“วัยแสบสาแหรกขาด”
จากละครสร้างสรรค์ทางช่อง 3 สู่นวนิยายตีแผ่ปัญหาวัยรุ่น!
.jpg)
นวนิยายเรื่อง “วัยแสบสาแหรก” เป็นนวนิยายที่ดัดแปลงมาจากบทโทรทัศน์ โดย
ณัฐิยา ศิรกรวิไล เรื่องราวของ
ทรายทิพย์ นักศึกษาระดับปริญญาโทสาขาจิตวิทยาต้องการเข้าไปหาข้อมูลเด็กในวัยเรียนที่พ่อแม่หย่าร้างเพื่อทำปริญญานิพนธ์ ประจวบเหมาะกับ
ชวนากร รองผู้อำนวยการ (และลูกชายเจ้าของ)
โรงเรียนเปี่ยมคุณ ต้องการนักจิตวิทยาเด็กมาร่วม
“โครงการผูกสาแหรก” เพื่อแก้ไขปัญหาให้เด็กที่มีครอบครัวแตกแยกและก่อปัญหาในโรงเรียน ไม่ให้ถูกไล่ออก ทั้งสองจึงได้ร่วมมือกันโดยการแนะนำของเพื่อนทรายทิพย์ซึ่งเป็นครูแนะแนวในโรงเรียน โดยต้องบำบัดเด็กตัวปัญหา 5 คน คือ
ถวายชัย (หวาย) นักเรียนมัธยมปลายผู้มีปัญหาในการควบคุมอารมณ์และชอบใช้ความรุนแรง
มงกุฎแก้ว (มินนี่) เน็ตไอดอลสาวผู้ติดโซเชียลเน็ตเวิร์กและมีอาการหลงตัวเอง
เมษา (ตังเม) เด็กหญิงที่เครียดจากปัญหาทางบ้านจนเริ่มกรีดข้อมือทำร้ายตนเอง
ดังใจ (โชกุน)เด็กชายที่โกหกจนเป็นนิสัย และ
ญาทิป (ปิ๊กปิ๊ก) เด็กหญิงที่ชอบลักขโมยโดยไม่ได้อยากได้ของจริงๆ
ถึงแม้ณัฐิยาจะมีผลการเขียนบทโทรทัศน์มาแล้วมากมาย อาทิ สุภาพบุรุษจุฑาเทพ ตอน "ธราธร", อย่าลืมฉัน เพลิงบุญ, หนึ่งในทรวง ฯลฯ แต่ “วัยแสบสาแหรกขาด” คือ ความท้าทายขั้นสูงสุดตั้งแต่เริ่มต้นอาชีพนักเขียนบทละครโทรทัศน์ ท้าทาย เพราะเป็นการเขียนแนว “จิตวิทยาวัยรุ่น” บวกเข้ากับการแก้ปัญหาของตัวนำเรื่องในแนว “สร้างคำถามและสืบหาคำตอบ” ในแบบที่เธอเองไม่เคยเขียนมาก่อน
“ความท้าทายที่ตามมาด้วยการทำงานอันแสนหนักหน่วงแต่แทรกไว้ด้วยความสนุกสนาน บทละครเรื่องนี้เราเขียนกัน 5 คน และมีผู้ช่วยประจำทีมอีก 1 คน เราต้องเริ่มตั้งแต่หาข้อมูลจากการสัมภาษณ์นักจิตวิทยาทั้งในประเทศไทยและเพื่อนที่เป็นนักจิตวิทยาอยู่ต่างประเทศ หลังจากได้ข้อมูลแล้วเราจึงเริ่มลงมือเขียนบท เมื่อเขียนเสร็จแล้วก็ต้องส่งไปให้นักจิตวิทยาตรวจสอบอีกรอบ” ณัฐิยากล่าว
ปกหนังสือ "วัยแสบสาแหรกขาด"
วัยแสบสาแหรกขาด นับเป็นเรื่องที่สองที่สถาพรบุ๊คส์นำบทภาพยนตร์หรือบทโทรทัศน์มาดัดแปลงเป็นนวนิยายซึ่งก่อนหน้านี้ประสบความสำเร็จไปแล้วกับนวนิยายเรื่อง “รุ่นพี่” ส่วนที่มาของการร่วมมือกับสถาพรบุ๊คส์ในครั้งนี้ณัฐิยาบอกว่า
“นัทเริ่มต้นบทโทรทัศน์ขึ้นมาก่อน พอบทใกล้ๆ จะเสร็จทางคุณเอิน ณิธิภัทร์ เอื้อวัฒนสกุล ผู้จัดแห่งค่ายมาสเตอร์วัน ก็ได้มีการมาพูดคุยกับสถาพรบุ๊คส์ว่าจะรวมเล่มหรือไม่ สถาพรบุ๊คส์ก็สนใจ ก็เลยนำบทโทรทัศน์ที่เราเขียนแล้วมาดัดแปลงในรูปแบบของนวนิยายไปด้วย ก็เลยกลายเป็นโพรเจ็กต์นี้ขึ้นมาค่ะ”
ในเรื่องนี้มีการนำเสนอปัญหาเกี่ยวกับเด็กและวัยรุ่นซึ่งเป็น 5 พฤติกรรมที่เราเจอได้ในสังคม จะมีพฤติกรรมใดบ้างมาฟังจากผู้เขียนกันเลย
“ปัญหาแรกเป็นปัญหาของ เด็กที่ชอบพูดโกหก เขาไม่ได้รู้ตัวว่าเขาพูดโกหก มันเป็นพฤติกรรมที่เขาสะสมมานาน เขาจะรู้สึกว่ามันเป็นไปโดยธรรมชาติ และไม่ได้รู้สึกว่าเป็นสิ่งที่จะสร้างปัญหาต่อๆ มา บางคนสร้างเรื่องแล้วพูดเหมือนว่ามันเป็นเรื่องจริง มันดูเป็นธรรมชาติมากๆ คนเหล่านี้ เราต้องไปย้อนดูในวัยเด็กว่ามันเกิดอะไรขึ้น ตอนเด็กๆ อาจจะโกหกตาใสไปเรื่อยๆ พูดเรื่องหนึ่งไปเป็นอีกเรื่องหนึ่งโดยไม่ได้รู้สึกว่ามันคือความผิดปกติ ปัญหามันคือเมื่อคุณบ่มเพาะพฤติกรรมแบบนี้ไปเรื่อยๆ ความน่าเชื่อถือของคุณจะลดลง เมื่อคุณโตขึ้น การทำงาน การใช้ชีวิตครอบครัว ก็จะเป็นโดมิโนไปเรื่อยๆ”
“ประเด็นที่สองคือ ขโมย เราจะรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่ไกลตัว แต่จริงๆ คนในสังคมมีคนที่เป็นแบบนี้โดยไม่รู้ตัว คนบางคนมีทุกอย่างพร้อมแต่ชอบขโมย เหมือนมันเป็นการเติมเต็มอะไรบางอย่างให้กับชีวิตของเขา ซึ่งเราก็ต้องมาดูว่า รากปัญหามันเกิดมาจากตรงไหน แล้วถ้าเราไม่ได้แก้ปัญหาของลูกหลานเรา หรือคนใกล้ตัวเรา มันจะติดตัวไปเรื่อยๆ ซึ่งวันหนึ่งมันอาจจะพลาดเมื่อตอนที่เขาอายุมากขึ้น โดนจับขึ้นมาก็จะทำให้เกิดปัญหาใหญ่ตามมา”
“เรื่องที่สามคือ เด็กทำร้ายร่างกายตัวเอง ซึ่งคนที่เป็นอาการแบบนี้จริงๆ จะไม่โชว์ออฟ เขาจะทำในจุดที่ไม่ได้ต้องการให้ใครเห็น ซึ่งพ่อแม่ถ้าสงสัยต้องลองสังเกตลูกตัวเอง สิ่งเหล่านี้มันบ่งบอกถึงความเจ็บปวดบางอย่างข้างในของเขา ที่เขาไม่รู้จะระบายออกอย่างไรก็เลยต้องระบายใส่กับตัวเอง เป็นเคสที่ละเอียดอ่อนมาก และมีเยอะมากในสังคม”
“ประเด็นที่สี่เป็นเรื่องที่ใกล้ตัวมาก คือ การโดนคุกคามทางสื่อออนไลน์ กรณีนี้อาจจะใหม่สำหรับสังคมไทย แต่ว่าสังคมอย่างอเมริกา หรือ แคนาดา จะมีเด็กที่โดนคุกคามทางสื่อออนไลน์และไปจนที่สุดถึงขั้นฆ่าตัวตาย และมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เราเป็นผู้ใหญ่ เราจะรู้สึกว่า แค่คอมเมนต์แค่นี้ไม่ต้องไปอ่านมันสิ ไม่อ่านก็ไม่เจ็บปวด แต่เด็กไม่ได้ เขาต้องรู้ เขาอยู่ในวัยที่อยากรู้ อยากเห็น แต่เมื่อเขารู้แล้ว เขารับมือกับมันไม่ได้ เพราะฉะนั้นพ่อแม่จะทำได้ดีที่สุดคือการเข้าใจในปัญหาและอยู่กับเขา”
“เรื่องสุดท้ายคือความรุนแรง เรื่องนี้ก็เป็นปัญหาที่เราเห็นชัด เห็นเยอะ และก็มีเยอะแยะมากในละคร แต่เรื่องนี้เราจะมาดูว่า ต้นตอของปัญหาที่แท้จริงว่าทำไมเด็กจึงชอบความรุนแรงแก้ปัญหา ทำไมเขาทำออกมาโดยที่มันไม่รู้ตัว เมื่อเด็กอยู่ในภาวะนั้นแล้ว เขารู้สึกเจ็บปวดกับมันมากแค่ไหน จนกระทั่งเมื่อเราพบสาเหตุแล้ว เราก็จะบอกว่าจะมีวิธีการเยียวยาอย่างไร หรือเราจะปรับพฤติกรรมให้เด็กๆ อย่างไร ให้เขาเข้าใจและควบคุมความรุนแรงทางอารมณ์ของเขาให้ได้ เพราะฉะนั้นละครและหนังสือเรื่องนี้จะแตกต่างจากละครวัยรุ่นเรื่องอื่นๆ ตรงที่จะมีวิธีแก้ปัญหาให้ด้วย แต่มันไม่ใช่คำตอบสุดท้ายนะคะ มันเป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งเท่านั้น”
ผู้เขียนบอกว่า เนื้อหาในละครและนวนิยายนั้นไม่ต่างกันเลย ซึ่งเมื่อดูละครจบแล้วแต่ต้องการข้อมูลหรือวิธีแก้ไขปัญหาต่างๆ ก็สามารถเปิดหนังสือดูได้ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นจึงอยากให้ผู้ชมและผู้อ่านเสพทั้งสองสื่อ โดยละครจะออกอากาศทุกวันศุกร์ – อาทิตย์ หลังรายการสีสันบันเทิง ทางช่อง 3 สามารถสั่งหนังสือออนไลน์ได้ทางเว็บไซต์ของ
สำนักพิมพ์สถาพร หรือในงานสัปดาห์หนังสือ ครั้งที่ 44 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ วันที่ 29 มีนาคม - 10 เมษายน 2559 ที่บูท P34 โซน C1
หนังสือและปฏิทินสวยๆ เราแจกให้เลยค่ะ
พิเศษ เกมร่วมสนุกสำหรับชาวเด็กดี
เพียงตอบคำถามง่ายๆ โดยเลือกจากพฤติกรรมจาก 5 แบบในเรื่อง แล้วตอบมาว่า... "พฤติกรรมไหนที่เราไม่อยากเจอ พร้อมเหตุผล”
ผู้โชคดี 3 คน รับไปเลย นวนิยายวัยแสบสาแหรกขาด พร้อมปฏิทินตั้งโต๊ะ
เริ่มเล่นได้ตั้งแต่วันนี้จนถึง วันอาทิตย์ที่ 20 มีนาคม 2559
และทางทีมงานจะประกาศผลผู้โชคดีใน วันจันทร์ที่ 21 มีนาคม 2559 ค่ะ
ประกาศรายชื่อผู้ได้รับรางวัลค่ะ
1. titania
2. kurogi
3. Aom Aom Boravee
ขอให้ทั้งสามคนส่งชื่อที่อยู่มาที่ writer@dek-d.com
ภายในวันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคม 2559 ค่ะ
ทีมงานนักเขียนเด็กดี
ยอดถูกใจสูงสุด
การเหยียดเพศ-เหยียดผิวค่ะ
ทุกวันนี้อาจมีการเปิดใจยอมรับเรื่องพวกนี้มากขึ้น แต่ก็ไม่ได้แปลว่าทุกคนจะยอมรับได้ มันยังเป็นปัญหาที่ใหญ่มากและแก้ไขได้ยาก
เพียงเพราะคนเหล่านี้เลือกเกิดไม่ได้ก็ไม่ได้ หรือเลือกที่จะเป็นในแบบที่พวกเขาอยากเป็น ก็ไม่ได้แปลว่าความเป็นมนุษย์ของเขาจะน้อยกว่าคนอื่นๆ ในสังคมที่คนอื่นๆ มองว่าเป็นปกติ
แค่ปัญหานี้ปัญหาเดียวสามารถทำให้คนที่โดนเหยีดมีปัญหาทั้ง 5 อย่างได้เลย เพียงเพราะพวกเขาต้องการเรียกร้องความสนใจและการยอมรับจากคนอื่นๆ
ขอตอบการกลั่นแกล้งในโลกไซเบอร์ เพราะว่ามันตามล้างตามเช็ดได้ไม่หมด กู้คืนชื่อเสียงไม่ได้ แล้วมีคนเห็นจำนวนมาก แต่ไม่มีใครสนใจผู้เสียหาย แล้วคนก่อเรื่องก็ตามจับยากอีกต่างหาก