เรียนต่อป.โท เลยทันที vs ทำงานก่อน แบบไหนดีกว่ากัน?
หนึ่งเรื่องที่นักศึกษากำลังจะเรียนจบปริญญาตรี หรือ เด็กจบใหม่ ที่มีแพลนจะเรียนต่อปริญญาโท ยังคิดไม่ตก ก็คือควรเรียนต่อ ป.โท ตอนไหนดี? ระหว่าง "เรียนจบป.ตรี แล้วก็เรียนต่อ ป.โท เลยทันที" หรือ "ทำงานก่อนแล้วค่อยเรียน ป.โท ต่อ" เมื่อเอาคำถามนี้ไปถามบนแฟนเพจ Dek-D.Com กว่า 700 คอมเมนต์ก็เสียงแตกออกเป็น 2 ฝั่งเท่าๆ กัน (อ่านคอมเมนต์บนแฟนเพจได้ที่นี่!) วันนี้พี่แพมเลยจะมาเปรียบเทียบข้อดีของทั้ง 2 ทางเลือกมาให้ทุกคนใช้ประกอบการตัดสินใจ!
(ภาพจาก freepik.com)
"จบปริญญาตรี แล้วเรียนต่อปริญญาโททันที"
จบใหม่ไฟแรง ใจยังอยู่ใน Study Mode
เหตุผลหลักๆ ที่หลายคนเลือกเรียนต่อเลยทันทีก็เพราะว่า อายุที่ยังอยู่ในวัยเรียน ยังมีพลัง ยิ่งอายุน้อยเท่าไหร่ สมองยิ่งเปิดรับการเรียนรู้ได้มากกว่า ยังไม่มีภาระหน้าที่อื่นๆ มารบกวนการเรียน การทำรายงาน และอ่านหนังสือ นอกจากนี้ถ้าชีวิตยังไม่ก้าวไปสู่โลกแห่งการทำงาน ยังคงเคยชินอยู่กับการเรียนหนังสือ ไลฟ์สไตล์ยังเกี่ยวข้องอยู่กับการเรียนเหมือนเดิม ก็จะไม่มีปัญหาในการปรับตัวมากนัก
เรียนกับเพื่อนวัยเดียวกัน
ส่วนใหญ่ในคลาสเรียนป.โท ก็จะเป็นคนในรุ่นราวคราวเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีเพื่อนที่ป.โทมาจากเพื่อนที่เรียนป.ตรี มาด้วยกัน ก็จะยิ่งทำให้อุ่นใจมากขึ้น มีเพื่อนวัยเดียวกันไว้คอยพูดคุย ให้คำปรึกษาเรื่องการเรียน ก็อาจจะเข้ากันได้ดี คุยกันเข้าใจมากกว่าเพื่อนที่อายุมากกว่าหรือน้อยกว่า
(ภาพจาก pexels.com)มีทุนการศึกษาเยอะกว่า
แน่นอนว่าการเรียนป.โท มีค่าใช้จ่ายสูงมาก และทุนการศึกษาส่วนใหญ่ มักมีเงื่อนไขของอายุ และ การทำงานมาเป็นข้อจำกัด ซึ่งส่วนใหญ่ก็มักจะมอบให้นักศึกษาที่เพิ่งเรียนจบ หรือ คนที่ยังไม่มีประสบการณ์การทำงานเท่านั้น
ไปถึงเป้าหมายได้เร็วกว่า
ถ้าชีวิตของเราวางไว้อย่างชัดเจนแล้วว่า อยากเรียนอะไร อยากมุ่งไปในทิศทางไหน การตัดสินใจเรียนอย่างต่อเนื่อง ไม่พักไปทำงาน หรือทำอย่างอื่น ก็จะทำให้เราเดินไปถึงเส้นชัยได้เร็วและมุ่งไปสู่เป้าหมายได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะคนที่ตั้งใจแล้วว่าจะเรียนจบปริญญาเอก ก็ลุยเลย!
"ทำงานหาประสบการณ์ก่อนแล้วค่อยเรียนต่อ"
มีประสบการณ์การทำงาน
ประสบการณ์ในการทำงานเป็นสิ่งที่หาไม่ได้ในห้องเรียน ถึงแม้บทเรียนจะเข้มข้นมากแค่ไหน แต่การได้สัมผัสรสชาติแห่งการทำงานด้วยตัวเอง ก็จะทำให้เข้าใจมากกว่า นอกจากนี้ประสบการณ์ของเรา สถานการณ์จริงที่เคยเกิดขึ้น ปัญหาที่เคยเจอ ก็สามารถนำมาใช้ในการเรียนได้ ทำให้เข้าใจ และเห็นภาพชัดเจนมากยิ่งขึ้น
มีความก้าวหน้าในการทำงาน
แน่นอนว่าการเรียนในระดับที่สูงขึ้น โอกาสของการเติบโตในหน้าที่การงานก็สูงขึ้น หลายๆ ตำแหน่งการทำงานในระดับสูงก็ต้องการคนที่มีความรู้ ควบคู่ไปกับคนที่มีประสบการณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าการเรียนนั้นสามารถนำมาต่อยอดจากงานที่ทำ ก็ยิ่งทำให้ได้เปรียบมากกว่าคนที่เรียนอย่างเดียว มีความรู้แต่ไม่เคยมีประสบการณ์การทำงานมาก่อน
(ภาพจาก pexels.com)มีเวลาเก็บเงินสะสมทุนการศึกษา
การศึกษาคือการลงทุน โดยเฉพาะระดับ ป.โท นอกจากจะต้องทุ่มเทความตั้งใจ ก็ต้องทุ่มทุนเหมือนกันเพราะค่าหน่วยกิตจะสูงกว่าป.ตรี การทำงานก็จะช่วยให้เราสะสมทุนการศึกษาได้ด้วยตัวเอง ถึงแม้จะขอทุนการศึกษาได้หรือมีครอบครัวช่วยซัพพอร์ต แต่ก็ยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ นอกจากค่าเทอมตามมาอีกเพียบ
ใช้เวลาทำงานในการค้นหาตัวเอง
โลกแห่งการทำงานย่อมแตกต่างกับการเรียน เมื่อได้ลงมือทำงานจริงๆ อาจจะไม่เหมือนกับสิ่งที่เราคิดเอาไว้ก็ได้ เราอาจจะชอบ หรือ ไม่ชอบในสิ่งที่ทำ หรือสิ่งที่เคยเรียนมา ถ้าค้นพบว่าไม่ใช่ งานสายนี้การเรียนสายนี้ไม่ตอบโจทย์ ก็จะมีเวลาเบนเข็มไปทิศทางใหม่ ซึ่งเราจะไม่สามารถรู้ได้เลยถ้าไม่ได้มาลองสัมผัสด้วยตัวเอง
ควรทำงานกี่ปีก่อนเรียนต่อ?
อีกหนึ่งคำถามที่ตามมาก็คือ ถ้าจะทำงานหาประสบการณ์ก่อนเรียนต่อ ควรจะทำงานนานแค่ไหน? จริงๆ ข้อนี้ ขึ้นอยู่กับความพร้อมของแต่ละคนเลยค่ะ ไม่มีใครสายเกินเรียน แต่ก็จะมีบางคณะที่มีข้อจำกัดในการสมัครเรียนว่า ต้องมีประสบการณ์ในการทำงานก่อน 1-2 ปี หรือมากกว่านั้น
ระยะเวลาที่เหมาะสมก็คือทำงานไม่เกิน 2 - 4 ปี เหตุผลหลักๆ ก็คือ จะได้ปรับตัว ปรับไลฟ์สไตล์กลับเข้าสู่วงจรการเรียนได้ทัน และยังหาเพื่อนในวัยใกล้ๆ กันได้อยู่ อายุจะได้ไม่ห่างจากเพื่อนร่วมรุ่นมากเกินไป จนคุยกับใครไม่รู้เรื่อง และสำหรับคนที่ต้องลาออกจากงานเพื่อมาเรียนต่อ รายได้ที่เคยได้รับยิ่งเป็นตัวแปรสำคัญในการตัดสินใจ ยิ่งทำงานนาน มีรายได้สูงขึ้น เราจะตัดส่วนนี้มาเรียนต่อได้หรือไม่ ต้องคิดทบทวนดูให้ดีๆ
ไม่ว่าจะเรียนต่อทันที หรือ ทำงานเก็บเกี่ยวประสบการณ์ก่อน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความพร้อมของเราค่ะ ไม่ว่าจะเป็นความพร้อมด้านการเงิน ร่างกาย และจิตใจ ลองให้บทความนี้ช่วยตัดสินใจ ไม่ว่าจะเลือกทางไหน พี่แพมก็เป็นกำลังใจให้นะคะ ความสำเร็จรอเราอยู่ สู้ๆ ค่าาาา
0 ความคิดเห็น