สวัสดีค่ะ "ภาษาอังกฤษ" เป็นอีกวิชาที่เรียกว่าเป็นศัตรูกันกับเด็กไทย ส่วนที่ปราบเซียนของภาษาอังกฤษคือเรื่อง ไวยกรณ์ ลำพังมานั่งแปลทั้งประโยคให้เข้าใจว่ายากแล้ว ต้องมาดูอีกว่าประโยคที่อ่านมามันถูกหลักไวยกรณ์หรือเปล่า รายละเอียดเยอะมากทั้งการใช้ศัพท์ การใช้คำเชื่อม คำบุพบท การวางตำแหน่งของคำ รวมไปถึงเรื่อง Tense
Tense เป็นเรื่องกาลเวลาในภาษาอังกฤษ เป็นไวยกรณ์ที่เรียนทุกปี บางโรงเรียนเริ่มสอนตั้งแต่ ป.1 เป็น Persent Simple Tense แบบง่ายๆ แล้วก็ค่อยไล่ระดับการเรียนขึ้นมาจนถึง ม.6 แต่กว่า 12 ปีที่ผ่านมา ไม่ได้ช่วยให้จำ Tense ได้เลย พี่แป้งมีวิธีง่ายๆ ในการจำทั้ง 12 Tense มาฝากค่ะ ตามมาดูกันเลย ...
วิธีจำ Tense ง่ายๆ แค่นี้เอง!!
ก่อนอื่นเรามาทวนกันก่อน ว่า Tense มีทั้งหมด 12 Tense โดยแบ่งช่วงเวลาเป็น Past(อดีต), Present(ปัจจุบัน) และ Future(อนาคต) ในแต่ละช่วงเวลาก็จะมีการแบ่งเหตุการณ์ที่ต่างกันไปอีก 4 แบบคือ Simple, Continuous, Perfect และ Perfect Continuous
อย่าง Simple และ Continuous ก็เป็นการใช้แบบง่ายๆ Simple คือใช้เป็นปกติ เป็นประจำ เป็นกิจวัตร ส่วน Continuous ก็ใช้กับเหตุการณ์ที่กำลังดำเนินอยู่ ส่วนพวกตระกูล Perfect ไปอ่านกันได้เลยที่ "เจาะลึกความเข้าใจในตระกูล Perfect Tense"
ปัญหาก็คือ แต่ละ Tense มีรูปประโยคแบบไหนกันละเนี่ย ... บางทีเราเจอข้อสอบ ไม่ได้ทันคิดหรอกว่าเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นตอนไหน แต่ต้องดูรูปประโยคว่าสื่อออกมาเป็นแบบไหนมากกว่า ถ้าไม่ได้เรื่องเวลาก็ขอแม่นรูปประโยคล่ะกัน พร้อมแล้วไปดูกันเลย
ขั้นที่ 1 : เริ่มต้องที่ Past, Present และ Future
เริ่มที่ตีตารางเพื่อตั้งช่วงเวลาทั้ง 3 ช่วงอย่าง Past, Present และ Future แบบนี้
ขั้นที่ 2 : ใส่ลักษณะเหตุการณ์เข้าไป
มาต่อกันโดยการใส่พวก Simple, Continuous, Perfect และ Perfect Continuous เข้าไป ตอนนี้เราก็จะได้ตาราง 3x4 ช่องแล้ว
ขั้นที่ 3 : ตั้งหลักที่ Present Tense
Tense ที่จำรูปประโยคได้ง่ายที่สุดคือตระกูล Present Tense ค่ะ เราเพียงจำช่องนี้ไว้ให้ดีๆ ส่วน Past กับ Future ก็ง่ายแล้วล่ะค่ะ
ขั้นที่ 4 : แปลงร่างให้กลายเป็น Past Tense
เริ่มที่ Past Tense เป็นรูปอดีต จำง่าย ผันง่าย ก็แปลงร่างโดยใช้ Present Tense เป็นตัวตั้ง เปลี่ยนทั้ง 4 Tenses ให้เป็นรูปอดีตทั้งหมด
ขั้นที่ 5 : แปลงร่างให้กลายเป็น Future Tense
ตอนที่แปลงมาเป็น Future Tense ไม่ต้อง งง อะไรนะคะ แค่แปลงให้ตรงตามรูปประโยคก่อน Future เป็นรูปอนาคต ก็ต้องมีคำว่า will ที่แปลว่า จะ ... เช่น ฉันจะไปโรงเรียน ก็เป็น I will go to school พอมาทำเป็นรูป Future เลยง่ายค่ะ แค่เติม will ไปหลังประธานแบบนี้
เสร็จแล้วก็จะได้ออกมาเป็นแบบนี้!!
เพียงเท่านี้เราก็จะได้รูปประโยคครบทั้ง 12 Tense โดยที่ไม่ต้องมานั่งจำทีละ Tense ให้เสียเวลา แต่เวลาใช้จริงก็จะมีเงื่อนไขมากมายเลยค่ะ ถ้าใครอยากรู้มากกว่านี้ก็ไปอ่านเรื่องการจับคู่การใช้ Tense ต่อไปที่ "เคล็ดลับ: แต่งประโยคเล่าเรื่องจากหลาย Tense"
จริงๆ แล้ว Tense ไม่ใช่เรื่องยากเลยค่ะ แต่ปัญหาคือเราไม่รู้ว่าสถานการณ์ตามโจทย์ที่กำหนดมาให้ จะใช้เป็น Tense ไหน เลยทำให้เราไม่กล้าใช้ ไม่ได้รับการฝึกฝน แล้วก็กลายเป็นไม่เข้าใจในเรื่องนี้ Tense เป็นอีกเรื่องที่ขยายไปอีกหลายๆ เรื่อง ถ้าใครยังไม่แม่นก็จำวิธีลัดนี้ไปใช้ แล้วก็ไปเน้นฝึกเรื่องอื่นนะคะ รับรองว่าไม่ว่าจะเป็นข้อสอบ GAT O-NET อังกฤษ หรือวิชาสามัญอังกฤษ ก็ทำได้แน่นอน!!
ตัวย่อต่างๆ คืออะไร?
- Sim คือ Simple
- Con คือ Continuous
- Per คือ Perfect
- Per Con คือ Perfect Continuous
- S. คือ Subject (ประธานในประโยค)
- V.1 คือ Verb ช่องที่ 1
- V.ing คือ Verb ช่อง 1 เติม ing
- V.2 คือ Verb ช่องที่ 2
- V.3 คือ Verb ช่องที่ 3
18 ความคิดเห็น
ขอบคุณมากค่า>
ขอบคุณมากๆค่ะ มีประโยชน์มากๆเลย ครูที่ รร ก็สอนแยกแบบนี้เหมือนกัน จำง่ายมาก เรียนมาตั้งนานเพิ่งจะมาเข้าใจ
ขอบคุณค่าT Tซึ้งใจอย่างยิ่ง
ขอบคุณนร๊คร๊
มันก้จำไม่ได้ยุดี ง้อวววว
เขียนดีมากครับ ขอบคุณมากครับ
ดีมากๆๆค่ะ
thank you
ก็ดีเลยหละนะ
ดีมากๆเลยค่ะ ตอนนี่โง่อังกฤษมากๆถ้สเป็นพวกแกรมม่านี่ตายคาข้อสอบ ยิ่งจะสอบเข้าห้อง Giftedบุญวาทย์ด้วย555+
ดีมากเลยคะ