Teen Coach EP.91 : เช็กให้ดี! เรากำลัง 'ถูกรัก' หรือ 'ถูกหลอกใช้'

ถูกหลอกใช้..แต่ทำไมยังรัก

“แนน” เรียนอยู่ปี 3 คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรัฐชื่อดังในกรุงเทพฯ บ้านแนนอยู่ต่างจังหวัดพ่อเลยซื้อคอนโดให้ แนนมีแฟนชื่อ “เอก” เรียน Graphic Design มหาวิทยาลัยเอกชนปี 2 ความจริงเอกเรียนรุ่นเดียวกันแต่ถูกให้ดรอปเรียนเพราะมีเรื่องทะเลาะวิวาท แนนรู้จักเอกผ่านทาง IG เอกทักแนนมาก่อนตอนปี 1 จริง ๆ ช่วงนั้นมีคนเข้าหาแนนหลายคน ตอนที่เริ่มคุยกันเอกคลั่งรักมาก เช่น ซื้อกุหลาบสีแดงช่อโตไปดักรอหน้าห้องเรียน เอกพูดเสียงดังว่า “แฟนผมเองครับ ถ้าใครมายุ่งผมพร้อมชน” ผู้ชายคนอื่นได้ยินแบบนั้นเริ่มถอย ไม่จีบต่อเพราะไม่อยากมีเรื่อง หลังจากคุยกันได้ 1 เดือน เอกขอแนนเป็นแฟน แนนเป็นคนขี้เกรงใจ เห็นเอกดูทุ่มเทและตื๊อมากเลยตอบตกลง หลังจากได้สถานะแฟนแล้วเอกขอย้ายมาอยู่ที่คอนโดของแนน ด้วยเหตุผลว่าอยากอยู่กับแนนให้มากที่สุดเพราะรักมาก แนนลำบากใจอยากปฏิเสธ แต่ฟังที่เอกพูดทีไร แนนก็คล้อยตามทุกครั้ง 

 

สรุปเอกเลยได้มาอยู่ด้วยกัน ตอนไปกินข้าว ข้าวของเครื่องใช้และค่าอื่น ๆ แนนเป็นคนออกเงินให้ตลอด เพราะเอกมักบ่นเรื่องฐานะทางบ้านไม่ดี จากการที่พ่อถูกโกง นาน ๆ ครั้งเอกจะซื้อน้ำใน 7-11 เลี้ยงแนนคืน Lifestyle ของเอกต่างจากแนนมาก เช่น เอกไม่เป็นระเบียบ แต่แนนรักความสะอาด พอเอกทำสกปรกแค่แนนเตือนนิดเดียว เอกดูโกรธ “ดีแค่ไหนแล้วที่เราเป็นแฟนกับเธอ เราต้องลำบากย้ายมาอยู่ดูแลคนไม่ได้เรื่องแบบนี้ แล้วยังจะให้เราทำงานบ้านอีกหรอ” เอกมักใช้คำพูดล้อเลียนรูปร่างหน้าตาของแนนหรือวิจารณ์งานที่แนนทำ “นี่เธอจับสลากได้เข้าเรียนปะ ผลงานอย่างนี้เนี่ยนะกล้าส่งครูด้วย” แต่ละวันเอกแทบไม่เข้าเรียน นั่งเล่นเกมที่ห้อง ถ้ามีการบ้านหรืองานที่ต้องส่ง เอกจะพูดดีด้วยแล้วขอให้แนนช่วยทำ แนนใจอ่อนทุกครั้ง บางทีแนนทำงานทั้งของตัวเองที่เยอะมากอยู่แล้ว บวกกับงานเอกจนร่างพัง ไม่สบายบ่อย เอกไม่ชอบให้แนนไปเที่ยวหรือคุยกับกลุ่มเพื่อน “เธอรักเราหรือเพื่อนมากกว่ากัน เป็นแฟนกันต้องอยู่ด้วยกันตลอดปะ ไม่งั้นก็เลิก” แนนกลายเป็นคนเก็บกด ไม่กล้าเล่าสิ่งที่เอกทำให้คนอื่นฟังเพราะแนนคิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิด ยิ่งแนนอยู่กับเอกแนนยิ่งไม่ชอบตัวเอง เห็นแต่ข้อผิดพลาด “เพราะเอกบอกว่า…”  บ้านตัวเองแทบไม่ได้กลับต้องโกหกพ่อแม่ว่าทำงาน จนวันหนึ่งแนนทนไม่ไหวนั่งร้องไห้เป็นชั่วโมงโดยไม่มีสาเหตุ แนนเลยขอทำนัดพบนักจิตวิทยาของมหาวิทยาลัย

