17 ข้อควรจำ จากราชานิยายระทึกขวัญ "สตีเฟน คิง"

ปัจจุบันนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก สตีเฟน คิง (Stephen King) นักเขียนมือฉมังชาวอเมริกัน เจ้าของผลงานระทึกขวัญระดับโลกอย่าง Carrie, The Dark Tower, Dreamcatcher และมียอดขายหนังสือรวมสูงสุดถึง 350 ล้านเล่ม สงสัยไหมว่าเขาทำยังไงถึงกลายเป็นนักเขียนที่ประสบความสำเร็จได้ขนาดนั้น พี่น้องมีคำตอบค่ะ

        ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับหรือแนวคิด 17 ข้อที่คัดมาจากหนังสือ On Writing ของสตีเฟน คิง เรียกได้ว่าใครทำได้และคิดได้ตามนี้รับรองเป็นนักเขียนที่ประสบความสำเร็จชัวร์!

 
1. เขียนให้ตัวเอง แล้วค่อยรีไรท์ให้คนอ่าน "เวลาที่คุณเขียนนิยายสักเรื่อง คุณกำลังเล่าเรื่องให้ตัวเองฟัง แต่เวลาที่คุณรีไรท์เรื่องนั้นๆ งานหลักของคุณคือการเอาสิ่งที่ไม่ควรอยู่ในเรื่องออกไป"

2. อย่าใช้ประโยครูปถูกกระทำ "นักเขียนที่ขี้อายชอบใช้ประโยครูปถูกกระทำด้วยเหตุผลเดียวกับที่นักรักที่ขี้อายชอบคู่ขาที่ยอมเป็นฝ่ายถูกกระทำ เพราะมันปลอดภัยสำหรับเขา"

3. อย่ายึดติดกับหลักไวยากรณ์มากนัก "จุดประสงค์ของงานเขียนคือทำให้ผู้อ่านอยากอ่านและเล่าเรื่อง ไม่ใช่แสดงการใช้ไวยากรณ์ให้ถูกต้อง"

* ไม่ได้หมายความว่าให้ใช้ภาษาผิดๆ ถูก แต่หมายความว่าถ้าภาษามันแย่ก็ปล่อยมันไปก่อน แล้วค่อยมาแก้ทีหลังก็ได้ อย่าหยุดเขียนแค่เพราะภาษาเราแย่นะจ๊ะ

4. เวทมนตร์มีอยู่ในตัวคุณ "ผมเชื่อว่าความกลัวเป็นรากฐานของงานเขียนแย่ๆ แทบทั้งหมด"
* ดังนั้นจงเชื่อมั่นในตัวเอง อย่าเพิ่งกลัวไปนะ

5. อ่าน อ่าน แล้วก็อ่าน "ถ้าคุณไม่มีเวลาแม้แต่จะอ่าน คุณก็ไม่มีเวลา (หรือเครื่องมือ) ในการเขียนหรอก"

6. อย่าพะวงกับการทำให้คนอื่นพอใจ "ต่อให้คุณเขียนอย่างจริงใจแค่ไหน วันหนึ่งคุณก็ต้องหายไปจากสังคมอันแสนดีนี้อยู่ดี"

* อย่ากลัวว่าที่เราเขียนออกไปจะทำให้ใครไม่พอใจ เพราะเราคงไม่ทนอยู่ให้คนเกลียดไปชั่วชีวิตหรอก

7. ปิดโทรทัศน์เสีย "โทรทัศน์เป็นเครื่องมือสร้างแรงบันดาลใจอย่างสุดท้ายที่เราต้องการ"

8. คุณมีเวลา 3 เดือน "ดราฟต์แรกของหนังสือหนึ่งเล่ม (ไม่เว้นแม้แต่เรื่องยาวๆ) ไม่ควรใช้เวลาเขียนเกิน 3 เดือน หรือ 1 ฤดูกาล"

9. กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในหนึ่งวัน "ไม่ว่าจะเป็นงานหนึ่งหน้าหรือนิยายไตรภาคอย่างเดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ก็ต้องเริ่มเขียนทีละคำกันทั้งนั้น"

10. กำจัดสิ่งรบกวน "ต้องไม่มีโทรศัพท์ในห้องที่คุณใช้เขียนงาน ไม่มีโทรทัศน์หรือวิดีโอเกมที่จะดึงดูดความสนใจคุณ"

* ถ้าเป็นสมัยนี้สงสัยต้องเอาตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตทั้งหมดด้วยนะ

11. เป็นตัวของตัวเอง "คนเราไม่สามารถเลียนแบบเทคนิคของนักเขียนคนหนึ่งที่ใช้ในงานแนวนั้นๆ ได้ แม้จะดูเหมือนมันง่ายแค่ไหนก็ตาม"

