มัธยมวัดธาตุทองออกระเบียบทรงผมตามเพศวิถี พิสูจน์แล้ว! "ทรงผมไม่ทำให้เรียนแย่ลง"

มัธยมวัดธาตุทองพิสูจน์แล้ว! "ทรงผมไม่ทำให้เรียนแย่ลง"

หากใครติดตามข่าวการศึกษามาโดยตลอดจะรู้ว่ามีชื่อของ “โรงเรียนมัธยมวัดธาตุทอง” ปรากฎในสื่ออยู่บ่อยๆ เพราะโรงเรียนแห่งนี้มักจะเป็นจุดเริ่มต้นของเปลี่ยนแปลงหลายด้านที่เราไม่ค่อยเห็นในโรงเรียนรัฐบาลเท่าไร ตัวอย่างเช่น ข้อสอบวิชาสาระร่วมสมัย ที่เปิดโอกาสให้เด็กนักเรียนแสดงทัศนคติในประเด็นทางสังคม หรือล่าสุดเรื่องของกฎทรงผมนักเรียน ที่ทางโรงเรียนเพิ่งออกประกาศล่าสุดมา ดังนี้

ระเบียบทรงผม โรงเรียนมัธยมวัดธาตุทอง พ.ศ. ๒๕๖๖


ข้อ ๑ นักเรียนต้องปฏิบัติตนเกี่ยวกับการไว้ทรงผม โดยสามารถไว้ทรงผมตามเพศวิถี ดังนี้
(๑) นักเรียนชาย และเพศวิถีชาย จะไว้ผมสั้นหรือผมยาวก็ได้ กรณีไว้ผมยาว ด้านข้าง ด้านหลัง ด้านหน้า และกลางศีรษะ ให้เป็นไปตามความเหมาะสมและมีความเรียบร้อย
(๒) นักเรียนหญิง และเพศวิถีหญิง จะไว้ผมสั้นหรือผมยาวก็ได้ กรณีไว้ผมยาวให้เป็นไปตามความเหมาะสม และรวบผม ติดโบโรงเรียนมัธยมวัดธาตุทองให้เรียบร้อย

ข้อ ๒ นักเรียนต้องห้ามปฏิบัติตนเกี่ยวกับการไว้ทรงผม ดังนี้
(๑) ย้อมสีผมให้ผิดไปจากเดิม
(๒) ไว้หนวดหรือไว้เครา

(๓) การกระทำอื่นใดซึ่งไม่เหมาะสมกับสภาพการเป็นนักเรียน เช่น การตัดแต่งทรงผมเป็นรูปทรงสัญลักษณ์หรือเป็นลวดลาย
ข้อ ๓ ความในข้อ ๑ และข้อ ๒ มิให้นำมาใช้บังคับแก่นักเรียนที่มีเหตุผลความจำเป็นในการปฏิบัติตามหลักศาสนาหรือการดำเนินกิจกรรมของสถานศึกษา
 

การดำเนินการตามแนวปฏิบัติตามระเบียบนี้ ให้ยึดถือหลักความเหมาะสมในการพัฒนาบุคลิกภาพที่ดีของนักเรียน และเป็นไปด้วยความสมัครใจของนักเรียน โดยครูจะต้องเป็นผู้สนับสนุน ส่งเสริม กำกับ ดูแล ให้นักเรียนสามารถเลือกทรงผมให้เข้ากับบุคลิกภาพ และความมั่นใจของตนเอง รวมถึงการรักษาสุขอนามัยที่ดีให้เหมาะสมกับความเป็นนักเรียนและต้องไม่ขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้

หนึ่งในผู้ริเริ่มการเปลี่ยนแปลงในโรงเรียนมัธยมวัดธาตุทองก็คือ “อาจารย์ก้าวกรณ์ สุขเสงี่ยมกุล” หัวหน้างานกิจการนักเรียน โรงเรียนมัธยมวัดธาตุทอง ที่ให้เกียรติมาร่วมพูดคุยกับ Dek-D.com ถึงที่มาของการประกาศกฎทรงผมนั่นเอง 

“อาจารย์ก้าวกรณ์ สุขเสงี่ยมกุล” หัวหน้างานกิจการนักเรียน โรงเรียนมัธยมวัดธาตุทอง
“อาจารย์ก้าวกรณ์ สุขเสงี่ยมกุล” หัวหน้างานกิจการนักเรียน โรงเรียนมัธยมวัดธาตุทอง 