สิ่งที่คนรักปฏิบัติต่อกันต้องมีความพิเศษมากกว่าคนอื่น เช่น ให้ของขวัญหนึ่งเดียวในโลก เซอร์ไพรส์ ทุ่มเทเวลา ช่วยเหลือทุกสิ่งอย่างเท่าที่จะทำให้ได้ เพื่อให้คนที่เรารักมีความสุขมากที่สุด ฟังเผิน ๆ ก็เป็นเรื่องปกตินี่นา…แต่บางครั้งเราอาจเริ่ม เอ๊ะ! กับสิ่งที่คนรักเรียกร้องและต้องการจากเราว่ามันมากเกินไป จนเราลำบากใจ เดือดร้อน กังวลกลัวว่าเค้าจะมาทำสิ่งที่ทำให้เรานอยด์หรือเปล่า

บางคนที่ตกอยู่ในความสัมพันธ์ที่ถูกหลอกใช้ (Exploitative Relationship) เหยื่อ (Victim) ส่วนใหญ่มักจะไม่รู้ตัวเพราะรักมากและด้วยพฤติกรรมบังคับที่เหมือนไม่บังคับ (Manipulative) ทำให้บดบังความเป็นจริง เหยื่อเลยยอมทำตามความต้องการของอีกฝ่าย (Abuser) เริ่มจากเรื่องเล็ก ๆ ที่เหมือนไม่เป็นประเด็นไปจนถึงเรื่องใหญ่ที่ทำให้เหยื่อเกิดความเสียหายทั้งทางร่างกาย จิตใจ ทรัพย์สิน กว่าเหยื่อจะรู้ตัวมักถลำลึกและใจพังไปเกือบหมดแล้ว

ความสัมพันธ์ที่ถูกหลอกใช้ (Exploitative Relationship) หมายถึง การที่มีคนมาเอาเปรียบและผลประโยชน์จากเราในเรื่องต่าง ๆ เช่น เอาเงิน หลอกให้มี sex มาอาศัยอยู่ฟรี โดยอาศัยสถานะมากล่าวอ้างเหตุผลหาความชอบธรรมจากการหลอกใช้นี้ เช่น เป็นคนที่มีอำนาจ (Power Abuse) เป็นคนรัก หรือเป็นเพื่อน รูปแบบความสัมพันธ์ที่มีคนไข้มาปรึกษาบ่อย คือ การถูกหลอกใช้จากความสัมพันธ์แบบคนรัก (Romantic Relationship) เรื่องราวแต่ละคนดราม่ามากน้อยต่างกัน เคสยากเป็นเคสที่ยังไม่เชื่อว่าตัวเองถูกหลอกใช้ เพราะความรักทำให้ตาบอดจนมองไม่เห็นความจริง เลยไม่อยากเปลี่ยนแปลงจากสภาวะที่ทนอยู่

สัญญาณเตือนว่าเรากำลังอยู่ในความสัมพันธ์ที่ถูกหลอกใช้ (Exploitative Relationship)

