EN18 MASCOT รายงานการฝึกงานภาคฤดูร้อน: ?มาสคอตฟรีแลนซ์เต็มเวลา?

กฎเหล็กของมาสคอตสามข้อ: ห้ามคุย, ห้ามถอด, ห้ามงอแง คุณเคยสงสัยไหมว่าเบื้องหลังหัวการ์ตูนสุดน่ารักเหล่านั้น เขาคือใครกันแน่ คำตอบน่ะหรือ...ผีที่มีชีวิตยังไงล่ะ

ผู้แต่ง

Patra Fujiyama

0%

ตอนที่ 3/5 : บทที่ 3 dyragaroinum สวนสัตว์

บทที่ 3 dýragarðinum สวนสัตว์

Dýragarðinum = สถานที่จัดแสดงสัตว์ป่าที่จับมาหรือนำเข้ามาภายในอาณาเขตจำกัด เรียกสั้นๆว่า สวนสัตว์

 

ว่ากันว่าถ้าคุณถามนักประสาทวิทยาคอมพิวเตอร์ว่า: สัตว์มีความรู้สึก มีความคิดหรือไม่

คำตอบที่คุณได้รับมักจะเป็นแค่เสียงกระซิบแผ่วเบา ความเงียบหรือแม้แต่คำตอบที่ไม่เกี่ยวข้องกับคำถามใดๆ

และถ้าคุณถามนักมานุษยวิทยาว่า: โอไรออนมีความรู้สึก มีจิตวิญญาณเสมือนคนปกติหรือไม่

ปฏิกิริยาที่คุณจะได้รับก็คงจะเหมือนกับคำตอบของคำถามแรก แต่ข้อแตกต่างอยู่ที่ว่ามนุษย์ส่วนใหญ่รู้คำตอบสำหรับคำถามข้อที่สองดีแต่พวกเขาเลือกที่จะทำเป็นมองไม่เห็นมัน

 

          มนุษย์นั้นเป็นสิ่งน่าพิศวง ตามทฤษฎีของชาร์ล ดาร์วิน พวกเขาวิวัฒนาการจากลิงไร้หางกลายเป็นนักล่าแสนอ่อนแอที่ยังคงใช้ชีวิตอยู่ด้วยหอกและก้อนหิน เพราะรอบกายที่ถูกล้อมรอบด้วยผืนป่าสีเขียวล้ำลึก มืดมิด พวกเขาตัดสินใจรวมตัวและใช้ชีวิตอยู่เป็นกลุ่ม สร้างระบบการสื่อสารและวัฒนธรรมขึ้นโดยมีรั้วธรรมชาติล้อมรอบเพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าหิวกระหายบุกเข้ามาทำร้าย

          แต่นั่นมันก็เมื่อสองแสนปีที่แล้ว ปัจจุบันนี้ ทุกอย่างล้วนกลับตาลปัตร พื้นที่สีเขียวที่เคยปกคลุมโลกไปเกินครึ่งกลับกลายเป็นบริเวณเล็กๆที่ถูกติดตั้งป้ายวนอุทยาน เอาไว้เพื่อกันไม่ให้มันถูกลดจำนวนลงมากกว่านี้ เหล่ามนุษย์ที่เคยอาศัยอยู่ใน รั้วทยอยย้ายออกมาข้างนอกแล้วจับสัตว์ป่าดุร้ายเหล่านั้นขังใส่ในรั้วแทน

          พวกเขาเรียกพื้นที่คับแคบเหล่านั้นว่า...สวนสัตว์

         “ขอโทษนะ คีรินทร์ รอนานไหม” เด็กสาวในเสื้อแขนกุดสีแดงวิ่งผ่านประตูโดมที่ถูกวาดลวดลายสัตว์ป่ามากมายเข้ามา ในมือของเธอถือตั๋วสวนสัตว์ดุสิตสำหรับโอไรออนที่ราคาแพงกว่าของมนุษย์ถึงสองเท่า

“ฉันเองก็เพิ่งมาถึง” หน้าซุ้มเฟื่องฟ้าเหี่ยวเฉาไม่ได้รับการดูแล ชายหนุ่มผิวขาวในเสื้อเชิ้ตสีดำยกมือให้เธอเป็นเชิงทักทาย

          เป็นเรื่องที่แปลกมากเมื่อหลังจากการพบกันโดยบังเอิญและจากลาโดยไร้คำพูด อยู่ดีๆเพื่อนโอไรออนคนนี้ก็โทรชวนเธอออกมาเที่ยวสวนสัตว์ที่เก่าแก่ที่สุดในบางกอกอย่างไร้เหตุผล

          “วันนี้ไม่ต้องทำงานเหรอ” มะลิที่เริ่มเดินขนาบข้างร่างสูงถามขึ้น คีรินทร์ส่ายศีรษะยิ้มๆ

          “วันนี้เป็นวันหยุดฉันน่ะ” เขาโกหก ชายหนุ่มจงใจลางานเพราะเขามีธุระอย่างอื่นที่สำคัญกว่าการยืนโบกรถหน้าปากซอย หรือวิ่งไล่จับโจร

          การปลดปล่อยสรรพสัตว์ของจากกรง...

          ใช่แล้วล่ะ ทว่าสรรพสัตว์ที่จะถูกปลดปล่อยไม่ใช่ช้างม้าวัวควายภายในสวนสัตว์แห่งนี้ มันคือเหล่าสิ่งมีชีวิตที่ถูกกักขังเอาไว้ภายใต้กฎหมายและระบบ

          โอไรออน

 

โอเลี้ยงใส่ถุง เอสเพรสโซ่เย็นราคาเหยียบร้อย เครื่องดื่มชูกำลังหลากยี่ห้อที่ถูกกว้านมาจากร้านสะดวกซื้อ อ้อ...แล้วก็คุกกี้เนยหน้าตาเชยๆในกล่องเหล็กสีแดง

         ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่หมีดำยักษ์หอบหิ้วมากองไว้บนโต๊ะทำงานของหัวหน้าหน่วยรักษาดินแดน มานาบุเงยหน้าขึ้นจากกองกระดาษจำนวนมากที่ถูกแผ่ออกตลอดความยาวเมตรครึ่งของโต๊ะกระจกสีน้ำเงิน ที่มุมโต๊ะด้านซ้ายปรากฏกราฟสีฟ้าและไฟล์วีดิโอของกล้องวงจรปิดจากสถานที่ที่เกิดเหตุหลายสิบไฟล์

          “ตายหรือยัง” ถึงแม้ว่าเนื้อความจะฟังดูเหมือนการเสียดเย้ย แต่น้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยความเป็นห่วง

          “อืม...” ช่วงเว้นวรรคนานเนิบนาบแสดงถึงความหนักหนาสาหัส “ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงแล้วล่ะ”

          หลังจากโปรโมตงานท่องเที่ยวจังหวัดคุมาโมโต้ของญี่ปุ่นเสร็จ ธันวาในชุดมาสคอตคุมามงก็รีบบึ่งมายังตึกกระจกสูงเสียดฟ้าสีน้ำเงินเข้มย่านสุขุมวิทตามคำขอจากมานาบุ ในวันครึ้มฟ้าครึ้มฝนเช่นนี้ ยอดปลายแหลมของตึกที่ใช้รับส่งสัญญาณระบบควบคุมความประพฤติหลบซ่อนอยู่ในกลีบเมฆราวกับจะบอกว่ามันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ระเบิดเมื่อคืนทั้งสิ้น

          เมื่อก้าวพ้นประตูลิฟต์แก้วความเร็วสูง เขาก็พบกับทางเดินแคบๆที่ถูกประดับด้วยไฟฮาโลเจนนวลตา พรมสีน้ำเงินทอดยาวไปจนสุดทางขนาบข้างด้วยกำแพงกระจกใสสีเดียวกันเมื่อมองเข้าไปก็จะเห็นเจ้าหน้าที่แผนกวิเคราะห์และประเมินผลกำลังวิ่งวุ่นส่งเอกสาร หรือช่วยกันประมวลข้อมูลกันชุลมุนราวกับสถานีนาซ่าเตรียมจะปล่อยยานอวกาศ

          และนี่ก็คือที่ตั้งของหน่วยรักษาดินแดนโอไรออนสาขาบางกอก... ชั้นที่สี่สิบหกทั้งชั้นถูกใช้เป็นออฟฟิศและที่ตั้งของหน่วยประมวลผลข้อมูลและเทคโนโลยี ชั้นที่สี่สิบเจ็ดถึงชั้นห้าสิบถูกใช้เป็นศูนย์ฝึกเจ้าหน้าที่ภาคสนาม มันมีทั้งโถงเลคเชอร์สำหรับเรียนทฤษฎีและวิชากฎหมาย ศูนย์ฝึกปฏิบัติการที่ใช้เทคโนโลยีล้ำยุคเพื่อทำให้เจ้าหน้ารู้สึกราวกับตัวเองอยู่ในสถานการณ์จริง พวกเขายังมีสนามยิงปืน และโรงยิมเพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้เข้าใช้ในเวลาส่วนตัวอีกด้วย

          ทว่าตึก BKK X-1 ไม่ได้เป็นที่รู้จักในฐานะที่ตั้งสำนักงานใหญ่หน่วยรักษาดินแดน ในสารคดีหลากหลายประเทศ มันถูกขนานนามว่า ตัวแทนของสังคมสองด้านมันคือที่ตั้งของศูนย์กลางระบบควบคุมความประพฤติแห่งแพนเอเชียใต้ ถึงแม้ทุกคนจะรู้ถึงการมีตัวตนของระบบภายในตึกนี้ แต่ไม่มีใครรู้แน่ชัดถึงสถานที่ที่ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของระบบถูกติดตั้งเอาไว้ บ้างก็ว่ามันอยู่ในข้างหลังประตูโลหะสามชั้นบนชั้นบนสุดของตึก บ้างก็ว่า มันถูกซ่อนเอาไว้ในห้องแล็บใต้ดินที่ทำการทดลองเกี่ยวกับพลังงานไกอา

เมื่อเดินไปจนสุดทางเดินของชั้นสี่สิบหก เขาก็ได้รับรอยยิ้มบริการฝืนๆจากคู่พนักงานต้อนรับชายหญิงในยูนิฟอร์มสีน้ำเงินที่มีขอบตาดำคล้ำหลังต้องคอยตอบคำถามเกี่ยวกับระเบิดที่โทรเข้ามาไม่หยุดไม่หย่อนทั้งคืน

          “คุณคุมามงใช่ไหมคะ เชิญด้านในค่ะ” พนักงานสาวพูดชื่อนามแฝงของแขกเบื้องหน้าลื่นคอราวกับเรียกชื่อเพื่อนสนิท เธอผายมือไปยังประตูด้านขวาขณะที่เจ้าหน้าที่ชายข้างตัวกำลังปฏิเสธอย่างนุ่มนวลกับเหล่านักข่าวที่อยู่ในการแข่งขันช่วงชิงข้อมูลของเหตุการณ์ที่สั่นสะท้านจิตใจชาวบางกอกทุกคน...ระเบิดที่ใหญ่ที่สุดในบางกอกตั้งแต่ยุคสงครามโลกครั้งที่สอง

          ชายผิวแทนในยูนิฟอร์มทีมปฏิบัติการเดินมาต้อนรับเขาเป็นคนแรกเมื่อเห็นหมีร่างกลมน่ากอดตกเป็นเป้าสายตาพนักงานภายในออฟฟิศโดยเฉพาะสาวๆที่ทำท่าเหมือนอยากจะถ่ายเซลฟี่กับเขาเต็มแก่

          “คุณหมี ทางนี้ครับ” อาทิตย์ รองหัวหน้าหน่วยรักษาดินแดนร่างกำยำผงกหัวให้เขา ถึงแม้จะไม่ได้นอนมาร่วมยี่สิบชั่วโมงตั้งแต่เวลาเกิดเหตุ แต่เพราะการหมั่นดูแลสุขภาพร่างกาย เขาจึงดูไม่เพลียนักเมื่อเทียบกับเจ้าหน้าที่คนอื่นๆยกเว้นเพียงแค่รอยคล้ำใต้ตา

          “รู้ตัวคนร้ายหรือยัง” ธันวาถามขึ้นขณะเดินผ่านแถวโต๊ะพนักงานแผนกธุรการไปยังมุมของออฟฟิศที่ถูกกั้นเป็นห้องเล็กๆโดยกระจกใส ด้านหน้ามีป้ายเหล็กแกะสลักด้วยอักษรทันสมัยเขียนว่า

มานาบุ โทดะ หัวหน้าหน่วยรักษาดินแดนบางกอก

อาทิตย์ไม่ตอบคำถามของมาสคอต มือหนาเปิดประตูห้องทำงานมานาบุออกเป็นเชิงบอกให้เขาไปถามเจ้านายของเขาด้วยตัวเอง...

 

“ผมเพิ่งกลับจากประชุมที่สำนักงานตำรวจไทยมา” มานาบุวางปากกาดำด้ามโปรดลายการ์ตูนที่ซื้อจากโตคิวแฮนด์ลงบนโต๊ะ

“เต่าล้านปีพวกนั้นว่าไงล่ะ” มาสคอตหมีนึกถึงเหล่าผู้บัญชาการตำรวจชาวมนุษย์อาวุโสที่มักจะหลุดพูดประโยคชวนเบ้หน้า ดวงตาสีน้ำตาลเข้มมองวิวนอกหน้าต่าง ถึงแม้ว่าห้องทำงานของมานาบุจะแคบไม่สมตำแหน่ง แต่เพราะตึกBKK X-1 เป็นตึกกระจก ห้องของเขาจึงรับวิวแม่น้ำเจ้าพระยาและเกาะบางกระเจ้าไปเต็มๆช่วยทำให้ห้องของเขาโปร่งขึ้น ทว่าทุกอย่างก็ดูหดหู่ขึ้นทันตา เมื่อเขามองเห็นซากดำเมี่ยมของต้นสะพานกาญจนาภิเษกที่อยู่ไกลออกไป

“เหมือนเดิม... พวกนั้นโทษโอไรออนเหมือนทุกๆครั้ง” หนุ่มแว่นหน้าจืดกล่าวพลางถอนใจ แววตาเหนือขอบตาดำคล้ำแลดูเหี่ยวเฉา ในช่วงเวลาสองทุ่มเมื่อคืน โอตาคุหนุ่มผู้เหนื่อยล้ากับหล่มขยะโอทีที่หน่วยงานมนุษย์โยนมาให้หันไปพักสายตากับวิวของมหานครบางกอกยามค่ำคืน และนั่นก็เป็นเวลาเดียวกับที่ก้อนเพลิงมหึมาปะทุขึ้นกลางแม่น้ำ ภายในเวลาสิบนาที เขาต้องสู้รบฝ่าฟันกับสายโทรศพัท์นับยี่สิบสายที่ล้วนถามหาคำอธิบายของเหตุการณ์วิกฤติที่เกิดขึ้น เมื่อทำภารกิจโอเปเรเตอร์ชั่วคราวเสร็จ เขาก็รีบมุ่งหน้าไปยังสถานที่เกิดเหตุพร้อมกับทีมรักษาดินแดนที่เข้าเวรประจำคืนนั้นทันที

“แต่ระเบิดนั่นน่ะ ลูกใหญ่มากเลยนะ เล่นทำสะพานเหล็กพังกระจุยขนาดนั้นได้” ธันวานึกถึงภาพสกู๊ปข่าวหน้าหนึ่งที่เขาเห็นเมื่อเช้า

“ระเบิดนั่นอานุภาพสูงก็จริง แต่เชื่อไหม ทีมพิสูจน์หลักฐานกลับไม่เจอการแผ่รังสี หรือซากวัตถุระเบิดแม้แต่ชิ้นเดียว”

“ว่ายังไงนะ” ธันวาหันมามองรุ่นน้องฉงน

 “แต่จากการวิเคราะห์รัศมีของบริเวณที่ถูกทำลายและขนาดของช็อกเวฟ คาดว่าระเบิดนั่นมีอานุภาพเทียบเท่าระเบิด TNT หนึ่งร้อยตัน” มานาบุหยิบรายงานจากหน่วยนิติเวชบนโต๊ะขึ้นมาอ่านทวนอีกรอบเพื่อย้ำว่าระเบิดลูกนั้นมีอานุภาพสูงขนาดนั้นจริงๆ “และจุดระเบิดเกิดจากใต้น้ำ”

“ใต้น้ำ? แต่ระเบิดใต้น้ำมีรัศมีทำลายล้างต่ำไม่ใช่เหรอ ถ้าจะให้อานุภาพมากขนาดนั้นก็ต้องใช้หัวระเบิดนิวเคลียร์ แต่นายเองก็บอกว่าตรวจไม่เจอการแผ่รังสีนี่” มานาบุมองธันวาด้วยความชื่นชม ถึงแม้ว่าตอนนี้ธันวาจะกลายเป็นแค่มาสคอตฟรีแลนซ์ธรรมดาคนหนึ่ง แต่เขากลับจำข้อมูลเหล่านี้ได้ราวกับเพิ่งจบโรงเรียนฝึกมาหมาดๆ

ว่ากันว่าเชฟแต่ละคนมีวิธีการปรุงอาหารตามแบบของตัวเอง ผู้ประกอบระเบิดก็เช่นกัน ถ้าพวกเขารู้รายละเอียดชนิดของระเบิดหรือได้เศษส่วนประกอบของมันมาสักนิดเดียว การสืบหาตัวคนร้ายก็จะง่ายขึ้นทันตา

“สรุปคือตอนนี้ ทั้งหน่วยมนุษย์และหน่วยโอไรออนยังไม่รู้ว่าระเบิดนั่นเกิดจากอะไร เป็นฝีมือของใครอย่างนั้นเหรอ” ธันวาย่อทุกอย่างลง รุ่นน้องได้แต่กัดริมฝีปากแล้วพยักหน้า

 “พวกเรากลายเป็นแพะอีกแล้วล่ะครับ” หัวหน้าทีมรักษาดินแดนถอนหายใจยาวแล้วยกมือขึ้นก่ายหน้าผาก

เมื่อใดที่หาตัวคนร้ายมารับผิดชอบเหตุเดือดร้อนไม่ได้ นิ้วนับสิบจากหน่วยงานและสื่อต่างๆก็จะชี้มายังโอไรออนทันที สิ่งเดียวที่แพะอย่างพวกเขาสามารถใช้อ้างเพื่อปกป้องตัวเองก็คือระบบควบคุมความประพฤติ

ใช่แล้ว เพราะมีระบบที่คอยสังเกตการณ์สภาวะทางอารมณ์ของโอไรออนทุกคน ถ้ามือวางระเบิดเป็นโอไรออนจริง เขาจะต้องถูกยับยั้งก่อนจะกดปุ่มระเบิดแน่ๆ

