เรื่องราวชักจะบานปลายใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ เพราะ ถึงแม้ละคร สงครามนางฟ้า จะลาจอไปแล้ว แต่ดูเหมือนว่า สงครามนอกจอ นั้นกำลังจะเริ่มต้นขึ้น เมื่อจู่ๆ พันโททันตแพทย์หญิงอังศิกา กุศลาสัย ก็ออกมาเปิดเผยว่า ตนเองคือ คุณอร ภรรยาคนแรกของ กัปตันหนิง หนึ่งในตัวละครเรื่องดังกล่าว
พร้อมทั้งเปิดโปงว่า นิยายชื่อดังที่ แอร์กี่ เขียนและให้สัมภาษณ์ว่าเป็นเรื่องจริงนั้น แท้จริงแล้วมีความจริงแค่บางส่วน ซ้ำยังแฉแหลกว่าตัวละครที่ชื่อ ริน ที่แอร์กี่เขียนขึ้นเพื่อเป็นตัวแทนของตัวเอง และโดนทำร้ายราวีตลอดเวลานั้น เป็นคนแย่งสามีทันตแพทย์หญิงอังศิกา แถมยังมีพฤติกรรมรุนแรงบุกเข้ามาถึงหน้าบ้าน เพื่อกรีดข้อมือเรียกร้องความสนใจจากสามีของทันตแพทย์หญิงอังศิกา
เท่านั้นไม่พอ ยังจับผิดข้อเขียนของแอร์กี่ ชนิดเรื่องไหน จริง เรื่องไหน โกหก แบบ ช็อต ต่อ ช็อต เกทับบลัฟแหลกขนาดนี้ ขอบอกว่ามันยกร่อง
ที่ต้องออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ เป็นเพราะว่าตอนนี้ผู้ที่เกี่ยวข้องจากนิยายเรื่องนี้ ซึ่งมีตัวละครหลายคนอย่าง ลูกสาว(น้องหนอน) กับอดีตสามี(กัปตัน หนิง) และภรรยาใหม่ (เชอรี่) รวมทั้งตัวเราเองก็ด้วยเดือดร้อนและได้รับผลกระทบจากนิยายเรื่องนี้อย่างมาก เนื่องจากแอร์กี่ออกมาเปิดเผยตัวและให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนอยู่ตลอดว่านิยายเรื่องนี้มาจากชีวิตจริงเรื่องจริง ทั้งที่ความจริงแล้วมันไม่ใช่เลย แต่กลายเป็นเขานั่นล่ะที่เดินเข้ามาในชีวิตเราทำให้ครอบครัวเราพังทลาย แล้วยังพยายามสร้างเรื่องให้ตัวเขาเป็นนางเอ๊กนางเอกไม่เคยทำผิด มีแต่คนรอบข้างทำร้ายทำให้เขามีชีวิตรันทด
เพียงแค่เริ่มต้นเรื่องที่เขาเขียนก็ไม่เป็นความจริงแล้ว ทางแอร์กี่ได้เขียนไว้ว่ากัปตันหนิงเป็นพ่อหม้ายลูกติดหนึ่งคน แต่งงานกับคุณอรภรรยาเก่าเพราะถูกคลุมถุงชนไม่ได้รักกัน ซึ่งความจริงแล้วเรารักกันมาก และไม่ได้ถูกคลุมถุงชน เรารักกันมาสิบกว่าปีตั้งแต่สมัยเรียน พอเรียนจบก็ได้แต่งงานกัน และไม่ได้มีลูกด้วยกันแค่คนเดียวเหมือนที่แอร์กี่เขียน หากแต่มีสองคน
แต่แต่งงานกันได้เพียงแค่ 5 ปี ชีวิตสมรสก็พังทลาย เนื่องจากเขานั่นล่ะที่พยายามเข้ามาในชีวิต ซึ่งตอนแรกๆ จะมาในลักษณะเป็นเพื่อนพร้อมกับอีกหลายคน ไปมาหาสู่กันเป็นปี รู้จักกับลูกของเรา ตอนลูกคนเล็กก็มีของขวัญมาอวยพร แต่ในขณะเดียวกันเขาก็มีความสัมพันธ์ลับๆ กับสามีเราไปด้วย โดยที่เราไม่รู้เลยในตอนแรก
จนกระทั่งมันเริ่มมีอะไรที่น่าสงสัยหลายอย่าง เช่น กัปตันลงมาจากบินแล้วไม่กลับบ้าน ผิดนัดกับครอบครัวบ่อยครั้ง ที่สำคัญมีเพื่อนมาเตือนว่าให้ระวังความสัมพันธ์เขาสองคนมันไม่ใช่แค่เพื่อนอย่างที่คิดแล้ว เพราะเห็นสองคนนี้บินไปต่างประเทศด้วยกันบ่อยๆ ทั้งภารกิจในอาชีพและนอกเหนือจากเวลาบิน เราเองก็เคยเป็นแอร์โฮสเตสรุ่นพี่ถึงแม้ว่าจะไม่ได้บินแล้ว แต่ก็พอมีคนรู้จักมาเล่าให้ฟัง นึกไม่ออกว่ามาทำกับเราแบบนี้ได้ยังไง
มีอยู่ครั้งหนึ่งสืบทราบมาว่าเขาย้ายสเก็ตการบินตามกันไป เลยไปดักรอรับมาทั้งคู่เพื่อมาเจรจาหาข้อตกลงกันที่บ้าน ก็บอกกับริน(แอร์กี่)ว่าที่เรียกเธอมาในวันนี้ เพราะอยากให้มาฟังผู้ชายคนนี้พูดต่อหน้าเราทั้งสองคน ที่ผ่านมาพอเขาอยู่กับเราจะพูดว่า เธอให้ท่าเป็นฝ่ายมาตามตื้อ แต่พอมาอยู่กับรินเขาก็คงจะพูดอีกอย่างหนึ่ง นี่คือสันดานผู้ชายฉะนั้นวันนี้มาฟังให้พร้อมกันว่า เขาจะอยู่กับใคร
ถ้าเขาเลือกเธอพี่จะยอมเลิก จากนั้นหันไปถามกัปตันหนิงตกลงว่าไง เขาเงียบไปสักพักแล้วบอกว่า รินต้องเข้าใจพี่นะยังไงพี่ต้องเลือกอร เพราะเรามีลูกด้วยกันและเขาไม่มีความผิดอะไร พอกัปตันหนิงพูดจบเราบอกว่าได้ยินแล้วนะริน เธอยังสาวยังสวยมีอนาคตที่ดีอย่ามาฝากอนาคตไว้กับผู้ชายที่มีลูกมีเมียแล้วมันไม่ดีหรอก ไปหาสามีที่เป็นหนุ่มโสดไม่มีพันธะจะดีกว่า
จากนั้นมาไม่รู้ว่าเขาไปง้องอนกันยังไงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ยังคงเหมือนเดิมไม่ได้เลิกรากัน เรารู้สึกเสียใจรับสภาพนี้ไม่ไหวมันเหมือนเป็นโรคเรื้อรัง ทางตัวรินก็เริ่มเข้ามาแทรกแซงชีวิตครอบครัวเราตลอด มีอยู่ช่วงหนึ่งที่กัปตันเขาเริ่มคิดได้ และพยามตีตัวออกห่างไม่ไปมาหาสู่ริน จนกระทั่งรินเป็นฝ่ายมาหาเขาที่หน้าบ้าน กัปตันก็ออกไปพบ สักพักหนึ่งเขาก็วิ่งเข้ามาในบ้านพร้อมกับเสื้อเปื้อนเลือด และบอกว่าให้ไปช่วยกันหน่อยรินมากรีดข้อมืออยู่ที่หน้าบ้าน
ภาพที่เราเห็นคือ เขากอดสามีเราแล้วร้องห่มร้องไห้ร้องไห้ เรารู้สึกว่ามันทุเรศทุรังทำไมต้องเป็นแบบนี้ จากนั้นมารู้สึกแย่และกลัวผู้หญิงคนนี้ เขาเป็นคนรุนแรง นอกจากนี้เขายังเคยขู่มาทางกัปตันบอกว่า ถ้าทิ้งเขาจะทำให้ชีวิตกัปตันมีแต่ความไม่ดี รวมทั้งจะทำร้ายเราด้วย ถ้าเขาไม่ได้อย่าหวังว่าใครจะเป็นสุข ช่วงนั้นก็จะมีโทรศัพท์แปลกๆ โทรมาที่บ้านแล้วไม่พูด ทำให้รู้สึกกลัวมาก บางทีมีผู้ชายโทรศัพท์มาบอกว่า ระวังให้ดีนะทั้งแม่ทั้งลูก
กัปตันเองก็เป็นคนใจอ่อนแก้ปัญหาชีวิตอะไรไม่ได้ ทำให้เรารู้สึกเบื่อไม่อยากจะทน ถ้าหย่ากันก็ไม่เดือดร้อนเราเองก็พอมีอาชีพที่จะหาเลี้ยงตัวเองได้ ถึงจะไม่ได้ร่ำรวยแต่ก็มีทรัพย์สินที่เป็นหลักเป็นฐานพอควร สุดท้ายก็เลยตัดสินใจขอหย่า
แรกๆ เขาก็ไม่ยอมหย่าต้องใช้วิธีขอร้องอ้อนวอนอยู่นาน ในการหย่าเขามีข้อตกลงขอแบ่งลูกไปเลี้ยงหนึ่งคน ส่วนบ้านที่เป็นเรือนหอที่คุณแม่กัปตันหนิงให้ที่ดินมา แต่เราเป็นคนสร้างบ้านกัปตันหนิงยกให้โดยใส่ชื่อร่วมกับลูกสาวเป็นเจ้าของ แต่บ้านหลังนี้ยังเหลือหนี้อยู่สามแสน เราผ่อนจ่ายคนเดียว โดยที่ไม่ได้เรียกร้องค่าเลี้ยงดู เพราะก็รู้ว่ากัปตันไม่ได้มีเงินมากมาย เพิ่งเข้าสายการบินได้ไม่นานตำแหน่งยังไม่ใหญ่โต
เห็นทีงานนี้เรื่องราวคงจะไม่จบง่ายๆแล้วล่ะค่ะ ในละครว่าเข้มข้นแล้ว ชีวิตจริงยิ่งกว่าในละครหลายเท่าเลยค่ะ... ใครจะเป็นยังไงพี่เหมี่ยวก็ไม่ทราบนะคะ แต่ที่แน่ๆคือพวกเราซึ่งเป็นผู้รับข้อมูลข่าวสารคงจะต้องใช้วิจารณญาณให้ละเอียดถี่ถ้วนหน่อยล่ะค่ะ ยังไงก็ฟังหูไว้หูนั่นแหละค่ะดีที่สุดแล้ว
พี่เหมี่ยวขอขอบคุณ : ข่าวและภาพประกอบจากผู้จัดการออนไลนืค่ะ |
43 ความคิดเห็น
แต่ฟังหูไว้หูดี ที่สุดและ ^^"
แต่ตอนนี้ เราก็ว่ามันจบหมดแล้วนะ ที่เค้าเดือดร้อนกันก็เพราะ เราๆ ที่วิพากษ์วิจารย์กันนี่นะ -0-
อ่านอย่างนี้ก็สงสารคุณอรเขานะ
เกลียดผู้ชายแบบนี้จังวะ เจือกเป็นแบบที่มีเยอะหาพบได้ง่ายในประเทศไทยอีก
บางคนดีๆรักลูกรักเมียคบเพื่อนมีเมียน้อยก็เลยมีมั่ง ผู้ชายเป็นสิ่งมีชีวิตโลเลที่สุดในโลกกกก
เขียนมั่งสิคะคุณอร เขียนมาเป็นหนังสือไปเลย =__=+
นิยายก็เอามาจากชีวิตจริงอะ
แต่ยังว่านะ เรื่องแบบนี้ใครจะว่าตัวเองผิดล่ะ จริงปะ
ว่าแต่ชีแรงจริงๆนะ แอร์กี่ เนี้ย
ปล.เรื่องมันนานนมแล้วปล่อยวางเสียเถิด