใจให้สงบ สวดมนต์สามสี่รอบ ก็น่าจะพอนะ ฮ่าๆ
คะแนนที่ควรจะได้ ถึงจะปลอดภัย
จริงๆ แล้วความถนัดแพทย์มีทั้งช่วยดึงแล้วก็ช่วยฉุดนะ พี่ติดเพราะความถนัดแพทย์จริงๆ ได้ 218.6667 เต็ม 300 ถ้าอยากสบายๆ ได้สัก 200+ ก็น่าจะโอเคแล้ว ส่วนพาร์ทแรกพี่ทำได้ 44 อะ แต่มีนวิชานี้น้อยอยู่แล้ว แต่ถ้าได้ 50+ ก็จะดีมากเลย แต่ 40+ ก็โอเคแล้ว
ด้านพาร์ทจริยธรรมพี่ได้ 74.6667 ครับ ส่วนใหญ่ก็จะได้ 50 - 60 กัน น่าจะกำลังดี จะได้ช่วยดึงพาร์ทแรกขึ้นมานะ และส่วนพาร์ทเชื่อมโยงเต็มร้อยได้เลยจะดีมาก เพราะมันเป็นตัวช่วยจริงๆ แต่ถ้าได้ 90+ ก็ยังโอเคอยู่
ฝากถึงน้องทุกคนที่จะสอบความถนัดแพทย์ครั้งนี้หน่อย
อย่างที่บอกครับ ความถนัดแพทย์สามารถเป็นตัวกำหนดคนให้ ติด หรือ ไม่ติด ได้เลยก็ได้ บางคนก็ความวิชาเฉพาะน้อยแต่วิชาการเยอะไม่พอก็ยังไม่ติดอยู่ดี แต่ถ้าได้วิชาเฉพาะมาช่วยส่วนหนึ่ง ก็จะทำให้เราทำวิชาสามัญได้สบายขึ้นครับ แต่ก็ไม่อยากให้เครียด เพราะถ้าเราทำตรงส่วนนี้ได้ไม่ดี อีกตั้ง 70 เปอร์เซนต์ที่เหลือก็จะทำให้เราติดได้เหมือนกัน
พี่ขอยกตัวอย่างคนที่เคยได้ความถนัด 12 เปอร์เซนต์ ก็มีทั้งติดคณะอันดับต้นๆ แล้วก็ ไม่ติดอะไรเลยก็มี อยากให้ทุกคนทำตรงนี้ให้เต็มที่ แล้วผลที่ออกมา จะแสดงให้เห็นถึงความพยายามของน้องๆ ครับ
สุดท้ายนี้พิเศษหน่อย ขอฝากถึงน้องกัปตัน AR2 ทั้งสองคนเลยนะ ทั้งปอนด์ และโบ๊ท ที่จะสอบในครั้งนี้ เพื่อที่จะเข้าทันตะ ก็อยากจะบอกว่า กสพท.ที่จะเข้าทันตะจะเป็นส่วนที่รับเยอะ แล้วก็คะแนนไม่มาก เพราะถ้าเราพลาดตรงนี้ไป พี่ว่าน้องๆ ก็รู้อยู่แล้วล่ะ ว่าจะต้องไปแข่งกับคนที่คะแนน GAT PAT สูงๆ แล้วรับน้อยมากๆ
อยากให้พยายามให้เต็มที่ จำนวนหนังสือที่อ่านวิชาเฉพาะ กับคอร์สเรียนพิเศษที่ลงไปไม่ได้แปรผันตรงกับคะแนนเลย อยู่ที่ตัวเราเองมากกว่า กิจกรรมก็อาจจะทำเยอะก็จริง เหมือนพี่ พี่เที่ยวจนวันสุดท้ายที่จะสอบวิชาสามัญ แล้วแน่นอนว่าเราเป็นเด็ก AR เหมือนกัน พี่ก็อยากให้สู้ เพื่อสิ่งที่ตัวเองชอบจริงๆ แล้วความเหนื่อยที่มันเกิดขึ้นในวันนี้ เราจะรู้สึกได้เองว่า มันคุ้มค่าที่จะแลกมัน..
สู้ๆนะครับ ชาวเด็กดี ทุกคนเลยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย |
24 ความคิดเห็น
พี่โด่งคะแนนความถนัดสูงมากอ่า !!!!!
เชื่อมโยงง่ายจริงหรอ
ทำไมเราทำเล่มหมดปิดปากกอดอกแล้วมันยากจัง เรื่องหลังๆ อ่ะ : (
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 27 ตุลาคม 2553 / 17:24
แก้ไขครั้งที่ 2 เมื่อ 27 ตุลาคม 2553 / 17:21
ยากจิงๆ เป็น IQ มากกว่า ทำไม่ทัน เดาๆเอาเนอะ สุ้ๆ
ต้องเข้ารามาให้ได้!! (พี่หมอหล่อ -.,-)
บรื๋ออออ ฟังพี่โด่งพูดเเล้วลัลล่าสยองอ่ะ >-< ไม่เอาด้วยหรอก ใครสอบก็สอบไป ลัลล่าไม่เอาด้วยเเน่ๆ
ป.ล.คัยจะสอบเค้าคณะนี้ก็ขอให้ไปสบายละกันเจ้าค่ะ
โอ๊ย พี่โด่งคะแนนสูงมาก