ธันวาเงียบไปชั่วครู่ราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

“สมมตินะ ว่าระบบควบคุมทำอะไรโอไรออนคนนั้นไม่ได้ นายคิดว่าเขาจะวางระเบิดยังไง” คำถามนี้เป็นดั่งเครื่องกระตุ้นให้สมองของหนุ่มฮอกไกโดกลับมาทำงานอีกครั้ง มานาบุนึกย้อนไปถึงในห้องประชุมโอ่โถงมืดๆของสำนักงานตำรวจ ปฏิกิริยาไม่พอใจจากนายตำรวจอาวุโสจำนวนมากหลังได้รับแจ้งว่าหน่วยพิสูจน์หลักฐานไม่ทราบถึงประเภทของระเบิดทำให้ชายที่เป็นตัวแทนของหน่วยอยากมุดหัวลงดินหนีทันที แต่แล้ว เขาก็เห็นมือขาวเหลืองของใครบางคนยกขึ้นที่หลังสุดของห้องประชุมแห่งนี้

“ผมอยากทราบว่ามีระเบิดอะไรอีกไหมที่ไม่ต้องใช้ในปริมาณมาก...” มานาบุขยับแว่นบนสันจมูก “แต่มีพลังทำลายล้างสูงขนาดนี้”

“เอ่อ... คือตามทฤษฏีน่ะ มีครับ” ผู้เชี่ยวชาญอ้ำอึ้งเล็กน้อยแล้วเกาศีรษะ “แต่มันปฏิบัติจริงไม่ได้หรอกครับ

ใช่...ถ้าเป็นคนปกติ ระเบิดลูกนี้ก็ไม่มีทางที่จะถูกผลิตขึ้นแน่ๆ

แต่ถ้าเป็นโอไรออนล่ะก็...

“พี่รู้จักแร่แฟรนเซียมไหม” มานาบุถามขึ้น ท้องฟ้าข้างนอกหน้าต่างแปรเปลี่ยนเป็นสีส้มทองตามเข็มนาฬิกาที่เดินผ่านเลขห้า แม่น้ำเจ้าพระยายามแล้งน้ำสะท้อนแสงอาทิตย์ระยิบระยับราวกับมีอัญมณีถูกซุกซ่อนเอาไว้

          “ฉันโง่วิชาการแต่ก็จะพยายามทำความเข้าใจละกันนะ” ธันวานั่งลงบนเก้าอี้เบาะหนานุ่มฝั่งตรงข้าม “ว่ามาเลย”

“มันเป็นธาตุลำดับสุดท้ายในโลหะแอลคาไลกลุ่มที่หนึ่ง พูดง่ายๆว่าเป็นแร่มุมล่างซ้ายสุดของตารางธาตุนั่นแหละ แร่ตัวนี้ถึงจะมีปริมาณน้อยแต่ถ้าสัมผัสโดนน้ำก็จะก่อเกิดปฏิกิริยาระเบิดยิ่งใหญ่แบบเมื่อคืน” มานาบุอธิบาย ขณะใช้อินเตอร์เน็ตค้นหาภาพตารางธาตุแล้วเปิดให้มาสคอตฟรีแลนซ์ดู “แต่ทั่วเปลือกโลกใบนี้พบสินแร่ได้เพียงแค่ยี่สิบถึงสามสิบกรัม มันไม่เสถียรและมีจุดหลอมเหลวต่ำสุดๆ อย่าว่าแต่จะสร้างระเบิดเลย แค่ได้แร่มาก็ยากมากๆแล้ว”

          “อา...โอเค พูดง่ายๆว่ามันเป็นระเบิดในอุดมคติ แต่ไม่สามารถใช้ได้ในชีวิตจริงสินะ” ธันวาสรุปสั้นๆ มานาบุที่ตอนนี้สวมบทครูเคมีพยักหน้า

          “หายาก และจุดหลอมเหลวต่ำ... ถ้าโอไรออนที่มีพลังแปรธาตุร่วมมือกับโอไรออนที่สามารถลดอุณหภูมิสิ่งของได้ แค่นี้ก็สร้างระเบิดได้แล้วสิ” น้ำเสียงทุ้มต่ำเบื้องหลังหมีหน้ายิ้มถูกเปล่งออกมาลอยๆราวกับพูดกับตัวเอง ทว่าประโยคนี้ก็ไม่เล็ดลอดใบหูของหัวหน้าหน่วยรักษาดินแดนไปได้ มานาบุรีบยกโทรศัพท์ขึ้นกดหมายเลขโทรของหน่วยวิเคราะห์ข้อมูล

          “ขอรายชื่อและลิสต์พลังของโอไรออนทุกคนที่อยู่ในเขตบางกอกเมื่อเวลาหกโมงเย็นถึงเที่ยงคืนเมื่อคืน อ้อ แล้วพยายามมองหาคนที่มีพลังในการแปรธาตุและลดอุณหภูมิเป็นพิเศษด้วย” เมื่อวางสาย หนุ่มแว่นก็ฉุกคิดถึงอะไรบางอย่าง

“แต่ถ้าคนร้ายเป็นโอไรออน เขาก็ต้องถูกระบบควบคุมสิ” มานาบุพึมพำขณะล็อคอินเข้าสู่ฐานข้อมูลของระบบควบคุมความประพฤติ เขาเริ่มเช็คค่าพีคขอกราฟในช่วงเวลาของระเบิดซึ่งส่วนใหญ่มักจะมาจากผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ

นายเคยเจอแล้วนี่...” มาสคอตที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามหมุนเก้าอี้ไปยังกระจกภายนอก ฝูงนกนางแอ่นนับสามสิบตัวพากันบินกลับรังผ่านพวกเขาไป

คนที่ระบบไม่สามารถทำอะไรได้น่ะ

มานาบุเงยหน้าขึ้นจากคีย์บอร์ดไร้สาย เลนส์แว่นหนาสะท้อนภาพหนึ่งใน คนที่ระบบไม่สามารถทำอะไรได้ นกนางแอ่นอีกฝูงหนึ่งบินพาดผ่านกระจกไปราวกับผ้าคลุมสีดำบาง

ในชีวิตยี่สิบสามปีของหัวหน้าหน่วยรักษาดินแดน เขาได้พบคนพิเศษเหล่านี้เพียงแค่สองคน...

ธันวา และ เคย์

 

          วันนี้ สวนสัตว์เงียบเป็นพิเศษ ไม่สิ อย่าว่าแต่ที่นี่เลย ทั่วทั้งบางกอกเงียบยิ่งกว่าป่าช้า ใครจะไปคิดว่าถนนสี่เลนในช่วงเวลาเร่งด่วนของเมืองที่มีการจราจรหนาแน่นอันดับต้นๆของโลกจะโล่งโปร่งได้ขนาดนี้ ทุกอย่างล้วนเป็นผลกระทบจากเหตุระเบิดกาญจนาภิเษกเมื่อคืน ถึงแม้ว่าค่ำคืนที่ผ่านจะมีผู้เสียชีวิตน้อยคน แต่ก็มีผู้บาดเจ็บและผู้ได้รับผลกระทบจำนวนมาก และที่แน่ๆ... ถ้าคนวางระเบิดจงใจจะทำให้สภาพจิตใจชาวบางกอกสั่นคลอน...พวกเขาทำสำเร็จแล้ว ตอนนี้ ทุกคนตกอยู่ในอาการหวาดผวา หลายๆคนกังวลที่จะออกจากบ้าน ในสังคมออนไลน์ เริ่มมีการแสดงความคิดเห็นจำนวนมากว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง บ้างก็เป็นความคิดที่ฟังดูดีมีเหตุผล บ้างก็ดูเหมือนเป็นความคิดของสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว

          ยากูซ่า มาเฟียจีน แก้งค์ค้ายา ผู้ก่อการร้ายชาวตะวันออกกลาง เอเลี่ยน...

          เด็กสาวที่รู้สึกเอือมระอากับความคิดเหล่านี้ปิดหน้าจอมือถือแล้วออกเดินไปตามทางเดินคอนกรีตร้างผู้คนกับชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง เพราะเธอไม่เคยไปสวนสัตว์มาก่อนในชีวิต โอไรออนจากเมืองเล็กๆคนนี้จึงทำตัวเยี่ยงเด็กน้อย ทุกอย่างดูน่าตื่นตาตื่นใจสำหรับมะลิตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นนกฮูกสีเทาที่หน้าตาเหมือนหลุดมาจากหนังพ่อมดน้อย งูเหลือมร่างยาวที่เพิ่งทานเนื้อหนูสดๆต่อหน้าต่อตาพวกเขา หรือฮิปโปอ้วนจั้มมั่มที่กำลังนอนแช่น้ำสบายใจ ตอนนี้ เด็กสาวก็กำลังใช้มือกดถ่ายรูปเสือโคร่งที่เดินนวยนาดเป็นนายแบบหน้ากล้องรัวๆ

“มะลิ เธอว่าการที่สัตว์พวกนี้ถูกจับขังเป็นของเชยชมของมนุษย์นี่แบบนี้ มันถูกมั้ย” คีรินทร์เริ่มบทสนทนาหลังจากเห็นเด็กสาวถ่ายรูปเสือหนุ่มจนพอใจ เด็กสาวที่กำลังจะเดินไปโซนเสือดาวชะงักไป เธอหันมาเผชิญหน้ากับอดีตเพื่อนสนิท

ระยะห่างระหว่างพวกเขาอยู่ที่สามเมตร

          แต่ระยะห่างจากโลกไปยังดวงจันทร์คือเท่าไหร่กันนะ...

          ทำไมเธอรู้สึกว่ายิ่งได้เจอเขา เธอก็พบว่าพวกเขาห่างเหินกันไปเรื่อยๆ บางครั้งเธอก็เดาไม่ออกเลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่...โดยเฉพาะตอนนี้

          “แปลกดีนะ มนุษย์คิดเองเออเองมาเสมอว่าตัวเองเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงอำนาจที่สุด พวกเขาจะทำอะไรกับโลกก็ย่อมได้” คีรินทร์กล่าวขณะหันไปมองเสือดาวที่ตอนนี้กำลังนอนหลับใต้ร่มไม้สักในอาณาเขตของตน “ทั้งๆที่มนุษย์ก็เป็นเพียงแค่ลิงที่พัฒนาแล้วเท่านั้น”

          “คีรินทร์...” มะลิที่กำลังจะขัดขึ้นกลับโดนคู่สนทนากล่าวตัดไปก่อน

          “บางที่อาจจะถึงเวลาที่กฎแห่งธรรมชาติต้องเป็นคนตัดสินแล้วนะ” ชายหนุ่มเว้นวรรค “ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดคือผู้ชนะในธรรมชาติ”

         “คีรินทร์ นายต้องการจะพูดว่าอะไรกันแน่” เด็กสาวที่เริ่มสับสนกับแนวคิดของชายหนุ่ม

          “เธอไม่เห็นเหรอ โอไรออนก็เหมือนสัตว์พวกนั้น ถูกจองจำโดยกฎและระบบโง่ๆ” มือข้างหนึ่งชี้ไปยังเสือโคร่งตัวที่พวกเขาเพิ่งเดินจากมา “มนุษย์พวกนั้นกลัวพวกเรา มะลิ! พวกเขากลัวเสือที่ดุร้ายเลยต้องจับเสือใส่กรง!

          เสียงที่ดังขึ้นเรื่อยๆทำให้ฝูงนกพิราบที่กำลังจิกเศษขนมปังบนพื้นข้างๆแตกฝูงกระจาย มะลิถอยหลังไปก้าวหนึ่ง

          เบาบาง...อากาศตอนนี้เบาบางลงทุกขณะราวกับว่าพวกเขาถูกส่งขึ้นไปบนชั้นบรรยากาศสตราโตสเฟียร์ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาพูดออกมาดูจะไร้ความหมาย ล่องลอยเปราะบาง

         ถ้าระบบถูกทำลาย มันอาจจะทำให้โอไรออนหลายๆคนมีความสุข แต่ถ้าการจะปิดระบบต้องแลกมาด้วยเลือดของคนบริสุทธิ์ มะลิก็คงไม่สามารถยืดอกยอมรับได้ว่าเธอคืออิสระชนอย่างชอบธรรม

          “คีรินทร์ ทั้งพวกเราและมนุษย์ก็คือคน พวกเราล้วนมีจุดเริ่มต้นของเผ่าพันธุ์เหมือนกัน ถึงแม้ว่าหกสิบปีให้หลังมานี้จะมีความแตกต่างเกิดขึ้น แต่ฉันก็เชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนมีเหตุผลของมันเอง ตอนนี้พวกเขาอาจจะกลัวเรา เกลียดเรา แต่ฉันเชื่อว่าในอีกสิบปี ร้อยปี หรือสองร้อยปีข้างหน้า จะมีวันที่พวกเราทุกคนจะสามารถใช้ชีวิตร่วมกันได้โดยไม่มีการแบ่งแยก” ดวงตาสองชั้นลึกจ้องเพื่อนสนิทราวกับขอให้เขาเชื่อมั่นในความคิดของเธอ หลายๆคนอาจจะคิดว่าเธอโลกสวยเกินไป มันก็อาจจะจริง เด็กสาวมักจะอ่านเรื่องของการเลิกทาสในอเมริกา การเซ็นสัญญาสันติภาพระหว่างชาวผิวขาวและชาวเมารีในนิวซีแลนด์ การได้เห็นความแบ่งแยกถูกลบออกจากประวัติศาสตร์ประเทศต่างๆมอบความหวังเล็กๆให้กับเธอ ความหวังที่ว่าสักวันหนึ่ง เธอจะได้นั่งร้านกาแฟปะปนกับคนทั่วไป ได้ทำงานคละกับมนุษย์คนอื่นๆ ได้โอกาสเลือกที่อยู่อย่างเสรี...

          เลขหมายที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ขนาดนี้ กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้งค่ะ

          เมื่อเห็นว่าเด็กสาวเบื้องหน้าไม่ยอมเปิดรับความคิดของเขาแม้แต่นิดเดียว โอไรออนผิวขาวที่วันนี้ตั้งใจจะชักชวนเธอเข้าร่วมปฏิวัติระบบไปด้วยกันก็ถอนใจยาวแล้วเงยหน้าขึ้นมา มุมปากของเขาตกลงยี่สิบองศา

          “มะลิ ความฝันของเธอน่ะ มันสวยดีนะ” ดวงสีเทาวันนี้ดูเต็มไปด้วยม่านควัน อากาศแห้งๆพร้อมกับลมฤดูร้อนชวนอึดอัดพัดมา อีกาตัวใหญ่โผบินออกจากกิ่งหนาๆของต้นจามจุรี “แต่มันถูกเรียกว่าความฝันเพราะสักวันเธอจะต้องตื่นจากมันยังไงล่ะ”

          อั่ก

          ความเจ็บปวดแล่นพล่านไปทั่วท้องก่อนจะแผ่มายังซี่โครงสองคู่ล่าง ร่างบางค่อยๆไหลลงไปกองกับพื้นแต่ก็ถูกมือหนาพยุงเอาไว้ คีรินทร์ใช้มือข้างหนึ่งช้อนใต้ไหล่บาง ส่วนอีกข้างช้อนเข่าของเธอยกขึ้น หนึ่งในผู้ร่วมขบวนการวางระเบิดสะพานกาญจนาภิเษกก้มลงจนผิวหน้ารู้สึกได้ถึงลมหายใจอ่อนๆถี่ๆของเด็กสาวที่ตอนนี้ยังรู้สึกมึนงงจากความชาที่ท้อง

          “ฉันจะแสดงให้เธอเห็นเอง...ว่าโลกแห่งความจริงมันเลวร้ายแค่ไหน”

         

 

          “หัวหน้าครับ พวกเราพบโอไรออนสองคนที่มีความสามารถอย่างที่หัวหน้าต้องการแล้วครับ” พนักงานแผนกประเมินผลร้องเรียกเขา มานาบุที่เดินหมุนไปวนมาข้างหลังหันขวับ ธันวาเองก็มองตัวอักษรหนาๆสีขาวที่ปรากฏขึ้นเป็นชื่อของชายทั้งสอง พร้อมกับรูปโปรไฟล์เหมือนรูปติดบัตรนักเรียนเด้งขึ้นบนจอด้านบนสุดจากบรรดาจอคอมทั้งเจ็ดบนกำแพง

          “ทั้งสองคนเป็นแค่นักเรียนนี่” มานาบุไม่เชื่อ เขานึกว่าผู้ต้องสงสัยน่าจะเป็นผู้เคยมีคดีอาชญากรรมมาก่อน แต่ไม่เลย...ทั้งสองคนมีผลการเรียนดีเด่น แถมประวัติทุกอย่างก็ขาวสะอาดราวกับสำลี

          คีรินทร์ เฮลกูสัน-เดชาปักษ์... นักเรียนจากโรงเรียนฝึกสาขาฮาร์บิ้น กำลังฝึกงานในหน่วยตำรวจโอไรออน มีพลังในการลดอุณหภูมิฉับพลัน

          โคล หว่อง... นักเรียนจากโรงเรียนฝึกสาขาเซินเจิ้น กำลังฝึกงานในหน่วยนิติเวช มีความสามารถในการแปรธาตุ

          “ฉันเคยเห็นหมอนี่” ธันวาชี้รูปชายผิวเผือกบนจอมุมขวา ในกรอบสี่เหลี่ยมผืนผ้า คีรินทร์อยู่ในเสื้อสูทนักเรียนสีเขียวเข้มและเน็กไทสีเดียวกัน ดวงตาสีควันบุหรี่ไร้แววของคนมีชีวิต “เขาเป็นเพื่อนกับยัยเด็กนั่น”

          “มะลิน่ะเหรอ” มานาบุเลิ่กคิ้ว “เออ แล้ววันนี้มะลิไปไหนล่ะ”

มาสคอตหนุ่มไม่ตอบเขารีบหยิบโทรศัพท์มากดโทรออก

          เมื่อเช้านี้ เด็กฝึกงานบอกว่าเธอจะออกไปเจอกับเพื่อน แต่เธอไม่ได้บอกเขาว่าจะไปที่ไหน และไปกับใคร...

          เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขนาดนี้ กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้งค่ะ

“พิกัดล่าสุดของสองคนนี้คือที่ไหน” ธันวาที่หัวเสียเมื่อเด็กสาวไม่รับสายถามเสียงเข้ม ชายร่างอ้วนบนเก้าอี้รีบหันไปคีย์อะไรบางอย่างบนหน้าจอถึงแม้จะสงสัยว่ามาสคอตเบื้องหน้าเป็นใคร ปรากฏแถบโหลดสีเขียวกลางหน้าจอพร้อมกับตัวอักษรหนาๆ

กำลังประมวลผลกล้อง CCTV

          ยี่สิบ สามสิบ สี่สิบเปอร์เซ็นต์ ดวงตาภายใต้หัวหมีหนักๆจ้องมองแถบโหลดสีเขียวนิ่ง เขาไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีกแล้ว มือหนานุ่มของชุดมาสคอตบีบมือถือในมือแน่น

ประมวลผลเสร็จสิ้น

“โคลหายเข้าไปในโรงพยาบาลโอไรออนสมุทรปราการเมื่อสามวันที่แล้ว และไม่เคยออกมาอีกเลยครับ ส่วนคีรินทร์เพิ่งจะเดินเข้าไปเมื่อสิบห้านาทีที่แล้ว” เจ้าหน้าที่รายงาน เมื่อระบบแสกนใบหน้าทุกคนในกล้องวงจรปิดเสร็จสิ้น หน้าจอมุมล่างขวาบนโต๊ะของหน่วยประมวลผลก็แสดงภาพโอไรออนฝึกหัดจากฮาร์บินกำลังเดินเข้าไปในโรงพยาบาลโอไรออนแถวสมุทรปราการไม่เล็กไม่ใหญ่ ในขณะที่มุมซ้ายปรากฏภาพเด็กหนุ่มชาวฮ่องกงร่างเล็กกำลังเดินเข้าไปในโรงพยาบาลแห่งเดียวกันเมื่อสามวันที่แล้ว

          สถานที่แห่งเดียวกันทั้งๆที่ห่างไกลจากที่อยู่ของทั้งสองคน.. พวกเขาต้องมีความเกี่ยวข้องอะไรกันแน่ๆ

          “โทรแจ้งหน่วยตำรวจสมุทรปราการให้ล้อมโรงพยาบาลเอาไว้ กันใครเข้าออกแต่อย่างเพิ่งเข้าไปจนกว่าพวกเราจะไปถึง” มานาบุสั่งลูกน้องคนหนึ่งในหน่วยประมวลผล “แล้วแจ้งหน่วยตำรวจกรุงเทพ หน่วยกู้ระเบิดและหน่วยดับเพลิงด้วย”

          อย่างน้อยพวกเขาควรจะจับสองคนนี้มาสอบปากคำ ถ้าเกิดไม่ได้ผลอะไรขึ้นมาก็ค่อยปล่อยตัวไป

          มานาบุกดปุ่มเปิดไมโครโฟนอินเตอร์คอมที่ต่อไปยังลำโพงทั่วสำนักงานใหญ่ทีมรักษาดินแดนแห่งนี้

รวมพลทีมปฏิบัติการ ย้ำ รวมทีมปฏิบัติการ”

ทว่ากลับมีแค่ธันวาที่รู้สึกเอะใจ ทำไมคนร้ายถึงไม่พยายามปกปิดใบหน้าหรือหลักฐานเลยนะ การที่คีรินทร์เดินโทงๆเข้าโรงพยาบาลกลางวันแสกๆอย่างมั่นใจนั่น มันเหมือนกับ...

เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าข้างชุดมาสคอตทำลายขบวนความคิดของมาสคอตฟรีแลนซ์ เมื่อเห็นชื่อผู้โทร เขาก็กดรับทันที

“ธันวา...” เสียงคุ้นหูของเด็กสาวดังสะท้อนในสายโทรศัพท์ราวกับว่าเธออยู่อีกมิติหนึ่ง ห่างไกล เบาบาง มืดมิด

“เธออยู่ไหน!” เมื่อได้ฟังคำตอบ มาสคอตหมีก็ไม่รีรอวิ่งออกจากห้องไปทันทีโดยไม่ได้บอกกล่าวเจ้าหน้าที่สักคน

มันเป็นเรื่องเร่งด่วน...ถ้าขืนเขารอให้ทีมรักษาดินแดนไปช่วยเด็กสาว มีหวังมะลิได้จมน้ำตายก่อนแน่ๆ!

 

         “ทีมหนึ่ง ประตูหน้าเคลียร์”

          “ทีมสอง ประตูหลังเคลียร์”

          “ทีมสาม ประตูข้างเคลียร์”

          กลุ่มเจ้าหน้าที่ทีมรักษาดินแดนรายงานเข้ามาเกือบจะพร้อมๆกัน มานาบุที่อยู่ในรถตู้ของหน่วยวิเคราะห์ข้อมูลข้างนอกรั้วโรงพยาบาล มองภาพประตูโรงพยาบาลทั้งสามบานที่ถูกส่งเข้ามาผ่านกล้องขนาดเล็กบนหมวกกันน็อคของสมาชิกในหน่วย พวกเขาทุกคนไม่ได้อยู่ในเสื้อเชิ้ตทับด้วยเกราะกันกระสุนอีกต่อไป ทุกคนล้วนอยู่ในชุดปฏิบัติการสีดำเหมือนชุดของหน่วยคอมมานโด แต่ต่างกันตรงที่ด้านหลังเสื้อของเขามีตัวอักษรสีขาวสกรีนเอาไว้บ่งบอกถึงความเป็นโอไรออน

          “เข้าไป” มานาบุออกคำสั่งผ่านไมโครโฟน ทีมเจ้าหน้าที่นับสิบก็เคลื่อนย้ายเข้าไปในโรงพยาบาลที่ปัจจุบันถูกตัดไฟจนมืดสนิททันที

          “อย่าลืมนะ ต้องทำให้เสร็จภายในหนึ่งชั่วโมง” ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเดินเข้ามาบอกหัวหน้าทีมโอไรออนหนุ่มด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ เคสผ่าตัดทุกเคสถูกยกเลิกเร่งด่วน แผนกฉุกเฉินต้องปิดชั่วโคราว ผู้ป่วยทุกคนถูกเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลเคลื่อนย้ายไปอยู่ในห้องที่ปลอดภัย ยังดีที่เครื่องปั่นไฟสำรองของโรงพยาบาลยังช่วยให้พลังงานแก่อุปกรณ์ในห้องไอซียูไม่เช่นนั้นมันคงจะยุ่งกว่านี้ ทว่าเพราะเป็นเครื่องรุ่นเก่า มันจึงทำงานได้นานเพียงแค่ชั่วโมงเดียว ถ้าการต่อสู้ยืดเยื้อ นอกจากทหารจะสูญเสียมากแล้ว คนไข้หลายๆคนก็อาจจะเสียชีวิตได้

          มานาบุพยักหน้าเป็นเชิงรับทราบแล้วหันไปมองหน้าจอทีวี กล้องวงจรปิดภายในโรงพยาบาลล่าสุดก่อนที่ระบบไฟจะถูกตัดไปเผยว่าโอไรออนเผือกนั้นเข้าไปในห้องผู้ป่วยวีไอพีชั้นบนสุด ในขณะเดียวกัน ในข้อมูลของกล้องจากเมื่อสามวันก่อน โคล ที่มีพลังสร้างแร่ธาตุหายเข้าไปในชั้นใต้ดินแล้วไม่เคยปรากฏตัวออกมาอีกเลย

          ตอนนี้ทีมที่หนึ่งและสองได้มาถึงหน้าห้องวีไอพีหมายเลข 1019 ทว่าก่อนที่พวกเขาจะเข้าไป เขาก็พบกับพยาบาลสาวร่างบางนั่งหน้าซีดพิงประตูสีขาวท่ามกลางความมืดที่มีเพียงแสงไฟฉุกเฉินคอยนำทาง ดวงตาสีดำขลับส่ายระริกด้วยความกลัว มือทั้งสองข้างสั่นไหว หนึ่งในสมาชิกทีมรีบลงไปช่วยพยุงเธอให้ลุกขึ้นยืน

          “เขา เขา...เขาบ้าไปแล้ว” ไหล่บางยังคงสั่นสะท้านราวกับยังเห็นภาพฝันร้ายในสมอง หัวหน้าทีมสองสั่งให้ลูกน้องของตนพาเธอไปยังที่ที่ปลอดภัย มานาบุขมวดคิ้วกับภาพที่เห็น ไม่ควรจะมีบุคลากรของโรงพยาบาลออกมาเดินเพ่นพ่านเวลานี้หลังจากที่เขาออกคำสั่งอพยกไปเมื่อต้นชั่วโมงที่แล้ว ดวงตาผ่านแว่นพยายามเพ่งมองป้ายชื่อพลาสติกบนอกของเธอ

          ลี ยูฮวา

เมื่อพานางพยาบาลเข้าไปนั่งพักที่ห้องตรวจเป็นที่เรียบร้อย สมาชิกทีมรักษาดินแดนทั้งสองก็วิ่งกลับออกไปสมทบกับทีมหลัก ร่างบางที่เคยสั่นไหวด้วยความกลัวกลับหยุดฉะงัก เธอลุกจากเตียงตรงไปยังประตูบานเลื่อน ดวงตาดำขลับมองฝ่าช่องแคบๆของประตูออกไปยังทางเดินภายนอก เมื่อเห็นหัวหน้าทีมหนึ่งเปิดประตูห้อง 1019 อย่างเบามือก่อนที่สมาชิกจะทยอยเดินเข้าไป ริมฝีปากบางรูปกระฉับก็เผยรอยยิ้มออกมา

เหยื่อกลุ่มแรกของ ประติมากรรม ของเธอมาถึงแล้ว

สมาชิกทั้งสองทีมกรูเข้าไปเรียงแถวหน้ากระดานแล้วเล็งปืนไปยังเป้าหมายที่กำลังยืนโดดเดี่ยวอยู่ภายในราวกับนักโทษชาวยิวในลานประหารของนาซีเยอรมัน

          เพลง Clair de Lune ของโกลด เดอร์บูวซี่ คีตกวีชาวฝรั่งเศสดังเล็ดลอดออกจากวิทยุเครื่องเล็กชวนให้บรรยากาศนุ่มนวล กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อให้ความรู้สึกปลอดภัยแต่ไม่สบายตัว เตียงคนไข้ที่ว่างเปล่า รอยยับยู่ยี่ของผ้าห่มสีขาวที่มีคราบสีแดงประปรายราวกับถูกโรยด้วยกลีบกุหลาบ พื้นแกรนิตขัดมันสีขาวมีรอยเลือดถูกลากเป็นทางยาวดั่งเส้นไหมสีแดงอ่อนช้อย มันวิ่งมาสิ้นสุดบนปลายเท้าของร่างสูงโปร่ง ข้อมือขาวซีดทั้งสองข้างมีสายธารเลือดที่หลั่งไหลออกมาไม่หยุดจากแผลที่ถูกกรีดเป็นเส้นตรงยาว แสงจันทร์ในคืนวันเพ็ญส่องสะท้อนเรือนผมสีเงินยวงทำให้ใบหน้าของดูสว่างไสวราวกับรูปภาพที่ใช้เคารพบูชาในโบสถ์ ถึงแม้ว่าดวงตาข้างหนึ่งจะมีน้ำตาเลือดที่หลั่งไหลออกมา

          “คีรินทร์ เฮลกูสัน-เดชาปักษ์ หน่วยรักษาดินแดนต้องการสอบสวนคุณและเพื่อนของคุณเกี่ยวกับเหตุระเบิดสะพานกาญจนาภิเษก กรุณามากับเรา” หัวหน้าทีมหนึ่งกล่าวทั้งๆที่ยังถือปืนค้างท่าเดิม มานาบุจ้องหน้าจอนิ่ง เขารู้สึกถึงลางสังหรณ์ไม่ดีเลยชะมัด

          “ดูเหมือนพวกคุณก็ไม่อยากออกจากกรงสินะ” คีรินทร์พึมพำทั้งๆที่สีหน้าไร้อารมณ์ เขายกมือขึ้นทั้งสองข้างราวกับวาทยกรควบคุมบทเพลงเกี่ยวกับดวงจันทร์แสนอ่อนหวาน สมาชิกทีมตั้งปืนขึ้นเตรียมยิง

          และแล้วเมื่อถึงช่วงที่นักเปียโนมือฉมังกำลังไล่เสกลเสียงสูงราวกับกำลังเดินเข้าใกล้ดวงจันทร์มากขึ้นเรื่อยๆ คีรินทร์ก็สะบัดมือไปด้านหน้าเป็นวงกว้าง เลือดสีแดงสาดกระเซ็นเปรอะยูนิฟอร์มสีดำของเจ้าหน้าที่สี่นาย ใบหน้าภายใต้หน้าต่างขมวดคิ้วสงสัย แต่แล้วคราบเลือดบนชุดของเขาก็ค่อยๆเย็นขึ้นเรื่อยๆจากสามสิบองศาเป็นลบสิบ ลบสี่สิบ และแล้วมันก็ถูกลดถึงลบสองร้อยเจ็ดสิบสามเซลเซียส เนื้อของมนุษย์ที่ทนความเย็นได้ไม่มากแข็งตัวก่อนจะแตกออกมาจากร่างราวกับถูกทำจากเซรามิค ในเสี้ยววินาที โอไรออนสี่คนที่เคยยืนถือปืนอยู่ดีๆก็กลายเป็นเพียงเศษเนื้อแข็งๆบนพื้นแกรนิตขัดมันแห่งนี้

          “ขอความอนุมัติระบบในการกำจัดโอไรออนรหัส XXX0051” หนึ่งในสมาชิกทีมที่เหลือกล่าวขึ้นทั้งๆที่มือที่เล็งปืนเอาไว้สั่นกึกๆอย่างควบคุมไม่ได้ เมื่อเกิดเหตุร้ายแรงที่พวกเขาต้องจับตายโอไรออนอย่างเดียว ทีมรักษาดินแดนก็ต้องร้องขอคำอนุญาตกับระบบซึ่งส่วนใหญ่พวกเขามักได้คำตกลงยกเว้นเสียแต่ว่า...

         “ไม่อนุมัติ โอไรออนรหัส XXX0051 เป็นอาวุธสงครามชั้นสูง ไม่คุ้มค่าที่จะสูญเสีย”

          เสียงของระบบดังสะท้อนในสมองของโอไรออนในพื้นที่ เจ้าหน้าที่ที่เหลือบางคนสบถออกมาแล้วตัดสินใจรัวปืนใส่โอไรออนผิวขาวข้างหน้า ในขณะที่คนอื่นๆก็เริ่มใช้พลังของตัวเองอย่างบ้าคลั่ง ทว่านักเรียนโอไรออนกลับหลบการโจมตีได้ทุกคราโดยการใช้เลือดที่ถูกลดอุณภูมืของตัวเองเป็นโล่ เจ้าหน้าที่เหล่านี้เริ่มพบกับความสิ้นหวัง สุดท้ายเมื่อความกลัว ความเครียดพุ่งขึ้นถึงขีดสุด ระบบก็ยับยั้งการกระทำทุกอย่าง พวกเขากลายเป็นเพียงรูปปั้นหน่วยคอมมานโด ยืนแน่นิ่งในห้อง มีเพียงดวงตาของพวกเขาที่ส่ายไปส่ายมา ม่านตาขยายกว้างด้วยความกลัว คีรินทร์มองห้องผู้ป่วยที่กลายเป็นแกลเลอรี่งานศิลป์ชั่วคราวก่อนจะแต่งแต้มรูปปั้นเหล่านั้นด้วยเลือดสีแดงของตน

สุดท้าย...ห้องคนไข้วีไอพีแห่งนี้ก็เต็มไปด้วยเศษเซรามิคเนื้อมนุษย์

มานาบุมองภาพการต่อสู้ที่เกิดขึ้นตาค้าง ทำไมระบบถึงไม่หยุดคีรินทร์ก่อนที่เขาจะฆ่าโอไรออนคนอื่นๆ!? จอมอนิเตอร์แสดงร่างสูงโปร่งที่กำลังเดินเอื่อยๆออกจากห้อง ถึงจะมองเห็นไม่ชัดแต่หัวหน้าหน่วยโอไรออนก็พอจะสังเกตเห็นคราบเลือดที่ไหลออกจากหัวตาด้านซ้าย

          หรือว่าหมอนั่น...จะ ตัดการติดต่อ กับระบบไปแล้ว?

 

         --จบบทที่ 3--

 



MASCOT รายงานการฝึกงานภาคฤดูร้อน: ?มาสคอตฟรีแลนซ์เต็มเวลา?

ผู้แต่ง : Patra Fujiyama


Comment จากกรรมการ

#1 Enter Books Editor Team

เก็บเรื่องสำนวนไว้เมนท์ในครั้งสุดท้าย เพราะคิดว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่สุด(ไม่แน่กรรมการอาจจะคิดไปเอง XD )

เป็นคนที่ภาษาสวยนะครับ ลื่นไหล และมีสัมผัส
ไดอะล็อกมีพลัง

ถึงบอกไงครับว่าเขียนไปเรื่อยๆนะ : )

ดาวิษ ชาญชัยวานิช

Comment จากกรรมการ

#2 กองบรรณาธิการสนพ. Enter Books

สวัสดีคร้าบ~

อ่า โครงเรื่องค่อนข้างใหญ่นะครับ ดีเทลเยอะ ตัวละครเยอะกว่า แถมดูจะสารพัดสัญชาติเลย เฮียอ่านแล้วแอบงงว่าตกลงตอนนี้เฮียอยู่ที่ไหน ไทย ญี่ปุ่น จีน เกาหลี เมกา... แล้วก็มีการเล่าอดีตสลับปัจจุบันจนเฮียมึนช่วงเวลาด้วย (แต่ตรงนี้อาจเป็นปัญหาที่เฮียเองก็ได้นะ 555) ชอบตัวละครธันวาและความยึดมั่นในการเป็นมาสคอตของพี่แกนะครับ ขอให้พี่ธันวาจงเป็นมาสคอตที่เทพต่อไป (มะลิยังจำเป็นอยู่มั้ย หืม?) เอาใจช่วยอยู่นะครับ

นี่เฮียเอง

ความคิดเห็นล่าสุด

Page 1 of 3 1 2 3
  • ความคิดเห็นที่ 48

    วรพจน์ พิบูลย์ลาภอุดม
    • Name : วรพจน์ พิบูลย์ลาภอุดม [IP] 49.229.59.93
    • 3 เมษายน 2559 / 22:24
    ชอบมากๆเลยครับ อ่านแล้วสนุกเพลินดีครับ
  • ความคิดเห็นที่ 47

    จิว
    • Name : จิว [IP] 64.233.173.160
    • 3 เมษายน 2559 / 19:38
    Interested
  • ความคิดเห็นที่ 46

    วัลลภา สังฆโสภณ
    • Name : วัลลภา สังฆโสภณ [IP] 182.232.60.172
    • 3 เมษายน 2559 / 19:34
    ร้อยเรียงได้อรรถรสดีมากค่ะ
  • ความคิดเห็นที่ 45

    วรพจน์
    • Name : วรพจน์ [IP] 182.232.24.221
    • 1 เมษายน 2559 / 21:19
    อ่าวแล้วสนุกเพลิดเพลินดีครับ
  • ความคิดเห็นที่ 44

    Enter Books Editor Team
    • Name : Enter Books Editor Team < My.iD > [IP] 49.49.241.73
    • 31 มีนาคม 2559 / 05:26
    เก็บเรื่องสำนวนไว้เมนท์ในครั้งสุดท้าย เพราะคิดว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่สุด(ไม่แน่กรรมการอาจจะคิดไปเอง XD )

    เป็นคนที่ภาษาสวยนะครับ ลื่นไหล และมีสัมผัส
    ไดอะล็อกมีพลัง

    ถึงบอกไงครับว่าเขียนไปเรื่อยๆนะ : )

    ดาวิษ ชาญชัยวานิช
  • ความคิดเห็นที่ 43

    Briss
    • Name : Briss < My.iD > [IP] 182.148.26.38
    • 30 มีนาคม 2559 / 23:00
    เป็นตอนจบที่อิ่มที่สุดเลยล่ะ...
    เป็นการปิดพาร์ทนี้เพื่อนำไปสู่พาร์ทต่อไปได้อย่างดีเยี่ยมเลย
    หลายๆอย่างที่สอนให้เรียนรู้ และตัวละครที่พัฒนาการไปตามสถานการณ์ที่บีบคั้น
    แม้จะแต่งออกมายากแต่แพทสื่อออกมาได้ดีมากจริงๆ

    สุดท้ายแล้ว... มะลิยังคงจืดจาง แต่เป็นความจืดจางที่น่ารอดูต่อไปว่าหลังจากนี้ผู้หญิงคนนี้จะเป็นอย่างไร

    ดีใจที่ได้มาพบกันนะ :)
  • ความคิดเห็นที่ 42

    สมใจ
    • Name : สมใจ [IP] 171.96.167.216
    • 30 มีนาคม 2559 / 22:54
    อยากอ่านต่อ จะอ่านได้ที่ไหน
  • ความคิดเห็นที่ 41

    dinn
    • Name : dinn < My.iD > [IP] 171.96.184.106
    • 30 มีนาคม 2559 / 18:04
    พี่ปัฐเองนะครับ ^ ^

    เนื้อเรื่องหนักกว่าที่คิดเอาไว้เสียอีก แต่ก็สนุกมากเช่นกัน โดยเฉพาะการบรรยายทำได้ยอดเยี่ยมไปเลย ปีนี้คนบรรยายเก่งๆ เยอะแฮะ พล็อตของเรื่องนี้เองก็เจ๋งไม่น้อย รายละเอียดต่างๆ ก็เก็บรายละเอียดได้ดีมากเลยครับไม่หาข้อมูลมาอย่างหนักเขียนรายละเอียดต่างๆ อย่างพวกสถานที่แบบในเรื่องนี้ไม่ได้แน่ๆ เห็นได้ถึงความสามารถ ความละเอียดอ่อนและความมุ่งมั่นอย่างแรงเลยครับ การสลับการเล่าเรื่องกับในความคิดพี่ว่าพี่เข้าใจนะ และไม่คิดว่าทำความเข้าใจยากด้วย อาจจะเป็นเพราะชอบอ่านหนังสือแนวๆ แบบนี้อยู่บ่อยๆ ละมั้งครับ อย่างพวกนิยายแปลก็มีให้เห็นเยอะเลยไม่คิดว่าแปลกหรือสับสนอะไร ^ ^" หลงรักเรื่องนี้เข้าซะแล้วสิ ^ ^b
  • ความคิดเห็นที่ 40

    จิว
    • Name : จิว [IP] 64.233.173.160
    • 28 มีนาคม 2559 / 22:08
    น่าติดตาม
  • ความคิดเห็นที่ 39

    สมใจ
    • Name : สมใจ [IP] 110.168.231.247
    • 28 มีนาคม 2559 / 01:38
    รออ่านอีกบทนะ กำลังมันส์ สู้ๆ
  • ความคิดเห็นที่ 38

    SleepyDevil
    • Name : SleepyDevil < My.iD > [IP] 49.49.121.65
    • 25 มีนาคม 2559 / 18:06
    สวัสดีครับคุณแพท ป๊อกตามมาอ่านตอนสี่นะ รู้ละว่าชอบอะไรอีกอย่างของนิยายเรื่องนี้ ชอบบทบรรยาย มันดูเหมาะสมดี จะตัดซีนไปมาผมก็ชอบนะ ถึงบางคนจะบอกว่ามันดูเหมือนหนังหรืออนิเมชั่นอะไรก็แล้วแต่เถอะ ถ้ามองในฐานะคนอ่าน นิยายพออ่านมันก็จะมีภาพมีเสียงในหัวแล้วมันก็ไม่ต่างจากดูหนังหรือการ์ตูนสักนิด มันก็แค่ตัดฉากสุดท้ายตอนจบมันก็เชื่อมต่อเป็นเรื่องราวเดียวกันเอง ถ้าให้เขียนจาก1- 10ก็เขียนได้ แต่ถามคนอ่านสนุกมั้ย อันนี้แล้วแต่คน แต่สำหรับคนเขียนคงไม่สนุกที่จะเขียนแน่ๆ  สำหรับผมชอบแบบเกมเปิดแผ่นป้ายตรงโน้นนิดตรงนี้หน่อยแบบนี้มากกว่า สู้ๆนะ ปล.มีนิดนึงบทนี้ตรง 'ข้างมันๆ' ไม่รู้ว่าคำผิดหรือเปล่า แต่ผมไม่เข้าใจคำนี้เลยชะงักนิดนึง
  • ความคิดเห็นที่ 37

    หอยทากกินบะหมี่
    • Name : หอยทากกินบะหมี่ < My.iD > [IP] 183.88.87.98
    • 24 มีนาคม 2559 / 18:30
    แวะมาอ่านตอนใหม่จ้า

    ตอนนี้มีปมใหม่โผล่มาอีกแล้ว ทำให้รู้เลยว่าพล็อตนิยายเรื่องนี้ใหญ่มาก
    มีการตัดไปตัดมาถึงเหตุการณ์ในแต่ละตัวละครเยอะมากทำให้สับสนอยู่บ้าง
    แต่ฉากที่เปิดปมของธันวาทำออกมาได้ดี
    อ่านแล้วเซอร์ไพรส์และสร้างความน่าสนใจให้กับเรื่องยิ่งขึ้น

    ตอนนี้ให้ฟีลเหมือนอ่านการ์ตูนญี่ปุ่นยุคใหม่ที่มีการใส่คติธรรมลงมาในเนื้อหา
    มีการตีแผ่สังคมออกมาให้เห็นว่าสุดท้ายแล้วสิ่งที่คีรินทร์ทำก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น
    หรือการนอนรอความตายอย่างโดดเดี่ยวของมะลิก็ไม่ใช่สิ่งที่โอไรออนสมควรได้รับ

    พล็อตใหญ่ เล่นใหญ่คือเสน่ห์ของเรื่องนี้
    แต่เพราะ 'ใหญ่' ก็เลย 'หนัก' ด้วย

    ทั้งหมดขึ้นอยู่กับรสนิยมความชอบของแต่ละคน
    ส่วนการตัดสินก็ขึ้นอยู่กับกรรมการแต่ละท่าน

    เป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ๆ

  • ความคิดเห็นที่ 36

    Enter Books Editor Team
    • Name : Enter Books Editor Team < My.iD > [IP] 49.49.246.110
    • 24 มีนาคม 2559 / 01:40
    โครงเรื่องมันใหญ่นะคับ
    ตัวละครก็เยอะ ประเด็นก็เยอะ
    จึงเป็นการยากที่จะหาจุดโฟกัสของเรื่อง
    ไม่รุ้จะโฟกัสที่มาสคอตต์ โอไรออน การต่อต้านระบบ มะลิ หรือตรงไหนดี
    อ่านแยกเป็นส่วนๆจะรุ้สึกสนุกได้ ด้วยความที่คนเขียนคิดมาดี
    แต่พออ่านรวมๆแล้ว มันยังขาด Unity ไปครับ

    แต่อย่างว่า...
    หนังสือดังๆหลายเล่มก้อตัวละครเยอะ ประเด็นเยอะ แต่ดังได้ สร้างเป็นซีรีส์
    หนังสือบางเล่มโดนสำนักพิมพ์มากมายปฏิเสธตั้งหลายครั้ง แต่พอได้ตีพิมพ์ละกลับดังไปทั่วโลก
    คนเป็นนักเขียน เขียนเพื่อความสะใจของเราเอง
    ถ้ามีใครมาร่วมสนุกไปกับเราด้วย อันนั้นถือเป็นโบนัสครับ

    เพราะงั้นก็เขียนต่อไปอย่างที่ทำมานี่แหละครับ ดีแล้ว
    อ่านแล้วรุ้สึกได้ถึงความสนุกในการเขียนครับ
    นี่แหละคือสิ่งสำคัญของการเขียน XD

    ดาวิษ ชาญชัยวานิช
  • ความคิดเห็นที่ 35

    LookFook
    • Name : LookFook < My.iD > [IP] 182.149.194.122
    • 24 มีนาคม 2559 / 00:45
    อ่านตอนนี้แล้วคือโลกนี้ยิ่งใหญ่มาก และวุ่นวายมากด้วย 
    ว่ากันที่คำผิดละกัน

    อ้อมกอดของพ่อที่ถูกอ้าออก >> คิดว่าอ้อมกอดของพ่อที่อ้าออก ก็ตรงตัวแล้ว ไม่น่าจะต้องถูกอ้านะ?
    เรียลลิตี้ >> ไปเซิร์ซมาว่าเป็น ล.ลิงนะ
    เลิ่กคิ้ว >> อันนี้อาจจะรีบ เข้าใจได้

    เป็นจุล
    จุล เล็กหรือน้อย มักใช้นำหน้าคำสมาส เช่น จุลกฐิน จุลศักราช
    จุณ ของที่ละเอียด ของที่ป่น เช่น แหลกเป็นจุณ
    >> อ่านจากเรื่องและความหมายแล้วน่าจะใช้ จุณ ตัวนี้มากกว่าแฮะ

    เชี่ยวกราด >> อันนี้ไม่แน่ใจก็เลยไปค้นมา กราด มีความหมายเยอะแต่ดูไม่เข้าเค้า ไปเจอมากรากน่าจะใช่
    กราก [กฺราก] ก. ตรงเข้าไปโดยเร็ว เช่น กรากเข้าไป. ว. รวดเร็ว
    เช่น น้ำไหลเชี่ยวกราก

    ปั้มหัวใจ >> ปั๊มหัวใจ

    ไม่มีอะไรแล้วล่ะ ตอนนี้ก็เก็บทุกอย่างทุกรสดีเหมือนเดิม
    เลือดสาดน้อยกว่าตอนที่แล้วนิดนึงมั้ง? อารมณ์ความรุนแรงมันเบาลงเพราะไปมีเรื่องชีวิตของมะลิด้วย
    ชอบคาแรคเตอร์นาง เป็นตัวละครที่มองโลกในแง่ดีสุดใจจริงๆ
    เออ แล้วก็จะมีบางจุดที่แพทใช้ "มัน" แทนสิ่งของ ซึ่งก็ใช้ได้แหละ แต่บ่อยๆก็งงๆ อย่างช่วงบรรยายประตูแรกๆ จะมีตรงข้ามมัน อะไรทำนองนี้ คิดว่าละเป็น ตรงข้ามกัน อาจจะดูรื่นมากกว่า เหมือนเคยจำได้คร่าวๆว่ามันจะไม่ค่อยเหมาะในการบรรยายอะไรทำนองนี้สักเท่าไรน่ะ

    อื่นๆตอนนี้นึกไม่ออก แต่รู้สึกเห็นโลกชัดเพิ่มมากขึ้นดี และรอลุ้นตอนต่อไปเหมือนเดิม สู้ๆนะ :)
  • ความคิดเห็นที่ 34

    Amélie
    • Name : Amélie < My.iD > [IP] 58.11.114.185
    • 20 มีนาคม 2559 / 21:36
    ก่อนจะตอบคอมเม้นต์ อยากเลยว่าขอบคุณทุกคนที่เข้ามาตอบและแสดงความคิดเห็นทั้งทางคอมเม้นต์และแมสเสจมากๆ
    เราดีใจมากๆเลยค่ะ ที่สามารถทำตัวละครที่คนทั้งรักทั้งเกลียดได้ในเวลาเดียวกัน ตอนที่เห็นคนอ่านบางคนบอกว่าเชียร์คีรินทร์ให้ปฎิวัติระบบ ในขณะที่คนอ่านบางกลุ่มกลับชอบมะลิเพราะมองโลกในแง่ดีถึงแม้จะคิดในกรอบและเห็นด้วยในความคิดของเธอว่าถ้าระบบถูกทำลาย พื้นฐานสังคมก็จะถูกทำลายไปด้วย
    คุณหอยทากกินบะหมี่: ขอบคุณมากๆเลยนะคะที่อุตส่าห์เสียเวลาอ่านและวิเคราะห์ลึกขนาดนี้ ดีใจจริงๆที่มีคนเข้าใจถึงหลายๆที่เราจะสื่อ ขอบคุณมากๆค่ะ
    คุณ Rinovel:  มะลิจำเป็นแน่นอนค่ะ ที่หลายๆคนรุ้สึกเธอจืดจ่างไปนิดเพราะว่าเราจงใจให้เธอสะท้อนตัวเด็กวัยรุ่นในสังคมน่ะค่ะ และต้องการเขียนให้เธอมีนิสัยมองโลกในแง่ดีด้วย ถ้าอ่านต่อไปเรื่อยๆ หวังว่าคุณจะเห็นพัฒนาการของเธอเองค่ะ
    คุณ Yue Yu: ใช่เลยค่ะ เราพลาดเรื่องชื่อเรื่องและคำโปรยมาก ถ้าแข่งจบคงจะรีบเปลี่ยนชื่อเรื่องและคำโปรยเป้นอย่างแรกเลย อ้อ แล้วก็หวังว่าเรื่องนี้จะ "เหนือคาด" มากกว่าผิดหวังนะคะ ^^
  • ความคิดเห็นที่ 33

    Yue Yu
    • Name : Yue Yu < My.iD > [IP] 182.232.46.16
    • 20 มีนาคม 2559 / 14:24
    จะบอกว่าผิดหวังหรือเกินคาดดี? ถ้าอ่านตามชื่อเรื่องแล้วรู้สึกว่ามันน่าจะโดดเด่นได้มากกว่านี้ นี่เนื้อเรื่องไปคนละความหมายกับชื่อเรื่องเลย แต่อันนั้นไม่เป็นปัญหาหรอกค่ะ ดำเนินเรื่องแบบนี้ก็โดดเด่นพอแล้วค่ะ ตั้งใจเขียนเข้านะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
  • ความคิดเห็นที่ 32

    Rinovel
    • Name : Rinovel < My.iD > [IP] 49.48.219.119
    • 19 มีนาคม 2559 / 22:16
    สนุกดีค่ะ แต่ชื่อเรื่องกับเนื้อหานี่ไปคนละทางเลยแฮะ เรื่องนี้เหมือนออกแนวเสียดสีสังคม ให้อารมณ์ดิสโทเปียนิดๆ โครงเรื่องน่าจะใหญ่ ตัวละครก็เยอะแล้วก็หลายสัญชาติมาก555
    สรุปว่าฉากหลังตอนนี้คือประเทศไทยใช่ไหมคะ #เยอะจนเบลอ
    สำนวนกะมุกเราโอเคนะ หยุดอ่านไม่ได้น่าติดตามดี แต่ค่อนข้างจะสลับมุมมองบ่อยไปหน่อย เลยยังมองภาพรวมไม่ชัดว่าสรุปจะโฟกัสตรงไหนกันแน่ แล้วใครเป็นตัวเอก (ตัวดำเนินเรื่อง) ของเรื่องนี้ มะลิเอ๋ย เธอยังจำเป็นอยู่มั้ย55555

    แต่โดยรวมสนุกดีค่ะ แปลกใหม่น่าติดตามดี ขำตรงมุกที่ธันวาเรียกชื่อมะลิผิดๆ อะ พิกุล ลำดวน อัญชัญ คืออะไร 555555
  • ความคิดเห็นที่ 31

    หอยทากกินบะหมี่
    • Name : หอยทากกินบะหมี่ < My.iD > [IP] 14.207.92.225
    • 19 มีนาคม 2559 / 17:12
    สวัสดีจ้า หอยทากเองนะคะ พยายามจะแปะคอมเมนท์นิยายเรื่องให้ตั้งแต่บ่ายที่ทำงานจนเลิกงานแล้วก็ยังไม่สามารถแปะให้ได้ ระบบบอกยาวไปไม่ให้เมนท์ ๕๕๕๕๕ #หัวเราะทั้งน้ำตา

    หอยทากเลยตัดสินใจส่งเป็นลิงค์ให่เลยค่ะ!

    คอมเมนท์มาสคอต >> คลิก << 

    สู้ๆค่ะ รอตอนต่อไปอยู่น้า!
  • ความคิดเห็นที่ 29

    Amélie
    • Name : Amélie < My.iD > [IP] 61.90.25.152
    • 19 มีนาคม 2559 / 02:12
    คุณสมใจ: ขอบคุณที่เข้ามาอ่านอยู่ตลอดนะคะ ตอนแรกก็กังวลอยู่เหมือนกันว่าคนอ่านจะชอบการบรรยายสถานที่แบบนี้ไหม ดีใจที่ชอบนะคะ
    Enter Books Editor Team: พี่อ่านแล้วสนุก เราก็ดีใจค่ะ
    คุณ สมายลี่สมาย:  ขอบคุณที่สนุกไปกับมาสคอตมากความลับแล้วเด็กฝึกงานหัวขี้เลื่อยนะคะ แล้วมาดูการแสดงของพวกเราอีกนะคะ
    คุณ SleepyDevil: ขอบคุณที่ติดตามเสมอมานะคะ คอมเม้นต์ของทุกคนมีความหมายกับเรามาก ขอบคุณจากใจจริงค่ะ
Page 1 of 3 1 2 3

เข้าสู่ระบบด้วย Dek-D ID

เข้าสู่ระบบด้วย Social Network

คลิกที่นี่
แสดงความคิดเห็น
ชื่อ Email รูปตัวแทน

โปรดใส่รหัสตามรูป