เมื่อเรารักใครมากตอนที่อีกฝ่ายทำให้เรารู้สึกไม่ดี เราอยากให้อภัย ปิดตาข้างหนึ่งและหาเหตุผลที่เข้าข้างตัวเองว่าอีกฝ่ายไม่น่าจะมาเอาเปรียบหรือหาผลประโยชน์ “เพราะเราเป็นคนรักกัน” สถานะที่ค้ำคอทำให้เราไม่กล้าที่จะคิดความเป็นไปได้ในทางลบ เพราะอยากรักษาความสัมพันธ์นี้ให้ได้นานที่สุด อยากจะรักและเชื่อในตัวเขาอย่างไม่มีเงื่อนไข สิ่งนี้แหละเป็นกับดักที่ทำให้คนที่ตกอยู่ใน Exploitative Relationship ไม่อยากที่จะออกมา ดังนั้นเราต้องมีข้อสังเกตว่าความสัมพันธ์ที่เป็นกันอยู่มันใช่หรอ!!??

1. รีบเร่งเลื่อนขั้นสถานะจนน่าอึดอัด

แม้จะเพิ่งเจอกันไม่นานแต่อีกฝ่ายดูคลั่งรักเกินเบอร์ เช่น ฉันตามหาเธอมานานอยากเป็นแฟนกันเลย มีอนาคตร่วมกัน กำจัดคนคุยอื่น ๆ ออกไป ทั้งที่ความจริงมันไม่ต้องเร่งขนาดนั้นก็ได้เพราะส่วนใหญ่ “ความรักที่ดี” นอกจากความเสน่ห์หา (Passionate) มันยังต้องมีประสบการณ์ที่เรียนรู้และเติบโตไปด้วยกัน ไม่ใช่รักแรกพบแบบเจ้าหญิงแอเรียลที่ต้องรีบเป็นแฟนให้ได้ เหตุที่เขาใจร้อนแบบนี้เพราะอยากรีบเอาผลประโยชน์จากเรา

2. โกหกไม่ซื่อสัตย์

ทางที่ดีเราควรหาช่องทางที่จะหาข้อมูลเพิ่มเติมของคนที่มาจีบ เช่น ถามจากเพื่อนที่มีร่วมกัน เพื่อเช็กว่าข้อมูลที่เขาบอกเรามันตรงกันมั้ย ถ้ามีจุดเอ๊ะ!! หลายจุดที่ดูพิรุธ ให้เชื่อในสัญชาตญาณของตัวเอง เช่น บอกว่าเรียนคณะ x พอไปถามคนในคณะนั้นโป๊ะแตกว่าไม่ได้เรียนจริง ลองคิดดูละกันขนาดแค่เรื่องพื้นฐานยังโกหก หากคบต่อไปคงไม่สามารถไว้ใจอะไรได้ เราน่าจะถูกหลอกใช้และลากให้ไปเจอกับเรื่องดราม่าปวดตับอีกเยอะ

3. อยู่ด้วยแล้วไม่สบายใจ

 ความสัมพันธ์ที่ดีเวลาที่อยู่ด้วยกันเราจะรู้สึกปลอดภัย มั่นใจเป็นตัวเอง อีกฝ่ายยอมรับเชิดชูและเห็นคุณค่าที่เรามี แต่ถ้าอยู่ด้วยทุกครั้งแล้วรู้สึกลบ หลอน ไม่สบายใจ กดดัน แล้วเราจะอยู่อย่างไม่มีความสุขไปเพื่ออะไรล่ะ? ถอยออกมา หาคนใหม่น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

4. กดเราให้ต่ำจนเราไร้พลังต่อสู้

 ข้อสังเกตอย่างหนึ่งของ Exploitative Relationship คือ อีกฝ่ายที่ร้ายกาจจะพยายามข่มเรา เล่นงานที่จุดอ่อน จนตัวเราลีบเล็ก หวาดกลัว เพื่อให้เราไม่มีพลังและข้อต่อรองที่จะไปสู้ (Power Imbalance) เราต้องยอมจำนนทำตามทุกอย่าง เช่น การบังคับข่มขู่ให้เราทำสิ่งที่เขาต้องการแม้เราจะไม่เต็มใจ เขาต้องเป็นคนตัดสินใจในทุกเรื่องจนเราไม่มีสิทธิเลือกอะไรได้

