ทหารดีบุกผู้กล้าหาญ : รักแท้แพ้กำแพงสังคม


ทหารดีบุกผู้กล้าหาญ : รักแท้แพ้กำแพงสังคม
 
สวัสดีค่ะ นักอ่านนักเขียนเด็กดี แอดมินเป็นแฟนคลับของเทพนิยายทุกๆ รูปแบบ ชอบอ่านมาแต่เด็ก จนโตก็ยังชอบอยู่ สมัยเด็กๆ ก็ไม่ค่อยจะคิดอะไรมาก แต่พอโตแล้ว ถึงได้สังเกตว่า... เทพนิยายส่วนใหญ่แล้ว จะมีเนื้อหาที่จบลงแบบดราม่า เศร้า เจ็บปวด ชะตากรรมของตัวละครต่างๆ มักไม่จบสวยอย่างที่คนมักชอบพูดว่า “แฮปปี้เอนดิ้ง” ยิ่งถ้าเป็นผลงานของพี่น้องกริมม์ และฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์สัน ยิ่งมักจะจบลงด้วยโศกนาฎกรรมเสมอๆ 
 
ทหารดีบุกผู้กล้าหาญและนักบัลเล่ต์สาว
 
สำหรับเรื่องที่แอดมินเลือกมาคุยกันในวันนี้ก็ชะตากรรมเดียวกันเลยค่ะ ทหารดีบุกผู้กล้าหาญ หรือชื่อภาษาอังกฤษว่า The Steadfast Tin Soldier เป็นผลงานช่วงยุคกลางของนักเขียนผู้นี้ ในช่วงยุคแรกๆ แอนเดอร์สันมักจะเขียนถึงเรื่องของผู้คนและสัตว์ประหลาดต่างๆ แต่ในยุคกลาง ดูเหมือนเขาพยายามสร้างผลงานที่แตกต่างไปจากเดิม และ “ทหารดีบุกผู้กล้าหาญ” เป็นหนึ่งในผลงานกลุ่มนั้น ตอนที่เขียนเรื่องนี้ แอนเดอร์สันมีผลงานหลายเรื่องแล้ว แต่ไม่มีเรื่องไหนได้รับความนิยมอย่างจริงจัง หรือทำเงินให้เจ้าตัวได้ แต่เขาก็มั่นใจในผลงานของตัวเองพอดู ไอเดียเรื่องของเล่นมีชีวิตอาจไม่ใช่เรื่องใหม่ ตุ๊กตาพูดได้ก็เช่นกัน แอนเดอร์สันสารภาพว่า ได้ไอเดียมาจากเรื่อง นัทแคร็กเกอร์และราชาหนู (The Nutcracker and the Mouse King) ผลงานของ อี. ที. เอ. ฮอฟฟ์แมน ที่ตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1816 โดยไอเดียหลักของเรื่องคือ ตุ๊กตาและของเล่นต่างๆ สามารถพูดได้ มีปฏิสัมพันธ์กันได้ ทั้งทางบวกและลบ เรื่องทหารดีบุกผู้กล้าหาญก็เป็นแบบนั้น มีการปรับเล็กๆ น้อยๆ เปลี่ยนอะไรในบางจุด แต่ภาพรวมแล้วคล้ายคลึงกัน 
 
สองคู่รักไหม้ไปพร้อมกันในกองไฟ
 
รักแต่ไม่อาจอยู่ร่วม
 
ของเล่นในเรื่องนี้... สร้างจากดีบุกหยาบๆ ช่างทำของเล่นสร้างมันขึ้นจากดีบุกที่เหลือ ขาดจึงขาดไปข้างหนึ่ง เชื่อกันว่าแอนเดอร์สันได้แรงบันดาลใจมาจากพ่อที่ไปสงครามเดนมาร์ก เขาได้พบเจอทหารมากมายที่ต้องเสียขาไป จึงนำมาเขียนลงในผลงานของตัวเอง เป็นทหารดีบุกขาขาด แต่แม้ว่าขาจะขาดไป เจ้าของเล่นชิ้นนี้ก็ยังรวมอยู่ในกลุ่มของเล่นทหารที่มีทั้งหมด 24 ตัว (ตัวอื่นๆ ขาไม่ขาด) และบนชั้นนั่นเอง ทหารดีบุกน้อยมองไปเห็นตุ๊กตากระดาษแสนสวยและหลงรักเธอในทันที และมักจะจ้องมองเธออยู่เสมอ (ออกจะเป็นความรักที่น่ากลัวสักนิดนึง) ทุกคืน ของเล่นต่างๆ จะออกมาคุยเล่นกัน ยกเว้นแต่ตุ๊กตาทหารที่แอบอยู่เงียบๆ จ้องมองตุ๊กตากระดาษสาวน้อยด้วยความรัก ก็อบลินและโทรลล์เพื่อนสนิทได้แอบเตือนว่า... สิ่งที่ฝันไว้อาจไม่เป็นจริงแต่ทหารดีบุกไม่ฟัง และแล้ววันหนึ่ง ทหารดีบุกก็ตกหน้าต่าง เด็กชายสองคนมาเจอเข้า ก็เลยจับมันลงในเรือกระดาษ แล้วลอยไป ทหารดีบุกจมน้ำ ปลามากลืนมันเข้าไป ต่อมาชาวประมงจับปลาได้และขายปลาให้ครอบครัวที่เป็นเจ้าของมัน แทนที่เจ้าของทหารดีบุกจะประทับใจว่า... มันได้กลับมาสู่บ้านอีกครั้ง พวกเขากลับโกรธแค้นและรำคาญใจจนตัดสินใจโยนมันเข้าไปในกองไฟ จะได้ไหม้ไปซะ และระหว่างที่ไฟกำลังไหม้ ตุ๊กตากระดาษสาวน้อยได้ทิ้งตัวลงมาในกองไฟ ทั้งคู่ก็มอดไหม้ไปพร้อมกัน ไหนใครอ่านแล้วรู้สึกว่าโรแมนติกบ้าง... แอดมินว่ามันโหดร้ายมากเลยนะ
ความรักของสองคนที่แตกต่าง 
 
สุดท้ายเหลือแค่หัวใจของทหารและเครื่องประดับผมของตุ๊กตากระดาษ
 
นักวิจารณ์หลายคนเชื่อว่าแอนเดอร์สันได้สร้างเนื้อเรื่องนี้โดยอ้างอิงจากชีวิตจริงของตน เขาเคยสมัครงานที่โรงละครแห่งหนึ่งแต่ถูกปฏิเสธ เพราะขาดทักษะ ต่อมาเขาก็ไปเรียนร้องเพลงและเต้นรำ แต่ก็ไปไม่ถึงไหน ความฝันยิ่งล่องลอยห่างไกล เหมือนกับทหารดีบุก ที่มีความฝันอยากใกล้ชิดกับตุ๊กตากระดาษสาวน้อย ทหารดีบุกไม่อาจบอกรักตุ๊กตากระดาษได้ เหมือนแอนเดอร์สันเอง ที่ใครๆ เชื่อว่าเขาแอบหลงรักทั้งเพศหญิงและชาย กับเพศหญิงก็หมดหวัง กับเพศชายก็ไม่อาจปริปากบอกใครได้ คงเพราะในอดีต ยังไม่มีความหลากหลายทางเพศและไม่มีการยอมรับในสิ่งเหล่านี้... จึงทำให้คนที่อยู่ในสถานการณ์นี้ ต้องทนเจ็บปวด เก็บความรักไว้แต่เพียงผู้เดียว 
 
นักวิจารณ์ยังเชื่อว่า แอนเดอร์สันต้องการสื่อสารว่า... สิ่งที่เกิดกับเขาไม่ใช่เรื่องผิดเลย เขาเองก็เหมือนทหารดีบุกที่เพียงแต่รักตุ๊กตากระดาษสาวจากใจ สิ่งที่ผิดคือสถานการณ์ต่างหาก ที่ทำให้เขาไม่อาจเปิดเผยความรู้สึกออกไปได้ และผู้คนรอบตัวก็ใจร้าย ไม่ยอมรับสิ่งที่เขาเป็น นอกจากนี้เราต้องไม่ลืมประเด็นเรื่อง “ขาขาด” ที่ดูเหมือนแอนเดอร์สันอยากจะสื่อว่า ความพิการก็เป็นอุปสรรคของหลายๆ อย่าง แม้ใจของทหารดีบุกจะเต็มร้อย แต่สภาพร่างกายที่ไม่ไหวทำให้มันไม่อาจเคลื่อนไหวได้แบบของเล่นอื่น จึงไม่อาจปีนป่ายไปหาตุ๊กตากระดาษสาวบนชั้นได้ดังใจ... รักต้องห้ามอันแสนเจ็บปวดของชายไม่สมประกอบกับหญิงสูงส่งจึงต้องจบลงด้วยความตาย... 
 
แต่ก็นั่นแหละ เทพนิยายคือความจริง และสิ่งที่แอนเดอร์สันเขียนก็คือความจริงนี่เอง และคงเพราะแบบนี้เราจึงควรให้ลูกๆ ของเราได้อ่านเทพนิยาย เพราะพวกเขาจะได้เข้าใจความจริงผ่านเนื้อหาเหล่านั้น 
       
ทีมงานนักเขียนเด็กดี
 
ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก 
http://www.andersen.sdu.dk/vaerk/hersholt/TheSteadfastTinSoldier_e.html
https://www.storynory.com/the-steadfast-tin-soldier/
https://www.chicagotribune.com/entertainment/theater/reviews/ct-ent-steadfast-tin-soldier-review-1122-story.html
https://www.bartleby.com/195/9.html
https://www.chicagoreader.com/chicago/the-steadfast-tin-soldier-lookingglass-theatre/Content?oid=63390590
https://www.tor.com/2018/11/08/passivity-and-turbulence-hans-christian-andersens-the-steadfast-tin-soldier/ 
https://www.shmoop.com/hans-christian-andersen/steadfast-tin-soldier.html 
http://www.surlalunefairytales.com/steadfasttinsoldier/notes.html 
https://www.123helpme.com/an-overlook-of-the-stead-fast-tin-soldier-preview.asp?id=225060 
 
ทีมงาน writer

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

ว่านสี่สิบทิศ Member 3 มี.ค. 62 21:58 น. 1

จำได้ค่ะ แต่ของ Disney Fantasia เปลี่ยนตอนจบให้เขาได้คู่กันรึเปล่า จำไม่ค่อยได้แล้ว

เมื่อก่อนดูบ่อยมากๆ

0
กำลังโหลด

2 ความคิดเห็น

ว่านสี่สิบทิศ Member 3 มี.ค. 62 21:58 น. 1

จำได้ค่ะ แต่ของ Disney Fantasia เปลี่ยนตอนจบให้เขาได้คู่กันรึเปล่า จำไม่ค่อยได้แล้ว

เมื่อก่อนดูบ่อยมากๆ

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด