SOS! รู้จัก 5 ทักษะเอาตัวรอดที่ติดตัวไว้เพื่อใช้ในยามฉุกเฉิน

การตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด การรู้ทักษะในการเอาตัวรอดจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น!

ทุกวันนี้อันตรายเกิดขึ้นรอบตัวเรา ไม่ว่าจะเป็นการถูกคุกคาม หรือการตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายที่ไม่คาดคิด อย่างเช่นภัยพิบัติต่างๆ ที่เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ การรู้ทักษะในการเอาตัวรอดจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่น้องๆ ชาว Dek-D ควรมีติดตัวไว้  เพื่อใช้ในเวลาฉุกเฉินที่ต้องการความช่วยเหลือ และเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก สิ่งสำคัญอย่างแรกเลย คือ “เราต้องมีสติ” ซึ่งเราจะมาดูกันว่าจะมีทักษะการเอาตัวรอดในสถานการณ์แบบไหนบ้างที่มีโอกาสเกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน น้องๆ จะได้เซฟเก็บไว้ใช้!

1. ส่งสัญญาณมือขอความช่วยเหลือ 

ภาพจาก CANADIAN WOMEN'S FOUNDATION
ภาพจาก CANADIAN WOMEN'S FOUNDATION

หากน้องๆ ตกอยู่ในสถานการณ์ที่บอกใครไม่ได้ แต่ต้องการขอความช่วยเหลือ พี่ปลิวขอแนะนำวิธีนี้เลย คือ สัญญาณมือขอความช่วยเหลือสากล (The Signal for Help) โดยที่เราขอความช่วยเหลือกับคนอื่นได้โดยไม่ต้องใช้คำพูด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายต่อตัวผู้ขอความช่วยเหลือ และวิธีนี้ยังเป็นสัญญาณสากลที่สามารถใช้ได้ทั่วโลก ซึ่งถูกสร้างขึ้นโดยมูลนิธิสตรีแห่งแคนาดา The Canadian Women's Foundation 

  1. หงายฝ่ามือออกหาผู้อื่น
  2. พับนิ้วโป้งเข้าหาฝ่ามือ (เหมือนเลข 4)
  3. พับนิ้วที่เหลือทั้ง 4 นิ้วมากุมนิ้วโป้ง
  4. ทำซ้ำข้อ 1-3 อีกหลายๆ ครั้ง หรือยื่นมือค้างไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้

ในไทยเราก็เคยมีเหตุการณ์ที่ใช้ “สัญญาณมือ” ขอความช่วยเหลือด้วยนะ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเดือนพฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมา คนขับแท็กซี่รายหนึ่งถูกผู้โดยสารเหมารถข้ามจังหวัดและข่มขู่ด้วยอาวุธปืน พร้อมพกพาสารเสพติด ขณะคนร้ายเผลอ โชเฟอร์ก็ได้ส่ง “สัญญาณมือขอความช่วยเหลือแบบสากล” กับผู้พบเห็นและได้รับการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจในที่สุด

2. ไฟไหม้ 

ภาพจาก Freepik.com
ภาพจาก Freepik.com

เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยมากในบ้านเรา และอัตราการเสียชีวิตส่วนใหญ่เกิดจากการขาดอากาศหายใจจากควันไฟ และที่ร้ายแรงสุดคืออาจถูกไฟคลอกจนเสียชีวิตได้ 

  1. มีสติ! ไม่ตื่นตระหนก หากเพลิงไหม้ไม่รุนแรง ให้รีบนำน้ำมาดับไฟ
  2. มองหาทางออก หรือทางหนีไฟเพื่อออกมาให้เร็วที่สุด และห้ามใช้ลิฟต์หรือบันไดเลื่อนเด็ดขาด
  3. หากยังติดอยู่ในที่เกิดเหตุ ให้หาผ้าชุบน้ำมาปิดจมูกและปากไว้ เพื่อป้องกันการสูดดมควันและสารอันตราย หรือหาผ้าผืนใหญ่ๆ มาชุบน้ำแล้วห่อตัว เพื่อป้องกันผิวโดนไฟ
  4. ขณะที่กำลังไปยังทางออก ให้ใช้วิธีหมอบคลานต่ำหรือย่อตัวให้ได้มากที่สุด แทนวิธีการเดิน
  5. หลีกเลี่ยงการวิ่งหนีเข้าจุดอับ เช่น ห้องน้ำ ห้องใต้ดิน เป็นต้น เพราะเสี่ยงถูกไฟคลอก
  6. เกิดเหตุแต่อยู่ในห้อง ก่อนเปิดประตูให้สัมผัสลูกบิดหรือผนังประตูก่อน หากสัมผัสแล้วร้อนมากห้ามเปิดประตูเด็ดขาด เพราะอาจมีไฟลุกอยู่หลังประตู ให้รีบหาผ้าชุบน้ำอุดบริเวณขอบบานประตู ปิดพัดลมและเครื่องปรับอากาศ เพื่อป้องกันไม่ให้ควันเข้ามาในห้อง แล้วขอความช่วยเหลือพร้อมโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่
  7. หากไฟติดเสื้อผ้า ห้ามวิ่งหนีเด็ดขาด! เพราะจะยิ่งทำให้ไฟรุนแรงมากกว่าเดิม 
    ให้นอนราบกับพื้นพร้อมกลิ้งตัวไปมากับพื้น จนกว่าไฟจะดับ

3. จมน้ำ

เข้าหน้าฝนเมื่อไร ก็มักจะมาพร้อมกับอุบัติเหตุทางน้ำ ยิ่งใครเดินทางด้วยเรือโดยสารก็ยิ่งต้องระวัง  เพราะถ้าหากตกเรือ ต้องมีสติ! ก่อนเป็นอันดับแรก เพราะหากกระวนกระวายอาจทำให้เหนื่อยและมีโอกาสที่จะจมน้ำ

  1. ตั้งสติ พยายามออกห่างจากใบพัดเรือและตัวเรือ เพราะอาจจะถูกดูดไปใต้ท้องเรือได้
  2. หากมีคนอยู่ใกล้ๆ ให้ตะโกนขอความช่วยเหลือ
  3. พยายามหาที่ยึดเกาะหรือที่สามารถลอยตัวได้นานเท่าที่จะทำได้

เห็นใครจมน้ำ อย่าเพิ่งกระโดดลงไป เพราะอาจจะจมทั้งคู่ ถ้าหากเราว่ายน้ำไม่เป็น แต่เราสามารถช่วยเหลือได้ เพียงทำตาม 3 คีย์เวิร์ดนี้ “ตะโกน โยน ยื่น”

ตะโกน : ตะโกนขอความช่วยเหลือทันที จากคนที่ว่ายน้ำเป็น และต้องตะโกนบอกคนที่จมน้ำให้มีสติ เตะและตีขาเอาไว้ พยายามลอยตัวให้นานที่สุด 

โยน : มองหาสิ่งที่สามารถลอยน้ำได้ เช่น เสื้อชูชีพ ห่วงยาง หรือแม้แต่รองเท้าแตะที่ลอยน้ำได้ ก็สามารถใช้เป็นอุปกรณ์ให้คนจมน้ำเกาะลอยตัวได้

ยื่น : หาสิ่งของที่ยาวพอที่จะสามารถยื่นไปช่วยคนจมน้ำได้ เช่น กิ่งไม้ ท่อ PVC กางเกงขายาว หรือเชือก โดยโยนให้ข้ามหัวผู้จมน้ำ เพื่อให้สามารถเกาะแล้วลากขึ้นมาได้

เมื่อช่วยผู้จมน้ำขึ้นมาบนบกได้แล้ว ห้ามจับอุ้มพาดบ่าหรือให้นอนคว่ำเด็ดขาด เพราะจะยิ่งทำให้ขาดอากาศหายใจ กรณีที่ผู้จมน้ำไม่หายใจแล้วให้รีบ CPR แต่ถ้าหากยังรู้สึกตัวอยู่ ให้รีบเช็ดตัวหรือห่มผ้าให้ร่างกายอบอุ่น และควรนำส่งโรงพยาบาล

4. ฟ้าผ่า

ภาพจาก Freepik.com
ภาพจาก Freepik.com

ฝนตกอย่างเดียวยังพอรับไหว แต่ถ้าเจอฟ้าผ่าด้วยแบบนี้ไม่ไหวแน่ และที่สำคัญ ห้ามหลบพายุฝนใกล้กับวัตถุที่มีความสูงโดดเด่น เช่น ป้ายโฆษณา ต้นไม้สูง และไม่ควรสวมใส่เครื่องประดับ พวกเงิน ทองคำ ทองแดง หรือสัมผัสกับวัตถุที่เป็นโลหะ 

กรณีอยู่กลางแจ้ง

  1. หากหาที่หลบไม่ได้ ให้เก็บมือทั้งสองข้างแนบชิดติดกับเข่า
  2. ก้มศีรษะเข้าไประหว่างขา ให้เหมือนนั่งยองๆ
  3. เขย่งปลายเท้า ให้ส้นเท้าลอยขึ้นเหนือพื้น และสัมผัสกับพื้นให้น้อยที่สุด
  4. และสันเท้าทั้งสองข้างต้องสัมผัสกัน เพื่อป้องกันอันตราย

กรณีอยู่ในอาคาร

  • หลีกเลี่ยงการขึ้นไปบนดาดฟ้า มุมตึก ระเบียงด้านนอก หรืออยู่ใกล้หน้าต่างที่เป็นโลหะ
  • งดใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิด และถอดปลั๊กให้เรียบร้อย

5. สารเคมี

ภาพจาก Freepik.com
ภาพจาก Freepik.com

ช่วงนี้ในบ้านเรามีข่าวสารพิษ สารเคมีรั่วไหลออกมาให้เห็นอยู่บ่อยๆ รวมไปถึงสารพิษที่อยู่ในบ้านของเรา อย่างน้ำยาล้างจาน น้ำยาล้างห้องน้ำ หรือพวกยาฆ่ายุง ฆ่ามด เป็นต้น ซึ่งสามารถเข้าสู่ร่างกายได้ทั้งการสัมผัส การรับประทาน การสูดดม 

  • ให้ใช้ผ้าสะอาดปิดจมูก เพื่อป้องกันการสูดดมสารเคมีเข้าสู่ร่างกาย
  • พยายามอยู่ในบริเวณที่อากาศถ่ายเทสะดวก หรือหากอยู่ในอาคาร ให้ปิดประตู หน้าต่างให้มิดชิด

ได้รับสารพิษสัมผัสเข้าสู่ตาหรือผิวหนัง : ให้เปิดน้ำหรือล้างตาด้วยน้ำที่ไหลผ่านตลอด เพื่อชำระล้างสารพิษออก จนกว่าจะรู้สึกอาการระคายเคืองลดลง หรือหากโทร 1669 แล้วรถพยาบาลยังไม่มา ให้เราล้างจนกว่ารถพยาบาลจะมาถึง

ได้รับสารพิษผ่านการกิน : ถ้ามีอาการผิดปกติ ให้รีบไปพบแพทย์หรือโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด หรือถ้าหากมีอาการที่รุนแรง เช่น ซึม หมดสติ แน่นหน้าอก หรือหายใจติดขัด ให้โทรเบอร์ 1669 เพื่อให้ทีมรถพยาบาลมาที่เกิดเหตุ

วิธีที่ไม่แนะนำหากได้รับสารพิษทางการกิน

ไม่ควรล้วงคอ หรือทำให้อาเจียนออกมา เพราะสารพิษบางชนิด หากยิ่งทำวิธีนี้จะยิ่งทำให้เกิดพิษต่อร่างกายมากขึ้น และอาจเกิดอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ

เป็นยังไงกันบ้างคะ.. กับทักษะการเอาตัวรอดที่พี่ปลิวนำมาฝาก นี่แค่ยกตัวอย่างมาแค่ 5 เหตุการณ์ที่มีโอกาสเกิดขึ้นในชีวิตประจำวันเรา แต่จริงๆ ยังมีอีกหลายเหตุการณ์เลยนะที่เราไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไร ซึ่งการรู้ทักษะเหล่านี้ไว้ก็ถือเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ในการเอาตัวรอดนะ และยังสามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้อีกด้วย และอีกสิ่งที่เน้นย้ำเลยเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย คือเราต้องมี “สติ” ไว้ก่อน อย่าตื่นตระหนก และควรรู้เบอร์โทรฉุกเฉินไว้ด้วยจะดีที่สุด เน้นย้ำให้เซฟเก็บไว้เลย!!

และสำหรับน้องๆ ชาว Dek-D ละคะ คิดว่าควรมีทักษะการเอาตัวรอดแบบไหนอีกในชีวิตประจำวัน หรืออยากให้มีหลักสูตรการเอาตัวรอดแบบไหนที่ควรมีสอนในโรงเรียนเพื่อเอาไปใช้จริง ก็สามารถมาคอมเม้นท์บอกกันได้น้าา

ข้อมูลจากhttps://www.dek-d.com/teentrends/58029https://canadianwomen.org/signal-for-help/https://www.disaster.go.th/upload/download/file_attach/58cb60f5607de.pdfhttps://www.facebook.com/mahidolchannel/photos/a.448118895245038/4228024573921099/?type=3
Dek-D Team ทีมคอลัมนิสต์ Dek-D

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

1 ความคิดเห็น

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากมีเนื้อหาไม่เหมาะสม ผิดลิขสิทธิ์ ขัดต่อหลักกฎหมาย หรือศีลธรรม

กำลังโหลด
กำลังโหลด