ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับหรือแนวคิด 17 ข้อที่คัดมาจากหนังสือ On Writing ของสตีเฟน คิง เรียกได้ว่าใครทำได้และคิดได้ตามนี้รับรองเป็นนักเขียนที่ประสบความสำเร็จชัวร์!
2. อย่าใช้ประโยครูปถูกกระทำ "นักเขียนที่ขี้อายชอบใช้ประโยครูปถูกกระทำด้วยเหตุผลเดียวกับที่นักรักที่ขี้อายชอบคู่ขาที่ยอมเป็นฝ่ายถูกกระทำ เพราะมันปลอดภัยสำหรับเขา"
3. อย่ายึดติดกับหลักไวยากรณ์มากนัก "จุดประสงค์ของงานเขียนคือทำให้ผู้อ่านอยากอ่านและเล่าเรื่อง ไม่ใช่แสดงการใช้ไวยากรณ์ให้ถูกต้อง"
* ไม่ได้หมายความว่าให้ใช้ภาษาผิดๆ ถูก แต่หมายความว่าถ้าภาษามันแย่ก็ปล่อยมันไปก่อน แล้วค่อยมาแก้ทีหลังก็ได้ อย่าหยุดเขียนแค่เพราะภาษาเราแย่นะจ๊ะ
4. เวทมนตร์มีอยู่ในตัวคุณ "ผมเชื่อว่าความกลัวเป็นรากฐานของงานเขียนแย่ๆ แทบทั้งหมด"
* ดังนั้นจงเชื่อมั่นในตัวเอง อย่าเพิ่งกลัวไปนะ
5. อ่าน อ่าน แล้วก็อ่าน "ถ้าคุณไม่มีเวลาแม้แต่จะอ่าน คุณก็ไม่มีเวลา (หรือเครื่องมือ) ในการเขียนหรอก"
6. อย่าพะวงกับการทำให้คนอื่นพอใจ "ต่อให้คุณเขียนอย่างจริงใจแค่ไหน วันหนึ่งคุณก็ต้องหายไปจากสังคมอันแสนดีนี้อยู่ดี"
* อย่ากลัวว่าที่เราเขียนออกไปจะทำให้ใครไม่พอใจ เพราะเราคงไม่ทนอยู่ให้คนเกลียดไปชั่วชีวิตหรอก
7. ปิดโทรทัศน์เสีย "โทรทัศน์เป็นเครื่องมือสร้างแรงบันดาลใจอย่างสุดท้ายที่เราต้องการ"
8. คุณมีเวลา 3 เดือน "ดราฟต์แรกของหนังสือหนึ่งเล่ม (ไม่เว้นแม้แต่เรื่องยาวๆ) ไม่ควรใช้เวลาเขียนเกิน 3 เดือน หรือ 1 ฤดูกาล"
9. กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในหนึ่งวัน "ไม่ว่าจะเป็นงานหนึ่งหน้าหรือนิยายไตรภาคอย่างเดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ก็ต้องเริ่มเขียนทีละคำกันทั้งนั้น"
10. กำจัดสิ่งรบกวน "ต้องไม่มีโทรศัพท์ในห้องที่คุณใช้เขียนงาน ไม่มีโทรทัศน์หรือวิดีโอเกมที่จะดึงดูดความสนใจคุณ"
* ถ้าเป็นสมัยนี้สงสัยต้องเอาตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตทั้งหมดด้วยนะ
11. เป็นตัวของตัวเอง "คนเราไม่สามารถเลียนแบบเทคนิคของนักเขียนคนหนึ่งที่ใช้ในงานแนวนั้นๆ ได้ แม้จะดูเหมือนมันง่ายแค่ไหนก็ตาม"
12. ขุด "เรื่องที่เราแต่งก็เหมือนวัตถุโบราณ งานของนักเขียนคือใช้อุปกรณ์ที่มีทำให้วัตถุเหล่านี้ออกมาสู่สายตาประชาชนได้อย่างสมบูรณ์ที่สุด
13. พักบ้าง "คุณจะพบว่าการอ่านนิยายตัวเองหลังจากผ่านไป 6 สัปดาห์เป็นประสบการณ์ที่ตื่นตาตื่นใจมาก"
14. เอาส่วนที่น่าเบื่อออก กำจัดส่วนที่รักทิ้ง
* อะไรที่น่าเบื่อเราก็เอาออกไป อะไรที่เราอาจจะชอบแต่ถ้ามันไม่เข้ากับเรื่อง เราก็ต้องกำจัดออก อย่าดันทุรังเก็บมันไว้
15. อย่าปล่อยให้ข้อมูลทั้งหมดมากลบเรื่อง "ให้นึกถึงคำว่า ข้างหลัง เอาไว้ นั่นแหละคือที่ๆ ข้อมูลทั้งหลายแหล่ควรอยู่"
* โดยเฉพาะนิยายแฟนตาซีต้องจำข้อนี้ให้ดีเลย อย่าปล่อยให้สารพัดข้อมูลมาบังการดำเนินเรื่องของเรา ค่อยๆ แทรก ค่อยๆ บรรยายไปเหมือนเราบรรยายฉาก ไม่จำเป็นต้องรีบยัดมาตู้มเดียวเพื่อให้คนอ่านเข้าใจก็ได้
16. คุณเป็นนักเขียนได้ง่ายๆ ด้วยการอ่านและเขียน "คุณเรียนได้ดีที่สุดจากการอ่านให้มากและเขียนให้มาก และบทเรียนที่สำคัญที่สุดคือบทเรียนที่คุณเรียนรู้ด้วยตัวเอง"
17. การเขียนคือการมีความสุข "การเขียนไม่ได้เกี่ยวกับการทำเงิน มีชื่อเสียง หาคู่รัก หาคู่นอน หรือหาเพื่อน การเขียนคือเวทมนตร์ เป็นเหมือนน้ำต่อพลังชีวิตไม่ต่างจากศิลปะแขนงอื่น น้ำมันฟรี ก็ดื่มซะเถอะ"
แล้วน้องๆ ชาวเด็กดีมีแนวคิดอะไรที่ช่วยให้เราเป็นนักเขียนที่ดีบ้างไหม
มาแชร์กัน!
ขอบคุณข้อมูลจาก:
http://www.openculture.com/2014/03/stephen-kings-top-20-rules-for-writers.html
ขอบคุณภาพประกอบจาก:
toptenz.net
waytofamous.com
12 ความคิดเห็น
อยากอ่านนิยายของสตีเฟ่น คิง
ตอนนี้ยังมีฉบับแปลภาษาไทยขายเหรอเปล่า
มีหลายเรื่องเอาไปสร้างเป็นภาพยนตร์มาแล้วและดังมากๆ แต่ไม่เคยหามาดู
อ่าน อ่าน อ่าน ผมชอบข้อนี้นะ นักเขียนหลายคนที่โด่งดังมักจะมีข้อนี้ประจำตัว เหมือนเตือนตัวเองเสมอว่างานเขียนต้องพัฒนาต่อไป เปิดโลกตัวเองด้วยการมองโลกของคนอื่น ผมยังนึกบ่อยๆ ถึงหน้านักเขียนดังๆ ที่ได้อ่านผลงานนักเขียนคนเจ๋งๆ แล้วตบเข่าฉาด รู้สึกมีไฟขึ้นมาทันที
นักเขียนที่ดีเหรอคะ...
1. การลอกงานคนอื่น เป็นสิ่งที่ไร้จรรยาบรรณอย่างยิ่ง :: มันสื่อถึงว่า คุณไม่สามารถคิดอะไรเองได้ ขนาดนิยายของคุณที่คุณจะเขียนเองแท้ๆ กลับเลือกจะลอกของคนอื่นไปเขียน คุณก็ไม่มีวันเขียนเป็น
2. อยากเป็นนักเขียนต้องเขียน :: ชอบมีคนถามว่าทำยังไงถึงจะเป็นนักเขียน อารมณ์ก็เหมือนทำยังไงถึงจะเป็นนักเรียน คุณก็ต้องเรียน คุณอยากเขียนก็ต้องเขียน ไม่ลองเขียนคุณก็ไม่รู้ว่านิยายเขียนยังไง ถ้ามัวแต่บ่นว่าอยากเป็นนักเขียนๆๆๆ แต่คุณไม่ได้เขียนเลย คุณก็เป็นเพียงนักบ่นนั่นแหละค่ะ
3. การใช้ภาษาวิบัติในนิยายแบบจงใจ ไม่ได้ทำให้นิยายคุณดูดี :: เอาจริงๆ ไหมคะ มันไม่น่าอ่านเลย เรากดปิดทันที ไม่อ่าน ไม่ยุ่ง นักเขียนคือผู้สื่อสารทางภาษาอีกประเภทหนึ่งเลยนะคะ ถ้าคุณสื่อสารไปผิดๆ สารที่ผู้อ่านได้รับก็ผิด มั่ว แล้วการอ่านก็เป็นการสร้างคนนะคะ หากคุณเขียนด้วยภาษาวิบัติ และเด็กที่ไม่รู้ประสีประสามาอ่าน ก็เท่ากับคุณสร้างเด็กให้ใช้ภาษาวิบัติตามคุณ (ไม่ได้หมายความว่าคุณวิบัติไม่ได้นะคะ แต่หมายถึงว่าไม่ควรวิบัติลงนิยาย)