12. ขุด "เรื่องที่เราแต่งก็เหมือนวัตถุโบราณ งานของนักเขียนคือใช้อุปกรณ์ที่มีทำให้วัตถุเหล่านี้ออกมาสู่สายตาประชาชนได้อย่างสมบูรณ์ที่สุด

13. พักบ้าง "คุณจะพบว่าการอ่านนิยายตัวเองหลังจากผ่านไป 6 สัปดาห์เป็นประสบการณ์ที่ตื่นตาตื่นใจมาก"

14. เอาส่วนที่น่าเบื่อออก กำจัดส่วนที่รักทิ้ง

* อะไรที่น่าเบื่อเราก็เอาออกไป อะไรที่เราอาจจะชอบแต่ถ้ามันไม่เข้ากับเรื่อง เราก็ต้องกำจัดออก อย่าดันทุรังเก็บมันไว้

15. อย่าปล่อยให้ข้อมูลทั้งหมดมากลบเรื่อง "ให้นึกถึงคำว่า ข้างหลัง เอาไว้ นั่นแหละคือที่ๆ ข้อมูลทั้งหลายแหล่ควรอยู่"
* โดยเฉพาะนิยายแฟนตาซีต้องจำข้อนี้ให้ดีเลย อย่าปล่อยให้สารพัดข้อมูลมาบังการดำเนินเรื่องของเรา ค่อยๆ แทรก ค่อยๆ บรรยายไปเหมือนเราบรรยายฉาก ไม่จำเป็นต้องรีบยัดมาตู้มเดียวเพื่อให้คนอ่านเข้าใจก็ได้

16. คุณเป็นนักเขียนได้ง่ายๆ ด้วยการอ่านและเขียน "คุณเรียนได้ดีที่สุดจากการอ่านให้มากและเขียนให้มาก และบทเรียนที่สำคัญที่สุดคือบทเรียนที่คุณเรียนรู้ด้วยตัวเอง"

17. การเขียนคือการมีความสุข "การเขียนไม่ได้เกี่ยวกับการทำเงิน มีชื่อเสียง หาคู่รัก หาคู่นอน หรือหาเพื่อน การเขียนคือเวทมนตร์ เป็นเหมือนน้ำต่อพลังชีวิตไม่ต่างจากศิลปะแขนงอื่น น้ำมันฟรี ก็ดื่มซะเถอะ"

 
(จริงๆ มันมี 20 ข้อนะ แต่พี่น้องตัดข้อที่เกี่ยวกับภาษาออกเพราะว่ามันเอามาใช้กับเราไม่ได้)


แล้วน้องๆ ชาวเด็กดีมีแนวคิดอะไรที่ช่วยให้เราเป็นนักเขียนที่ดีบ้างไหม
มาแชร์กัน!


ขอบคุณข้อมูลจาก:
http://www.openculture.com/2014/03/stephen-kings-top-20-rules-for-writers.html


ขอบคุณภาพประกอบจาก:
toptenz.net
waytofamous.com
พี่น้อง
พี่น้อง - Columnist คอลัมนิสต์

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

Seesor [K : Viceroy] Member 5 ก.ย. 57 20:49 น. 3

นักเขียนที่ดีเหรอคะ...

1. การลอกงานคนอื่น เป็นสิ่งที่ไร้จรรยาบรรณอย่างยิ่ง :: มันสื่อถึงว่า คุณไม่สามารถคิดอะไรเองได้ ขนาดนิยายของคุณที่คุณจะเขียนเองแท้ๆ กลับเลือกจะลอกของคนอื่นไปเขียน คุณก็ไม่มีวันเขียนเป็น

2. อยากเป็นนักเขียนต้องเขียน :: ชอบมีคนถามว่าทำยังไงถึงจะเป็นนักเขียน อารมณ์ก็เหมือนทำยังไงถึงจะเป็นนักเรียน คุณก็ต้องเรียน คุณอยากเขียนก็ต้องเขียน ไม่ลองเขียนคุณก็ไม่รู้ว่านิยายเขียนยังไง ถ้ามัวแต่บ่นว่าอยากเป็นนักเขียนๆๆๆ แต่คุณไม่ได้เขียนเลย คุณก็เป็นเพียงนักบ่นนั่นแหละค่ะ

