EN09 Magiska มากิอาร์ เอกภพคู่ขนาน

จากเอกภพที่'ไมเคิล ชไวน์สไตเกอร์'อยู่ เอกภพ'มากิอาร์' ที่การใช้เวทย์มนตร์เป็นเรื่องปกติ เอกภพที่เขาใฝ่ฝันว่าตัวเองจะได้ไปอยู่ ในที่สุดทั้งสองเอกภพนี้ก็ได้เชื่อมเข้าหากันอย่างเป็นทางการแล้ว!

ผู้แต่ง

Airin_and_Arpo

0%

ตอนที่ 2/5 : บทที่ 2: เอกภพมากิอาร์ (Magiska)


บทที่ 2: เอกภพมากิอาร์ (Magiska)

ไมเคิล ชไวน์สไตเกอร์: เหมือนหลุดมาในหนังสือประวัติศาตร์หน้าที่154เลยล่ะ



ฤดูหนาวของเยอรมนีเป็นสิ่งที่ไมเคิลสาบานว่าจะไม่ออกจากบ้านเป็นครั้งที่สองของวันนี้ ร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มทิ้งตัวลงบนโซฟาขณะที่เอื้อมมือไปหยิบกองจดหมายที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นอย่างเบื่อหน่าย

“หืม?” นัยน์ตาสีฟ้าเหลือบเทาเบิกกว้างเล็กน้อยเมื่อเห็นซองจดหมายจ่าหน้าซองถึงตัวเอง พอพลิกซองก็เห็นตราสัญลักษณ์สีเลือดหมูน่าเกรงขาม ไมเคิลแกะซองอย่างรวดเร็ว


เรียน คุณ ไมเคิล เมธัส ชไวน์สไตเกอร์

ทางเรามีความยินดีที่จะแจ้งให้ทราบว่าคุณเป็นผู้ได้รับเลือกให้เข้าไปศึกษาต่อในสถาบันวิชาการทหารชั้นสูงแห่งมาร์กิออส อาร์มี่ โดยทางกระทรวงศึกษาธิการและการพัฒนาศักยภาพได้ให้การสนับสนุนเป็นทุนการศึกษาเต็มจำนวน เราจึงส่งจดหมายนี้เพื่อแจ้งให้คุณทราบ


สิ่งที่แนบมาด้วย

1.ตั๋วรถไฟโมโนเรลรูหนอน วันที่23 มกราคม A.E.3020

2.พาสปอร์ตและใบอนุญาตเข้าเขตแดน

3.เข็มกลัดแสดงตัว


ด้วยความเคารพ

สถาบันวิชาการทหารชั้นสูงแห่งมาร์กิออส อาร์มี่(Military University of Magiskos Army)



ลงนาม

ผู้บัญชาการทหารสูงสุดธอร์รอนกีล เกริค

(อธิการบดีสูงสุด)



ชายหนุ่มรู้แค่ว่ากล้ามเนื้อทุกส่วนเกร็งขึ้นมา มือเขาสั่นน้อยๆอย่างห้ามไม่อยู่

“ไมเคิล ทำอะไรอยู่” เสียงของมาร์กาเร็ตดังขึ้นจากหน้าประตูห้องนั่งเล่น

ไมเคิลเพิ่งรู้ตัวว่าอ้าปากค้างอยู่จึงรีบหุบ ก่อนนัยน์ตาสีฟ้าเหลือบเทาจะหันขวับไปมองที่แม่ของเขาอย่างรวดเร็ว

“แม่” เขารู้แค่ว่ามือสั่นตอนยื่นจดหมายให้แม่ดู

“จ้ะ” หญิงสาวหลบตาระหว่างที่พูดประโยคนั้นออกมา หากพอสายตาของเธอก้มมองส่งที่ลูกชายส่งมา “นี่มัน…” มารดาของเขาตีหน้าเครียดขึ้นมา

“ครับ” ไมเคิลพูด “แบบเดียวกับที่เมลิกเคยได้”

เมลิกคือน้องชายแท้ๆของไมเคิลที่จากบ้านหลังนี้ไปเมื่อสามปีก่อน เมลิกได้รับจดหมายฉบับนั้นในตอนที่เจ้าตัวอายุ13ปี ส่วนไมเคิล15ปี ในจดหมายนั้นบอกเล่าเพียงว่าเมลิกได้รับเลือกให้เข้าไปเรียนในโรงเรียน‘มาร์กิออส อาร์มี’ โรงเรียนทหารที่มีชื่อเสียงที่สุด

ในวันที่ได้รับจดหมายฉบับนั้น ชายหนุ่มแปลกหน้าที่ตามหลังมาเข้าไปคุยกับแม่ของเขาตามลำพังอยู่ครู่ใหญ่ จากนั้นแม่ก็สั่งให้เมลิกไปจัดกระเป๋าโดยที่ไม่อธิบายอะไรมากไปกว่าสิ่งที่ชายหนุ่มคนนั้นบอกพวกเขาเลย

“งั้นเหรอ” มาร์กาเร็ตทิ้งตัวนั่งลงข้างๆลูกชายของตน สีหน้าแฝงแววเศร้าสร้อยอย่างปิดไม่มิด “ในที่สุดก็ถึงตาของลูกแล้วสินะ”

ไมเคิลไม่พูดตอบอะไร แต่ชายหนุ่มเม้มริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย ตอนนี้เขายังคิดอะไรไม่ออก แต่รู้แค่ว่าเวลาของเขาในโลกไพ ไดแมนชั่นเหลืออีกไม่มาก


….

เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าแต่ก็รวดเร็วอย่างอธิบายไม่ถูกตามความรู้สึกของไมเคิล พอนึกถึงการไปเรียนในครั้งนี้ ชายหนุ่มก็อดหยิบจดหมายของน้องชายขึ้นมาอ่านไม่ได้ แม้จะเป็นข้อความสั้นๆ แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีข่าวคราวอะไร

แม่มาส่งเขาที่สถานีโมโนเรลในวันออกเดินทาง ไมเคิลลากกระเป๋าใบโตไปตามทางเดินหินอ่อนที่ทอดลากยาวไปจนถึงตัวสถานี เขามีแค่กระเป๋าลากใบใหญ่นี้กับกระเป๋าสะพายใบย่อมที่ใส่ของจิปาถะ

“ไม่ลืมอะไรแล้วนะลูก?” หญิงสาวหันมาถามเขาหลังจากที่มองไปรอบๆอย่างสนใจอยู่พักหนึ่ง

เอาตามความจริงสถานีรถไฟแห่งนี้ไม่ค่อยจะมีผู้คนให้เห็นสักเท่าไร ทางมากิอาร์จำกัดคนเข้าพิภพในแต่ละครั้ง สูงสุดครั้งละร้อยคน และจะอนุญาตให้เข้าก็ต่อเมื่อบุคคลนั้นเดินทางกับทัวร์ที่ทางฝ่ายนั้นจัดเตรียมไว้ให้เท่านั้น

“ครับแม่” ไมเคิลกระชับกระเป๋าแน่นขึ้น นาฬิกาที่ตอนนี้บอกเวลา8:39นาฬิกา

นัยน์ตาสีฟ้าเหลือบเทาเห็นรถไฟโมโนเรลเคลื่อนมาจอดเทียบชานชะลา รถไฟโมโนเรลรูหนอนเป็นยานพาหนะที่สองเอกภพได้จับมือกันสร้างขึ้นมาเพื่อความสะดวกในการเดินทาง รถไฟเป็นหัวกระสุนไรเฟิลความเร็วสูง ด้านรางรถเป็นท่อแก้วใสทรงรูหนอน เวลาเคลื่อนที่จะต้องใช้พลังงานสูงมากจนเหมือนว่ารถไฟโดนดูดเข้าไปในรูหนอนหากแต่ผู้โดยสารจะไม่รู้สึกถึงแรงดึงดูดมหาศาลนั่น

"รถไฟโมโนเรลรูหนอนจะออกเดินทางในอีก10นาที ขอท่านผู้โดยสารทุกท่านโปรดแสดงตั๋วที่นายสถานีได้ครับ" เสียงนายสถานีดังผ่านลำโพงดึงความสนใจของสองแม่ลูก

มาการ์เรตสบตากับบุตรชาย "ถึงเวลาของลูกแล้ว"

ไมเคิลยิ้มใหัมารดา ก่อนร่างสูงจะสวมกอดแน่น "ผมไปก่อนนะครับ"

"จ้ะ ฝากความคิดถึงถึงน้องด้วยนะลูก"

ร่างสูงพยักหน้า "ครับแม่"

