4 หนังสือสอนภาษา ที่ไม่ได้สอนแค่ภาษา!!!


4 หนังสือสอนภาษา
ที่ไม่ได้สอนแค่ภาษา!!!

 
สวัสดีชาวเด็กดีทุกคน ไหนๆ ก็เข้าสู่อาเซียนกันแล้ว เรามาเรียนภาษาอังกฤษกันดีกว่า เย้ แต่ลึกๆ ในใจ พี่ออนก็รู้แหละว่า ทุกคนคงเบื่อหนังสือสอนภาษาอังกฤษแบบเดิมกันแล้ว (พี่ออนก็เบื่อเหมือนกันค่ะ) เพราะงั้น วันนี้พี่ออนมีหนังสือของ คุณภูมิชาย บุญสินสุข หรือคุณบิ๊ก บรรณาธิการสำนักพิมพ์ a book มาเสนอค่ะ ต้องบอกเลยว่าหนังสือของคุณบิ๊ก ไม่ใช่หนังสือสอนภาษาอังกฤษซีเรียส เน้นแกรมม่า อัดคำศัพท์ทุกอย่างในโลกแบบทั่วไปแน่นอน (แน่สิ เพราะคุณบิ๊กเองยังบอกไว้เลยว่าหนังสือของเขาไม่ใช่ตำราภาษาอังกฤษนะ!!) อ่านหนังสือของเขาแล้ว นอกจากเราจะได้เรียนรู้การใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน (ที่ไม่ใช่แค่แกรมม่าทั่วไป) พี่ออนว่าเรายังได้ข้อคิดในการใช้ชีวิต และได้กำลังใจด้วยนะ
 
ถ้าเริ่มสนใจหนังสือที่พี่ออนจะนำเสนอแล้ว ตามมาอ่านกันเลยค้า
 
พี่ออนขออธิบายเกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้ก่อน เพราะหลายคนอาจจะสงสัยว่าหนังสือสอนภาษาอังกฤษ มันจะแตกต่างได้ขนาดนั้นเลยหรอ พี่ออนอยากจะบอกว่าหนังสือของคุณบิ๊ก แตกต่างมากค่ะ เพราะเป็นการสอนภาษาอังกฤษ ที่สอดแทรกไปกับเรื่องสั้น ประสบการณ์ชีวิต ที่คุณบิ๊กเคยพบเจอ หรือเคยฟังมา และถ่ายทอดออกมาในรูปแบบงานเขียน ทำให้เราจดจำรูปแบบ ความหมาย และวิธีการใช้ภาษาอังกฤษของคำ / ประโยคนั้นๆ ได้อย่างฝังใจ พี่ออนบอกเลยนะค่ะ ว่าถ้าได้ลองอ่านแล้ว จะวางไม่ลงกันเลยทีเดียว
 

And this too shall pass เจ็บนิดเดียว เดี๋ยวก็เช้า
 

 
มีบท 2 บท ที่พี่ออนชอบมากเลย (จริงๆ ก็ชอบทุกบทนะ) ในหนังสือเล่มนี้ คือ บท เจ็บนิดเดียว เดี๋ยวก็เช้า / And This Too, Shall Pass  สำนวนนี้ เป็นสำนวนพิเศษมาก แปลตรงๆ ก็เหมือนชื่อเรื่องนั่นแหละค่ะ "เจ็บนิดเดียว เดี๋ยวก็เช้า" ขยายความพิ่มก็คือ ไม่มีอะไรอยู่กับเราตลอดไป ถ้าหากวันไหนเราเจอเรื่องที่ไม่โอเค ให้คิดว่า... ณ ตอนนี้ เราอาจจะเจ็บมาก แต่สุดท้าย เดี๋ยวมันก็ผ่านไป หรือแม้แต่เราเจอเรื่องที่มีความสุขมากๆ ก็ให้คิดว่าเดี๋ยวก็ผ่านไปเหมือนกัน เราจะได้ไม่หลงระเริงอยู่ในช่วงเวลานั้นนานเกินไป เห็นไหมคะ ไม่ใช่แค่สอนภาษาอังกฤษ แต่มีปรัชญาชีวิตแอบแทรกเนียนๆ อยู่ด้วย
 
อีกบทที่พี่ออนชอบมาก ชื่อว่า แตกต่างอยู่ข้างกัน / Juxtapose เป็นคำที่อ่านแล้วอาจจะขมวดคิ้ว แต่พออ่านคำว่า "แตกต่างอยู่ข้างกัน" ก็ช่วยให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นเยอะเลยค่ะ คำอธิบายของประโยคนี้ก็คือ คนเราทุกคนแตกต่าง แต่ไม่ว่าอย่างไร เราก็ต้องอยู่ร่วมกัน ยอมรับความแตกต่างของกันและกันให้ได้ รู้จักปรับตัวเข้าหากัน เพื่อให้ดำรงอยู่ในสังคมร่วมกันได้ สำนวนนี้ สอนให้เรารู้ว่า... ความแตกต่างไม่ใช่ความผิด พี่ออนอ่านแล้วก็ย้อนกลับมาคิดถึงตัวเองบ้าง หลายครั้ง เราเคยเผลอตัว... มองคนอื่นที่เห็นต่าง แล้วคิดว่าเขาผิด แต่อ่านบทความนี้แล้ว รู้สึกว่า ไม่มีใครผิด แต่ละคนแค่แตกต่างเท่านั้นเอง มากกว่านี้ อยากให้ลองนึกดูเล่นๆ นะคะ ว่าถ้าทุกคนบนโลกเหมือนกันหมด มันจะไปมีสีสันอะไรในชีวิต มันคงดูซ้ำซาก น่าเบื่อไปหมดเลยนะว่าไหม…
 
เหตุผลที่พี่ออนแนะนำหนังสือเล่มนี้เป็นเล่มแรก เพราะมันคือเล่ม ที่ทำให้พี่ออนตกหลุมรักสำนวนการเขียน และอธิบายความหมายคำศัพท์ / ประโยค ของคุณบิ๊กที่ยกเรื่องราว และมาประการณ์มาเล่าด้วย เรียกว่าทั้งสนุก และจี้จุดไปพร้อมๆ กัน แถมได้สาระไปในตัวด้วย พูดถึงขนาดนี้แล้ว อย่าลืมไปหาอ่านกันน้า พี่ออนแนะนำจริงๆ ค้า
 
 
Say the magic words คำวิเศษ
"Right words, right time, right person… get you everything!”
 

 
คำว่าวิเศษในที่นี้ คงไม่ใช่คำวิเศษแบบ adverd ที่แสดงถึงเวลา สถานที่ หรืออาการต่างๆ แต่น่าจะเป็น คำ ที่ทำให้เรายอมทำตามที่เขาขอร้องให้ช่วย คำ ที่เราพูดให้เขารู้สึกดี มีกำลังใจ คำ ที่เราใช้ขอโทษเขาเมื่อเราทำผิด และ คำ ที่เราให้อภัยคนอื่นๆ เช่น ถ้าเราทะเลาะกับใครสักคน เพียงแค่เรายอมรับผิด และพูดว่า 'I'm sorry ' ออกไป (แต่ต้องขอโทษด้วยความสำนึกผิดจริงๆนะ!!) เขาหรือเธอก็อาจจะใจเย็นลง และให้อภัยเรา เรื่องราวที่อาจจะเลวร้าย ก็อาจจะจบลงได้ง่ายขึ้น ไม่บานปลายอย่างที่ควรจะเป็น พี่ออนคิดว่าประโยคขอโทษอย่าง 'I'm sorry' คำนี้ ก็เป็นคำวิเศษเหมือนกัน เป็นคำที่ไม่ทำให้เกิดความรุนแรง เสียมิตรภาพ หรือเสียความรู้สึกไปค่ะ (แต่ถ้าขอโทษแล้วยังทำผิดในเรื่องเดิมๆ ซ้ำอีกหลายรอบ พี่ออนก็คิดว่ามันไม่โอเคน้าทุกคน)
 
ในเล่มนี้ นอกจากเราจะได้เรียนรูปภาษาอังกฤษในรูปแบบของ คำบวกความหมายแล้ว เรายังได้เห็นตัวอย่างประโยคตัวอย่างที่พบในเวลาสนทนาด้วย ถ้าน้องๆ ยังไม่มั่นใจ พี่ออนแนะนำให้ลองเปิดไปอ่านบท I don’t like me และ ในทะเลแห่งความซ้ำ ดูค่ะ แล้วทุกคนจะได้ข้อคิดอะไรสักอย่างกลับไปแน่นอน หนังสือเล่มนี้มีภาพการ์ตูนลายเส้น ประกอบอยู่ทุกท้ายบทความด้วย น่าจะทำให้เข้าใจความหมายของคำนั้นๆ มากขึ้นน้า (ถึงแม้คุณบิ๊กจะอธิบายได้แตกฉานแล้วก็ตามจ้า)
 
Show me what you got มีของต้องสำแดง
“บางครั้งคำถามไม่ได้อยู่ที่ว่า ‘ต้องเก่งแค่ไหน’ แต่อยู่ที่ว่า ‘ต้องเก่งอย่างไร' "
 

 
พูดถึงคนเก่งที่ชอบโชว์ ของ คำว่า ของ ในที่นี้ คงไม่ใช่ things ที่แปลว่าสิ่งของหรอกค่ะ แต่น่าจะเป็น thought ที่แปลว่า ความคิดมากกว่านะคะ แต่ถึงแม้ว่าเราอาจจะเก่ง หรือมีของมากแค่ไหนก็ตาม แต่เราก็ไม่ควรโชว์ของผิดที่ผิดทางนะ เดี๋ยวจะโดนหมั่นไส้เอาได้ พี่ออนว่าเราต้องเก็บไว้โชว์ให้ถูกที่ถูกทางนะจ๊ะหนูๆ
 
เนื้อหาภายในเล่ม มีการเปรียบเทียบความหมายของคำที่ใกล้เคียงกัน พร้อมยกสถานการณ์มาอธิบายเป็นตัวอย่าง ทำให้จำความหมายของคำได้ขึ้นใจ เช่น breathe แปลว่า หายใจ (กริยา) breath แปลว่าลมหายใจ หรือแปลว่า ลมปาก (ท้ายมี e กับไม่มี e) ก็ได้นะจ้ะ (จากเนื้อหา เรื่อง เมื่อพบปัญหา, ให้หายใจ Breathe, and reboot) ในเล่มนี้ มีบทหนึ่งที่ พี่ออนอยากให้น้องๆ อ่านและคิดทบทวนตามอย่างจริงจัง (จริงๆ พี่ก็อยากให้น้องคิดตามทุกบทนะ เพราะมีสาระแน่นทุกบทเลย) เพราะกำลังเป็นกระแส และปัญหาสังคมออนไลน์ในตอนนี้ คือบท ดี, แต่ไม่ชอบ / Not my thing. จ้า เอาล่ะ ไปหาอ่านกันเลยทุกคน!!!
 
 
Big diff เหมือนจะเหมือน
 

 
ส่วนเล่มนี้ "เหมือนจะเหมือน" เล่นคำชื่อเรื่องได้เก๋มากๆ นักเขียนต้องการจะอธิบายคำที่เหมือนจะเหมือน กัน แต่ไม่เหมือนกัน (งงไหม) เช่น house และ home ต่างกันยังไง เพราะถึงจะแปลว่า บ้าน เหมือนกัน แต่ความหมาย ก็ไม่เหมือนกันใช่ไหมล่ะ house คือบ้าน บ้านที่สร้างจากวัสดุต่างๆ มีผนัง มีบรรได มีประตู บลาๆ แต่ home คือบ้านที่มีชีวิต (house ที่พัฒนาแล้ว) บ้านที่มีคนอาศัยอยู่ มีกิจกรรมเกิดขึ้นภายในนั้น แต่เพียงแค่มีคนอาศัยอยู่ในนั้น คำว่า home ก็ให้ความรู้สึกอบอุ่น เหมือนได้พักผ่อน เวลาเราเหนื่อย เราก็จะพูด Come back home ไม่ใช่ Come back house ใช่ไหมละคะ…
 
ในหนังสือเล่มนี้จะทำให้เราได้รู้และเข้าใจ ความหมายของคำอีกหลายๆ คำ ท้ายบทมีแบบฝึกหัดให้ทดลองทำด้วยนะ จะได้เช็คไปเลยว่าเราเข้าใจไหม!! หลังจากอ่านเล่มนี้เสร็จ พี่ออนหวังว่าทุกคนจะไม่สับสนกับคำที่เหมือนจะเหมือน เหล่านี้อีกต่อไปนะคะ เพราะถึงแม้รูปของคำจะเหมือนกัน แต่ความหมายนั้นแตกต่าง ถ้าให้เปรียบเทียบง่าย พี่ออนขอแอบบอกว่า... ขนาดฝาแฝดที่เหมือนกันทุกประการ ยังมีความแตกต่างกันเลยค่ะ (พอเถอะ พี่ออนว่าตัวพี่ออนเองเริ่มงงกับตัวเองแล้วค่ะ TT_TT)

 
เป็นยังไงกันบ้างกับหนังสือของคุณบิ๊กที่พี่ออนนำมาฝากในวันนี้ ชอบหรือไม่ชอบ ก็สามารถคอมเมนต์บอกกันได้น้า พี่ออนบอกเลยนะ ว่าหนังสือของคุณบิ๊ก อ่านสนุกตั้งแต่หน้าคำนำของสำนักพิมพ์ ไปจนถึงหน้าขอบคุณเลยล่ะคะ (ไม่ค่อยอวยเลยจริงๆ .__. ) เอาละ วันนี้ขอไปก่อนนะ แล้วครั้งหน้า พี่ออนจะมาแนะนำหนังสือเล่มไหนอีก ต้องติดตามกันน้า แล้วเจอกันใหม่ บ้ายบาย
 
พี่ออน

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

ผู้ใหญ่หาผ้าใหม่ 31 มี.ค. 59 10:50 น. 1
ขอบคุณที่แนะนำค่ะ ช่วงนี้หาหนังสืออ่านพอดีเลย อยากลองวางมือถือแล้วเปิดหนังสือดูบ้างเผื่อสมองจะได้พัก รักเลย
1
กำลังโหลด

4 ความคิดเห็น

ผู้ใหญ่หาผ้าใหม่ 31 มี.ค. 59 10:50 น. 1
ขอบคุณที่แนะนำค่ะ ช่วงนี้หาหนังสืออ่านพอดีเลย อยากลองวางมือถือแล้วเปิดหนังสือดูบ้างเผื่อสมองจะได้พัก รักเลย
1
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
กำลังโหลด