4. นิยายทุกแนวจำเป็นต้องมีความสมเหตุสมผล :: ค่ะ ตามนั้นเลย โดยเฉพาะแฟนตาซี บางท่านคิดว่ามันคือจินตนาการ จะใส่มันลงไปยังไงก็ได้ โดยไม่คำนึงถึงหลักความเป็นจริง เอาง่ายๆ นะคะ หากพูดว่าคุณกระโดดตึกลงมา ทำไมคุณไม่ลอยไปในอากาศ แต่กลับโหม่งพสุธาแทนล่ะ? คุณก็จะมีคำตอบว่า ก็เพราะมันมีแรงโน้มถ่วงของโลกยังไงล่ะ นั่นแหละค่ะ ต่อให้นิยายของคุณจะแฟนตาซีขนาดไหนก็ต้องมีเหตุผลในตัวมันเอง อาจจะไม่ใช้เหตุผลในโลกของเรา แต่คุณอาจสร้างเหตุผลในโลกของคุณก็ได้ เช่น คุณแต่งให้ตัวละครกระโดดตึก แต่ตัวละครกลับลอยไปในอากาศแทน ทำไมล่ะ? อาจจะเพราะตัวละครมีปีกที่มองไม่เห็น อาจจะเพราะในชั้นบรรยากาศสูงๆ จะไม่มีแรงโน้มถ่วง ฯลฯ
5. อย่าไล่นักอ่าน เพราะคุณอาจจะไม่มีวันมีนักอ่าน :: นิยายบางคนอาจจะชอบประมาณว่า ถ้าไม่ชอบก็กดปิดไปซะ!! ใครรับไม่ได้ก็ออกไป! อันนี้ระวังนะคะ ถ้าใช้คำแรงมากๆ หรือบางคนไม่ชอบคำแบบนี้ (ซึ่งก็น่าจะมีเยอะ) ก็คงได้กดปิดไปจริงๆ สร้างยอดวิวการเข้ามาดูให้ช้ำใจเล่น แต่ไม่มีเม้นท์ ไม่มีแฟนคลับ เพราะคนที่น่าจะมาเป็นแฟนคลับได้หนีหายไปหมดแล้ว
6. คอมเม้นท์คือกำลังใจ แต่อย่าเรียกร้องมากเกินไป :: นักอ่านอาจจะไม่ชอบได้ค่ะ ถ้ามาบอกให้เขาเม้นท์ทุกตอน หรือแม้กระทั่งการขู่เข็ญ อาจจะมีการรำคาญหรือไม่พอใจกันได้ง่ายๆ
7. อยู่บ้านใครก็ต้องใช้กฎบ้านเขา :: อันนี้สำหรับเรื่องการแบนนิยายโดยเฉพาะค่ะ หลายท่านชอบบ่นเรื่องการแบนเยอะมากกกก ทั้งๆ ที่เด็กดีก็มีกฎให้อ่านแล้วว่าทำยังไงได้บ้าง ทำอะไรไม่ได้บ้าง พอคุณฝ่าฝืนและโดนจัดการ คุณก็ไม่พอใจ บางรายถึงขั้นด่าพี่เว็บ ตรงนี้เราอยากให้นำใจเขามาใส่ใจเรานิดหนึ่งค่ะ เด็กดีเป็นเว็บที่เด็กก็เล่นกันไม่น้อย อะไรที่ไม่ดีต่อวัยนั้นหรือวัยนั้นต้องรู้ก่อนวัยอันควร มันก็ไม่ค่อยเหมาะสมนักหรอกค่ะ แถมอีกอย่างนะคะ พี่เว็บก็เหนื่อยค่ะ กับการตามแบน และคอยปลดแบน หรือแม้กระทั่งการต้องเสียน้ำใจกับที่คุณมาด่าเขา
และข้อสุดท้ายเป็นกำลังใจค่ะ
8. นักอ่านเงาเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทำให้นิยายดูลึกลับ (?) :: 555 นักอ่านเงาจะเป็นนักอ่านที่ซุ่มอ่านอย่างเดียว ไม่ชอบเม้นท์ค่ะ หลายท่านอาจจะท้อใจ ทำไมมีแต่วิว ไม่มีเม้นท์เลย... เราอยากบอกว่า นิยายมีคนอ่านยังดีกว่าไม่มีเลยนะคะ และอย่างน้อยก็ทำให้เรารู้ว่า ยังมีคนๆ หนึ่ง หรือสองคนสามคน ที่ติดตามนิยายของเราตลอดมา แม้ไม่ได้บอกว่าเขารู้สึกอย่างไร แต่คุณก็สัมผัสได้ถึงตัวตนของเขานะคะ ป.ล. แต่นักอ่านเงาเม้นท์สักตอนก็ดีนะคะ เดี๋ยวนักเขียนรอเก้อ 55555
ประมาณนี้มั้งคะ โอ้ว ทำไมยาว...
อันนี้จำไม่ได้ว่าใครเคยเขียนหรือพูดไว้นะครับ แต่ชอบมาก... นิยายแฟนซี ยิ่งสมจริง ยิ่งแฟนซี!! ใครเอาความเป็นจริงมาบิดให้มันดูแฟนซี ใครคนอ่านแอบคิดในใจว่า "มันอาจจะเกิดขึ้นจริงก็ได้" นี่แหละแฟนซีแบบมีเหตุผล มันจะน่าติดตามกว่านิยายที่ไร้หลักการที่ดูเป็นความฝันแบบเด็กๆ ที่หลักการมันไม่มี
นิยายหนูยังอยู่ในไหดอง
ต้อง "ขุด" มาสินะ
ชอบมากเลยค่ะ ขอบคุณที่เอามาโพสต์
เออะ!เราก็ทำทั้งหมดน่ะยกเว้นการเขียนให้ในสามเดือนเราเขียนเรื่อง1 2ปี//คนที่อ่านนิยายเราอย่าเพิ่งทึ้งเราน่ะT^T
เราค่อนข้างมั่นใจว่านักอ่านเงาเขาไม่ได้ตั้งใจจะไม่เม้นหรอก..รู้สึกนอกเรื่องไม่มีอะไรมากมายแค่คอมเม้นไร้สาระอ่ะค่ข้ามๆๆๆๆ
ร่างสูงสง่าเจ้าของใบหน้างดงามราวรูปสลักของพระเจ้ามองภาพตรงหน้าด้วยแววตาเย็นยะเยือกเปรียบธารน้ำแข็งในเมืองหนาว ฝ่ามือขาวด้านไล้ตามผนังเก่าสีซีดพร้อมกับพ่นลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย เรียวขายาวในกางเกงแสล็คเดินเข้าไปใกล้เตียงนอนท่ามกลางกลิ่นเลือดที่โชยเข้าจมูกหนักยิ่งกว่าเก่า ร่างสูงปิดตาลง สถบคำหยาบออกมาแผ่วผ่านริมฝีปากสวยก่อนก้มมองรอยเลือดประปรายสีแดงฉ่านตัดกับสีขาวของผ้าปูที่นอนเสียเหลือเกิน
..ไม่มีใครอยากมาเหยียบที่นี้อีกเป็นครั้งที่สองหรอก
ดวงตาสีเทาชาเหมือนโลหะขึ้นสนิมนั้นฉายแววเบื่อหน่ายออกมาอย่างปิดไม่มิด กวาดสายตาไปทั่วห้องก่อนหยุดไปที่หนังสือเล่มหนาบนเก้าอี้ไม้ที่เห็นตั้งแต่ย่างกรายเข้ามาครั้งแรก เดินเข้าไปใกล้มันอย่างเชื่องช้าก่อนใช้มือหนาบรรจงเปิดอ่านทีละหน้า ดวงตาคมงดงามนั้นไล่อ่านใจความของตัวอักษรไปเรื่อยๆก่อนแทบจะขว้างทิ้ง นี้มันนิยายรักน้ำเน่าค.ศ.ไหนกัน!
..แต่ก็ต้องจำใจวางลงเบาๆให้สภาพนั้นคงเดิมมากที่สุด
เรือนร่างน่าสัมผัสใต้ชุดเสื้อยึดสีดำนั้นบิดไปมาอย่างนึกขี้เกียจ สายตาคมน่าหลงไหลนั้นจับจ้องไปที่หญิงสาวในกรอบรูปสวยบนโต๊ะไม้เก่าข้างเตียงเน่าเพื่อฆ่าเวลา ดวงตาสีน้ำตาลอัลมอนด์ของหล่อนฉายแววเศร้าเหลือเจือไปกับรอยยิ้มสดใสบนริมฝีปากอิ่ม ผมสีดำขลับม้วนลอนด์ขึ้นเป็นทรงสวยเข้ากันได้ดีกับใบหน้าเรียวงามเสียเหลือเกิน ถ้าไม่ติดที่ว่าเธอคนนั้นตายไปแล้วละก็ ..คงจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับเขาอยู่ไม่น้อย
“ถ้าเธอไม่ออกมาภายในสิบวิหละก็ฉันจะออกไปจริงๆด้วย..”
