️ Trigger Warning : บทความนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับความตาย การฆ่าตัวตาย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
Spoil
- ‘Passive death wish’ คือ อาการที่เรามีความคิดอยากตาย
แต่ไม่ได้มีการวางแผนการฆ่าตัวตาย - ‘Passive death wish’ เป็นอาการที่ดูยากมากเพราะคนที่เป็นจะทำทุกอย่างเหมือนปกติ
แค่มีความคิดข้างในหัว - ‘Passive death wish’ มักจะเกิดขึ้นหลังจากเจอเหตุการณ์แย่ ๆ เช่น
ทะเลาะกับคนในครอบครัว มีวันที่แย่ ๆ หรือความเจ็บป่วยทางกาย
สวัสดีน้อง ๆ ชาว Dek-D.com ทุกคนนะคะ พี่เชื่อว่าน้อง ๆ บางคนคงเคยมีความรู้สึกที่ว่าอยู่ก็ได้ ตายก็ดี ความรู้สึกที่เราอยากหายไป หลับไปแบบไม่ตื่นขึ้นมาอีก แต่ไม่นานนักความรู้สึกเหล่านี้ก็หายไป ซึ่งความรู้สึกแบบนี้ทางการแพทย์เรียกว่า ‘Passive death wish’ ค่ะ ส่วนจะเป็นยังไง อันตรายไหม มาดูกัน จะได้สังเกตตนเองและคนรอบข้างกันด้วย
Passive death wish คืออะไร?
‘Passive death wish’ คือ การที่เรามีความคิดอยากตาย แต่ไม่ได้มีการวางแผนการฆ่าตัวตาย อาจจะมีความคิดแค่ว่าถ้าเราหลับไปแล้วไม่ตื่นขึ้นมาอีกคงดี หรือถ้าเกิดอุบัติเหตุแล้วพลาดมาโดนเราก็คงดี ซึ่งความคิดแบบนี้มันจะหายไปเมื่อเรารู้สึกดีขึ้น แต่! ไม่ได้หมายความว่ามันไม่อันตราย เพราะถ้าเราเกิดความคิดแบบนี้แสดงว่าเรามีโอกาสสูงที่จะทำร้ายตัวเองได้ในอนาคต
เช็กสิ! เรามีอาการ ‘Passive death wish’ รึเปล่า?
อาการ ‘Passive death wish’ นั้น เป็นอาการที่ดูยากมากเพราะคนที่เป็นจะทำทุกอย่างเหมือนปกติ แค่มีความคิดข้างในหัว ไม่ได้แสดงออกมาชัดเจน และเป็นอาการที่เกิดขึ้นมาแค่แป๊บเดียวก็หายไป วันนี้พี่จึงมีเช็กลิสต์ 5 ข้อ มาให้น้อง ๆ ทุกคนได้สังเกตตัวเองกัน ก่อนที่อาการเหล่านี้จะนำไปสู่อันตราย!
- ชอบพูดเรื่องการจากไปของตัวเอง
- รู้สึกเครียดและเศร้าอยู่ตลอดเวลา
- กินและนอนผิดเวลาไปจากเดิม
- รู้สึกสิ้นหวังกับตัวเองและอนาคต
- อารมณ์แปรปรวนง่าย
เราจะป้องกัน ‘Passive death wish’ ได้ยังไง?
จริง ๆ แล้ว ความคิด ‘Passive death wish’ มักจะเกิดขึ้นหลังจากเราเจอเหตุการณ์แย่ ๆ เช่น ทะเลาะกับคนในครอบครัว มีวันที่แย่ ๆ หรือความเจ็บป่วยทางกาย แต่ความคิดนี้สามารถป้องกันได้ อาจจะไม่ได้หายไปซะทีเดียวแต่อย่างน้อยก็ดีขึ้นค่ะ โดยลองทำตามวิธีเหล่านี้
เขียนไดอารี่
การเขียนไดอารี่เหมือนกับการที่เราได้ระบายความเครียด และได้ทบทวนความรู้สึกของตัวเองว่ารู้สึกอะไรอยู่ คิดถึงเรื่องอะไรอยู่ ซึ่งจะทำให้เราจัดการกับความรู้สึกแย่ ๆ ได้ดี และทำให้เราสบายใจขึ้นเมื่อได้เขียนสิ่งที่ไม่ดีลงไปนั่นเองค่ะ น้อง ๆ คนไหนที่รู้สึกแย่ แต่ไม่อยากไประบายให้คนอื่นฟังก็ลองเขียนไดอารี่ดูนะ รับรองว่ารู้สึกดีขึ้นแน่นอน!
ออกกำลังกาย
การออกกำลังกายเป็นอีกวิธีนึงที่สามารถจัดการความรู้สึกแย่ ๆ ได้ดีเลยค่ะ เพราะเมื่อเราออกกำลังกายร่างกายจะหลั่งสารที่ชื่อว่า “โดปามีน” ออกมาทำให้เรารู้สึกดีมากขึ้นนั่นเองค่ะ การออกกำลังกายจะจำเป็นมากสำหรับคนที่เป็นโรคซึมเศร้านะคะ เพราะคนที่เป็นโรคซึมเศร้าสารโดปามีนจะหลั่งน้อยลงมาก ฉะนั้นถ้ารู้สึกแย่ให้ไปออกกำลังกายค่ะ!
ปรึกษาจิตแพทย์
เมื่อเรามีความคิดที่อยากจะตายขึ้นมา ถึงแม้ว่าจะไม่ได้วางแผนไว้อย่างเป็นจริงเป็นจัง แต่ความคิดเหล่านี้บ่งบอกได้ว่าเรามีภาวะซึมเศร้า ดังนั้นการไปพบจิตแพทย์เพื่อปรึกษาและหาทางออกของความคิดแย่ ๆ แบบนี้ จึงเป็นทางออกและเป็นการรักษาที่ดีที่สุดค่ะ
สำหรับน้อง ๆ คนไหนที่รู้สึกว่าตัวเองกำลังมีอาการแบบนี้อยู่ พี่ขอแนะนำว่าให้ไปปรึกษาและพบจิตแพทย์เพื่อให้เขาทำการรักษาให้จะดีที่สุด ก่อนที่อาการนี้จะพาเราไปสู่อันตรายที่ไม่คาดฝัน พี่ขอให้น้อง ๆ ทุกคนมีวันที่สดใสกันนะคะ ไว้เจอกันใหม่บทความหน้านะคะ บ๊ายบาย!
ข้อมูลจาก https://www.refinery29.com/en-us/what-is-passive-suicidal-ideation https://www.choosingtherapy.com/passive-suicidal-ideation/ https://www.healthline.com/health/suicidal-ideation#prevention https://www.psychiatry.org/patients-families/suicide-prevention https://ridgeviewhospital.net/passively-suicidal-a-warning-sign-you-should-never-ignore/
3 ความคิดเห็น
คิดว่าผมก็อาจจะเป็นนะ ปัจจุบันก็ว่างงาน ชีวิตก็ผ่านไปวันๆ คนรอบข้างอยากให้หางาน ใจเราก็อยากหางานเหมือนกัน แต่ก็มีความคิดว่าตัวเราไม่เก่ง ไม่กล้า บวกกับอาจจะมีความขี้เกียจ บางทีก็แอบคิด ว่าอาจจะดีถ้าตายไป แล้วชาติหน้าค่อยเอาใหม่555 เดี๋ยวต้องลองออกกำลังกาย น่าจะรู้สึกดีขึ้น สุขภาพก็ดีขึ้นด้วย ขอบคุณบทความดีๆครับ