ไมเคิลก้าวเท้าขึ้นรถไฟพร้อมกับผู้โดยสายภายในตัวรถไฟ เขาทิ้งตัวลงเบาะนุ่มๆริมหน้าต่างแต่ยังไม่ทันจะได้หลับตาเสียงเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาเสียก่อน

“หวัดดี” ไมเคิลหันกลับไปพบกับเด็กหนุ่มผมดำสนิท มีแว่นไร้กรอบอยู่บนหน้า

“เอ่อ หวัดดี” คนถูกทักพยักหน้าตอบไปแกนๆอย่างไม่รู้ว่าจะทำตัวอย่างไร

“นายเองก็เป็นนักเรียนทุนที่กำลังจะไปเรียนต่อที่นั่นเหมือนกันใช่ไหม” เด็กหนุ่มแปลกหน้าพูดพร้อมกับก้มลงมองกระเป๋าใบโตข้างตัวเขา เขาจึงสังเกตเห็นกระเป๋าใบขนาดๆพอกันของอีกฝ่ายเช่นกัน “ว่าแต่… นายชื่ออะไรล่ะ ฉัน ไคโตะ อากิระ” แม้สายตานั่นจะดูเฉยชาแต่เจ้าตัวก็ยังยื่นมือออกมาข้างหน้าให้เขา "มาจากญี่ปุ่น"

“เอ่อ ไมเคิล ชไวน์สไตเกอร์ จากบาวาเรีย เยอรมนีนี่ละ ยินดีที่ได้รู้จัก” เขาเอื้อมมือไปจับคนตรงหน้าตามมารยาท อีกฝ่ายพยักหน้ารับก่อนเสริม

"อ่า แต่นายดู..." อีกฝ่ายยังดูฉงนเล็กน้อย "เหมือนมีเค้าคนเอเชีย"

"อ้อ แม่ฉันเป็นลูกครึ่งไทย-เยอรมัน แต่ฉันเกิดและโตที่เยอรมนีน่ะ" ก็คงไม่แปลกอะไรถ้าเขาจะกระเดียดไปทางเอเชียบ้าง

"อ้อ อย่างนี้นี่เอง" หนุ่มญี่ปุ่นพยักหน้า "ฉันเคยไปเที่ยวประเทศไทย ทะเลสวยดี"

ส่วนเจ้าลูกเสี้ยวไทยยิ้ม "ใช่ๆ ฉันก็เคยไป"

คุยกันได้เพียงพักหนึ่งบรรยากาศรอบๆก็เริ่มเงียบลง แม้จะมีเสียงจากผู้โดยสารคนอื่นดังขึ้นมาประปรายบ้างแต่ก็ไม่มากเท่าไรเพราะทุกคนคงอยากจะเริ่มเก็บแรงไว้ใช้เมื่อถึงที่หมายแล้วมากกว่า พักต่อมาก็มีเด็กสาวที่ยืนเกาะกลุ่มกันสามคนเดินมาทักทายพวกเขาและแนะนำตัวง่ายๆ สรุปแล้วพวกเขาห้าคนเป็นนักเรียนทุนตามที่ข่าวออกนั่นเอง

"ฉันชื่อเบียธิคก์ ลินเดอร์แมน มาจากเชค" เด็กสาวที่เข้ามาทักพวกเขาก่อนแนะนำยิ้มๆ “ยินดีที่ได้รู้จักนะ”

ทักทายกันพอหอมปากหอมคอพวกเขาก็แยกกลุ่มชายหญิงกันอีกครั้งและหลังจากนั้นไม่ถึง5นาทีเสียงประกาศก็ดังขึ้น

"ขณะนี้รถไฟโมโนเรลรูหนอนกำลังจะเข้าเขตหน้าด่านของเอกภพมากิอาร์ขอให้ท่านผู้โดยสารนั่งประจำที่และรัดเข็มขัดนิรภัยให้เรียบร้อย ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือ"

เสียงเพลงคลอเบาๆถูกเปิดขึ้นเมื่อรถไฟชะลอตัวจอดเทียบชานชาลา จากความมืดมิดเมื่อครู่นอกหน้าต่าง ค่อยๆเผยภาพของด้านนอกให้เห็นแม้จะไม่ค่อยชัดเท่าไรแต่ก็ทำให้รู้แน่ชัดว่ามาถึงปลายทางแล้ว

ทันทีที่ก้าวขาออกจากรถโมโนเรล เขาก็รู้สึกถึงความแตกต่างของทั้งสองเอกภพทันที ตัวสถานีใหญ่โตโอ่อ่า ตัวตึกสร้างแบบสถาปัตยกรรมแบบนีโอ-เรอเนซองส์เพราะมีเสาแบบโครินเธียนส์แทรกอยู่ตามบานหน้าต่าง (หวังว่าคงจะถูกเพราะเขาก็ไม่ได้จบด้านสถาปัตยกรรมหรือพวกโบราณคดีสมัยยุคประวัติศาสตร์เสียด้วยสิ) ในโลกไพ ไดแมนชั่น สถาปัตยกรรมยุคประวัติศาสตร์แทบไม่มีให้เห็นแล้ว นอกจากพวกสถานที่อนุรักษ์น่ะนะ

“บรรยากาศนี่ยังกับหลุดมาอยู่ในหนังแน่ะ” เบียธิคก์พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

ไมเคิลลากกระเป๋าของตัวเองตามเด็กสาวที่เดินรวมกลุ่มอยู่ข้างหน้ากับเพื่อนๆ ด้านหน้าของพวกเขาเป็นห้องที่กั้นเป็นคอกๆด้วยไม้สไตล์ยุโรปโบราณมีคนนั่งอยู่ด้านในที่คาดว่าน่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ไมเคิลยื่นเอกสารให้เจ้าหน้าที่ และเมื่ออีกฝ่ายถามถึงเข็มกลัดแสดงตัว เขาก็ยื่นมันให้อีกฝ่ายดูอย่างรวดเร็ว

“นายไมเคิล เมธัส ชไวน์สไตเกอร์ผ่านการตรวจคนเข้าเมือง...เชิญไปทางซ้ายเพื่อต่อรถไฟท้องถิ่นสายหลักไปสถานีเซ็นทรัล โซน” เจ้าหน้าที่ผายมือไปทางซ้าย ไมเคิลก้มศีรษะให้ก่อนจะเดินลากกระเป๋าออกมาตามทางที่เจ้าหน้าที่บอก

เด็กหนุ่มมองไปรอบๆขณะเดินออกจากสถานีฝั่งโมโนเรลเข้ามาในส่วนของรถไฟท้องถิ่นที่อยู่ติดกัน เดินผ่านร้านค้าขนาดเล็กที่มีอยูประปรายในสถานีรถไฟ

ไมเคิลสังเกตเห็นว่าเมื่อพ้นมาจากสถานีโมโนเรล เริ่มมีกลุ่มคนที่ดูอายุรุ่นราวคราวหรือแตกต่างกว่าไม่มากนักกับเขาเดินสวนไปมา และเขาก็สังเกตเห็นว่าคนพวกนั้นก็มีกระเป๋าเดินทางใบโตหรือของสัมภาระมากมายข้างตัวเหมือนกัน

“ไปกันเถอะ ไมเคิล ขึ้นไปจองที่นั่งกันดีกว่า” ไคโตะว่า

รถไฟท้องถิ่นสายหลักของที่นี่เป็นรถไฟหัวรถจักรไอน้ำที่ไม่มีให้เห็นอีกแล้วในไพ ไดแมนชั่น นอกจากรูปภาพเท่านั้น

“ไม่เคยเห็นรถไฟแบบนี้มาก่อนนอกจากในรูปเลยนะเนี่ย” เขาชวนอีกฝ่ายคุยขณะก้าวเข้าไปในตัวรถ พอดีกับจังหวะที่เด็กหนุ่มอีกคนเบียดเข้ามา

ปุ!

แรงปะทะจากด้านข้างทำให้ไมเคิลหันไปมอง

“เอ่อ ขอโทษครับ พอดีเมื่อกี้มันลื่น” คนข้างตัวที่สองมือกำลังถือกระเป๋าใบใหญ่สองใบอย่างทุลักทุเล เด็กหนุ่มคนนี้มีเส้นผมสีน้ำตาลบลอนด์และนัยน์ตาสีเขียวมรกตอยู่หลังกรอบแว่นหนาเตอะสีดำ

“ไม่เป็นไร นายโอเคนะ?” เขาเอ่ยถามพร้อมกับเดินตามไคโตะไปแล้ววางกระเป๋าลากของตัวเองลงก่อนจะถาม “นั่งด้วยกันไหม? ตรงนี้พอมีที่ว่างอยู่”

“ขอบคุณครับ” เด็กหนุ่มผมน้ำตาลบลอนด์เดินมาสมทบกับไมเคิลและไคโตะ เด็กหนุ่มทั้งสองแนะนำตัวให้ผู้มาใหม่ง่ายๆ นัยน์ตาสีเขียวเบิกขึ้นเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าเขาสองคนมากจากเอกภพไพ ไดแมนชั่น

“ผมชื่อ เอเดรียน วอลเตอร์” เด็กหนุ่มยื่นมาออกมาข้างหน้าอย่างเป็นมิตร “รู้สึกยังไงบ้างกับที่นี่ ตื่นเต้นไหม”

“ตื่นเต้นสิ” ไมเคิลคลี่ยิ้มบางๆตอบกลับอีกฝ่าย

“ผมได้ยินว่าที่โลกไพ ไดแมนชั่นไม่มีเวทมนตร์” เขาพูดสาวต่อด้วยท่าทีสนใจ “จริงรึเปล่าครับ”

“จริงสิ” เขาว่า “เรื่องเวทมนตร์อะไรนี่น่ะ มีอยู่แต่ในนิทานเท่านั้นแหละ เอ่อ ถ้าพูดให้ถูกก็คือ‘เคย’มีอยู่แต่ในนิทาน แต่ตอนนี้พอรู้ว่ามันมีอยู่จริง ก็เลยรู้สึกว่าน่าตื่นเต้นสุดๆไปเลยละ”

เอเดรียนชวนอีกฝ่ายคุยเรื่องอื่นๆอย่างกระตือรือร้น ไมเคิลเองก็รู้สึกสนุกและตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อยๆเพราะได้รู้ถึงสิ่งที่เขาไม่เคยรู้มาก่อน แล้วข้อมูลบางอย่าง ถึงจะได้ศึกษาก่อนมาที่มากิอาร์บ้าง แต่พอรู้จากปากของคนที่นี่จริงๆมันกลับทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นยิ่งกว่า

รถไฟที่พวกเขานั่งอยู่ค่อยๆชะลอความเร็วลงพร้อมกับเสียงประกาศชื่อสถานีที่กำลังจะจอดเทียบท่า ทันทีที่ประตูรถไฟเปิด คนจากแทบทั้งขบวนก็ลงที่สถานีนี้ เสียงเอะอะดังขึ้นจากฝั่งพวกเด็กๆที่คงเพิ่งจากบ้านมาเป็นครั้งแรกจึงได้ดูตื่นเต้นเป็นพิเศษ

ไมเคิลลากกระเป๋าตามเอเดรียนที่เดินนำเขาไปก่อน ก่อนจะชะงักนิดหน่อยเมื่อเห็นว่ากลุ่มของเบียธิคก์กำลังยืนอยู่กับสุภาพสตรีวัยกลางคนคนหนึ่ง และเมื่อเด็กสาวสังเกตเห็นเขา เจ้าหล่อนก็โบกมือเรียกเขาหยอยๆ

“ไมเคิล ไคโตะ ทางนี้ๆ เขาบอกว่าคนที่มาจากไพให้มารวมกันทางนี้ก่อน”

ไมเคิลพูดตอบรับอีกฝ่ายก่อนจะหันไปบอกขอตัวกับเพื่อนต่างเอกภพคนใหม่ของเขา เอเดรียนพยักหน้าให้เขาก่อนจะผละจากไป เขาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของหญิงวัยกลางคนที่มีเส้นผมสีดำมัดรวบอยู่ด้านหลัง ในมือของหล่อนที่แผ่นกระดาษที่คงเอาไว้เช็กชื่อพวกเขา

“มากันครบแล้วสินะ พวกเธอ ขอต้อนรับเข้าสู่เอกภพมากิอาร์ ตอนนี้พวกเธออยู่ที่เขตปกครองทหารกันนาร์ ซึ่งเป็นที่ที่มหาลัยที่พวกเธอกำลังจะเข้าไปเรียนตั้งอยู่” พูดพลางมองหน้ากับผู้มาเยือนต่างเอกภพทั้งห้าอย่างประเมิน “หวังว่าพวกเธอคงไม่มีปัญหาอะไรกับการเดินทางมาที่นี่ เอาละ ในเมื่อเธอเอาตราที่ได้รับจากทางโรงเรียนยืนยันแล้วเราก็ไปกันเลยดีกว่า อีกไม่นานพิธีปฐมนิเทศก็จะเริ่มแล้ว พวกเธอยังต้องเอาของไปเก็บในหอพักอีก”

พวกเขาไม่มีเวลาตื่นตาตื่นใจกับตัวเมืองโดยรอบนักเพราะต้องรีบจ้ำเท้าตามคนข้างหน้าไปอย่างรวดเร็ว

คนที่มากับพวกเขาก็สั่งให้เอาสัมภาระไปวางรวมไว้ที่ห้องโถงกลางของหอก่อนจะให้รุดหน้าต่อไปยังห้องโถงใหญ่ที่ใช้เป็นสถานที่รวมตัวกันของคนทั้งมหาลัย และไมเคิลก็รับรู้ได้อย่างรวดเร็วว่าที่นี่ถูกแบ่งเขตระหว่างมหาวิทยาลัยกับมัธยมไว้อย่างชัดเจน

ไมเคิลหันมองนักเรียบรอบๆขณะที่ขาทั้งสองข้างก้าวยาวๆ เขาสังเกตเห็นว่านักเรียนส่วนใหญ่ในชุดยูนิฟอร์มของมหาลัยซึ่งเป็นสีขาวทั้งตัวพร้อมกับรองเท้าบู๊ทยาวครึ่งเขาสีดำสนิท ผิดกับนักเรียนอีกกลุ่มที่เป็นนักเรียนมาใหม่ซึ่งจะยังอยู่ในชุดไปรเวท

พวกเขาทั้งห้าถูกจัดให้นั่งอยู่บริเวณหน้าของห้องโถงที่มีเก้าอี้เรียงเป็นแถวอย่างเป็นระเบียบ ไมเคิลสังเกตเห็นว่าในแต่ละชั้นปีถูกแบ่งออกอย่างชัดเจนจากการจัดวางเก้าอี้โดยทางฝั่งซ้ายสุดไล่มา ตรงที่เขานั่งเป็นของชั้นปี1แล้วไล่ไปทางขวาเป็นชั้นปี2 3 4ไปเรื่อยๆ

“เดี๋ยวพอพิธีเริ่มพวกเธออาจจะต้องขึ้นบนเวที” หญิงสาวคนเดิมย้อนกลับมาพร้อมกับบอกพวกเขาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ไมเคิลสังเกตเห็นท่าทีแตกตื่นของเบียธิคก์หน่อยๆ “ไม่ต้องกังวลไปหรอก ก็แค่ขึ้นไปยืนครู่เดียวเท่านั้นแหละ แล้วจะมีคนพูดเรื่องของพวกเธอเอง”

ไมเคิลมีเวลาหันมองไปรอบๆห้องโถงอย่างตื่นตาตื่นใจ เขาสังเกตเห็นชายวัยกลางคนในเครื่องแบบทหารเต็มยศก้าวเข้ามาในห้องโถงตรงไปที่เก้าอี้ตัวสวยที่ตั้งเด่นอยู่หน้าสุด เขารู้สึกถึงความภูมิฐานและมีอำนาจของอีกฝ่าย เขารู้สึกเหมือนอีกฝ่ายหันมาสบตาเขาแวบหนึ่งซึ่งเขารู้สึกขนลุกชันอย่างประหลาด แต่คิดอีกทีเขาคงไปเองนั่นแหละ

เขานั่งลงบนเก้าอี้ที่เหลือว่างอยู่ที่เดียวของตัวเอง พวกบรรดาอาจารย์คนอื่นๆทักทายเขาเล็กน้อยก่อนเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ยืนอยู่บนแท่นสำหรับการกล่าวปราศัยจะเริ่มพูดเปิดงาน

อีกฝ่ายแนะนำตัวเองสั้นๆว่าเป็นประธานนักเรียนและอยู่ศึกษาอยู่ในปีที่4 ก่อนจะเอ่ยคำพูดที่อยากฝากถึงเด็กใหม่ทุกคนสั้นๆแล้วกล่าวขอให้อธิการบดีสูงสุดคือ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดธอร์รอนกีล เกริค ขึ้นมากล่าวเปิดพิธี

ธอร์รอนกีลเป็นชายหนุ่มวัยกลางคนที่ประเมินจากสายตาน่าจะอายุประมาณห้าสิบปลายๆ เขามีสายตาเฉียบคมและบรรยากาศรอบตัวที่ชวนให้ผู้คมรู้สึกเกรงขาม

ชายหนุ่มกล่าวต้อนรับนักเรียนเก่าที่หวนกลับมาจากการปิดเทอม เอ่ยทักทายนักเรียนใหม่และอธิบายวิสัยทัศน์ของโรงเรียนอย่างสั้นๆราวกับไม่อยากใช้เวลาบนเวทีนี้นานจนเกินไป

“...ในปีนี้ก็เช่นกัน เรามีนักศึกษาจากต่างเอกภพที่จะเข้ามาเรียนร่วมกับเรา” ธอร์รอนกีลกล่าว “ฉันรู้ดีว่านักศึกษากลุ่มนี้ไม่ใช่นักศึกษากลุ่มแรกที่ได้เข้ามาศึกษาที่มาร์กิออส ยูแห่งนี้

“อย่างไรก็ตาม พวกเขาได้เข้าเรียนที่นี่ด้วยทุนการศึกษาที่ทางกระทรวงศึกษาธิการและการพัฒนาศักยภาพได้รวมมือกับทางรัฐบาลของเอกภพ ไพ ไดแมนชั่น ซึ่งเป็นนักศึกษากลุ่มที่สามที่ได้รับทุนการศึกษานี้ และแน่นอน เพื่อให้ความสัมพันธ์ของโลกทั้งสองเติบโตไปในทางที่ดีขึ้น ฉันคิดว่ามันคงเป็นการดีที่พวกเธอทุกคนจะปฎิบัติตัวดีกับพวกเขา เพราะหลังจากนี้ไป พวกเธอทั้งหมดจะถือเป็นนักเรียนในโรงเรียนเดียวกันแล้ว”

ไมเคิลได้ยินเสียงแฝงด้วยความไม่พอใจดังขึ้นเบาๆ เขาหันกลับไปมองตามต้นเสียง เด็กหนุ่มที่นั่งอยู่บริเวณด้านหลังเขาห่างไปเล็กน้อยในกลุ่มเด็กปี1เหมือนกัน เจ้าตัวมีเส้นผมสีแดงสด นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มราวกับน้ำทะเลลึกสบเข้ากับตาเขาอย่างจัง และอีกฝ่ายก็เลิกคิ้วให้เขาก่อนจะมองด้วยสายตา…เหยียดหยาม

เด็กหนุ่มผมดำเลิกคิ้ว จนไคโตะสะกิดเขาให้ลุกออกจากเก้าอี้ เขาสาวเท้าตามคนอื่นๆออกไป ยืดตัวตรงขึ้นเมื่ออยู่บนกลางเวที อธิการบดีแนะนำชื่อของพวกเขาตามลำดับและเมื่อมาถึงชื่อสุดท้ายซึ่งก็คือชื่อเขา

"และนักเรียนทุนคนสุดท้ายคือ...ไมเคิล เมธัส ชไวน์สไตเกอร์"

ไมเคิลจึงโค้งตัวลงต่ำเล็กน้อยเพื่อทักทายเหมือนกับที่คนก่อนๆหน้าทำมา แต่ครั้งนี้… เขากลับรู้สึกถึงเสียงกระซิบที่ดังยิ่งกว่าตอนที่อธิการบดีธอร์รอนกีลประกาศเรื่องพวกเขาห้าคนเสียอีก

“อะไรนะ?!”

“ได้ยินนามสกุลเจ้าเด็กใหม่นั่นไหม!”

“หมอนั่นนามสกุลชไวน์สไตเกอร์ล่ะ!!”

เสียงดังเซ็งแซ่อื้ออึงไปทั่วห้องโถงใหญ่ จนอธิการบดีสูงสุดต้องกระแอม

“เอาละ” ชายหนุ่มพูดตัดบท “ถ้าอย่างนั้นก็ขอจบพิธีปฐมนิเทศลงแต่เพียงเท่านี้”

แล้วเขาก็เดินลงจากเวทีไป หลังจากนั้นเป็นประธานนักเรียนที่ขึ้นมาบอกให้นักเรียนทุกชั้นปีตรงกลับหอเลย

“เฮ้ พวกนาย หวัดดี ทุกอย่างเรียบร้อยดีนะ? พร้อมจะไปที่หอกันเลยไหม?” ชายหนุ่มผู้มีนัยน์ตาสีน้ำตาลดำและเรือนผมสีดำเอ่ยถามขึ้นด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร ด้านหลังของเขามีคนกลุ่มหนึ่งยืนอยู่ “ฉันชื่อเควิน ปีสาม เป็นนักเรียนทุนเหมือนกัน แล้วก็เป็นเหมือนประธานกลุ่มนักเรียนทุนเช่นกัน ยินดีที่ได้รู้จักนะ”

คนข้างหลังที่เหลืออีกสี่คนพูดแนะนำตัวเองพอสังเขป คนหนึ่งเป็นรุ่นพี่ปีสามเหมือนกับเควิน สองถึงสามคนอยู่ปีสอง ซึ่งในบรรดารุ่นพี่ทั้งห้าคนนี้ มีคนเดียวเท่านั้นที่เป็นผู้หญิง

“เอาละ ฉันรู้ว่าพวกนายคงมีคำถามเกี่ยวกับการใช้ชีวิตอยู่ที่นี่มากมาย แต่ก่อนอื่นเรากลับไปที่หอของพวกนายกันก่อนเถอะ แล้วค่อยๆเดินคุยกันไปก็ได้ แล้วอีกอย่าง… ถึงยังไงหลังจากนี้พวกเราก็ตั้งใจจะอธิบายให้ฟังทุกเรื่องอยู่แล้ว!”

กลุ่มนักศึกษาที่มาจากไพ ไดแมนชั่นจึงเริ่มเดินออกมาจากตัวห้องโถงออกมาบริเวณด้านนอกกันเป็นกลุ่ม

“นาย ไมเคิล สินะ? ชไวน์สไตเกอร์เนี่ย นามสกุลจริงๆของนายใช่ไหม?” เควินถาม

“ครับ” ไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาต้องใช้นามสกุลปลอมนี่

“แล้ว… ชื่อกลางของนาย เมธัสน่ะ ชื่อไทย?”

“เสี้ยวน่ะครับ แม่ผมเป็นลูกครึ่งไทย-เยอรมัน”

“อย่างนี้นี่เอง คือจริงๆแล้วฉันเป็นคนไทยน่ะ ดีจัง” พูดพลางหัวเราะออกมาเบาๆ “เออ ลืมบอกไป ชื่อไทยฉันคือกวินทร์ แต่เรียกเควินก็ได้”

“ครับ” ไมเคิลเรียกตอบรับ พวกเขาทั้งกลุ่มกำลังเดินผ่านลานกลางแจ้งซึ่งเป็นทางผ่านเพื่อไปที่หอของพวกเขา “เควิน นามสกุลผมมันมีปัญหาอะไรหรือเปล่า”

“ก็ไม่มีอะไรหรอก แค่นามสกุลนายดันเหมือนกับประธานนักเรียนคนดังของฝั่งมัธยมน่ะ เมลิก ชไวน์สไตเกอร์ คนเขาเลยฮือฮากันยังไงล่ะ”

“คุณหมายถึงเมลิก?” ไมเคิลเลิกคิ้ว

“ใช่ อย่าบอกนะว่านายกับหมอนั่น…”

“หมอนั่นเป็นน้องชายของผมเอง ไม่คิดว่าหมอนั่นจะเป็นประธานนักเรียน”

“เมลิกนี่ใครกัน?” เบียธิกค์ถามขึ้นอย่างอยากรู้อยากเห็น

"น้องชายฉันน่ะ ไว้เจอกันแล้วจะแนะนำให้พวกนายรู้จักนะ"

"เฮ้ เควินๆ ดูดิ" รุ่นพี่ที่ชื่อว่าคริสหันมาสะกิดเควินพร้อมกับชี้ไม้ชี้มือไปที่เด็กสาวคนหนึ่งที่มีเส้นผมสีน้ำตาลเข้มออกดำยาวจนถึงกลางหลัง แต่สิ่งที่ทำให้ผู้คนหันไปมองหล่อนด้วยความสนใจคือหน้ากากที่เจ้าตัวใส่เอาไว้ต่างหาก

"เด็กคนนั้น... ปีหนึ่งนี่?" เควินพูด สังเกตจากเสื้อผ้าที่ไม่ใช่เครื่องแบบของมหาลัย

"เออ ประหลาดชะมัดเลยแฮะ ทำไมต้องใส่หน้ากากเดินไปเดินมาด้วยวะ" เด็กหนุ่มอีกคนพูดด้วยท่าทีสนใจ "สงสัยอยากซ่อนใบหน้าสวยๆนั่นไว้ใต้หน้ากากละมั้ง"

"เพ้อเจ้อไปเรื่อยนะนาย" เควินส่ายหน้าอย่างเอือมระอาก่อนจะก้าวเท้านำคนอื่นๆไปต่อ ในขณะที่คนข้างหลังยังคงฝอยหาตะเข็บต่อไป


"เดี๋ยวพอเรากลับหอแล้ว พวกนายต้องเอาของไปเก็บที่ห้องก่อน” เควินเอ่ยขึ้นเมื่อพวกเขาทั้งหมดเดินมาถึงหน้าหอแล้ว

“พวกนายต้องไปดูว่าได้อยู่ห้องไหน แล้วไปเซ็นชื่อเอาตราเข้าหอด้วย เสร็จแล้วพอเอาของไปเก็บพวกฉันจะอธิบายรายละเอียดต่างๆในแคมปัสให้ หอหญิงอยู่ฝั่งนี้ หอชายอยู่ฝั่งนี้ รีบไปรีบมาละ แล้วมาเจอกันตรงนี้”

ไมเคิลได้รับแผ่นหินบางๆขนาดเล็กกว่าฝ่ามือเล็กน้อย โดยที่ด้านในมีวงแหวนเวทสลักเอาไว้ คนที่ให้กุญแจเขามาบอกว่าพอทาบเจ้าแผ่นนี้ลงบนสัญลักษณ์ที่เหมือนกันข้างประตู ประตูก็จะเปิดออก รูปแบบเหมือนกันใช้ไอดีการ์ดเพื่อปลดล็อกประตูที่เอกภพของเขา เพียงแต่อันนี้ใช้เวทมนตร์แทน

หอด้านในมีห้องโถงใหญ่ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้วห้องนั่งเล่น ห้องครัว ห้องสมุดและทำงานเล็กๆรวมกัน

เขาลากกระเป๋าเข้าไปไว้ในห้อง มีเตียงสองชั้นสองหลังที่ติดอยู่คนละฝั่งของกำแพง มีโต๊ะตัวใหญ่พร้อมเก้าอี้สี่ตัวอยู่ถัดขึ้นไปอีกหน่อย สังเกตเห็นสัมภาระของเพื่อนร่วมห้องอีกสองคนที่ถูกเอามาวางไว้ในห้องเรียบร้อยแล้ว

“ไปกันเถอะ ไมเคิล พวกรุ่นพี่รออยู่นะ” ไคโตะหันกลับมาเร่งเขาหลังจากที่เลือกมุมเตียงของตัวเองและวางของเสร็จเรียบร้อย คนถูกเรียกพยักหน้ารับ และทันทีที่ก้าวขาออกจากห้อง เขาก็พบเพื่อนร่วมห้องพอดี

เด็กหนุ่มผมแดงนัยน์ตาสีน้ำเงินคนนั้น ในมือของเขามีเครื่องแบบสีขาวหลายชุดที่ดูเหมือนเจ้าตัวจะเพิ่งได้มา เมื่อคนทั้งสองเห็นหน้ากันต่างฝ่ายก็ต่างเบิกตาของตัวเองกว้างขึ้นอย่างตกตะลึง ก่อนจะลอบถอนหายใจ

“นาย!” คนผมแดงร้องขึ้นมาอย่างไม่พอใจ “อย่าบอกนะว่านายเองก็อยู่ห้องนี้ ให้ตายเหอะ นี่ฉันต้องอยู่ห้องเดียวกับพวกที่มาจากไพจริงๆเหรอเนี่ย! ไม่อยากจะเชื่อเลย ซวยเป็นบ้า”

“ว่าไงนะ” คนมาจากไพขมวดคิ้วฉับ “เสียมารยาทจริงๆ”

“ไมเคิล ไปกันเถอะ” ไคโตะที่เดินนำเขาไปพอสมควรแล้วหันกลับมาเรียก นัยน์ตาสีดำหลังเลนส์แว่นฉายแววไม่พอใจ บ่งบอกว่าเขาเองก็ได้ยินสิ่งที่คนผมแดงพูดเช่นกัน แต่ไม่อยากจะใส่ใจ เด็กหนุ่มผมแดงมองพวกเขาทั้งสองด้วยสายตาไม่ชอบใจก่อนจะเดินกระแทกไหล่เขากลับเข้าห้องไป

“พวกบ้าๆน่ะ อย่าไปสนใจเลย” เด็กหนุ่มผมดำพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่ไมเคิลจับความไม่พอใจในน้ำเสียงนั้นได้ “พวกใจแคบ ไม่ว่าไปที่ไหนก็มีอยู่จริงๆ”

พวกเขาสองคนเดินไปสมทบกับรุ่นพี่ทั้งห้าที่กำลังชวนคุยกันเรื่องวิชาเรียน พวกผู้หญิงอีกสามคนตามมาหลังจากนั้นไม่นาน จากนั้นพวกเขาทั้งสามก็เริ่มก้าวออกจากหออีกครั้ง

“เดี๋ยวจะพาพวกนายไปซื้อเครื่องแบบก่อน แล้วก็… พวกหนังสือเรียนกับอุปกรณ์ที่จำเป็นไว้ค่อยรอซื้อหลังจากที่ทางมหาลัยส่งใบสิ่งของที่จำเป็นที่ต้องซื้อมาให้ทีหลังก็ได้ ไอ้ใบนั่นน่าจะส่งให้พวกนายวันพรุ่งนี้นั่นแหละ”

เควินพาคณะของเขาไปที่ยูเนี่ยน โดมก่อนเป็นที่แรก มันคือศูนย์รวมร้านค้าต่างๆทั้งร้านหนังสือ ร้านขายของสด ร้านขายยา ร้านที่ขายเครื่องแบบ พวกเขาแวะไปที่ร้านนี้ก่อนเป็นอันดับแรก วัดขนาดตัวและได้ชุดยูนิฟอร์มเป็นเสื้อแขนยาว คอปกตั้ง กางเกงขายาว ส่วนของผู้หญิงเลือกได้ทั้งแบบกางเกงและกระโปรง แล้วแต่ความถนัดของผู้สวมใส่

ร้านถัดไปเป็นร้านที่เหมือนร้านโชห่วยขายสากกะเบือยันเรือรบในไชน่าทาวน์ในบ้านเกิดเขาชะมัดยาด คือขายตั้งแต่ช้อนส้อมยันคทารูปร่างแปลกตา

“อันนี้ร้านขายเจมิไน เป็นอุปกรณ์สำหรับใช้เวทมนตร์… อธิบายให้เข้าใจยากเหมือนกันแฮะ เอาเป็นว่าถ้าพวกนายอยากใช้เวทมนตร์ในชีวิตประจำวัน พวกนายก็จำเป็นต้องใช้เจมิไนนี่แหละเป็นตัวเรียกเวทมนตร์ของพวกนาย ก็เป็นเหมือนสื่อกลางระหว่างตัวผู้ใช้เวทและคาถาน่ะนะ แต่ทางโรงเรียนน่าจะให้พวกนายคนละอันแล้วนะ ที่เป็นเข็มกลัดไง ตอนฉันมาปีแรกก็ได้อันนั้นมาใช้ก่อน แล้วพอฝึกแบบพื้นฐานจนชำนาญแล้วค่อยเปลี่ยนเป็นอันที่ดีๆหน่อย”

ไมเคิลสังเกตเห็นว่าเจมิไนที่รุ่นพี่พูดถึงมีรูปร่างที่แตกต่างไปหลายแบบ ราวกับว่ามันสามารถอยู่ในรูปลักษณ์ใดก็ได้ ทั้งพวกประดับพวกสร้อยคอ กำไลข้อมือ แหวน ต่างหู หรือแม้แต่ของใช้ทั่วๆไปอย่างกระจก แว่นตา ช้อน ส้อม

ร้านถัดมาเป็นร้านขายอาวุธ จากที่เขามองผ่านๆ ในร้านนั้นมีขายทั้งดาบ มีด และแม้กระทั่งปืน

พวกเขาทั้งหมดเดินไปจนถึงบริเวณที่ห่างไกลจากตัวสิ่งก่อสร้างทั้งหลายแหล่มาพอสมควร สิ่งที่เห็นคือโดมสีขุ่นที่ใหญ่มหึมาจนน่าตกใจ

“เอาละ พื้นที่จากตรงนี้ไปจะเป็นพื้นที่สำหรับภาคปฎิบัติของนักเรียนทุกคน ที่มาร์กิออสน่ะ นอกจากหลักสูตรภาคทฤษฎีที่ต้องเรียนในห้องเรียนแล้ว พวกนายจะต้องมีหน่วยเป็นของตัวเอง แล้วหน่วยของพวกนายก็จะเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าหน่วยของพวกนายมีความสามารถอยู่ในระดับไหน โดยที่ทางมหาลัยจะมีการจัดอันดับในแต่ละชั้นปีในทุกครั้งที่พวกนายลงสนาม แล้วก็… นอกจากจัดอันดับของหน่วยแล้วยังมีจัดอันดับแบบรายคนด้วยนะ สำหรับคนที่มีทักษะด้านปฎิบัติสูงๆหน่อยก็เลื่อนอันดับขึ้นไม่ยาก”

“ว่าแต่… หน่วยหนึ่งเนี่ย มีสมาชิกกี่คนเหรอครับ” ไคโตะเอ่ยถามอย่างสงสัย

“จำนวนสมาชิกขั้นต่ำคือ3คน สูงสุดคือ6คน แต่ส่วนมากแต่ละหน่วยก็มี5-6คนนั่นแหละ เพราะมีคนน้อยมันก็เสียเปรียบหน่วยอื่นเขา แต่ถึงจะพูดอย่างนั้น ผลสุดท้ายทางมหาลัยก็เป็นคนคัดเลือกหน่วยให้อยู่ดีๆ ไม่มีสิทธิ์เลือกหรอก” เควินพูดกลั้วหัวเราะ “งั้นก็… ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็ไปต่อกันเลยแล้วกันนะ”

อธิบายเสร็จสรรพ คนเป็นรุ่นพี่ก็เปิดประตูโดมเข้าไป ลมหนาวแสบกระดูกปะทะเข้ามา เสียงสายลมเสียดเข้าแก้วกูจนปวดหนึบ ไมเคิลแทบลืมตาไม่ขึ้นเพราะลมหนาวที่มาพร้อมๆกับพายุหิมะ ภาพที่เห็นตอนนี้ทั้งหมดเป็นเหมือนพวกเขาอยู่บนยอดเขาที่กำลังเผชิญกับพายุหิมะกระหน่ำไม่หยุด

“สนามพายุหิมะเหรอ” เควินตะโกนแข่งกับเสียงลมอย่างไม่สบอารมณ์ “อย่าบอกนะว่าวันนี้วันเทสต์สนาม ปกติแล้วมันน่าจะปิดอยู่ไม่ใช่เหรอ”

“สงสัยจะเทสต์สนามว่ะ” คริสเอ่ยตอบด้วยสีหน้าเหยเก “จะยังไงก็ช่างเถอะ รีบไปจากตรงนี้กันก่อนดีกว่า”

หากทั้งกลุ่มยังไม่ทันได้ก้าวต่อไปไหน รอบๆตัวพวกเขาก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง

กลิ่นหอมอ่อนๆของพันธ์พร้อมกับสายลมเอื่อยๆ แสงแดดอุ่นๆที่ส่งสว่างแทรกตามต้นไม้ใหญ่สีเขียวชะอุ่ม ทำให้รู้สึกสดชื่นไปด้วย

"อย่าเพิ่งตกใจไป" เห็นรุ่นน้องทำหน้าเหวอกันทุกคน เควินจึงอธิบาย "จะอธิบายให้ฟัง...ที่นี่คือ 'ไฟเตอร์ ฟิลด์ (fighter field)' เป็นที่ฝึกภาคปฏิบัติ ที่นี่ถูกจำลองเป็นสนามรบตามสภาพภูมิประเทศโดยเวทมนตร์ พวกนายคงรู้ใช่ไหมว่ามหาวิทยาลัยนี้คือมหาวิทยาลัยทหารเพราะฉะนั้นการฝึกซ้อมรบ ฝึกทหารเป็นเรื่องปกติ...การเป็นทหารนั่นหมายถึงพวกเราจะต้องปรับตัวให้เข้ากับทุกสถานการณ์และไม่ว่าสภาพอากาศ ภูมิประเทศจะเป็นอย่างไร พวกเราก็ต้องอยู่รอด อย่างเมื่อกี้ที่พวกนายเจอคือสนามรบเขตภูเขาน้ำแข็งและเขตป่าเขตร้อน" เควินเฉลย

“งั้นตอนฝึกปฏิบัติ ต้องเจอแบบนี้ตลอดใช่มั้ย?” ไมเคิลถาม แม้ยังจะขยาดกับสภาพอากาศสุดพิลึกเมื่อครู่

“คงต้องตอบว่าใช่” เควินยิ้ม “ในวิชาภาคปฏิบัติ ครูฝึกประจำหน่วยของนายจะเป็นคนกำหนด แต่ถ้าเป็นการฝึกนอกรอบด้วยตัวเองก็สามารถเลือกสนามฝึกได้”

“ไม่เห็นน่าสนุกเลย” หนึ่งในกลุ่มของไมเคิลพูด

“เดี๋ยวพวกนายก็จะชินกับมัน ไม่ต้องกังวลไปมากมายหรอก” เควินพูดสรุป “เอาละ ถ้าไม่มีคำถามอะไรแล้ว เราไปกันต่อเถอะ”



Magiska มากิอาร์ เอกภพคู่ขนาน

ผู้แต่ง : Airin_and_Arpo


Comment จากกรรมการ

#1 Enter Books Editor Team

สวัสดีค่ะ

จังหวะดี อ่านง่าย ฉากต่อสู้น่าสนใจและปิดได้มีพลังดี

ว่าไปแล้ว แต่ละโซนของมากิอาร์นี่ใหญ่แค่ไหน เท่าประเทศในไพหรือเปล่า การแบ่งโซนเหมือนผ่านการจัดระบบมาแล้ว (อาจจะด้วยพลัง?) เพราะแยกแยะชัดเจน ที่ปลูกพืชก็ปลูกพืช น้ำก็ส่วนน้ำ เป็นการแยกที่เห็นการจงใจจัดระเบียบ หรือว่านี่คือส่วนเมือง ยังมีส่วนที่เป็นธรรมชาติกว่านี้แยกออกไป (ทางนี้ก็คิดไปเรื่อยๆ)

หวังว่าจะได้อ่านตอนที่ 6 นุ :)

ลวิตร์

Comment จากกรรมการ

#2 กองบรรณาธิการสนพ. Enter Books

สวัสดีคร้าบ~

ตอนแรกที่อ่านบทนำ แลดูเป็นมิตรภาพระหว่างพี่น้อง บทต่อๆ มาเริ่มกลายไปเป็นมิตรภาพระหว่างเพื่อน เฮียรอซีนคุณน้องชายอยู่นะครับ 555 อ่อ เรื่องสนุกอ่านเข้าใจง่ายสไตล์ รร.(มหาลัย) เวทมนตร์ แคแร็กเตอร์ตัวละครและพลังหลากหลาย สนุกดีครับผม

นี่เฮียเอง

ความคิดเห็นล่าสุด

Page 1 of 2 1 2
  • ความคิดเห็นที่ 25

    Airin_and_Arpo
    • Name : Airin_and_Arpo < My.iD > [IP] 126.62.156.102
    • 1 เมษายน 2559 / 21:12
    คุณยาฟุ: ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์และการติดตามที่สม่ำเสมอนะคะ//กอดแน่น// เวอร์ชันนี้เดินเรื่องแบบติดจรวดมากจริงๆค่ะ 55555 ตอนนี้การแข่งก็โค้งสุดท้ายแล้ว แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ ตอนต่อๆไปจะยังลงหน้านิยายตามเดิม รอติดตามต่อได้เลยยยย อิอิ แอบคิดเหมือนกันว่าตอน5นี้จะทำให้คนอ่านหน้าเก่าแบบ What!!!? อะไรทำนองนี้ ปฏิกิริยาของคุณยาฟุดีมากเลยค่ะ 555555

    คุณJoker: ขอบคุณที่มาติดตามและเป็นกำลังใจให้ตลอดนะคะ TwT กำดำเนินเรื่องนี่เป็นไปแบบ บินฉิวมากกก หลังจากนี้จะเอาตอนต่อๆไปลงหน้านิยายตามเดิมค่ะ ยังไงก็ฝากติดตามต่อไปด้วยนะคะ ฝากตามไปให้จบเรื่องเลยค่ะ 555555

    คุณลวิตร์: ขอบคุณสำหรับโอกาสในการแข่งครั้งนี้ให้มากๆนะคะ สนุกมาก แล้วก็รู้สึกได้พัฒนาตัวเองไปเยอะมากจริงๆ ขอบคุณสำหรับคำแนะนำและคอมเม้นท์ต่างๆ ถ้าการแข่งนี้จบลงแล้ว ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นยังไงก็ตั้งใจจะเขียนต่อไปจนจบค่ะ ตอน6ก็จะลงในหน้านิยายของตัวเองที่สร้างไว้หลายเดือนมาแล้ว ตั้งมั่นมากว่าจะไม่ทิ้งนิยายเรื่องนี้ ขอบคุณที่ตามอ่านมาตลอด5ตอนนะคะ หวังว่าคุณลวิตร์จะได้อ่านและสนุกไปกับตอน6ของเราต่อเช่นกันค่ะ^^

  • ความคิดเห็นที่ 24

    Enter Books Editor Team
    • Name : Enter Books Editor Team < My.iD > [IP] 202.176.173.168
    • 31 มีนาคม 2559 / 14:04
    สวัสดีค่ะ

    จังหวะดี อ่านง่าย ฉากต่อสู้น่าสนใจและปิดได้มีพลังดี

    ว่าไปแล้ว แต่ละโซนของมากิอาร์นี่ใหญ่แค่ไหน เท่าประเทศในไพหรือเปล่า การแบ่งโซนเหมือนผ่านการจัดระบบมาแล้ว (อาจจะด้วยพลัง?) เพราะแยกแยะชัดเจน ที่ปลูกพืชก็ปลูกพืช น้ำก็ส่วนน้ำ เป็นการแยกที่เห็นการจงใจจัดระเบียบ หรือว่านี่คือส่วนเมือง ยังมีส่วนที่เป็นธรรมชาติกว่านี้แยกออกไป (ทางนี้ก็คิดไปเรื่อยๆ)

    หวังว่าจะได้อ่านตอนที่ 6 นุ :)

    ลวิตร์
  • ความคิดเห็นที่ 23

    ตุ๊กตาตัวตลก.Joker
    • Name : ตุ๊กตาตัวตลก.Joker < My.iD > [IP] 27.55.223.220
    • 31 มีนาคม 2559 / 02:22
    อ้าวไมเคิลไม่เป็นไรนะเดี๋ยวให้เมลิกทำแผลให้
    มัวส์เธอยังโหดเหมือนเดิม
    ไมเคิลเห็นหน้าเธอแล้ว
    แล้วทำไมหน้าถึงเหมือนกันอะเธอใช่เวทย์อะไรบางอย่างใช่ไหมบอก!!
    ถึงจดหมายที่ไมเคิลได้จะสั้นแต่ไม่มีผลอะไรกับความบราค่อนแน่นอน(ผิดๆ)
    เนื้อเรื่องอันนี้แตกต่างกับอันก่อนหน้าอยู่เยอะแต่ก็สนุกค้าาาา^^
  • ความคิดเห็นที่ 22

    ยัฟๆ
    • Name : ยัฟๆ [IP] 49.229.78.121
    • 29 มีนาคม 2559 / 20:58
    What! What! What!อะไรอะ แม่นางขาโหดยังโหดเหมือนเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือ ไมเคิลเห็นหน้าแล้ว...แถมยังเหมือนตัวเองอีก เวทมนตร์รึเปล่านะ...หน้าแบบนั่นเมลิกคงเกลียดไม่ลงหรอกมั้ง รึจะสยองแทนดี หน้าเหมือนพี่ตัวเองเนี่ย จะว่าไปคทน. คงไม่เกี่ยวหรอกมั้ง รู้สึกเหมือนเมพึ่งรุ้เรื่องจดหมายท่าทางแปลกๆ แล้วงี้จะมีดราม่าอีกมั้ยนะ//แอบตกใจเพราะมันไวมาก ต่างจากเวอก่อนริบรับ แต่ก็ไม่ได้มีมาม่าแต่อย่างใด
  • ความคิดเห็นที่ 21

    Earnieburnie
    • Name : Earnieburnie < My.iD > [IP] 27.81.206.35
    • 29 มีนาคม 2559 / 18:56
    สนุกมากเลยค่าาา ติดตามมาตลอดเลยค่าาา เป็นเรื่องที่น่าติดตามต่อไปเรื่อยๆมากเลยค่า 
     >< ชอบมากๆๆจริงๆค่า สู้ๆค่า เป็นกำลังใจให้นะค่า
  • ความคิดเห็นที่ 20

    Airin_and_Arpo
    • Name : Airin_and_Arpo < My.iD > [IP] 210.137.211.125
    • 29 มีนาคม 2559 / 12:17
    คุณยาฟุ: ถ้าเอกภพไพล่มสลายไปเอกภพมากิอาร์ก็จะเสียสมดุลค่ะ ขอฮุบไว้ก่อน เดี๋ยวจะมีเฉลยต่อๆไปนะ >w<

    คุณลวิตร์: พยายามเร่งจังหวะแบบเนิบๆอยู่ค่ะ (งงไหม ฮาา) แต่ก็พยายามคงจังหวะกับบรรยากาศไว้ค่ะ โค้งสุดท้ายแล้ว ยังไงก็ฝากด้วยนะคะ//โค้ง

    พี่ปัฐ: จริงปะเนี่ยยย เสียดายจัง คอมเม้นท์นั้นหายไปไหน ไม่เคยได้เห็น 5555 ขอบคุณมากสำหรับคอมเม้นท์ค่ะ ดีใจจังที่ชอบมุกแทรกของเรา ฮาาา ยังไงก็อาทิตย์สุดท้าย ตอนสุดท้ายแล้ว ฝากด้วยนะคะ^^
  • ความคิดเห็นที่ 19

    dinn
    • Name : dinn < My.iD > [IP] 171.96.184.80
    • 29 มีนาคม 2559 / 09:39
    พี่ปัฐนะครับ ^ ^

    แปลกแฮะ ผมว่าหลังจากอ่านตอนที่ 2 แล้วผมมาคอมเมนต์ให้ครั้งหนึ่งแล้วนา... คอมเมนต์นั้นหายไปไหนกันเนี่ย ยังแซวเรื่อง22/7อยู่เลย? ไม่เป็นไรเนาะ เมนต์ให้ใหม่อีกครั้งละกันนะครับ หุหุหุ ^ ^!!
    เรื่องสนุกมากเลยครับ แม้จะดูเรื่อยๆ เอื่อยๆ ไปบ้าง แต่ชอบบรรยากาศแบบนี้แหละ ดูอบอุ่นดีครับ การต่อสู้ด้วยเวทย์มนตร์ก็เยี่ยม แอบมีปริศนาให้ชวนติดตามอีก การบรรยายของไรท์เตอร์ก็ม่ธรรมดาเลยแอบแทรกมุกขำๆ ไว้ตลอดทั้งเรื่อง สนุกมากเลยครับผม ^ ^
    จนอดแปลกใจไม่ได้ถ้าเรื่องนี้จะไม่ผ่านรอบ 6 คน... ไม่สิ ปีนี้งานแต่ละเรื่องเยี่ยมๆ ทั้งนั้น
    ยังไงก็เอาใจช่วยให้ผ่านเข้ารอบต่อไปนะครับ สู้ๆ ครับ ^ ^b
  • ความคิดเห็นที่ 18

    Enter Books Editor Team
    • Name : Enter Books Editor Team < My.iD > [IP] 202.176.175.252
    • 24 มีนาคม 2559 / 12:51
    สวัสดีค่ะ

    รู้สึกว่าเรื่องดำเนินเป็นบรรยากาศโรงเรียนไปเรื่อยๆ อ่านสบายดี ลักษณะการเล่าเป็นการปูไปแบบยาวๆ แต่ช่วงนี้ใกล้โค้งสุดท้ายแล้ว ถ้าฮุคปมหลักเข้ามาหน่อยหนึ่งก็จะดี (แต่ถ้าจะทำให้จังหวะเสีย ก็ไม่ต้องหรอกค่ะ)

    พี่น้องเจอกันแล้ว รออ่านตอนต่อไปอยู่จ้า

    ลวิตร์
  • ความคิดเห็นที่ 17

    ยาฟุ
    • Name : ยาฟุ [IP] 58.8.148.34
    • 22 มีนาคม 2559 / 15:40
    รู้สึกว่าไมเคิลกวนขึ้น แต่สุดท้ายแล้วก้แพ้น้อง...แอบสงสัย ที่ว่ารักษาสมดุลระหว่าง2เอกภพอะ ถ้าไพเกิดภัยพิบัติแล้วมากิเกิดอะไรขึ้นหรอ?
  • ความคิดเห็นที่ 15

    Airin_and_Arpo
    • Name : Airin_and_Arpo < My.iD > [IP] 126.62.156.102
    • 17 มีนาคม 2559 / 14:04
    คุณยาฟุ: สองคนนี้ยังชอบกัดกันเหมือนเดิม แต่ไมเคิลเริ่มนิ่งขึ้นบ้างล่ะ ค่อยยังชั่ว ไม่งั้นคงได้แง้วๆใส่กัน 55555 ไมเคิลเทพขึ้นแล้วววว อันนี้คือ น่ายินดีสุดๆ 55555

    คุณเกียรติ์: ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านและคำแนะนำค่ะ^^ จะพยายามปรับปรุงและพัฒนาต่อๆไปค่า

    คุณตุ๊กตาตัวตลก.Joker: สองคนนี้ก็คงออกมาเป็นรูปแบบนั้นแหละค่ะ หนีไม่รอด 55555 (รักกันดีจริงจริ๊ง)

    คุณลวิตร์: ขอบคุณมากสำหรับคำแนะนำนะคะ สำหรับจุดที่คุณลวิตร์ถามไว้คราวที่แล้วจะพยายามเสริมเข้าไปในเนื้อเรื่องต่อๆไปค่ะ แล้วก็เรื่องที่ข้อมือติดกัน... ค่ะ คิดว่าคงไม่ได้อาบน้ำกันค่ะ ส่วนธุระอื่นๆ คงต้องลองถามเจ้าตัวทั้งสองคนดูนะคะ 5555555 //โดนทั้งคู่กระโดดถีบ//
  • ความคิดเห็นที่ 14

    Enter Books Editor Team
    • Name : Enter Books Editor Team < My.iD > [IP] 171.99.84.105
    • 17 มีนาคม 2559 / 11:38
    สวัสดีค่ะ

    เรื่องอ่านง่ายสนุกดี :)

    ว่าไปแล้ว ข้อมือติดกันจะเปลี่ยนเสื้อยังไงล่ะนี่ หรือว่าไม่ได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อไปหนึ่งวัน...

    ลวิตร์
  • ความคิดเห็นที่ 13

    ตุ๊กตาตัวตลก.Joker
    • Name : ตุ๊กตาตัวตลก.Joker < My.iD > [IP] 223.24.22.12
    • 17 มีนาคม 2559 / 01:33
    ไมเคิลสู้ๆ^^
    แมคนี่ก็หาเรื่องกัดไมเคิลจริง
    ศัตรูในวันนี้จะเป็นมิตร(หนึ่งในฮาเร็ม?)ในวันหน้าสำหรับแมคนี่น่าจะจริงแหะ-.-



  • ความคิดเห็นที่ 12

    เกียรติ์
    • Name : เกียรติ์ < My.iD > [IP] 223.204.165.48
    • 16 มีนาคม 2559 / 15:09
    ภาษาลื่นไหล อ่านเพลินค่ะ
    แต่จุดที่คิดว่าอยากให้ปรับแก้ก็น่าจะเป็นการดำเนินเรื่อง ที่ดูเรื่อยเปื่อยเกินไป มีแต่ความสัมพันธ์ของไมเคิลและเพื่อน ๆ น่ะค่ะ เลยทำให้เรื่องดูยืดเยื้อ และมองไม่ค่อยเห็นแก่นเรื่องนะคะ 

  • ความคิดเห็นที่ 11

    ยาฟุ
    • Name : ยาฟุ [IP] 58.8.148.242
    • 15 มีนาคม 2559 / 19:48
    นอกจากกระชับเนื้อเรื่องแล้วยังกระชับความสัมพันธ์ด้วยหรอ อุฮิๆๆๆ นอนเตียงเดียวกันอะเธออว  อารมณ์ประมาณสองเราจิไม่แยกจากกัน ถถถถ เนื้อหาบางส่วนเปลี่ยนไปเยอะดีแหะ แต่สองคนนี้ก็ยังกัดกันเหมือนเดิม  รับรู้ได้ถึงความเมพของไมเคิลต่างจากก่อนหน้านี้ยังไงไม่รู้//พยักหน้า
  • ความคิดเห็นที่ 10

    Enter Books Editor Team
    • Name : Enter Books Editor Team < My.iD > [IP] 202.47.224.138
    • 10 มีนาคม 2559 / 12:52
    สวัสดีค่ะ

    ตอนนี้ยังเพิ่งเข้าโรงเรียน เลยยังตามเรื่องอยู่ว่าคนเขียนจะนำไปทางไหน แต่มีคำถามขึ้นมานิดหน่อย

    - วัฒนธรรมของมากิอาร์คล้ายกับไพมาก มีศิลปะนีโอเรอเนซองส์ และหัวรถจักรไอน้ำ ซึ่งคนจากไพไม่แปลกตาเลย หมายความว่านอกจากจะเป็นมิติคู่ขนานกันแล้ว ประวัติศาสตร์ ฯลฯ ก็คล้ายกันด้วยใช่ไหม เพราะของพวกนี้เกิดขึ้นจากประวัติศาสตร์นะ

    - โรงเรียนทหารโรงเรียนนี้ มีเป้าหมายเพื่อฝึกสอนนักเรียนไปรบกับใคร คือปรกติแล้ว ทหารจะต้องปกป้องดูแลดินแดน แต่ดูเหมือนมากิอาร์จะมีรัฐบาลเดียว เพราะโรงเรียนทหารระบุว่าเป็นของมากิอาร์

    นิยายโรงเรียนจะมีแพทเทิร์นค่อนข้างแน่นอน ซึ่งเป็นจุดที่ได้เปรียบและเสียเปรียบ ได้เปรียบคือคนอ่านคุ้นเคยระบบอยู่แล้ว รู้ว่าจะพบอะไรบ้าง แต่เสียเปรียบคือเพราะคุ้น จึงนำไปเปรียบเทียบกับนิยายโรงเรียนอื่นๆ ได้ง่าย

    ดังนั้นพยายามดึงจุดเด่นของเราที่ต่างจากโรงเรียนอื่นๆ ออกมาเยอะๆ นะ

    ลวิตร์
  • ความคิดเห็นที่ 9

    Airin_and_Arpo
    • Name : Airin_and_Arpo < My.iD > [IP] 125.206.236.61
    • 9 มีนาคม 2559 / 09:41
    Shadowlock: ขอบคุณมากที่แวะเข้ามาอ่านค่าาา XD กำลังรีไรท์แบบหนักหน่วง ยังไงก็ฝากติดตามต่อด้วยนะค้า

    yhafufuya: กระชับขึ้นเยอะเลยค่ะ นี่ยังไม่เท่าไร แต่ตั้งแต่ตอนต่อไปนะ... หึๆๆ ยังไงก็มาลุ้นไปพร้อมๆกันนะคะว่าหลังรีไรท์แล้วจะออกมาในรูปแบบไหน >w<
  • ความคิดเห็นที่ 8

    yhafufuya
    • Name : yhafufuya [IP] 58.8.148.41
    • 8 มีนาคม 2559 / 19:01
    เนื้อเรื่องดูกระชับขึ้นเยอะเลยค่ะ ได้เจอว่าที่คู่แท้ เอ้ย คู่หูคู่กัดเร็วขนาด ไมเคิลได้พัฒนาอย่างว่องนี่...จะรอชมเลยย ฉันเลือกนายไมเคิล!(//ไมjใช่ละ) //ไรต์สู้ๆ จะรอต่อเน้อ ฮูเล
    ปล.จะว่าไปถ้าเป็นตอนพิเศษ...
  • ความคิดเห็นที่ 7

    Shadowlock
    • Name : Shadowlock < My.iD > [IP] 103.26.22.215
    • 8 มีนาคม 2559 / 16:30
    ยังคงสนุกไม่เปลี่ยน ขอบคุณนะคะที่มีเรื่องราวดีๆมาให้อ่านได้เสมอ เป็นกำลังใจให้ค่ะ สู้ๆ( ^U^)
  • ความคิดเห็นที่ 6

    Airin_and_Arpo
    • Name : Airin_and_Arpo < My.iD > [IP] 126.123.213.66
    • 8 มีนาคม 2559 / 08:39
    Yhafufuya: อั๊ยยยย ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน (อีกรอบ)นะคะ ฮาาา รับประกันเลยว่าตั้งแต่ตอนหน้าจะไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกต่อไป ไมเคิลจะพัฒนาก้าวกระโดดยิ่งกว่าโปเกมอนอีกค่ะ (สรุปเป็นโปเกมอน? ฮาาา)

    rw_no_jg19: เป้าหมายหลักคือพี่น้องสองคนนี้น่ะเอง 55555 ขอบคุณที่แวะเข้ามาเป็นกำลังใจให้เราน้าา>w< อย่าลืมติดตามต่อ ฉบับรีไรท์รับรองว่ามันส์กว่าเดิมแน่นอน

    ตุ๊กตาตัวตลก.Joker: บราค่อนเป็นจุดขายมาก ไม่บอกก็รู้เลยว่าคนอ่าน(และคนเขียน)หวังอะไรจากนิยายเรื่องนี้ 5555555
Page 1 of 2 1 2

เข้าสู่ระบบด้วย Dek-D ID

เข้าสู่ระบบด้วย Social Network

คลิกที่นี่
แสดงความคิดเห็น
ชื่อ Email รูปตัวแทน

โปรดใส่รหัสตามรูป