“..อย่าใจร้อนสิ”
พูดไม่ทันจบประโยค เสียงหวานคล้ายปลอบประโลมก็ดังขึ้นกล่อมโสตประสาทของร่างสูงในทันทีพร้อมกับจอทีวีขาวดำรุ่นเก่านั้นฉายภาพขึ้นติดๆดับๆเหมือนโดนสัญญาณปริศนารบกวนตลอดเวลา ดวงตาคมเพ่งมองบนจอเปื้อนฝุ่นอย่างพินิจ มันปรากฎภาพหญิงสาวในรูปที่เขาจ้องเมื่อครู่ออกมาได้ไม่มีผิดเพี้ยน ..อาจจะต่างกันตรงที่ว่าในจอนั้นคล้ายกับว่าเธอมีชีวิต ..เธอขยับได้
“อย่าทำเหมือนกับว่าฉันตกใจไม่เป็นหน่า เบลล่า..”
“..พระเจ้า คนอย่างนายนี่นะตกใจ อย่าทำให้ฉันขำไปหน่อยนะที่รัก”
หญิงสาวพูดเสียงหวานฉ่ำในขณะที่มือเรียวนั้นปิดปากเพื่อหัวเราะ ท่ามกลางร่างสูงที่มองภาพนั้นอย่างไม่สบอารมณ์ มือหนาหยิบสิ่งของมากมายออกมาจากกระเป๋าเป้สภาพหลังก่อนวางมันไว้บนเตียงเปื้อน ในขณะที่หญิงสาวนั้นมองตามอย่างสนอกสนใจ
“ถ้าจะไม่ว่าอะไรนะพอล ฝากเอาผ้าปูที่นอนฉันไปซักด้วยสิ แล้วรอบหน้าก็ฝากซื้อเสื้อผ้าค็อลเล็คชั่น..”
“หยุด ฉันจะไม่มีเหยียบที่นี้เป็นครั้งที่สามแน่”
ร่างสูงเอ่ยอย่างปลงๆ พลางนึกถึงเหตุการณ์ที่ทำให้เขาต้องมาอยู่สภาพนี้ พอลจำได้ดีว่าวันนั้นขณะที่มารับเพื่อนออกจากโรงพยาบาลแห่งนี้ สายตาเจ้ากรรมดันไปสะดุดเห็นร่างเล็กของเบลล่านั้นกำลังทะลุกำแพงเข้าไปในห้องเก่าๆติดป้ายห้ามเข้า และก็คงโทษอะไรไม่ได้นอกจากความอยากรู้อยากเห็นจึงแอบงัดตามเข้าไปจนเจอกับเรื่องๆบ้าๆ ให้ตายเถอะ เจอผีตัวเป็นๆยังไม่พอยังถูกใช้ซื้อนู้นซื้อนี้อีก มันน่านัก!
..โทษใครไม่ได้นอกจากตัวเองแหละพอลเอ้ย
T A L K
เกิน 30 บรรทัด...
นอกจากจะไม่หลอนแล้วพล็อตยังงี่เง่ามาก 5555555
ผมชอบข้อ10กับ14
มันเป็นอะไรที่ช่วยงานเขียนผมได้ดีทีเดียว
ผมคิดว่าสิ่งที่นักเขียนควรคิดและไม่ควรลืมคือ "เราเขียนในสิ่งที่เราอยากอ่าน"
เพราะผมไม่เคยชอบเรื่องเศร้า ขมขื่น สลด ใจสลาย ผมเลยไม่เขียนมัน
อีกความคิด
ผมคิดว่านักเขียนไม่ควรเขียนเพื่อ"ขาย" ผมคิดว่านิยายดีๆถึงไม่ตีพิมพ์มันก็ไม่ลดค่าลง
อีกอย่าง อย่าคิดว่า"ตัน" เพราะแรงบันดาลใจรอบด้านรอให้คุณสร้างผลงานอยู่
ไม่เข้าใจข้อ 2 อะไรคือ ประโยครูปถูกกระทำ?
ใครเข้าใจช่วยอธิบายหน่อย