จุดเริ่มต้นคือ อยากทดลองว่า ผมยาวไม่ได้ทำให้เด็กเรียนแย่ลง

เริ่มจากสมัยผู้อำนวยการท่านเก่าเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2562 ตอนนั้นคุณณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ประกาศระเบียบทรงผมมา ทางกิจการนักเรียนก็เห็นว่ามันดูยืดหยุ่นดีนะ ไม่ได้บังคับว่าเด็กต้องตัดผมซ้ายขวาหน้าหลังต้องไม่เกินกี่เซนติเมตร แต่ใช้คำว่า "ต้องไม่เลยตีนผม" ก็เลยไปคุยกับท่านผู้อำนวยการว่า เราลองดูไหม คือเมื่อก่อนเราจะได้ยินว่าห้ามเด็กไว้ผมยาว เพราะเด็กจะเอาเวลามาวุ่นวายกับทรงผม ไม่สนใจการเรียน เราก็บอกว่า “ลองดูไหม คิดเสียว่าประกาศฉบับนี้ของโรงเรียนเป็นการทำวิจัย ถ้าเราให้เด็กไว้ผมทรงอะไรก็ได้ที่ไม่ยาวเลยตีนผมในตอนนั้นนะ ดูสิว่าเด็กจะเรียนแย่ลงไหม” ผลปรากฎว่า เด็กมาสายน้อยลงเพราะเด็กไม่ต้องหนีเข้าแถวแล้ว เพราะก่อนหน้านั้นจะถูกตรวจผมตอนเข้าแถว พอให้ไว้ผมยาวได้ เด็กมาเรียนทันคาบแรกทันโฮมรูมมากขึ้น การติด 0, ร., มส. ก็น้อยลง เพราะเด็กมาเข้าเรียน นี่คือสิ่งที่เราทำและพิสูจน์แล้วว่า “การที่เด็กไว้ผมทรงอะไรก็ได้ไม่ได้มีผลต่อการเรียนหรือผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนอะไรเลย”

การประชุมหารือก่อนออกประกาศกฎทรงผม

ก่อนมีการประกาศระเบียบนี้ออกมา ได้มีการประชุมร่วมกับคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สภานักเรียน คณะครู ตัวแทนนักเรียน และตัวแทนชุมชน ซึ่งจริงๆ แล้วระเบียบเรื่องทรงผมของโรงเรียนเราเป็นระเบียบเดิมที่เคยออกไปเมื่อกลางปี พ.ศ. 2565 เพียงแต่ระเบียบฉบับนี้ประกาศใช้เมื่อคุณตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ยกเลิกฉบับเก่า เราก็เลยออกประกาศใหม่ให้ครอบคลุมกับเพศวิถีด้วย

ผลตอบรับจากนักเรียน-ผู้ปกครอง

ความจริงเด็กนักเรียนใช้ระเบียบนี้มา 2-3 ปีแล้ว หลังจากที่โควิด-19 เริ่มซาและเด็กกลับมาเรียน Onsite 100% ตั้งแต่ช่วงนั้นเป็นต้นมา ซึ่งเด็กเขารู้อยู่แล้วว่าโรงเรียนเราทำแบบนี้ได้ มันเป็นปกติในชีวิตประจำวันเขาไปแล้ว ส่วนผู้ปกครองก็ยินดี เมื่อก่อนนี้จะมีการตรวจผมเดือนละ 1 ครั้ง พอเด็กไว้ผมยาวก็ลำบากที่โรงเรียนจะต้องเชิญผู้ปกครองมาพาเด็กไปตัดผม พอตอนนี้ใช้ระเบียบใหม่ก็เป็นการฝึกให้เด็กรับผิดชอบตัวเองอย่างหนึ่ง ทั้งในเรื่องการดูบุคลิกภาพหน้าตาตัวเอง ส่องกระจกดูว่าผมยาวไปแล้วจะไปตัดแต่งทรงผมยังไงดี ก็เป็นความคิดของเขา

เด็กแต่งหน้าได้ แต่ยังบังคับใช้ชุดนักเรียนอยู่

ปัจจุบันเด็กแต่งหน้าได้นิดหน่อย คือครูผู้หญิงทุกคนแต่งหน้าอยู่แล้ว ครูเป็นผู้ดูแลส่งเสริมเด็กว่า everyday look ที่เหมาะกับหน้าตาเขา แต่งยังไงให้เหมือนไม่แต่ง แต่งให้ดูสดใสสมวัยไม่ได้ดูแก่เกินวัย ครูก็แนะนำเด็กได้ ส่วนเรื่องอื่นๆ เช่น การแต่งกาย เนื่องจากโรงเรียนเราตั้งอยู่ในละแวกโรงเรียนนานาชาติ และโรงเรียนนานาชาติเหล่านั้นก็มีเครื่องแบบของเขา มีชุดพละ และชุดไปรเวท เราก็มองว่าถ้าจะเป็นการทดลองเหมือนที่เราเคยทำมาเราก็อยากลองทำ แต่ติดที่ว่าโรงเรียนรัฐบาลอยู่ภายใต้สำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ เราจึงไม่สามารถทำเองได้

ความรับผิดชอบตนเอง มาพร้อมการพัฒนาบุคลิกภาพ

เนื่องจากแผนการเรียน ม.ปลาย มี 9 แผนการเรียน โดยเฉพาะแผนการเรียนศิลปกรรม การแสดง ดุริยางคศิลป์ และนาฏศิลป์ ซึ่งเด็กที่เลือกแผนการเรียนเหล่านี้จะมีวิชาที่สอนเรื่องการแต่งหน้าในชีวิตประจำวัน การพัฒนาบุุคลิกภาพอยู่แล้ว พวกเขาจะได้เรียนรู้วิธีการดูแลตัวเองด้วย แม้วิชาเหล่านี้ยังไม่ได้ครอบคลุมทั้งหมดแบบเป็นวิชาเลือกเสรี แต่ก็จะมีชมรมและกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนที่ดูแลด้านนี้ด้วย

เด็กรู้ไหม? แบบไหนที่เหมาะสม

อย่างเรื่องหนวดเครา เรามองว่า ระเบียบนี้มีเพื่อให้เขาได้เลือกได้รับผิดชอบ จริงๆ ในระเบียบก็จะมีการห้ามไม่ให้ไว้หนวดเครา แต่จะมีข้อยกเว้นเช่นศาสนาซิกข์, ฮินดู แต่ทั้งหมดนี้ก็มาจากมติการประชุมที่กล่าวไปข้างต้นว่ามีอะไรบ้างที่เรายังไม่อยากให้ลูกหลานเราทำ ซึ่งเด็กๆ เขาก็เห็นด้วยนะ เขารู้ว่าแบบไหนที่เขาดูไม่เท่ ไม่เหมาะสม เด็กที่ไว้หนวดก็มี เราก็แนะนำเขาให้เขาให้เขาพิจารณาตัวเองว่าแบบไหนที่เหมาะสมกับเขา แต่ไม่มีการไปโกนหนวดให้เด็ก

โรงเรียนมัธยมวัดธาตุทองคือ “หนึ่งเสียงสะท้อน” 

เรามองว่าปัจจุบันอาจจะมีทั้งโรงเรียนที่ทำแบบเราและก็มีหลายโรงเรียนที่ไม่ได้ทำหรือทำแล้วไม่ได้ประกาศเป็นหนังสือราชการ เราไม่ได้ไปบังคับว่าต้องทำเหมือนกัน หรือเราทำแล้วเขาก็ต้องทำได้ แต่เรามองว่านี่คือเสียงของพลเมืองที่เปล่งออกมา ถ้าโรงเรียนมัธยมวัดธาตุทองออกเสียงมาหนึ่งเสียง แล้วโรงเรียนอื่นๆ มาช่วยกันส่งเสียงให้คนในสังคมเห็นคุณค่าและตระหนักถึงสิทธิเสรีภาพบนร่างกายหรือบนตัวเด็กก็คงดี

ถ้าเด็กมีความสุขในสิ่งที่เป็น พวกเขาจะภาคภูมิใจในตัวเองมากขึ้น

อยากบอกว่าทรงผมไม่ใช่ส่วนสำคัญที่เด็กจะเรียนรู้ได้ดีหรือไม่ดี แต่จริงๆ แล้วการได้เลือกทรงผมเป็นของตัวเองเป็นเพียงจุดเริ่มต้นแรกที่เขาได้รู้จักความรับผิดชอบ ได้รู้จักการเป็นตัวตนของตัวเอง เรามองว่าเราผลิตเด็กไปจากโรงเรียนเขาจะกลายเป็นพลเมืองคนหนึ่งของสังคมไทยและโลก มองว่าจุดเริ่มต้นเล็กๆ ที่เป็นทรงผมจะฝึกให้เขาได้รับผิดชอบ ได้รู้จักหน้าที่ของตนเอง ได้เลือกสิ่งที่พวกเขาเป็น และสุดท้ายเมื่อพวกเขามีความสุขในสิ่งที่พวกเขาเป็น พวกเขาจะมีความภาคภูมิใจในตัวเอง  

โรงเรียนมัธยมวัดธาตุทอง  
เปิดสอนระดับชั้น ม.ต้น - ม.ปลาย
วิสัยทัศน์ :  ความรู้ คู่คุณธรรม บนพื้นฐานความเป็นไทย สู่มาตรฐานสากล
ปรัชญา : อสชฺฌายมลา มนฺตา (ซื่อสัตย์ สะอาด อดทน เมตตา)  
พันธกิจ : 
1. พัฒนาการจัดการศึกษาให้มีคุณภาพสู่มาตรฐานสากล
2. ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีความรู้ความสามารถ คู่คุณธรรม ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
3. พัฒนานักเรียนและบุคลากรโดยใช้เทคโนโลยี
4. สืบสานความเป็นไทยและประสานสัมพันธ์กับชุมชน  
เป้าประสงค์ : นักเรียนเป็นคนดี มีความรู้ มีความสุขตามวิถีไทย  มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์

พี่จูน
พี่จูน - Columnist บ.ก.บันเทิง/ไลฟ์สไตล์ ใจดีกว่าหน้าตา รักสัตว์ รักเด็ก อยากเป็นนางเอกและนางงาม

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

1 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด