เจ้าหญิงผู้เลอโฉม นักเขียนที่ได้ตีพิมพ์ผลงานครั้งแรกเมื่ออายุ 12 ปี!



เจ้าหญิงผู้เลอโฉม
นักเขียนที่ได้ตีพิมพ์ผลงานครั้งแรกเมื่ออายุ 12 ปี!

 
สวัสดีค่ะน้องๆ นักอ่านนักเขียนเด็กดี คอลัมน์พบปะพูดคุยสัปดาห์นี้พี่อรจะพาน้องๆ ไปทำความรู้จักกับ นักเขียนหน้าตาน่ารักอย่างสาว "อาย" หรือที่หลายๆ คนรู้จักกันดีในชื่อ "เจ้าหญิงผู้เลอโฉม" นักเขียนสังกัดบ้านสีส้มที่ล่าสุดเพิ่งจะมีผลงานเรื่องใหม่ Dare To Kiss รักแรงร้าย ผู้ชายอันตราย!  แอบบอกเลยว่าความรู้สึกนึกคิด ตลอดจนเรื่องราวในชีวิตของนักเขียนรับเชิญคนนี้ช่างน่าสนใจ ตรงไหนน่ะหรอคะ ก็จะมีสักกี่คนกันที่คิดและลงมือทำนิตยสาร (ทำมือ) ขายเองตั้งแต่ตอนอยู่ประถม แถมยังมีผลงานตีพิมพ์จริงจังตั้งแต่ตอนอายุแค่ 12!!! (และ ณ วันที่เธอมาคุยกับพี่อร เป็นปีที่ 12 ที่เธอเข้าวงการหนังสือ แหม่ อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น!!) รู้อย่างนี้แล้วพี่อรก็อดที่จะชวนเธอมาเม้ามอยเพื่อขอให้บอกเล่าประสบการณ์ในฐานะนักเขียนรุ่นพี่ไม่ได้ ส่วนเธอจะว่ายังไงบ้างนั้น ตามมาอ่านกันเลยดีกว่าค่ะ
 
 "เจ้าหญิงผู้เลอโฉม" สวยสมนามปากกาไหมคะ 
 
อยากรู้จักสนิทสนิมมากกว่านี้อีก... เล่าเรื่องตัวเองให้ฟังสักนิดสิคะ 
เจ้าหญิงผู้เลอโฉม: สวัสดีค่า ชื่ออายนะคะ จบจากคณะวารสารศาสตร์ภาคอินเตอร์ มหาลัยธรรมศาสตร์ค่ะ ตอนม.ปลายเรียนสายศิลป์ภาษาญี่ปุ่นที่โรงเรียนเตรียมอุดม ตอนนี้เรียนภาษาญี่ปุ่นอยู่ที่โอซาก้า แล้วก็เป็นนักเขียนนิยายนามปากกา “เจ้าหญิงผู้เลอโฉม” จากสำนักพิมพ์แจ่มใสค่า ^^ 

ถึงจะใช้นามปากกาอย่างนี้แต่ตัวจริงก็เป็นแค่คนธรรมดาเท่านั้นนะคะ เป็นเด็กธรรมดาที่มีความกังวล มีความกลัว มีความรัก มีความเศร้า มีความสุขเหมือนคนอื่นค่ะ และที่สำคัญคือเป็นเด็กน้อยที่รักการอ่านนิยายมากกก สำหรับเรื่องการเขียน เจ้าหญิงผู้เลอโฉมชอบเขียนมาตั้งแต่เด็กค่ะ สมัยประถมที่ยังไม่ได้เป็น “เจ้าหญิงผู้เลอโฉม” เลย ตอนนั้นเขียนแมกกาซีนกอสสิปเม้ามอยเพื่อนในห้อง (เพื่อนในห้องมันก็ยังเอามาเขียนเม้าท์ได้) ปริ้นท์จากบ้านและไปซีร็อกซ์ขายเพื่อนเล่มละสิบบาทถ้วน มีคิดแบ่งเป็นคอลัมน์ๆ ด้วยนะเออ มีคอลัมน์การเรียนการศึกษา ที่จะไปอ่านเรื่องนั้นเรื่องนี้ หรือดูสารคดีนั่นนี่นู่นแล้วก็จับมาเขียน คอลัมน์เม้าท์มอย คอลัมน์เรื่องตลก คอลัมน์ภาษาอังกฤษมีหมดค่ะ เขียนได้เป็นเล่ม ถ้าจำไม่ผิดน่าจะรายสัปดาห์ มีคนรออ่านเพียบเลยนะเออ (นึกถึงตอนนั่งเขียน นั่งปริ้นท์ ซีร็อกซ์ แล้วมาเย็บเล่มก็ตลกดีเหมือนกัน เด็กอะไรทำนิตยสารตั้งแต่ยังไม่รู้เรื่อง แถมยังขาดทุนยับอีกต่างหาก)
 
แล้วนามปากกา "เจ้าหญิงผู้เลอโฉม" ได้มาจากไหน 
เจ้าหญิงผู้เลอโฉมมาถึงขั้นตอนคิดนามปากกาละบอกตามตรงว่าตอนนั้น... ไม่ได้คิดค่ะ 555 เพราะไม่เคยคิดว่าจะกลายเป็นนักเขียนได้ตีพิมพ์ผลงานอะไร แค่อยากโพสต์ที่ตัวเองเขียนให้คนอื่นลองอ่านดูเท่านั้นเอง เพราะคิดว่าเขียนเองอ่านเองก็ไม่สนุกเท่าไหร่ อยากรู้ด้วยว่าตัวเองเขียนเป็นไงบ้างก็เลยตัดสินใจไปโพสต์ค่ะ ดังนั้น... เรื่องนามปากกาตอนโพสต์อันแรกสุดเลยใช้ว่า "สาวสวยสุดโหด" =___= อยากย้อนเวลากลับไปถามตัวเองในอดีตเหมือนกันว่าคิดอะไรอยู่ถึงใช้นามปากกาแบบนี้ 555+ แต่ให้อภัยตัวเอง (ในอดีต) เพราะหลังจากนั้นไม่นานนางในอดีตก็เปลี่ยนเป็น "เจ้าหญิงผู้เลอโฉม" ค่ะ (แน่ใจนะว่าดีแล้ว 555) คือคิดว่าอาจเพราะตอนนั้นอ่านการ์ตูนความรู้เรื่องอัตชีวประวัติเจ้าหญิงไดอาน่าแล้วชอบมากๆ ชื่นชมในความแกร่งและความสวยของเจ้าหญิงไดอาน่ามากๆ ก็เลยเกิดแรงบันดาลใจอยากจะเป็นเจ้าหญิงบ้างน่ะค่ะ ถึงหน้าจะไม่ให้ก็ตาม U_U
 
ปกสวยๆ ของ Dare To Kiss รักแรงร้าย ผู้ชายอันตราย!
 
Dare To Kiss รักแรงร้าย ผู้ชายอันตราย! กระแสตอบรับถือว่าดีมาก เรื่องนี้เติมเสน่ห์อะไรลงไปทำไมทำให้นักอ่านติดได้ขนาดนี้
เจ้าหญิงผู้เลอโฉมถ้าจะให้พูดก็คงเป็นทั้งความเป็น “เจ้าหญิงผู้เลอโฉม” แล้วก็ประสบการณ์ของเราล่ะมั้งคะ เพราะเวลาเราเขียนนิยายแต่ละเรื่องก็จะเริ่มจากการบิวท์อารมณ์ตัวเองให้เข้าที่ก่อน พอเข้าที่กดปุ่มสตาร์ทเริ่มเขียนเมื่อไหร่อารมณ์ก็จะไหลไปตามท้องเรื่องค่ะ เป็นคนที่อินกับเรื่องที่ตัวเองเขียนได้ง่ายมากเพราะกว่าจะเริ่มเขียนได้ก็ต้องบิวท์กันนาน เหมือนเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในนั้น เล่นเองแสดงเองจริงๆ แบบนั้นเลยค่ะ บวกกับความที่เขียนมานาน งานของเราก็คงจะโตขึ้นตามตัวตามวัยและตามประสบการณ์อย่างที่บอก ในชีวิตจริงก็เป็นคนชอบสังเกตอะไรรอบตัว ชอบฟังเรื่องราวต่างๆ จากคนมากมายเพื่อเอามาเสริมให้คาแร็คเตอร์ตัวละครของเรามีมิติมีหลายมุมมากขึ้นค่ะ 
 
เขียนนิยายมาหลายเรื่องขนาดนี้เคยตัน เขียนไม่ออกไหม แล้วจัดการกับอาการนี้ยังไง
เจ้าหญิงผู้เลอโฉม: บ่อยค่ะ ยิ่งเขียนมานานแล้วก็ยิ่งรู้สึกว่า โอย นี่ยังเหลืออะไรให้ฉันเขียนอีกบ้าง T_T ซึ่งจริงๆ แล้วมันมีค่ะ ถ้าเราตั้งสติ ปล่อยให้ใจว่างๆ ไม่ไปกดดันบีบคั้นอะไรมันมากเดี๋ยวมันก็จะออกมาเองค่ะ ทริคที่นักเขียนหลายคนใช้กันบ่อยก็คือ ไปอาบน้ำ ไปเดินเล่น หรือสำหรับเราบางทีก็จะไปขับรถเล่น ขับรถไปแบบไม่มีจุดหมาย ใช้เวลาอยู่กับตัวเอง ให้ตัวเองได้ปล่อยความคิดไหลไปเรื่อย เวลานั้นมันจะผุดมาเองค่ะ ^^ หรือถ้ายังไม่ออกจริงๆ ให้สวมร่างตัวเองเข้าไปในเรื่อง ไปเป็นนางเอกพระเอกหรือตัวละครในเรื่อง feel it สัมผัสมันให้ได้ด้วยตัวเองจริงๆ ทำให้ตัวเองเชื่อว่านี่คือเรื่องจริง ถามตัวเองว่าถ้าเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นเราจะทำยังไง ตัวละครตัวนี้จะทำยังไง คาแร็คเตอร์นี้นิสัยอย่างนี้น่าจะรู้สึกยังไง จะตอบยังไง ตอบแล้วจะเกิดผลกระทบอะไรขึ้นกับเรื่องบ้าง ฯลฯ ทำอย่างนี้บ่อยมากจนบางครั้งก็คิดว่าตัวเองบ้ารึเปล่าค่ะ 555 บางทีก็นั่งอยู่เฉยๆ เงียบๆ คนเดียว ใครถามอะไรก็ไม่ตอบ เพื่อนอาจจะคิดว่ายัยนี่บ้าไปแล้วก็ได้นะคะ 555 
 
คิดว่าอะไรคือสิ่งที่นักเขียนมือใหม่จำเป็นต้องมีมากที่สุด
เจ้าหญิงผู้เลอโฉม: ใจค่ะ ใจอย่างเดียวเลย เพราะนักเขียนมือใหม่อยู่กับตัวเองล้วนๆ ยังไม่มีอะไรการันตีเลยว่าจะได้ตีพิมพ์ ดังนั้นต้องใช้ใจอย่างเดียวเลย ต้องเชื่อว่าตัวเองจะทำได้ สั่งให้ตัวเองไปต่อให้ได้ค่ะ จากนั้นสิ่งที่ต้องทำก็คือคว้าโอกาสเอาไว้ เพราะมันไม่ได้พุ่งเข้ามาหาเราเองเสมอไป บางครั้งเราต้องวิ่งออกไปคว้ามัน ให้ยกตัวอย่างคือ การโพสท์เรื่องลงเว็บเด็กดี ก็เป็นช่องทางหนึ่งในการที่จะทำให้ผลงานของเราได้ออกไปสู่โลกกว้าง หรือการประกวดโครงการต่างๆ ของสำนักพิมพ์หลายๆ ที่ นี่ก็เป็นโอกาสได้พิสูจน์ตัวเอง ได้เสนองานตัวเองให้บรรณาธิการได้พิจารณา หรืออีกหลายๆ คนอาจจะเขียนจนจบแล้วส่งเข้าไปพิจารณาโดยตรงเลย นี่ก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งในหลายๆ ช่องทางที่เราต้องเลือกด้วยตัวเองว่าทางไหนเหมาะกับเราที่สุด อย่ากลัว อย่ารอ อย่าปล่อยให้โอกาสผ่านไปโดยไม่ได้คว้าไว้จนต้องมาเสียใจทีหลังนะคะ และถึงจะพลาดหวังก็อย่าหยุด เพราะชีวิตมันต้องเดินตามหาความฝันค่ะ ถึงจะเหนื่อยจะท้อ ก็ห้ามถอย ต้องไปต่อค่ะ ที่สำคัญคือต้องไม่หยุดพัฒนาตัวเอง ต้องไม่คิดว่างานฉันดีที่สุดแล้ว ดีกว่าใคร เพราะมีคนชมว่ามันสนุก เราต้องคิดว่าเรายังไปต่อได้อีก ยังเขียนให้ดีกว่านี้ได้อีก ยังทำให้สนุกกว่านี้ได้อีก เพราะเมื่อไหร่ที่เราเอาอีโก้ตรงนั้นมาบังตา เราก็จะหยุดพัฒนาอยู่แค่นั้นแล้วสุดท้ายก็จะถูกคนอื่นแซงหน้าเอาได้ง่ายๆ ค่ะ 
 
สวยตลอด ><
 
ส่วนตัวมีวิธีพัฒนางานเขียนของตัวเองยังไงบ้าง
เจ้าหญิงผู้เลอโฉม: สำหรับเราเองคือคิดอยู่เสมอว่างานเรายังมีจุดให้พัฒนาต่อได้ ตรงนี้ดีแล้ว แต่ยังดีกว่านี้ได้ จุดนี้ยังไม่ดี ก็สามารถปรับอย่างนั้นอย่างนี้ได้ ทุกวันนี้เวลาเขียนนิยายก็ยังมีกังวลนะคะ ว่าจะสนุกมั้ย จะดีมั้ยนะ ไม่มั่นใจในตัวเองเหมือนกัน เพราะเขียนเองจริงๆ ก็ไม่รู้หรอกว่าสนุกมั้ย ที่ทำได้ก็มีแค่ทำให้เต็มที่ สนุกกับมันให้สุดๆ เท่านั้นค่ะ
 
อีกอย่างคือมักจะลองอะไรใหม่ๆ อยู่เสมอเพื่อท้าทายตัวเอง ใช้ทั้งประสบการณ์ที่สั่งสมมา และมักจะคอยสังเกต มองดูสิ่งรอบตัว รับฟังคำพูดของคนรอบข้างอยู่เสมอ เพราะคนเรามีหลายมุม การไม่เปิดรับสิ่งอื่นๆ แล้วเขียนจากความคิดของตัวเองเพียงอย่างเดียวอาจทำให้นิยายของเราแบน ไม่หลากหลายได้ แต่ถ้าเราสังเกตสิ่งรอบตัวอยู่เสมอ มันก็จะทำให้คาแร็คเตอร์ตัวละครในนิยายเรามีมิติมากขึ้นอย่างที่เคยบอกไป จุดเล็กๆ น้อยๆ บางครั้งมันก็ทำให้นิยายของเราแตกต่างจากคนอื่นได้ค่ะ
 
เรื่องคอมเมนต์ของนักอ่านก็รับฟังอยู่เสมอค่ะ เพราะบางครั้งเวลาเราเขียน เราจะติดนิสัยบางอย่างในการเขียนและอาจทำให้นิยายดรอปลงได้ ตรงจุดนี้เราก็จะเอามาปรับในเรื่องต่อไป แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่ห้ามหายไปเลยก็คือความเป็นตัวเราค่ะ คิดว่านักเขียนนิยายทุกคนมีแนวและความชอบความถนัดของตัวเอง สิ่งนี้เป็นเหมือนลายเซ็นที่จะติดไปในผลงาน ทำให้นักอ่านรู้ว่านี่คืองานของนักเขียนคนนี้นะ ตรงนี้ห้ามหายไปเด็ดขาดค่ะ ไม่ว่าจะอยากเขียนงานที่สนุกตรงตามความต้องการของนักอ่านแค่ไหนยังไงก็ห้ามลืมว่าตัวเราเป็นใครเด็ดขาดค่ะ
 
และสุดท้ายสิ่งที่คิดอยู่เสมอคือ เราจะไม่คิดว่าตัวเองเก่งแล้ว ดังแล้ว งานเราดีสุดแล้ว เพราะเมื่อไหร่ที่คิดอย่างนั้นก็จะจบทันทีค่ะ เพราะถ้าเราคิดว่าเราเจ๋งสุดแล้วงานของเราก็จะไม่พัฒนาไปไหน หยุดอยู่กับที่แน่นอนค่ะ 
 
คิดว่าอะไรคือแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้เจ้าหญิงผู้เลอโฉมมายืนอยู่ตรงจุดนี้
เจ้าหญิงผู้เลอโฉม: มีเหมือนกันนะคะโมเมนท์ที่อยากจะหยุด ที่คิดว่าเหนื่อย เดินต่อไปไม่ไหวแล้ว ไม่รู้ว่าจะไปต่อทำไม จะไปหาอะไร ไปแล้วจะเจออะไร ถ้าไปแล้วหลงทางจะทำยังไง หยุดดีมั้ย? คำถามพวกนี้มีมาหลายครั้งตลอดเวลาสิบสองปีที่เขียนนิยายมา ซึ่งส่วนตัวคิดว่าถ้าหากเราปล่อยให้เวลาและประสบการณ์ทำให้ตัวตนของเราหายไป ความเป็น “เจ้าหญิงผู้เลอโฉม” เมื่อสิบสองปีก่อนก็อาจจะหายไปด้วย เมื่อไหร่ที่มันหายไปทั้งความฝันและพลังใจเราก็จะหายไปด้วย เหมือนหมดเป้าหมายให้ไปต่อ ในเวลาแบบนั้นเราจะบอกตัวเองเสมอว่าหัวใจของนักเขียนนั้นแข็งแกร่งที่สุดในตอนที่เขาเริ่มจับปากกาเขียนเป็นครั้งแรก ณ เวลาที่มีแรงขับเคลื่อนเป็นความเชื่อที่อยากจะทำให้ฝันเป็นจริง ตอนที่เป้าหมายชัดเจนที่สุดว่าอยากจะ “เขียนนิยาย” ดังนั้นเวลาที่ปัจจัยอื่นๆ รอบตัวมันทำให้เป้าหมายเราเบลอ ไม่ชัดเจน ทำให้ท้อแท้หมดกำลังใจ เราก็มักจะมองย้อนกลับไปแล้วก็นึกถึงความรู้สึกในตอนนั้นขึ้นมาอีก นึกให้ออกว่าตอนนั้นเรารู้สึกยังไง วันแรกที่ได้จับหนังสือที่ตัวเองเขียนเรารู้สึกยังไง วันแรกที่ไปร้านหนังสือแล้วเห็นคนหยิบหนังสือเรา... เรารู้สึกยังไง นึกถึงความรู้สึกตื้นตันเหมือนน้ำตาจะไหลออกมาในตอนนั้น แล้วแรงใจก็จะมาทุกครั้งค่ะ มันทำให้เรานึกออกว่าจริงๆ แล้วเรารักการเขียนนิยายมากแค่ไหน ว่ามันคือชีวิตของเรานะ ต่อให้มีอุปสรรคหนักหนาแค่ไหนยังไงก็ต้องลองสู้ดูสักตั้ง ถ้าสู้แล้วมันจะแพ้ก็ให้มันรู้ไป แต่เราเชื่อว่าเราไม่แพ้ เพราะเราก็รักการเขียนนิยายไม่น้อยไปกว่าใครแน่นอนค่ะ 
ถ่ายคู่กับซากุระ ความสวยสูสีนะ (ขอ 20 อะล้อเล่น!)
 
มีนักเขียนหลายคนเคยบอกว่า “คนจะเป็นนักเขียนต้องอาศัยความอดทน” ส่วนตัวคิดเห็นยังไงกับประโยคนี้
เจ้าหญิงผู้เลอโฉมคิดว่าที่จริงแล้วอาชีพไหนก็ต้องอดทนทั้งนั้นค่ะ แต่ในที่นี้ขอพูดถึงแค่กรณีนักเขียนแล้วกันนะคะ จากการเป็นนักเขียนมาสิบกว่าปี (พูดแล้วฟังดูแก่จัง) ทำให้ได้รู้ว่าอาชีพนี้เป็นอาชีพที่ต้องอยู่กับตัวเอง ต้องตัดตัวเองออกจากโลกภายนอกและโฟกัสอยู่กับเรื่องราวที่อยู่ในหัวของเราเอง เมื่อเกิดปัญหาขึ้นมาก็ต้องแก้มันให้ได้ในหัวของตัวเอง เถียงกับตัวเอง กรี๊ดกับตัวเอง ทั้งหมดจะเกิดขึ้นในหัวและจบลงในหัว คือเราต้องหาทางออกให้ได้ด้วยตัวเอง และปัญหาส่วนใหญ่คนอื่นแก้ให้เราไม่ได้ซะด้วย เพราะงั้นตัวเองจึงเป็นที่พึ่งของตัวเองซะส่วนใหญ่ อาจเป็นงานที่ดูเหมือนสบาย เพราะไม่ต้องออกไปไหน แค่นั่งอยู่หน้าคอม แต่เพราะอย่างนี้แหละมันถึงยาก เราจะทำยังไงให้เราสามารถนั่งอยู่กับที่ได้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน? เมื่อลองเขียนจริงจะรู้เลยว่าการเขียนนิยายหนึ่งเล่มใช้เวลาไม่น้อย ถ้าจะพูดให้ถูกคือใช้เวลานานมาก ต้องอยู่กับตัวเองนานมาก วันละหลายชั่วโมง ต้องตั้งสมาธิ อยู่กับโลกของตัวเอง เรื่องในหัวมันไปกว่ามือเราที่เขียนออกมาอยู่แล้ว ทั้งยังต้องคิดถึงคำพูดที่จะเขียนลงไป จะดำเนินเรื่องยังไงให้ไปต่อได้สมูธ บางครั้งเรื่องที่เขียนไปแทบไม่เหมือนกับที่คิดไว้ล่วงหน้าในหัวเลยสักนิดก็มีเหมือนกัน หรือบางทีมีตัวเลือกให้เลือกเขียนหลายอย่างมากไปก็คิดไม่ตกว่าทางไหนดีสุด ซึ่งจะปรึกษาใครก็ได้ แต่สุดท้ายแล้วเราก็ต้องเป็นคนเลือกเองอยู่ดี และกว่ามันจะจบถึงคำว่า The End ได้… ไม่มีใครรู้ว่ามันจะใช้เวลาเท่าไหร่ ซึ่งถ้าเราไม่มีวินัย... มันก็จะไปไม่ถึง
 
ลองนึกภาพมองไปข้างหน้าแล้วเห็นแต่ทะเลไม่เห็นฝั่งสักที พายเท่าไหร่ก็ไม่ถึงสักที มันก็จะท้อเอาได้ง่ายๆ นั่นคือเวลาที่เราต้องมีความอดทน อดทนนั่งเขียนให้จบ มีความรับผิดชอบต่อเรื่องราวและตัวละครที่เราสร้างขึ้น เขาเกิดมาแล้วด้วยมือของเรา ยังไงเราก็ต้องไปส่งเขาให้ถึงฝั่งค่ะ 
 
มีน้องๆ นักอยากเขียนหลายคน มักจะรู้สึกว่าเขียนเท่าไรก็ไม่ไปไหนสักที มองไม่เห็นอนาคต จะเลิกดีไหม ในฐานะนักเขียนรุ่นพี่มีอะไรจะบอกกับพวกเขาบ้าง
เจ้าหญิงผู้เลอโฉม: หลายครั้งที่มีแค่ความรักก็ไม่พอจะต้องอาศัยความอดทนขั้นสูงในการที่จะผ่านพ้นช่วงเวลาที่เรียกว่า "การฝึกฝน" และ "การค้นหาตัวเอง" ไปให้ได้
 
“เลิกดีไหม ทำไมไปไม่ถึงสักที...?” เชื่อว่ามีหลายคนที่กำลังพยายามเขียนอยู่เคยถามตัวเองแบบนี้ลึกๆ ในใจ ถ้ามาถึงจุดนึงที่เราคิดว่าพยายามอย่างถึงที่สุดแล้วแต่ทำยังไงก็ทำไม่ได้เสียที ทำไมคนอื่นเค้าเขียนได้แต่ทำไมเรายังเขียนไม่ได้ ทำไมเรายังดิ้นรนขลุกขลักอยู่ที่เดิม ทำไมได้แต่มองขึ้นไป ทำไมเอื้อมมือไปไม่ถึง ทำไมยิ่งเดินไปยิ่งไกลห่าง... ไม่ผิดค่ะ ที่จะถามตัวเองด้วยประโยคนี้ แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่มีใครตอบคำถามนี้ได้นอกจากตัวเอง
 
เรายอมรับไปแล้วเมื่อกี้ว่าเราก็มีช่วงเวลาอ่อนแอคิดจะหยุดเขียนเหมือนกันเพราะเขียนเท่าไหร่ก็ไม่สนุก เขียนยังไงก็ไปต่อไม่ได้ ไม่ว่าจะด้วยพล็อต ด้วยสำนวน ด้วยภาษา ด้วยการดำเนินเรื่อง ในตอนนั้นจู่ๆ การเขียนนิยายก็ดูยากเย็นมืดมน ขมขื่นขึ้นมาในทันทีเปิดคอมเปิดไฟล์นิยายขึ้นมาก็รู้สึกว่างเปล่า... เสียใจมาก เพราะมันคือสิ่งที่รักแต่กลับเขียนไม่ได้ดั่งใจ จะกลับดีไหม...?
 
เชื่อว่านักเขียนหลายคนผ่านจุดนี้มาหลายครั้งในชีวิตการเป็นนักเขียน เพราะอย่างที่บอกมันคืองานที่ต้องอยู่กับตัวเอง พึ่งตัวเอง ขึ้นตรงกับจินตนาการของตัวเองล้วนๆ ดังนั้นเมื่อมีแค่เรา จึงไม่แปลกที่บางครั้งจะรู้สึกเดียวดาย รู้สึกเหนื่อยล้า บางทีก็เก็บกดเพราะไม่สามารถอธิบายให้ใครเข้าใจความรู้สึกนี้ได้ เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้าใจ แม้กระทั่งนักเขียนด้วยกันเอง ดังนั้นสิ่งหนึ่งที่เราต้องคำนึงถึงอยู่เสมอก็คือความรู้สึกแรกที่ทำให้เราเริ่มเขียน ต้องจำไว้เสมอว่านี่คือทางที่เราเลือกเดินมาเอง ไม่ได้มีใครสั่งให้มา เราทำเพื่อตัวเอง เพราะนี่คือสิ่งที่เรารัก จำไว้ว่าเรามาถึงตรงนี้แล้วนะ เราจะหยุดได้ยังไงกัน เราต้องไปต่ออีกสิ ยังมีเรื่องที่อยากเขียนอีกตั้งเยอะ ถึงจะต้องเขียนไปร้องไห้ไปก็ต้องเขียน เพราะเราสัญญาว่าปลายทางที่รออยู่มันจะทำให้เรายิ้มได้แน่นอน จริงอยู่ว่ามันยาก มันไม่ง่าย ไม่ง่ายแน่นอนอยู่แล้ว ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ แต่ก็ไม่มีอะไรยากเกินความพยายามเช่นกัน
 
มีหลายต่อหลายคนที่เราเคยรู้จัก ที่บอกว่าอยากจะเขียนนิยาย แล้วเราก็คอยเฝ้ามองเขามาตลอด เห็นความพยายามของเขามาตลอด เลยรู้ว่าเขาพยายามมามากกว่าใคร แล้วก็ผิดหวังมาหลายครั้ง เรารู้สึกได้ว่ามีบางครั้งที่เขาอยากหยุด เพราะความจำเป็นหลายอย่างในชีวิต ที่ทำให้บางครั้งหลายคนต้องล้มเลิกความฝันไปกลางคัน แต่น้องคนนี้เขาไม่เคยหยุด เขายังพยายามเริ่มใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า จนแม้แต่เราเองก็ยังนับถือในความพยายามตรงนั้นของเขา เขาท้อ แต่เขาไม่เคยถอย และสุดท้ายวันนี้เขาก็ทำสำเร็จแล้ว ขอไม่เอ่ยชื่อ แต่คิดว่าถ้ามาอ่านเขาคงรู้ เพราะเราผ่านอะไรมาด้วยกันหลายอย่าง น้องเขาเองก็ช่วยเราไว้หลายครั้ง เหมือนเป็นเพื่อนนักเขียนที่เข้าอกเข้าใจกัน รู้สึกดีใจกับเขามาก และอยากให้อีกหลายๆ คนที่ยังไล่ตามความฝันอยู่ได้ทำให้ความฝันเป็นจริงสักวันเหมือนน้องคนนี้ด้วยค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ 
 
นี่นักเขียนหรือนางแบบ สวยสมชื่อนามปากกาจริงๆ
 
ฝากข้อคิดหรือคำแนะนำให้น้องๆ นักอยากเขียนสักหน่อย
เจ้าหญิงผู้เลอโฉม: อยากบอกว่าพี่เข้าใจความรู้สึกของน้องๆ อาจไม่ทั้งหมดแต่อย่างน้อยก็เข้าใจว่าต้องผ่านอะไรบ้าง ยุคสมัยอาจเปลี่ยนไป แต่พี่คิดว่าคนที่มีความฝันจะต้องเข้าใจกันเนาะ มันอาจจะยาก อาจจะมองไปไม่เห็นทาง อาจจะโดนคนสบประมาทหรือขู่อะไรต่อมิอะไรมากมาย พี่เองก็จะไม่บอกว่ามันง่าย มันสวยงาม มันมีกลีบกุหลาบโปรยอยู่บนถนนให้น้องเดิน เพราะความเป็นจริงมันโหดร้าย ไม่ใช่ทุกคนที่จะทำตามความฝันได้ แต่พี่เชื่อว่าถ้าพยายามแล้วมันจะไม่มีอะไรยากเกินไป หรือต่อให้สุดท้ายมันไม่สำเร็จ เราก็จะได้ภูมิใจว่าครั้งหนึ่งเราเคยได้ทำตามความฝันนะ และระหว่างทางไล่ตามความฝันเราก็จะได้อะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย ทั้งประสบการณ์ ทั้งความสนุก ทั้งเพื่อนที่จะหัวเราะและร้องไห้ไปพร้อมกับเรา พี่เองก็ได้เจอเพื่อนนักเขียนที่จากนี้ไปก็คิดว่าจะเป็นเพื่อนกันไปจนตายเหมือนกัน หลายสิ่งที่เจอระหว่างทางบางครั้งก็สำคัญไม่แพ้จุดหมายปลายทางนะคะ ต่อให้หยุดเอากลางทางก็ไม่เป็นไรเพราะถือว่าเราได้พยายามแล้ว ขอแค่เลือกทางที่เราจะไม่เสียใจภายหลังก็พอค่ะ ^^ เป็นกำลังใจให้ทุกคนเลยนะคะ
 
"หัวใจของนักเขียนนั้นแข็งแกร่งที่สุดในตอนที่เขาเริ่มจับปากกาเขียนเป็นครั้งแรก" 

โอ้ย... โดนไปอีก ประโยคนี้ทำให้พี่อรต้องกลับมาย้อนนึกถึง
ความรู้สึกครั้งแรกที่เริ่มเขียนงานกันเลยทีเดียว เออ... มันทำให้รู้สึกมีพลังขึ้นจริงๆ นะคะ 
 แล้วน้องๆ ล่ะยังจำวันแรกที่เริ่มเขียนนิยายได้หรือเปล่า ตอนนั้นรู้สึกยังไงบ้าง
มาบอกเล่าความรู้สึกช่วงเวลานั้นกันหน่อยดีไหมคะ

และแน่นอนสัปดาห์นี้พี่อรก็ยังคงสนับสนุนให้ทุกคนรักการอ่าน
ด้วยการชวนมาเล่นเกมสนุกๆ ลุ้นรับหนังสือดีๆ กันเช่นเคย 
รอบนี้เรามาแชร์ประสบการณ์ความรู้สึกให้เหมือนเราได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น 
เพียงแค่น้องๆ บอกว่า 
"ในวันที่ชีวิตรู้สึกท้อ มีวิธีจัดการกับความรู้สึกนั้นอย่างไร"

ผู้โชคดีจากการสุ่ม 3 ท่าน จะได้รับหนังสือเรื่อง 
"Dare To Kiss รักแรงร้าย ผู้ชายอันตราย!"
ผลงานล่าสุดของ เจ้าหญิงผู้เลอโฉม ไปอ่านกันถึงบ้าน


แล้วมาร่วมสนุกกันเยอะๆ นะคะ
#อยากอ่านมาก #อยากแจกมาก
ประกาศผู้โชคดีได้รับรางวัล
Dare To Kiss รักแรงร้าย ผู้ชายอันตราย!
ได้แก่
 
1. Foun
2. Seimanond21
3. คนธรรมดาผู้รักในการแต่งนิยาย
สำหรับผู้ได้รับรางวัลกรุณาส่ง ชื่อ-นามสกุล (นามแฝง) พร้อมที่อยู่ในการจัดส่ง 
ระบุว่าได้รับรางวัลหนังสือ "
Dare To Kiss รักแรงร้าย ผู้ชายอันตราย!"
มาที่อีเมล์ atcharawadi@dek-d.com

ทางทีมงานจะจัดส่งรางวัลไปให้อ่านถึงที่บ้านเลยค่ะ ^ ^

(หมดเขตรับของรางวัล ในวันจันทร์ ที่ 1 ธันวาคม 2558)

 
พี่อร
^_______________^

 
'อคิราห์' นักเขียนติสท์เว่อร์ที่เรายินดีแนะนำ!
พี่อร
พี่อร - Writer Editor คอลัมนิสต์ผู้เชื่อว่านิยายคือเพื่อนแท้ และเห็นอาหารการกินเป็นเรื่องของความสุข

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

The Pandora Princess Member 14 พ.ย. 58 17:35 น. 2

ตอนที่ท้อ.....จะสูดลมหายใจเข้าลึกๆค่ะ นั่งลงบนเตียงพร้อมหนังสือดีๆสักเล่ม อ่านไปเรื่อยๆจนความเครียดหมดไป แล้วก็จะมองย้อนว่าตัวละครเรื่องนี้เค้ามีวิธีแก้ปัญหาของเค้ายังไง เค้าทำได้ แล้วเราจะทำได้ไหม.... บางทีการอ่านจะทำให้เราได้สัมผัสความรู้สึกของการผ่านปัญหาหนักๆด้วยการรับรู้เรื่องราวที่หนักกว่าเรา มันจะเป็นสิ่งที่สะท้อนว่า ปัญหานี้ไม่ได้ใหญ่ที่สุดในชีวิตเราค่ะ

0
กำลังโหลด
Packkyamalone Member 15 พ.ย. 58 15:28 น. 43

ในวันที่รู้สึกท้อ เราจะอยู่กับตัวเองค่ะ จะคิดทบทวนเรื่องๆต่าง 

ก่อนออกไปหาแรงบันดาลใจกับสิ่งที่ชอบ ก่อนที่จะเริ่มต้นกับวันใหม่ๆอีกครั้ง และจะคิดเสมอว่าเดี๋ยวเรื่องที่เกิดขึ้นมันก็เป็นอดีตไปแล้ว สู้ๆ ^^

0
กำลังโหลด
Aoae Member 14 พ.ย. 58 17:08 น. 1

วันที่เราท้อ เราจะเขียนนิยายค่ะ

เขียนระบายความรู้สึกตอนนั้นออกมา ถือเป็นการฝึกไปด้วยเลย 

แต่ถ้าเราท้อเพราะเขียนนิยาย...

เราจะมาอ่านบทความนี้อีกครั้ง เซฟเก็บไว้เลย ขอบคุณมากๆค่ะ

แต่ถ้าเป็นปกติก็จะมานั่งทวนว่าราทำสิ่งนั้นไปเพื่ออะไร นึกถึงวันแรกที่เราตั้งใจจะทำมันจริงๆ วันแรกที่เต็มไปด้วยความหวังมันเป็นยังไง เราจะพยายารื้อฟื้นแล้ถามตัวเองว่าพอรึยัง? จะหยุดอยู่แค่นี้เหรอ เราทำไปเพื่ออะไรกันแน่

เราเริ่มคิดที่จะตอบคำถามนั้น หาคำตอบให้ได้ก่อน แล้วค่อยตัดสินใจก็ยังไม่สายจริงมั้ย

อีกหนึ่งทางเมื่อได้คำตอบแล้วก็จะฟังเพลงอ่ะค่ะ เพลงสากลพวกดนตรีคลาสสิกแบบมันส์ๆ จังหวะเจ๋งๆ เพื่อให้กำลังใจตัวเอง บางทีก็อ่าน Quote ในเน็ตพวกให้กำลังใจอ่ะค่ะ มันช่วยให้เราตัดสินใจแล้วก็ได้แนวคิดใหม่ๆอีกเยอะแยะ

ยังไงขอบคุณบทความนี้มากๆ และอยากได้หนังสือ Dare to kiss มากๆค่ะเยี่ยม

0
กำลังโหลด
littleplanet Member 21 พ.ย. 58 18:13 น. 91

ในวันที่ท้อหรอคะ เราจะไม่มานั่งคิดอะไรเยอะเเยะ-3-ให้มันรู้สึกเเย่นะคะ เรารู้สึกว่าทุกสิ่งที่เราทำเราทำเต็มที่เเล้ว ดีเเล้ว เราไม่จำเป็นต้องมานั่งเสียใจ เรายังมีคนรอบข้างที่ให้กำลังใจเรามากมาย เราไม่จำเป็นที่จะต้องผิดหวังกับสิ่งที่ผ่านมา ลองคิดดูว่า ถ้าเรื่องเเค่นี้ยังท้อเเล้วเหนื่อยเเล้ว เเต่วันข้างหน้าเราเจออะไรที่มันหนักหนากว่านี้เราจะผ่านมันไปได้มั้ย:) ?  เเน่นอนว่าไม่ได้ค่ะ  ถึงเเม้ว่าจะผ่านเรื่องเเย่ๆมากมายมหาศาลขนาดไหนสุดท้ายเราก็ต้องข้ามผ่านจุดนั้นไปให้ได้ค่ะ^^...  เราถือคติที่ว่า ท้อได้เเต่อย่าถอยค่ะ:) #ร่ายยาวเเล้วจากไปอย่างสวยงาม#ยิ้มอ่อน

0
กำลังโหลด
ANOU Member 14 พ.ย. 58 20:34 น. 13

เวลาเรารู้สึกท้อ จะดูหนังเรื่องใดก็ได้ที่เราสามารถร้องไห้เอาความรู้สึกนั้นออกมาเต็มที่ จากนั้นเราค่อยไปปรึกษาแม่ว่า เราอยากเป็นนักเขียนแต่ไม่ผ่านสักที แม่ว่าหนูหยุดเขียนดีป่ะ แม่ว่าหนูเปลี่ยนความฝันตัวเองใหม่มั้ย บลาๆๆๆๆ คือเรียกว่าเพ้อเลยก็ว่าได้ แต่แม่ก็คอยรับฟังแล้วบอกเราเสมอว่า อยากเป็นก็ทำให้ได้สิมาพูดแบบนี้มันจะได้มั้ยล่ะ ไม่ผ่านก็ส่งไปใหม่ ส่งไปกว่าจะผ่าน แล้วก็ไม่ต้องมาพูดล่ะแม่รำคาญจะดูหนัง พูดแบบนี้ทุกทีแต่ก็คอยรับฟัง เวลาเราท้อเราจะเอาคำพูดของครอบครัวมาเป็นแรงผลักดันน้ำตาที่เสียไปถือว่าทิ้งความท้อไว้กับมันแล้วเริ่มต้นสู้ใหม่ เขิลจุง

0
กำลังโหลด

95 ความคิดเห็น

Aoae Member 14 พ.ย. 58 17:08 น. 1

วันที่เราท้อ เราจะเขียนนิยายค่ะ

เขียนระบายความรู้สึกตอนนั้นออกมา ถือเป็นการฝึกไปด้วยเลย 

แต่ถ้าเราท้อเพราะเขียนนิยาย...

เราจะมาอ่านบทความนี้อีกครั้ง เซฟเก็บไว้เลย ขอบคุณมากๆค่ะ

แต่ถ้าเป็นปกติก็จะมานั่งทวนว่าราทำสิ่งนั้นไปเพื่ออะไร นึกถึงวันแรกที่เราตั้งใจจะทำมันจริงๆ วันแรกที่เต็มไปด้วยความหวังมันเป็นยังไง เราจะพยายารื้อฟื้นแล้ถามตัวเองว่าพอรึยัง? จะหยุดอยู่แค่นี้เหรอ เราทำไปเพื่ออะไรกันแน่

เราเริ่มคิดที่จะตอบคำถามนั้น หาคำตอบให้ได้ก่อน แล้วค่อยตัดสินใจก็ยังไม่สายจริงมั้ย

อีกหนึ่งทางเมื่อได้คำตอบแล้วก็จะฟังเพลงอ่ะค่ะ เพลงสากลพวกดนตรีคลาสสิกแบบมันส์ๆ จังหวะเจ๋งๆ เพื่อให้กำลังใจตัวเอง บางทีก็อ่าน Quote ในเน็ตพวกให้กำลังใจอ่ะค่ะ มันช่วยให้เราตัดสินใจแล้วก็ได้แนวคิดใหม่ๆอีกเยอะแยะ

ยังไงขอบคุณบทความนี้มากๆ และอยากได้หนังสือ Dare to kiss มากๆค่ะเยี่ยม

0
กำลังโหลด
The Pandora Princess Member 14 พ.ย. 58 17:35 น. 2

ตอนที่ท้อ.....จะสูดลมหายใจเข้าลึกๆค่ะ นั่งลงบนเตียงพร้อมหนังสือดีๆสักเล่ม อ่านไปเรื่อยๆจนความเครียดหมดไป แล้วก็จะมองย้อนว่าตัวละครเรื่องนี้เค้ามีวิธีแก้ปัญหาของเค้ายังไง เค้าทำได้ แล้วเราจะทำได้ไหม.... บางทีการอ่านจะทำให้เราได้สัมผัสความรู้สึกของการผ่านปัญหาหนักๆด้วยการรับรู้เรื่องราวที่หนักกว่าเรา มันจะเป็นสิ่งที่สะท้อนว่า ปัญหานี้ไม่ได้ใหญ่ที่สุดในชีวิตเราค่ะ

0
กำลังโหลด
Demon_Shadow Member 14 พ.ย. 58 19:26 น. 3

ในวันที่ชีวิตรู้สึกท้อ  มันมีแต่เรื่องแย่ๆ ประเดประดังเข้ามาไม่หยุด จนมันมาถึงจุดหนึ่ง ที่เราว่ามันควรพอแล้ว ความคิดที่เคยเข้ามามันจะสลัดออกไปอัตโนมัติ ของแบบนี้บอกไม่ได้เหมือนกันครับว่าเราจะดีขึ้นเมื่อไหร่ ผมคิดว่า 'มันอยู่ที่ความเหมาะสมของเวลา' ที่จะพาให้เราไปสู่จุดที่ดีขึ้นเองครับ :)

0
กำลังโหลด
Je t'aime ➹ Member 14 พ.ย. 58 19:30 น. 4

วันที่เราท้อ เราจะฟังเพลงค่ะ เพลงญี่ปุ่น เพลงเกาหลีเพลงไทย เพลงสากล อะไรก็ได้ หรือบางทีอาจจะอ่านหรือเขียนนิยายหรือเล่นคอม แต่ส่วนใหญ่จะฟังเพลงค่ะ ละต้องเป็นเพลงที่มันๆด้วย ยิ่งได้เต้นตามนี่..... สุขสุดๆ -..- 55555 แต่ว่าเขียนนิยายนี่จะน้อยที่สุดค่ะ เพราะ....แต่งไม่ออก 555555 

PS.ยังไงก็ขอบคุณสำหรับบทความดีๆนะคะ ช่วยให้อะไรหลายๆอย่าเลย^^

0
กำลังโหลด
Renta Member 14 พ.ย. 58 19:39 น. 5

ในตอนที่ท้อ ในบางครั้งก็รู้สึกแย่มากๆ จนเกือบจะร้องไห้แล้วถามตัวเองว่า 'กำลังทำอะไรอยู่ ทำไมถึงท้อ ทำไมเราไม่พยายามมันต่อไป' พอคิดได้แบบนี้ก็ปฏิวัติตัวเองด่วนเลยค่ะ เริ่มทำสิ่งที่ชอบไม่ว่าจะเป็นฟังเพลง ดูหนัง อ่านนิยาย เขียนนิยายโดยจะใช้ความรู้สึกที่ตรงข้ามกับความรู้สึกที่ท้อแท้ พยายามทำให้นิยายดูดีที่สุด ไม่ทำให้หดหู่ตามอารมณ์ หลังจากนั้นก็จะอารมณ์ดีขึ้น แต่แท้จริงแล้วขั้นพีคสุดนี่ต้องยกให้กับการอ่านหนังสือเรียนเลยค่ะ! (แลดูโกหก แต่เรื่องจริงค่ะ) การอ่านหนังสือเรียนจะค่อยๆ ทดแทนอารมณ์ที่หดหู่ออกไปเพราะเอาสมองส่วนใหญ่ไปจดจ่ออยู่ที่ตัวหนังสือทั้งหลาย ทำให้ได้ทั้งความรู้ ได้ทั้งปลดปล่อยอารมณ์ไปด้วย ทำให้คิดได้ว่า 'ชีวิตเรายังมีจุดหมายอยู่ อย่าเพิ่งท้อ พยายามต่อไป แล้วมันจะเกิดผลให้เห็นเอง'

0
กำลังโหลด
candy-baby Member 14 พ.ย. 58 19:45 น. 6

ถ้าท้อก็เล่าให้ใครสักคนฟัง พ่อแม่ก็ได้ มั่นใจว่าคนๆนั้นจะต้องให้กำลังใจเราได้มากแน่นอนค่ะ

0
กำลังโหลด
Irin 14 พ.ย. 58 20:13 น. 7
ในวันที่ท้อ เราจะนอนค่ะ นอนยาววๆ แล้วตื่นอีกทีให้นั่งคิด ว่าที่เราทำ เราทำเพื่ออะไร? ตั้งใจแค่ไหน? ให้ทบทวนในข้อผิดพลาด ก่อนจะให้กำลังใจตัวเอง แล้วสู้ใหม่อีกครั้งค่ะเยี่ยม
0
กำลังโหลด
pink 14 พ.ย. 58 20:20 น. 8
ถ้าเราท้อ เราจะนั่งร้องไห้ค่ะ^-^ ฟังดูงี่เง่าเนอะ หลังจากนั้นก็ปาดน้ำตา หาอะไรสนุกๆทำ พอสบายใจก็ค่อยมาเเก้ปัญหาที่กองอยู่น่ะค่ะ
0
กำลังโหลด
Kwakakaw Member 14 พ.ย. 58 20:27 น. 9
ตอนที่ท้อเราเป็นบ่อยมาก แต่เมื่อเราท้อแล้วเราจะกลับไปดูความตั้งใจของตัวเองที่เราอุตส่าห์ทำอย่างเต็มที่แล้วให้ก็กำลังใจตัวเอง คิดเสียว่าอย่างน้อยเราก็ทำดีที่สุดในส่วนของเราแล้วท้อไปจะได้อะไร เอาประสบการณ์นั้นมาปรับปรุงตัวเองดีกว่า
0
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยเจ้าของ

กำลังโหลด
grugle Member 14 พ.ย. 58 20:32 น. 11
ในช่วงที่ท้อแท้มากๆ หนูจะหลับคะ หรือพักสายตาคะ เพราะช่วงนั้นเปนช่วงที่หนูจะปวดหัวมากๆ หนูจะพักผ่อน คิกว่าเวลาเปนแบบนี้ชั้นจะต้องไม่โทรม ถึงจะร้องไห้ ก้จะๆม่น้องมากเพราะต้องรักษาเบ้าตาตัวเอง 555 บางทีก้จะนั่งอ่านนิยายไป เล่นเกม หรือ 'กินนนน'คะ 55 มันทำให้หนูผ่อนคลายไม่คิดมากจนเกินไปคะ
0
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยเจ้าของ

กำลังโหลด
ANOU Member 14 พ.ย. 58 20:34 น. 13

เวลาเรารู้สึกท้อ จะดูหนังเรื่องใดก็ได้ที่เราสามารถร้องไห้เอาความรู้สึกนั้นออกมาเต็มที่ จากนั้นเราค่อยไปปรึกษาแม่ว่า เราอยากเป็นนักเขียนแต่ไม่ผ่านสักที แม่ว่าหนูหยุดเขียนดีป่ะ แม่ว่าหนูเปลี่ยนความฝันตัวเองใหม่มั้ย บลาๆๆๆๆ คือเรียกว่าเพ้อเลยก็ว่าได้ แต่แม่ก็คอยรับฟังแล้วบอกเราเสมอว่า อยากเป็นก็ทำให้ได้สิมาพูดแบบนี้มันจะได้มั้ยล่ะ ไม่ผ่านก็ส่งไปใหม่ ส่งไปกว่าจะผ่าน แล้วก็ไม่ต้องมาพูดล่ะแม่รำคาญจะดูหนัง พูดแบบนี้ทุกทีแต่ก็คอยรับฟัง เวลาเราท้อเราจะเอาคำพูดของครอบครัวมาเป็นแรงผลักดันน้ำตาที่เสียไปถือว่าทิ้งความท้อไว้กับมันแล้วเริ่มต้นสู้ใหม่ เขิลจุง

0
กำลังโหลด
D-DaY 14 พ.ย. 58 20:38 น. 14
เวลาเราท้อเราบอกแม่ค่ะบอกทุกเรื่องเลย ว่าตอนนี้เรารู้สึกอย่างนี้ๆนะ เราบอกแม่ทุกเรื่องที่ทำให้เรารู้สึกท้อ เรื่องเกรด เกรดเราน้อยมันทำให้เราท้อไม่อยากเรียนแล้ว แม่ก็จะให้กำลังใจเราค่ะ หายท้อเลยเยี่ยม
0
กำลังโหลด
GINKSIXAUGUST 14 พ.ย. 58 20:39 น. 15
ตอนที่ท้อ ก็จะออกไปเดินเล่นข้างนอก ออกไปคุยกับคนที่คิดบวก มองโลกในแง่บวก ว่าเค้าคิดยังไงกันนะ เชื่อมากว่า พลังงานบวกหรือว่าความคิดบวกๆเนี่ย มันจะสามารถสื่อสารแล้วก็ส่งต่อกันได้คะ เลยคิดว่า การที่ออกไปรับพลังงานบวกจากคนที่มองโลกในแง่บวก น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด ในการจัดการตัวเองตอนที่กำลังท้ออยู่คะ
0
กำลังโหลด
bumbim_@-@ 14 พ.ย. 58 20:43 น. 16
วิธีที่จะขจัดความรู้สึกในวันที่ท้อของเรานะหรอ คงจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แลวบอกกับตัวเองว่า เราจะต้องผ่านเรื่องนี้ไปให้ได้ พยายามมองให้เรื่องที่ท้อของตัวเองเป็นเรื่องเล็กๆ เพื่อที่ตัวเองจะได้มีแรงฮึดสู้กับมันค่ะ fighting!!! สู้สู้
0
กำลังโหลด
Lost ' A L I C E . Member 14 พ.ย. 58 20:45 น. 17

Q: ในวันที่ท้อ มีวิธีจัดการอย่างไร ?

A: ยอมรับว่าส่วนตัวแล้วเป็นคนที่ท้อง่ายมากๆค่ะ เพราะเป็นคนชอบตั้งความหวังเอาไว้สูง ยิ่งเรื่องเรียนๆนี่ยิ่งแล้วใหญ่เลย ;w; เราไม่มีวิธีจัดการเป็นรูปธรรมอะไรหรอกค่ะ ถ้ารู้สึกท้อก็จะถอนหายใจยาวๆ เรารู้สึดว่ามันสบายใจขึ้นนะ เหมือนผ่อนความท้อออกมาด้วยลมหายใจอ่ะ หรือถ้าท้อมากก็จะร้องไห้ออกมาเลย อย่าเก็บไว้เพราะทำให้เครียดหนักกว่าเก่า สู้ร้องไห้ซะดีกว่า แล้วก็ไปหาอะไรกิน(อันนี้สำคัญมาก 55555) ไปหาอะไรที่เราชอบมาทำให้ลืมความเครียดนั้นไปก่อน แล้วเชื่อสิว่าพอกลับมาหาเรื่องที่ท้อใหม่ มันก็ยังท้ออยู่นะ แต่ใจเราจะเย็นลงแล้วอ่ะ

ยังไงก็อยากจะฝากบอกไว้ว่าท้อน่ะท้อได้นะ แต่อย่าท้อนานนักล่ะ เหมือนกับเราวิ่งมาราธอนอ่ะแล้วจะไปให้ถึงเส้นชัย แต่เราเหนื่อยเราขาล้า ล้มไปกลางทาง(ความท้อ) ก็อย่าเพิ่งยอมแพ้ ให้กำลังใจตัวเองละบอกว่า"เราต้องทำได้!" แล้วลุกขึ้นวิ่งต่อให้ถึงเส้นชัย(ความสำเร็จ)ให้ได้ เชื่อสิว่าถ้าเราผ่านความท้อไปได้ ความสำเร็จที่เราได้มาจะทำให้เราหายท้อเป็นปลิดทิ้งเลยค่ะ :)

0
กำลังโหลด
jaja 14 พ.ย. 58 20:45 น. 18
เวลาท้อ เราจะนั่งฟังเพลงเบาๆ นั่งอยูใต้ร่มไม้ ไม่ก็ไปนั่งเล่นที่ร้านนมสั่งนมร้อนมานั่งกินเพลินๆ แล้วถือสมุดไดอารี่ไปด้วย (ชอบเขียนตลอด) เอาไปนั่งอ่านว่าในช่วงแรกๆเราตั้งใจมากแค่ไหน แล้วก็เขียนๆว่าวันนี้รู้สึกยังไง มันเหมือนได้เล่าให้ใครสักคนฟัง แล้วมันก็ทำให้เรามีกำลังใจสู้ต่อ ^^
0
กำลังโหลด
NongNeuy Member 14 พ.ย. 58 20:58 น. 19
ตอนที่ชีวิตเกิดความรู้สึกท้อ หรือหมดหวัง จะเข้ามานั่งในห้องเงียบๆ แล้วหยิบหนังสือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ มาอ่าน เลือกอ่านสักเล่มหนึ่ง จากเจ็ดเล่ม (ส่วนใหญ่อ่านเล่ม 5 ชอบเป็นพิเศษ 555) อ่านไปสักพัก พอเริ่มสนุกกับหนังสือ มันก็จะลืมเรื่องที่แย่ๆ ไปเอง แล้วทำให้เราเริ่มต้นใหม่ได้ เริ่มคิดที่จะแก้ไขปัญหา หรือไม่ก็เริ่มหาทางออกได้ แต่ถ้าอ่านหนังสือแล้วยังไม่หายส่วนใหญ่ จะมานั่งวาดรูปลายเส้น วาดไปเรื่อย ปล่อยใจไปสุดๆ
0
กำลังโหลด
aejibi_ze 14 พ.ย. 58 21:06 น. 20
ถ้าตัวเองท้อ จะนึกถึงหน้าพ่อแม่ คนที่ให้กำลังใจเรา.และคนที่เป็นแรงบันดาลใจของเรา เพราะถ้าเรานึกถึงแรงบันดาลใจของเราเราจะมีความสุขมาก มันสามารถกำจัดความท้อได้ดีเลยค่ะ มีแรงบันดาลใจ มีกำลังใจ ค่ะ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด