ชนะทุกการแข่งขัน! ปรับ 11 แนวคิดให้สตรองแบบนักกีฬาเหรียญทองโอลิมปิก

เชื่อว่าทุกคนรู้กันดีอยู่แล้วว่าการเป็นนักกีฬาอาชีพไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องผ่านการฝึกฝน ฝึกซ้อม สั่งสมประสบการณ์อย่างหนัก ยิ่งการเป็นแชมป์เหรียญทองก็ยิ่งยากเข้าไปใหญ่ เพราะนอกจากเรื่องของฝีไม้ลายมือและความสามารถอย่างเดียวยังไม่พอ ในเรื่องของสภาพจิตใจก็สำคัญไม่แพ้กัน ต้องผ่านการฝึกฝนอย่างหนักเพื่อเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จ ทั้งความสำเร็จในด้านการแข่งขันกีฬารวมไปถึงการใช้ชีวิตด้วย

1. เรียนรู้จากความล้มเหลว

การแข่งขันกีฬาก็ต้องมีแพ้ มีชนะเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าจะมัวจมอยู่กับความพ่ายแพ้ไม่ลุกขึ้นสู้อีกครั้ง ยังไงก็ไม่มีวันชนะ แต่ถ้าแพ้แล้วเรียนรู้ นำมาปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น วันหนึ่งต้องคว้าชัยชนะมาได้แน่นอน จำไว้ว่าความล้มเหลวเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตที่ทุกคนต้องเคยเจอ

2. เป้าหมายคือทำให้ดีที่สุดไม่ใช่เพอร์เฟ็กต์ที่สุด

นักกีฬาทุกคนรู้ตัวดีว่าเราไม่ใช่คนที่เพอร์เฟ็กต์ที่สุด แข็งแกร่งที่สุด ใช่ว่าจะไม่มีใครสามารถต้านทานความสามารถของเราได้ แต่ถึงจะไม่สมบูรณ์แบบ ก็ไม่สำคัญเท่าความทุ่มเทและตั้งใจ ทำทุกนัดให้เต็มที่ ผลออกมาเป็นยังไงก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว

3. เชื่อมั่นในตัวเอง

เรื่องเดียวที่ขาดไม่ได้คือ ความเชื่อมั่นในตัวเอง บนเวทีโอลิมปิกที่มันอาจจะเป็นแมชต์ที่ยากที่สุดในชีวิตของนักกีฬา ก่อนที่จะไปเอาชนะคู่แข่งได้ สิ่งแรกต้องเอาชนะใจตัวเองให้ได้ก่อน ต้องมั่นใจว่าเราทำได้! เราทำดี! กำลังใจที่ดีที่สุดก็มาจากใจตัวเราเอง

4. ให้พลังบวกกับตัวเอง

นักกีฬาอาชีพจะต้องเป็นคนมีพลังบวกเยอะมากๆ และพลังบวกที่ดีที่สุดนอกจากครอบครัว เพื่อนและคนรอบข้างแล้ว กำลังใจที่สำคัญก็ต้องมาจากตัวเอง ระหว่างการแข่งขันก็ต้องมีสติและต้องควบคุมความคิด ความรู้สึก และพฤติกรรมของตัวเองให้ได้ ถ้าเริ่มหลุดโฟกัสไปก็ต้องดึงสติกลับคืนมาให้ไวที่สุด

5. โฟกัส

บรรยากาศข้างสนามแข่งโอลิมปิกปีนี้อาจจะเงียบเหงาไปบ้างเพราะไม่มีกองเชียร์ แต่ปกติแล้วในการแข่งกีฬาก็ข้างสนามก็จะเต็มไปด้วยคนดูมาส่งเสียงเชียร์กันดังกระหึ่ม บรรยากาศรอบข้างเต็มไปด้วยเสียงรบกวน แต่นักกีฬาที่ดีต้องมีสมาธิอยู่กับเกมให้มากที่สุด ตัดสิ่งรบกวนรอบข้างให้ได้ และการที่จะทำได้ขนาดนี้ก็ต้องผ่านจากการฝึกฝนอย่างหนัก

6. มองเห็นภาพความสำเร็จ

นักกีฬาต้องมองเห็นภาพตัวเองสวมเหรียญทอง มองเห็นตัวเองคว้าชัยชนะ เห็นภาพว่าตัวเองทำได้ดีในการแข่งขัน และมองเห็นภาพของการประสบความสำเร็จ ส่วนหนึ่งเพื่อการวางแผน และจัดเส้นทางให้ไปสู่เส้นชัย และอีกส่วนหนึ่งก็เพื่อเป็นแรงบันดาลใจผลักดันให้ไปถึงเป้าหมาย

7. เรียนรู้อารมณ์ทั้งด้านลบและด้านบวก  

อย่างที่เราได้ยินในงานกีฬาสีตั้งแต่เด็กว่า "รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย" นักกีฬาเองก็ต้องยอมรับได้ทั้งความดีใจในวันชนะ และเรียนรู้ถึงความผิดหวังเสียใจในวันที่พ่ายแพ้ ถ้ารับรู้และสามารถจัดการอารมณ์ได้อย่างเหมาะสม ก็จะกลายเป็นแรงขับเคลื่อนที่ดีมากๆ  

8. อุทิศตนให้กับการทำงานหนัก

เชื่อเลยว่าไม่มีนักกีฬาในโอลิมปิกคนไหน นอนชิลๆ ตื่นมาแข่งแล้วชนะเลย พรสวรรค์เป็นเพียงแค่ส่วนเล็กๆ เท่านั้น ส่วนใหญ่ที่สำคัญที่สุดคือพรแสวง ที่มาจากการฝึกฝน ฝึกซ้อม ทุ่มเทและตั้งใจมากๆ ย้ำว่ามากๆ ต้องเหนื่อย ต้องบาดเจ็บทั้งกายใจ ใช้คำว่าอุทิศตนก็คือไม่ผิดเลย

9. ทีมเวิร์ก

ไม่ใช่เฉพาะกีฬาที่ต้องเล่นเป็นทีมเท่านั้นนะ กีฬาที่ต้องแข่งคนเดียวก็ต้องมีทีมที่คอยซัพพอร์ต อย่างเช่น โค้ช ผู้ฝึกสอน ผู้จัดการ นักกายภาพบำบัด ครอบครัว และผู้คนอีกมากมาย ต้องมีเป้าหมายเดียวกัน สามัคคี ซัพพอร์ตกันและกัน และจับมือเดินกันไปให้จนถึงชัยชนะ

10. ตั้งเป้าหมายระยะสั้น - ระยะยาว และวางแผน

นักกีฬาไม่ใช่แค่เล่นเพื่อการออกกำลังกายหรือเล่นสนุกไปวันๆ แต่พวกเขาจะมีการตั้งเป้าไว้แล้วว่าจะต้องมีการแข่งขันอะไรบ้าง ต้องมีรายละเอียดการฝึกซ้อมยังไง ใช้เวลาเท่าไหร่ ต้องวางแผนให้ดีและแน่วแน่ที่สุด ไม่ว่าจะเป็นสนามเล็กๆ หรือเวทีระดับโลกอย่างโอลิมปิก

11. ให้เวลาพัก ฟื้นฟู และชาร์จพลัง

อ่านมาจนถึงข้อนี้หลายๆ คนคงกลัวไปแล้วว่าทำไมการเป็นนักกีฬาอาชีพถึงหนักหน้าสาหัสขนาดนี้ นักกีฬาก็ยังเป็นคนค่ะ ไม่ใช่หุ่นยนต์ ต้องมีการจัดสรรเวลาสำหรับการพักผ่อน การฟื้นฟู และการเติมพลัง ซึ่งสำคัญพอๆ กับการฝึกซ้อมเลยทีเดียว ถ้ากินอาหารไม่เหมาะสม หรือพักผ่อนไม่เพียงพอ กายใจไม่พร้อมย่อมเสียเปรียบอย่างแน่นอน

สำหรับน้องๆ ชาว Dek-D ถึงเราจะไม่ใช่นักกีฬาที่ต้องไปคว้าเหรียญทอง แต่การใช้ชีวิตก็เป็นชาเลนจ์ที่มาทดสอบความสามารถของเราอยู่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นการเตรียมพร้อมอย่างนักกีฬา ก็สามารถทำให้เราไปถึงเป้าหมายได้อย่างมั่นคงและมั่นใจมากขึ้น พี่แพมขอเป็นกำลังใจให้ทุกการแข่งขันของทุกคนนะคะ สู้ๆ