5. ยิ่งคบกันเรายิ่งเกลียดตัวเอง

 สิ่งแย่ ๆ ที่อีกฝ่ายทำกับเราซ้ำซากทำให้ความภูมิใจในตัวเองแย่ (Low Self Esteem) แทนที่คบกันแล้วชีวิตจะดีขึ้น แต่ exploitative relationship กลับทำให้เราเกลียดตัวเอง ชีวิตเป็นกราฟทิ้งดิ่ง ทุกอย่างพัง ในบางครั้งเขาจะใช้วิธีสร้างให้เรารู้สึกดีแล้วบดขยี้มันซะ เพื่อให้เกิดหนี้บุญคุณไว้ลำเลิก 

6. ทำให้เรารู้สึกผิดทั้งที่เราไม่ผิด

 ไม้ตายสำคัญใน Exploitative Relationship คือ การที่อีกฝ่ายต้องการบางอย่างจากเรา แล้วใช้วิธีที่ทำให้เรารู้สึกผิด (Guilt) จนต้องยอมทำตามเพื่อเป็นการไถ่โทษ เช่น เรามีนัดไปเที่ยวกับเพื่อนสนิทที่ไม่ได้เจอกันมานาน บอกแฟนไว้ล่วงหน้า เขารับทราบ แต่พอถึงเวลาจริง ๆ กลับมาด่า “คุณทำกับผมแบบนี้ได้ยังไง คิดจะทิ้งผมไปเที่ยวแทนที่จะใช้เวลาด้วยกัน วันนี้ผมลาหยุดเพื่อมาอยู่กับคุณ คุณเคยเห็นค่าสิ่งที่ผมทำบ้างมั้ย” เราฟังแล้วรู้สึกผิดว่าเราเป็นแฟนที่ห่วยมาก แทนที่จะใช้เวลาร่วมกัน เลยเทเพื่อนไป อยู่กับแฟนทำกิจกรรมตามที่อีกฝ่ายต้องการ ตอนกินข้าวเย็นเราเปย์เลี้ยงโอมากาเสะอย่างดีเพื่อไถ่โทษ ฮัลโหลหยุดก่อน!! คิดดูให้ดีว่าตรรกะนี้มันใช่หรอ…สิ่งที่เราทำมันไม่ผิดเพราะบอกล่วงหน้าเรื่องนัดไปแล้ว จู่ ๆ แฟนหยุดงานกะทันหันแล้วมาต่อว่าจนเราต้องเทเพื่อนเพื่อมาอยู่ด้วย บ้งมาก

7. ไม่ให้เราติดต่อกับคนอื่น

พยายามกีดกัน (Isolation) ไม่ให้เราเจอทั้งครอบครัว ญาติ เพื่อน และคนรอบตัว ช่วงแรกยังพออยู่ห่างกันได้ แต่นับวันยิ่งต้องการเวลาจากเราแบบ 24 ชั่วโมง ถ้าเราไปติดต่อ ขอไปเจอคนอื่น เขาจะแสดงท่าทีโกรธ น้อยใจ อาละวาด ดราม่า จนเราช็อคหลอน ไม่อยากเจออะไรแบบนี้อีก ทำให้เราเลือกที่จะไม่ติดต่อหรือไปเจอคนที่ไม่ใช่เขาเพราะไม่อยากมีเรื่อง ยิ่งเราถูกตัดขาดออกจากโลกภายนอกมากเท่าไร เราจะยิ่งพึ่งพาเขา ไม่มีอำนาจในการต่อรอง  ยิ่ง Exploitative Relationship ดำเนินไปนานเท่าไร เราจะยิ่งหลุดออกจากมันยากเท่านั้น เพราะเราไม่เหลือใครที่สามารถขอความช่วยเหลือได้ หรือกลัวเขามากจนต้องยอมทน

8. เราต้องเป็นคนจ่ายเงิน

 เวลาไปเที่ยว ซื้อของหรือการชำระค่าใช้จ่ายทุกสิ่งอย่าง เราเป็นฝ่ายจ่ายเงิน เช่น ตอนไปกินข้าวทุกมื้อ เวลาคิดเงิน พอบิลมาเขาจะเดินไปคุยโทรศัพท์ ออกไปเข้าห้องน้ำทุกครั้ง ให้เราออกเงินไปก่อนบอกเดี๋ยวจ่ายซึ่งไม่เคยจ่ายคืนเลย ยืมเงินเราบ่อย พอเราทวงบอกยังไม่มีเงินคืน

9. ปั่นหัวจนเราด้อยค่าตัวเอง

 เนื่องจากเขาต้องการมีอำนาจไว้กดเรา ดังนั้นเขาจะด้อยค่าปั่นเรา (Gaslight) ด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น พูดกลับผิดให้เป็นถูก พูดว่าเราไม่เก่งอย่างนั้นอย่างนี้ “ไม่มีฉันเธออยู่ไม่ได้หรอก” จากแต่เดิมที่เรามั่นใจในตัวเองและมีตรรกะดี แต่พอถูก Gaslight วนไปมา เราจะเริ่มเชื่อในสิ่งที่เขาพูด เวลามีเรื่องเราเป็นฝ่ายผิดเสมอ คิดเองไม่เป็นต้องทำตามที่เขาสั่ง

>>วิธีรับมือเมื่อเราตกอยู่ในความสัมพันธ์ที่ถูกหลอกใช้ (Exploitative Relationship)

1. ต้องรู้ตัวว่าตกอยู่ใน Exploitative Relationship

ส่วนใหญ่เราที่เป็นเหยื่อจะไม่รู้ตัวเพราะติดกับดัก ยังอยากคงความสัมพันธ์นี้ไว้เพราะเชื่อว่าเขารักเรามากและพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของเรา ที่สำคัญเราง่อยมากทำอะไรเองไม่ได้ ขาดเขาไปจะขาดใจได้ แต่หากมีบางอย่างทำให้เราเอ๊ะ! หรือมีคนรอบข้างมาทักเตือน อย่าเพิ่งปฏิเสธปิดหูปิดใจไม่รับฟัง แต่ให้กลับมาไตร่ตรองดูว่าอีกฝ่ายมีพฤติกรรมที่เข้าข่าย Exploitative Relationship หรือไม่

2. เปิดใจคุยเคลียร์กัน

 หลังจากได้รับการเบิ่งเนตร เห็นแล้วว่าตัวเองเป็นเหยื่อของ Exploitative Relationship ทำใจร่ม ๆ ลิสต์หัวข้อที่จะพูดเคลียร์ใจกับอีกฝ่ายว่าเรารู้สึกและคิดอย่างไรกับเรื่องที่เกิดขึ้น พยายามสื่อสารตรงไปตรงมา (Direct Communication) และบอกว่าอยากให้เขาเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างไร หากคุยและให้โอกาสไปหลายรอบ สุดท้ายทุกอย่างวนลูป ยิ่งอยู่ไปใจเราจะแตกสลาย การเลือกยุติความสัมพันธ์น่าจะเป็นทางที่ดีสุด

3. ขีดเส้นให้ชัดเจนว่าอะไรทำไม่ได้

 บอกอีกฝ่ายว่าเรามีขอบเขตที่จะยอมได้แค่ไหน (Set Boundaries) ถ้าข้ามเส้นที่เราขีดไว้ เราจะไม่ยอมและมีผลที่ตามมา พูดแล้วทำจริง เช่น แฟนส่งข้อความไปต่อว่าเพื่อนที่ทำงานที่มาชวนเราไปกินข้าว > เว้นวรรคพักใจแยกกันอยู่ไม่ติดต่อกันเด็ดขาดทุกช่องทาง 1 สัปดาห์

4. หาตัวช่วย

 พยายามติดต่อกับคนที่เรารักและพร้อมที่จะช่วยเราอย่างสม่ำเสมอ เล่าเรื่องที่เกิดใน exploitative relationship เป็นสัญญาณขอความช่วยเหลือ ไม่ถือว่าเป็นการฟ้อง แต่เรากำลังปกป้องตัวเอง เช่น คนในครอบครัว, เพื่อนสนิท ไม่จำเป็นต้องทำตามที่คนรักบอกหรือขู่เอาไว้ เช่น “ถ้าคุณยังคุยกับเพื่อนเยอะแบบนี้ ผมจะไม่ช่วยอะไรคุณ ให้เพื่อนคุณช่วยไปละกัน” ต้องฮึบฝืนใจสตรอง ต่อสู้กับความหวาดกลัวของตัวเอง คิดว่า “เออ…ไม่ต้องมีแก ชั้นก็ขอความช่วยเหลือจากคนอื่นได้”

5. ดูแลสุขภาพกายและใจให้ดี

 การที่ต้องทนอยู่กับ Exploitative Relationship เสียพลังในชีวิตมาก จนเราไม่มีแรงดูแลตัวเอง บางคนคิดว่าเป็นความผิดของตัวเอง สมควรที่จะได้รับโทษเลยเทตัวเอง แต่เราต้องฝืนทำกิจวัตรพื้นฐานให้ดีตามสมควร เช่น กินให้อิ่ม นอนให้หลับ แต่งตัวให้สะอาดดูดี แม้ความสัมพันธ์จะแย่และเรายังออกจากมันไม่ได้ แต่เราต้องมีพลังมากพอที่จะอดทน ใช้ความพยายามและรอเวลาที่จะหลุดจากเรื่องนี้

6. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาทางหลุดจาก Exploitative Relationship

บางครั้งปัญหานี้มันซับซ้อน ตัวเราอาจมีพฤติกรรม อารมณ์ และความคิดที่เปลี่ยนไปจากเดิม เช่น เศร้า ท้อแท้ รู้สึกหมดหวัง กินไม่ได้ นอนไม่หลับ น้องรีบไปพบผู้เชี่ยวชาญ เช่น จิตแพทย์ นักจิตวิทยา เพื่อให้ได้รับการวินิจฉัย การรักษา และวิธีการรับมือ ยิ่งถ้าคิดจะเลิกจะหนีจาก exploitative relationship ให้ได้ อีกฝ่ายไม่น่ายอมง่าย ๆ แน่นอน ซึ่งต้องอาศัยคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ

 

น้อง ๆ คนไหนเคยมีประสบการณ์ความรักแบบนี้กันบ้าง หากหลุดออกมาได้แล้วพี่หมอแมวน้ำขอแสดงความยินดีด้วย แต่ถ้ายังอยู่ในลูปนี้ แนะนำให้ปรึกษาคนรอบข้าง ผู้เชี่ยวชาญ หรือเข้ามาแชร์กันได้นะคะ

Referencehttps://www.marriage.com/advice/relationship/being-exploited-in-a-romantic-relationship/https://liveboldandbloom.com/being-exploited-relationshiphttps://www.psychologytoday.com/intl/blog/dating-toxic-or-tender/https://www.beliefnet.com/7-signs-your-boyfriend-is-exploiting-you.aspxhttps://psiloveyou.xyz/how-to-stop-hurts-and-exploitation-in-relationships 

 หมอแมวน้ำเล่าเรื่อง “จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น”

หมอแมวน้ำ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น