3. การใช้ภาษาวิบัติในนิยายแบบจงใจ ไม่ได้ทำให้นิยายคุณดูดี :: เอาจริงๆ ไหมคะ มันไม่น่าอ่านเลย เรากดปิดทันที ไม่อ่าน ไม่ยุ่ง นักเขียนคือผู้สื่อสารทางภาษาอีกประเภทหนึ่งเลยนะคะ ถ้าคุณสื่อสารไปผิดๆ สารที่ผู้อ่านได้รับก็ผิด มั่ว แล้วการอ่านก็เป็นการสร้างคนนะคะ หากคุณเขียนด้วยภาษาวิบัติ และเด็กที่ไม่รู้ประสีประสามาอ่าน ก็เท่ากับคุณสร้างเด็กให้ใช้ภาษาวิบัติตามคุณ (ไม่ได้หมายความว่าคุณวิบัติไม่ได้นะคะ แต่หมายถึงว่าไม่ควรวิบัติลงนิยาย)

4. นิยายทุกแนวจำเป็นต้องมีความสมเหตุสมผล :: ค่ะ ตามนั้นเลย โดยเฉพาะแฟนตาซี บางท่านคิดว่ามันคือจินตนาการ จะใส่มันลงไปยังไงก็ได้ โดยไม่คำนึงถึงหลักความเป็นจริง เอาง่ายๆ นะคะ หากพูดว่าคุณกระโดดตึกลงมา ทำไมคุณไม่ลอยไปในอากาศ แต่กลับโหม่งพสุธาแทนล่ะ? คุณก็จะมีคำตอบว่า ก็เพราะมันมีแรงโน้มถ่วงของโลกยังไงล่ะ นั่นแหละค่ะ ต่อให้นิยายของคุณจะแฟนตาซีขนาดไหนก็ต้องมีเหตุผลในตัวมันเอง อาจจะไม่ใช้เหตุผลในโลกของเรา แต่คุณอาจสร้างเหตุผลในโลกของคุณก็ได้ เช่น คุณแต่งให้ตัวละครกระโดดตึก แต่ตัวละครกลับลอยไปในอากาศแทน ทำไมล่ะ? อาจจะเพราะตัวละครมีปีกที่มองไม่เห็น อาจจะเพราะในชั้นบรรยากาศสูงๆ จะไม่มีแรงโน้มถ่วง ฯลฯ

5. อย่าไล่นักอ่าน เพราะคุณอาจจะไม่มีวันมีนักอ่าน :: นิยายบางคนอาจจะชอบประมาณว่า ถ้าไม่ชอบก็กดปิดไปซะ!! ใครรับไม่ได้ก็ออกไป! อันนี้ระวังนะคะ ถ้าใช้คำแรงมากๆ หรือบางคนไม่ชอบคำแบบนี้ (ซึ่งก็น่าจะมีเยอะ) ก็คงได้กดปิดไปจริงๆ สร้างยอดวิวการเข้ามาดูให้ช้ำใจเล่น แต่ไม่มีเม้นท์ ไม่มีแฟนคลับ เพราะคนที่น่าจะมาเป็นแฟนคลับได้หนีหายไปหมดแล้ว

6. คอมเม้นท์คือกำลังใจ แต่อย่าเรียกร้องมากเกินไป :: นักอ่านอาจจะไม่ชอบได้ค่ะ ถ้ามาบอกให้เขาเม้นท์ทุกตอน หรือแม้กระทั่งการขู่เข็ญ อาจจะมีการรำคาญหรือไม่พอใจกันได้ง่ายๆ 

7. อยู่บ้านใครก็ต้องใช้กฎบ้านเขา :: อันนี้สำหรับเรื่องการแบนนิยายโดยเฉพาะค่ะ หลายท่านชอบบ่นเรื่องการแบนเยอะมากกกก ทั้งๆ ที่เด็กดีก็มีกฎให้อ่านแล้วว่าทำยังไงได้บ้าง ทำอะไรไม่ได้บ้าง พอคุณฝ่าฝืนและโดนจัดการ คุณก็ไม่พอใจ บางรายถึงขั้นด่าพี่เว็บ ตรงนี้เราอยากให้นำใจเขามาใส่ใจเรานิดหนึ่งค่ะ เด็กดีเป็นเว็บที่เด็กก็เล่นกันไม่น้อย อะไรที่ไม่ดีต่อวัยนั้นหรือวัยนั้นต้องรู้ก่อนวัยอันควร มันก็ไม่ค่อยเหมาะสมนักหรอกค่ะ แถมอีกอย่างนะคะ พี่เว็บก็เหนื่อยค่ะ กับการตามแบน และคอยปลดแบน หรือแม้กระทั่งการต้องเสียน้ำใจกับที่คุณมาด่าเขา

และข้อสุดท้ายเป็นกำลังใจค่ะ

8. นักอ่านเงาเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทำให้นิยายดูลึกลับ (?) :: 555 นักอ่านเงาจะเป็นนักอ่านที่ซุ่มอ่านอย่างเดียว ไม่ชอบเม้นท์ค่ะ หลายท่านอาจจะท้อใจ ทำไมมีแต่วิว ไม่มีเม้นท์เลย... เราอยากบอกว่า นิยายมีคนอ่านยังดีกว่าไม่มีเลยนะคะ และอย่างน้อยก็ทำให้เรารู้ว่า ยังมีคนๆ หนึ่ง หรือสองคนสามคน ที่ติดตามนิยายของเราตลอดมา แม้ไม่ได้บอกว่าเขารู้สึกอย่างไร แต่คุณก็สัมผัสได้ถึงตัวตนของเขานะคะ ป.ล. แต่นักอ่านเงาเม้นท์สักตอนก็ดีนะคะ เดี๋ยวนักเขียนรอเก้อ 55555

ประมาณนี้มั้งคะ โอ้ว ทำไมยาว...

12
Tein Lon Story : ภัตตาคารมังกรสวรรค์ Member 5 ก.ย. 57 21:41 น. 3-1
อ่านแล้วได้ข้อคิดหลายๆ อย่างเลยครับ ขออนุญาตก็อบไปแปะในเฟสหน่อยนะครับ และจะใส่ เครดิตให้ด้วยพร้อมครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ
0
กำลังโหลด
Over Lord Member 6 ก.ย. 57 16:20 น. 4

อันนี้จำไม่ได้ว่าใครเคยเขียนหรือพูดไว้นะครับ แต่ชอบมาก... นิยายแฟนซี ยิ่งสมจริง ยิ่งแฟนซี!! ใครเอาความเป็นจริงมาบิดให้มันดูแฟนซี ใครคนอ่านแอบคิดในใจว่า "มันอาจจะเกิดขึ้นจริงก็ได้" นี่แหละแฟนซีแบบมีเหตุผล มันจะน่าติดตามกว่านิยายที่ไร้หลักการที่ดูเป็นความฝันแบบเด็กๆ ที่หลักการมันไม่มี

1
editor_nong Member 6 ก.ย. 57 21:59 น. 4-1
เป็นคำพูดที่ดีค่ะ หลายคนอาจจะะเข้าใจว่าการเขียนนิยายแฟนตาซีที่สร้างโลกขึ้นมาเองนั้นง่าย เพราะไม่ต้องห่วงเรื่องกฎเกณฑ์ในโลกความเป็นจริงเท่าไร แต่จริงๆ แล้วโลกของนิยายแฟนตาซีก็เป็นอีกโลกนึงที่มีกฎในตัวมันเองเหมือนกัน ดังนั้นการสร้างโลกใหม่ของเราเองจึงยากกว่าการเขียนจากโลกที่เรารู้จักกันดี เยี่ยม
0
กำลังโหลด
om-let Member 13 ต.ค. 57 21:08 น. 10

ผมชอบข้อ10กับ14

มันเป็นอะไรที่ช่วยงานเขียนผมได้ดีทีเดียว

ผมคิดว่าสิ่งที่นักเขียนควรคิดและไม่ควรลืมคือ "เราเขียนในสิ่งที่เราอยากอ่าน"

เพราะผมไม่เคยชอบเรื่องเศร้า ขมขื่น สลด ใจสลาย ผมเลยไม่เขียนมัน

อีกความคิด

ผมคิดว่านักเขียนไม่ควรเขียนเพื่อ"ขาย" ผมคิดว่านิยายดีๆถึงไม่ตีพิมพ์มันก็ไม่ลดค่าลง

อีกอย่าง อย่าคิดว่า"ตัน" เพราะแรงบันดาลใจรอบด้านรอให้คุณสร้างผลงานอยู่

0
กำลังโหลด
black.rainbow Member 5 ก.ย. 57 20:06 น. 2

อ่าน อ่าน อ่าน ผมชอบข้อนี้นะ นักเขียนหลายคนที่โด่งดังมักจะมีข้อนี้ประจำตัว เหมือนเตือนตัวเองเสมอว่างานเขียนต้องพัฒนาต่อไป เปิดโลกตัวเองด้วยการมองโลกของคนอื่น ผมยังนึกบ่อยๆ ถึงหน้านักเขียนดังๆ ที่ได้อ่านผลงานนักเขียนคนเจ๋งๆ แล้วตบเข่าฉาด รู้สึกมีไฟขึ้นมาทันที

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด

12 ความคิดเห็น

Chanyanuch Member 5 ก.ย. 57 17:41 น. 1

อยากอ่านนิยายของสตีเฟ่น  คิง  

ตอนนี้ยังมีฉบับแปลภาษาไทยขายเหรอเปล่า

มีหลายเรื่องเอาไปสร้างเป็นภาพยนตร์มาแล้วและดังมากๆ  แต่ไม่เคยหามาดู

2
black.rainbow Member 5 ก.ย. 57 19:52 น. 1-1
มีเยอะเลยครับ ในงานสัปดาห์หนังสือจะมีทุกปี คุณสุวิทย์ ขาวปลอด แปลไว้หลายเล่ม แต่ละเล่มหนาๆทั้งนั้น สั่งซื้อออนไลน์ก็มี แต่ตามร้านหนังสือจะไม่ค่อยเจอครับ
0
กำลังโหลด
black.rainbow Member 5 ก.ย. 57 20:06 น. 2

อ่าน อ่าน อ่าน ผมชอบข้อนี้นะ นักเขียนหลายคนที่โด่งดังมักจะมีข้อนี้ประจำตัว เหมือนเตือนตัวเองเสมอว่างานเขียนต้องพัฒนาต่อไป เปิดโลกตัวเองด้วยการมองโลกของคนอื่น ผมยังนึกบ่อยๆ ถึงหน้านักเขียนดังๆ ที่ได้อ่านผลงานนักเขียนคนเจ๋งๆ แล้วตบเข่าฉาด รู้สึกมีไฟขึ้นมาทันที

0
กำลังโหลด
Seesor [K : Viceroy] Member 5 ก.ย. 57 20:49 น. 3

นักเขียนที่ดีเหรอคะ...

1. การลอกงานคนอื่น เป็นสิ่งที่ไร้จรรยาบรรณอย่างยิ่ง :: มันสื่อถึงว่า คุณไม่สามารถคิดอะไรเองได้ ขนาดนิยายของคุณที่คุณจะเขียนเองแท้ๆ กลับเลือกจะลอกของคนอื่นไปเขียน คุณก็ไม่มีวันเขียนเป็น

2. อยากเป็นนักเขียนต้องเขียน :: ชอบมีคนถามว่าทำยังไงถึงจะเป็นนักเขียน อารมณ์ก็เหมือนทำยังไงถึงจะเป็นนักเรียน คุณก็ต้องเรียน คุณอยากเขียนก็ต้องเขียน ไม่ลองเขียนคุณก็ไม่รู้ว่านิยายเขียนยังไง ถ้ามัวแต่บ่นว่าอยากเป็นนักเขียนๆๆๆ แต่คุณไม่ได้เขียนเลย คุณก็เป็นเพียงนักบ่นนั่นแหละค่ะ

3. การใช้ภาษาวิบัติในนิยายแบบจงใจ ไม่ได้ทำให้นิยายคุณดูดี :: เอาจริงๆ ไหมคะ มันไม่น่าอ่านเลย เรากดปิดทันที ไม่อ่าน ไม่ยุ่ง นักเขียนคือผู้สื่อสารทางภาษาอีกประเภทหนึ่งเลยนะคะ ถ้าคุณสื่อสารไปผิดๆ สารที่ผู้อ่านได้รับก็ผิด มั่ว แล้วการอ่านก็เป็นการสร้างคนนะคะ หากคุณเขียนด้วยภาษาวิบัติ และเด็กที่ไม่รู้ประสีประสามาอ่าน ก็เท่ากับคุณสร้างเด็กให้ใช้ภาษาวิบัติตามคุณ (ไม่ได้หมายความว่าคุณวิบัติไม่ได้นะคะ แต่หมายถึงว่าไม่ควรวิบัติลงนิยาย)

4. นิยายทุกแนวจำเป็นต้องมีความสมเหตุสมผล :: ค่ะ ตามนั้นเลย โดยเฉพาะแฟนตาซี บางท่านคิดว่ามันคือจินตนาการ จะใส่มันลงไปยังไงก็ได้ โดยไม่คำนึงถึงหลักความเป็นจริง เอาง่ายๆ นะคะ หากพูดว่าคุณกระโดดตึกลงมา ทำไมคุณไม่ลอยไปในอากาศ แต่กลับโหม่งพสุธาแทนล่ะ? คุณก็จะมีคำตอบว่า ก็เพราะมันมีแรงโน้มถ่วงของโลกยังไงล่ะ นั่นแหละค่ะ ต่อให้นิยายของคุณจะแฟนตาซีขนาดไหนก็ต้องมีเหตุผลในตัวมันเอง อาจจะไม่ใช้เหตุผลในโลกของเรา แต่คุณอาจสร้างเหตุผลในโลกของคุณก็ได้ เช่น คุณแต่งให้ตัวละครกระโดดตึก แต่ตัวละครกลับลอยไปในอากาศแทน ทำไมล่ะ? อาจจะเพราะตัวละครมีปีกที่มองไม่เห็น อาจจะเพราะในชั้นบรรยากาศสูงๆ จะไม่มีแรงโน้มถ่วง ฯลฯ

5. อย่าไล่นักอ่าน เพราะคุณอาจจะไม่มีวันมีนักอ่าน :: นิยายบางคนอาจจะชอบประมาณว่า ถ้าไม่ชอบก็กดปิดไปซะ!! ใครรับไม่ได้ก็ออกไป! อันนี้ระวังนะคะ ถ้าใช้คำแรงมากๆ หรือบางคนไม่ชอบคำแบบนี้ (ซึ่งก็น่าจะมีเยอะ) ก็คงได้กดปิดไปจริงๆ สร้างยอดวิวการเข้ามาดูให้ช้ำใจเล่น แต่ไม่มีเม้นท์ ไม่มีแฟนคลับ เพราะคนที่น่าจะมาเป็นแฟนคลับได้หนีหายไปหมดแล้ว

6. คอมเม้นท์คือกำลังใจ แต่อย่าเรียกร้องมากเกินไป :: นักอ่านอาจจะไม่ชอบได้ค่ะ ถ้ามาบอกให้เขาเม้นท์ทุกตอน หรือแม้กระทั่งการขู่เข็ญ อาจจะมีการรำคาญหรือไม่พอใจกันได้ง่ายๆ 

7. อยู่บ้านใครก็ต้องใช้กฎบ้านเขา :: อันนี้สำหรับเรื่องการแบนนิยายโดยเฉพาะค่ะ หลายท่านชอบบ่นเรื่องการแบนเยอะมากกกก ทั้งๆ ที่เด็กดีก็มีกฎให้อ่านแล้วว่าทำยังไงได้บ้าง ทำอะไรไม่ได้บ้าง พอคุณฝ่าฝืนและโดนจัดการ คุณก็ไม่พอใจ บางรายถึงขั้นด่าพี่เว็บ ตรงนี้เราอยากให้นำใจเขามาใส่ใจเรานิดหนึ่งค่ะ เด็กดีเป็นเว็บที่เด็กก็เล่นกันไม่น้อย อะไรที่ไม่ดีต่อวัยนั้นหรือวัยนั้นต้องรู้ก่อนวัยอันควร มันก็ไม่ค่อยเหมาะสมนักหรอกค่ะ แถมอีกอย่างนะคะ พี่เว็บก็เหนื่อยค่ะ กับการตามแบน และคอยปลดแบน หรือแม้กระทั่งการต้องเสียน้ำใจกับที่คุณมาด่าเขา

และข้อสุดท้ายเป็นกำลังใจค่ะ

8. นักอ่านเงาเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทำให้นิยายดูลึกลับ (?) :: 555 นักอ่านเงาจะเป็นนักอ่านที่ซุ่มอ่านอย่างเดียว ไม่ชอบเม้นท์ค่ะ หลายท่านอาจจะท้อใจ ทำไมมีแต่วิว ไม่มีเม้นท์เลย... เราอยากบอกว่า นิยายมีคนอ่านยังดีกว่าไม่มีเลยนะคะ และอย่างน้อยก็ทำให้เรารู้ว่า ยังมีคนๆ หนึ่ง หรือสองคนสามคน ที่ติดตามนิยายของเราตลอดมา แม้ไม่ได้บอกว่าเขารู้สึกอย่างไร แต่คุณก็สัมผัสได้ถึงตัวตนของเขานะคะ ป.ล. แต่นักอ่านเงาเม้นท์สักตอนก็ดีนะคะ เดี๋ยวนักเขียนรอเก้อ 55555

ประมาณนี้มั้งคะ โอ้ว ทำไมยาว...

12
Tein Lon Story : ภัตตาคารมังกรสวรรค์ Member 5 ก.ย. 57 21:41 น. 3-1
อ่านแล้วได้ข้อคิดหลายๆ อย่างเลยครับ ขออนุญาตก็อบไปแปะในเฟสหน่อยนะครับ และจะใส่ เครดิตให้ด้วยพร้อมครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ
0
กำลังโหลด
Over Lord Member 6 ก.ย. 57 16:20 น. 4

อันนี้จำไม่ได้ว่าใครเคยเขียนหรือพูดไว้นะครับ แต่ชอบมาก... นิยายแฟนซี ยิ่งสมจริง ยิ่งแฟนซี!! ใครเอาความเป็นจริงมาบิดให้มันดูแฟนซี ใครคนอ่านแอบคิดในใจว่า "มันอาจจะเกิดขึ้นจริงก็ได้" นี่แหละแฟนซีแบบมีเหตุผล มันจะน่าติดตามกว่านิยายที่ไร้หลักการที่ดูเป็นความฝันแบบเด็กๆ ที่หลักการมันไม่มี

1
editor_nong Member 6 ก.ย. 57 21:59 น. 4-1
เป็นคำพูดที่ดีค่ะ หลายคนอาจจะะเข้าใจว่าการเขียนนิยายแฟนตาซีที่สร้างโลกขึ้นมาเองนั้นง่าย เพราะไม่ต้องห่วงเรื่องกฎเกณฑ์ในโลกความเป็นจริงเท่าไร แต่จริงๆ แล้วโลกของนิยายแฟนตาซีก็เป็นอีกโลกนึงที่มีกฎในตัวมันเองเหมือนกัน ดังนั้นการสร้างโลกใหม่ของเราเองจึงยากกว่าการเขียนจากโลกที่เรารู้จักกันดี เยี่ยม
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Eiyoshi Member 8 ก.ย. 57 21:01 น. 7

เออะ!เราก็ทำทั้งหมดน่ะยกเว้นการเขียนให้ในสามเดือนเราเขียนเรื่อง1 2ปี//คนที่อ่านนิยายเราอย่าเพิ่งทึ้งเราน่ะT^T

เราค่อนข้างมั่นใจว่านักอ่านเงาเขาไม่ได้ตั้งใจจะไม่เม้นหรอก..รู้สึกนอกเรื่องไม่มีอะไรมากมายแค่คอมเม้นไร้สาระอ่ะค่ข้ามๆๆๆๆเยี่ยมเยี่ยม

0
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
luszqse Member 17 ก.ย. 57 16:43 น. 9

                  ร่างสูงสง่าเจ้าของใบหน้างดงามราวรูปสลักของพระเจ้ามองภาพตรงหน้าด้วยแววตาเย็นยะเยือกเปรียบธารน้ำแข็งในเมืองหนาว ฝ่ามือขาวด้านไล้ตามผนังเก่าสีซีดพร้อมกับพ่นลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย เรียวขายาวในกางเกงแสล็คเดินเข้าไปใกล้เตียงนอนท่ามกลางกลิ่นเลือดที่โชยเข้าจมูกหนักยิ่งกว่าเก่า ร่างสูงปิดตาลง สถบคำหยาบออกมาแผ่วผ่านริมฝีปากสวยก่อนก้มมองรอยเลือดประปรายสีแดงฉ่านตัดกับสีขาวของผ้าปูที่นอนเสียเหลือเกิน

                ..ไม่มีใครอยากมาเหยียบที่นี้อีกเป็นครั้งที่สองหรอก

                ดวงตาสีเทาชาเหมือนโลหะขึ้นสนิมนั้นฉายแววเบื่อหน่ายออกมาอย่างปิดไม่มิด กวาดสายตาไปทั่วห้องก่อนหยุดไปที่หนังสือเล่มหนาบนเก้าอี้ไม้ที่เห็นตั้งแต่ย่างกรายเข้ามาครั้งแรก เดินเข้าไปใกล้มันอย่างเชื่องช้าก่อนใช้มือหนาบรรจงเปิดอ่านทีละหน้า ดวงตาคมงดงามนั้นไล่อ่านใจความของตัวอักษรไปเรื่อยๆก่อนแทบจะขว้างทิ้ง นี้มันนิยายรักน้ำเน่าค.ศ.ไหนกัน!

                ..แต่ก็ต้องจำใจวางลงเบาๆให้สภาพนั้นคงเดิมมากที่สุด

                เรือนร่างน่าสัมผัสใต้ชุดเสื้อยึดสีดำนั้นบิดไปมาอย่างนึกขี้เกียจ สายตาคมน่าหลงไหลนั้นจับจ้องไปที่หญิงสาวในกรอบรูปสวยบนโต๊ะไม้เก่าข้างเตียงเน่าเพื่อฆ่าเวลา ดวงตาสีน้ำตาลอัลมอนด์ของหล่อนฉายแววเศร้าเหลือเจือไปกับรอยยิ้มสดใสบนริมฝีปากอิ่ม ผมสีดำขลับม้วนลอนด์ขึ้นเป็นทรงสวยเข้ากันได้ดีกับใบหน้าเรียวงามเสียเหลือเกิน ถ้าไม่ติดที่ว่าเธอคนนั้นตายไปแล้วละก็ ..คงจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับเขาอยู่ไม่น้อย

                “ถ้าเธอไม่ออกมาภายในสิบวิหละก็ฉันจะออกไปจริงๆด้วย..”

                “..อย่าใจร้อนสิ”

                พูดไม่ทันจบประโยค เสียงหวานคล้ายปลอบประโลมก็ดังขึ้นกล่อมโสตประสาทของร่างสูงในทันทีพร้อมกับจอทีวีขาวดำรุ่นเก่านั้นฉายภาพขึ้นติดๆดับๆเหมือนโดนสัญญาณปริศนารบกวนตลอดเวลา ดวงตาคมเพ่งมองบนจอเปื้อนฝุ่นอย่างพินิจ มันปรากฎภาพหญิงสาวในรูปที่เขาจ้องเมื่อครู่ออกมาได้ไม่มีผิดเพี้ยน ..อาจจะต่างกันตรงที่ว่าในจอนั้นคล้ายกับว่าเธอมีชีวิต ..เธอขยับได้

                “อย่าทำเหมือนกับว่าฉันตกใจไม่เป็นหน่า เบลล่า..”

                “..พระเจ้า คนอย่างนายนี่นะตกใจ อย่าทำให้ฉันขำไปหน่อยนะที่รัก”

                หญิงสาวพูดเสียงหวานฉ่ำในขณะที่มือเรียวนั้นปิดปากเพื่อหัวเราะ ท่ามกลางร่างสูงที่มองภาพนั้นอย่างไม่สบอารมณ์ มือหนาหยิบสิ่งของมากมายออกมาจากกระเป๋าเป้สภาพหลังก่อนวางมันไว้บนเตียงเปื้อน ในขณะที่หญิงสาวนั้นมองตามอย่างสนอกสนใจ

                “ถ้าจะไม่ว่าอะไรนะพอล ฝากเอาผ้าปูที่นอนฉันไปซักด้วยสิ แล้วรอบหน้าก็ฝากซื้อเสื้อผ้าค็อลเล็คชั่น..”

                “หยุด ฉันจะไม่มีเหยียบที่นี้เป็นครั้งที่สามแน่”

                 ร่างสูงเอ่ยอย่างปลงๆ พลางนึกถึงเหตุการณ์ที่ทำให้เขาต้องมาอยู่สภาพนี้ พอลจำได้ดีว่าวันนั้นขณะที่มารับเพื่อนออกจากโรงพยาบาลแห่งนี้ สายตาเจ้ากรรมดันไปสะดุดเห็นร่างเล็กของเบลล่านั้นกำลังทะลุกำแพงเข้าไปในห้องเก่าๆติดป้ายห้ามเข้า และก็คงโทษอะไรไม่ได้นอกจากความอยากรู้อยากเห็นจึงแอบงัดตามเข้าไปจนเจอกับเรื่องๆบ้าๆ ให้ตายเถอะ เจอผีตัวเป็นๆยังไม่พอยังถูกใช้ซื้อนู้นซื้อนี้อีก มันน่านัก!

                ..โทษใครไม่ได้นอกจากตัวเองแหละพอลเอ้ย

               

               

                

T A L K

เกิน 30 บรรทัด... 

นอกจากจะไม่หลอนแล้วพล็อตยังงี่เง่ามาก 5555555

0
กำลังโหลด
om-let Member 13 ต.ค. 57 21:08 น. 10

ผมชอบข้อ10กับ14

มันเป็นอะไรที่ช่วยงานเขียนผมได้ดีทีเดียว

ผมคิดว่าสิ่งที่นักเขียนควรคิดและไม่ควรลืมคือ "เราเขียนในสิ่งที่เราอยากอ่าน"

เพราะผมไม่เคยชอบเรื่องเศร้า ขมขื่น สลด ใจสลาย ผมเลยไม่เขียนมัน

อีกความคิด

ผมคิดว่านักเขียนไม่ควรเขียนเพื่อ"ขาย" ผมคิดว่านิยายดีๆถึงไม่ตีพิมพ์มันก็ไม่ลดค่าลง

อีกอย่าง อย่าคิดว่า"ตัน" เพราะแรงบันดาลใจรอบด้านรอให้คุณสร้างผลงานอยู่

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Feungfuu Member 3 ก.พ. 59 15:23 น. 12
ตอนนี้กำลังทำเหมือน ข้อ1 การเขียนนิยายคือการเล่าเรื่องหนึ่งให้คนอ่าน และข้อ 4 ก่อนเขียนนิยายก็กลัวก่อนที่จะเกิดเหมือนกัน ต้องขจัดความกลัว ดึงเสน่ห์ความมั่นใจมาใส่ในนิยายให้ได้มากที่สุด
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด