EN08 Macaros' Journey เจ้าชายรูปงามกับจอมมารทั้งเจ็ด
บันทึกการเดินทางของเจ้าชายรูปงามคนหนึ่งผู้ซึ่งจับพลัดจับพลูมาเป็นผู้กล้าปราบจอมมารแห่งบาปทั้งเจ็ด แต่ไปๆ มาๆ กลับกลายเป็นจับจอมมารเข้าฮาเร็มแทน
บันทึกหน้าที่สี่
ซาตาน บาปแห่งโทสะผู้… ยากจะอธิบาย
“แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง”
สุดท้าย.. ด้วยความรู้สึกเห็นใจและไม่อยากมีเรื่องกับจอมมารที่เป็นเป้าหมายของภารกิจ เจ้าชายจึงยอมคืนเป็ดให้ซาตาน เจ้าตัวทำท่าฮึดฮัดแล้วบ่นพึมพำพร้อมยื่นมือออกไปรับสัตว์ปีกตัวนั้น แต่ดูเหมือนมันจะยังตื่นกลัว เพราะนอกจากจะดิ้นไปมาแล้ว มันยังส่งเสียงร้องดังไปทั่วราวกำลังจะโดนเชือดในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า
ก๊าบ! ก๊าบ! ก๊าบ!
“นี่! อยู่เฉยๆ สิ ข้าไม่ได้จะเอาเจ้าไปเชือดสักหน่อย… ข้าเพิ่งจะจ่ายเงินช่วยเจ้ามาเมื่อกี้เองนะ!”
ประโยคนี้ทำให้เจ้าชายอึ้งมากยิ่งขึ้น เขาพยายามคิดว่าตัวเองฝันไป ทว่าในวินาทีต่อมาเขากลับได้รับการยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นความจริงไปเต็มๆ ใบหน้า
ก๊าบ!!
ปั่ก!
“โอ๊ย!”
เป็ดดิ้นรนจนออกจากมือของซาตานได้ มันใช้ความสามารถในการบินที่มีอยู่น้อยนิดหนีไปทางเจ้าชาย แต่ด้วยความตื่นตระหนกนั่นเองที่ทำให้มันพลาด ปีกสีขาวตบหน้าเด็กหนุ่มไปเต็มแรงจนอมยิ้มกระเด็นออกจากปาก แค่นั้นไม่พอ มันยังใช้ไหล่ของเขาเป็นที่ยันตัวในการกระโดดลงพื้นและวิ่งตุปัดตุเป๋หนีเอาตัวรอดจากเงื้อมมือของจอมมาร
“เจ้าชาย!!” แฝดสามและคลอรัสร้องเป็นเสียงเดียวกัน พวกเขาแทบจะแย่งกันรับเจ้าชายที่ล้มคะมำมาพร้อมน้ำสีแดงที่ไหลออกมาจากจมูกและปาก อีกทั้งอาการทางสีหน้าที่บอกชัดเจนว่าเจ็บนั่นก็ทำให้ทั้งสี่สติหลุดจนวิญญาณเกือบลอยออกจากร่าง
“อ…ไอ้เป็ดตัวนั้นน่ะ มาให้จับเชือดซะดีๆ!” องครักษ์ไม่รอช้า เขาตวัดสายตามองเป็ดและก้าวเท้าวิ่งตามในทันที
“เชือด!? ไม่ได้นะ! เจ้าจะเชือดเป็ดข้าไม่ได้!” ซาตานเองก็ไม่อยู่เฉย เพื่อปกป้องเป็ดที่ตนเพิ่งไถ่ชีวิตมาแล้ว เขาวิ่งตามคลอรัสไปด้วยความเร็วที่เหนือกว่า พริบตาเดียวก็สามารถคว้าเป็ดกลับเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนได้
“ถ้าเจ้าเชือดเป็ดข้า ข้าจะฆ่าเจ้า!” จอมมารกอดมันแน่นและมององครักษ์หนุ่มพร้อมตวาดเสียงเขียว
“เป็ดท่านทำเจ้าชายบาดเจ็บ โทษตายสถานเดียว!” คลอรัสสวนกลับทันควัน
“บาดเจ็บ? มีคนบาดเจ็บด้วยเหรอ!?” บาปแห่งโทสะร้องถาม อารมณ์โกรธหายไปโดยพลัน เขามองหาคนบาดเจ็บ แล้ววินาทีต่อมาก็พบเห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังยืนกุมจมูกตัวเองโดยมีแฝดสามคอยไถ่ถามอาการ เลือดสีสดที่โผล่พ้นมือขาวๆ ออกมานั่นทำให้ซาตานเบิกตากว้าง ขาทั้งสองก้าวไปหยุดอยู่ตรงผู้บาดเจ็บภายในเสี้ยววินาที
“เจ้าบาดเจ็บนี่นา!” เขาร้องลั่น แล้วก่อนใครจะได้พูดหรือทำอะไร จอมมารก็หนีบเป็ดไว้ข้างลำตัวด้วยแขนเพียงข้างเดียว ส่วนแขนอีกข้างจัดการยกตัวเจ้าชายที่กำลังมึนงงพาดไว้บนบ่า จากนั้นจึงเร่งฝีเท้าออกไปโดยปล่อยให้แฝดสามและองครักษ์อ้าปากค้างอยู่แบบนั้น
“ค..คืนตัวเจ้าชายมาเดี๋ยวนี้นะ!!” องครักษ์ดึงสติกลับมาได้เร็วที่สุด เขาขยับตัววิ่งตามจอมมารสุดชีวิต “ถึงจะเป็นจอมมาร แต่ก็มีฐานลักพาตัวเจ้าชาย… โทษประหารสถานเดียว!”
คลอรัสวิ่งตามจอมมารไป แต่แฝดสามยังคงยืนอยู่กับที่ บีกินถือผ้าเช็ดหน้าเปื้อนเลือดของเจ้าชายค้าง ส่วนบีแกนและบีกันหันมองรอบตัว พวกเขาส่งยิ้มให้กับชาวบ้านที่กำลังมองมาแล้วพูดต่อกัน
“ไม่มีอะไรหรอก ลืมๆ มันไปซะเถอะนะ”
“แยกย้ายกันไปทำงานเถอะ อย่าสนพวกเรามากนักเลย”
ชาวบ้านยืนมองแฝดสามอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็แยกย้ายกันไปทำงานของตนเอง ไม่ให้ความสนใจกับบุรุษทั้งสามราวกับพวกเขาไม่มีตัวตน และทำเหมือนเหตุการณ์เมื่อครู่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
“บีกิน อยู่เฉยทำไมล่ะ รีบๆ ตามซาตานไปเร็วเข้า!”
เมื่อโดนน้องคนรองเร่ง บีกินจึงรีบขยับตัว ตาสีทองแวววาวมองไปยังจุดที่ซาตานและคลอรัสหายไปพร้อมทำจมูกฟุดฟิดอยู่สักพักก่อนจะร้องเสียงดัง
“ทางนั้น!”
“ไอ้จอมมารไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง คืนตัวเจ้าชายมานะ!!”
ขณะเดียวกันคลอรัสก็วิ่งตามจอมมารสุดแรงเกิด เขาวิ่งไปส่งเสียงด่าทอไป ทว่าจอมมารกลับไม่สน ยังคงตั้งหน้าตั้งตาวิ่งราวกับคนบนไหล่ถูกพิษร้าย จะต้องนำไปหาผู้มียาถอนพิษโดยเร็วที่สุด
ด้านเจ้าชายก็อยากจะร้องและพยายามดิ้นให้หลุดออกจากการแบกหาม แต่เป็นเพราะเรี่ยวแรงของมนุษย์ไม่สามารถเทียบปิศาจได้ อีกทั้งยังระบมจมูกกับปาก เขาจึงทำได้เพียงแค่บีบดั้งจมูกของตัวเองให้เลือดหยุดไหลพร้อมก่นด่าจอมมารกับเป็ดไปในใจ อีกอย่าง จุดประสงค์ในการเดินทางก็คือสืบคนร้ายจากบาปทั้งเจ็ด ตอนนี้ก็เจอบาปแห่งโทสะแล้ว ปล่อยให้โดนแบกไปแบบนี้ก็ถือเป็นการย่นเวลาที่ดีไม่น้อย
“เฮลลา!!” วิ่งมาได้ระยะหนึ่งซาตานก็ตะโกนเสียงดัง และในพริบตานั้นเองบรรยากาศรอบตัวก็เปลี่ยนไป จากเดิมที่เป็นป่าไม้รกทึบกลายเป็นปราสาทหลังงามมีแต่ทหารปิศาจเดินกันให้ว่อน พวกเขาต่างทำหน้าตื่นตกใจที่เห็นท่าทางแบบนั้นของเจ้านาย เป็ดไม่เท่าไหร่เพราะเป็นเรื่องเคยชิน แต่มนุษย์บนบ่ากลับทำให้พวกเขาอ้าปากค้าง
“ท… ท่านซาตาน ท่านไปลักพาตัวมนุษย์ที่ไหนมากันขอรับ!?”
จอมมารไม่สนเสียงลูกน้อง เขามองซ้ายมองขวา ขายังคงขยับวิ่งพร้อมส่งเสียงตะโกน กลบเสียงของคลอรัสที่เข้ามาในอาณาเขตไม่ได้จนเกือบมิด
“เฮลลา เฮลลา ไอ้มือขวาโง่เง่า โผล่หัวออกมาเซ่!!”
“บาปแห่งโทสะ คืนตัวเจ้าชายมาเดี๋ยวนี้นะ!!”
คำว่า 'เจ้าชาย' ที่ได้ยินแว่วๆ ทำเอาปิศาจบางส่วนหน้าซีด พวกที่ยังมีสติวิ่งออกไปอีกทางเพื่อตามหาปิศาจที่เจ้านายอยากพบ และร้องเรียกไปตามทาง
“ท่านเฮลลา แย่แล้วขอรับ! ท่านซาตานลักพาตัวมนุษย์ที่ไหนก็ไม่รู้มาขอรับ!!”
“เหมือนจะเป็นเจ้าชายด้วยขอรับ!”
“ท่านเฮลลา ท่านเฮลลล!!”
เสียงตะโกนเรียกชื่อดังระงมไปทั่ว ในที่สุดมันก็ถึงหูของปิศาจในชุดทหารดูเคร่งขรึมตนหนึ่งผู้กำลังทำหน้าที่ประจำของตัวเอง เดิมทีเขาคิดจะเมินเฉยต่อเสียงร้องตะโกนนั้น แต่พอได้ยินชื่อแบบสั้นนั่นเข้าไป ปิศาจหนุ่มก็ต้องกำข้าวเปลือกในมือแน่นพร้อมกับเส้นเลือดบริเวณขมับที่เต้นตุบๆ
“ต้องให้บอกอีกกี่ครั้งว่าข้าชื่อเฮลลา ไม่ใช่เฮล”
เพราะถูกเรียกด้วยชื่อที่ไม่ชอบ หัวหน้าทหารปิศาจจึงต้องยอมละทิ้งหน้าที่ ขยับปากพึมพำไม่กี่วินาทีก็มาปรากฏตัวขึ้นมาต่อหน้าผู้เรียกพร้อมกัดฟันพูด เห็นดังนั้นซาตานจึงหยุดวิ่ง ปากอยากจะด่าที่เฮลลาปรากฏตัวช้า แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาทำแบบนั้น
“เฮลลา มีมนุษย์บาดเจ็บ เลือดเต็มหน้าเลย รีบรักษาเขาเร็วเข้า!” บาปแห่งโทสะวางตัวเจ้าชายลงแล้วลนลานผลักส่งไปให้ลูกน้อง
“เลือด?” เฮลลาทวนคำ คิ้วสีดำเลิกขึ้นด้วยความรู้สึกสงสัย ตาสีเดียวกันมองเด็กหนุ่มที่ยืนก้มหน้านิ่ง เข่าทั้งสองย่อลงเพื่อจะมองหน้าของมนุษย์คนนี้ให้ถนัดตา แล้วเมื่อเห็นใบหน้านั้นเข้าไปเขาก็ต้องยืดตัวขึ้นพร้อมร้องเสียงหลง
“ท่านซาตาน! นี่เจ้าชายมนุษย์นี่นา ท่านไปทำยังไง ทำไมเขาถึงบาดเจ็บแบบนี้!”
“ข้าเปล่าทำ เป็ดตัวนี้ทำต่างหาก” ซาตานปฏิเสธทันควัน “แต่อย่าดุมันมากนะ มันแค่ตกใจ เลยเผลอตบหน้าเจ้าชายมนุษย์นี่ไป... ก็แค่นั้นเอง” จอมมารพูดเสียงอ่อย ท่าทางเหมือนเด็กโดนดุที่พยายามแก้ตัว
“เจ้าชายมาคารอส ท่านเจ็บมากไหมขอรับ” ลูกน้องจอมมารไม่สนคำพูดของเจ้านาย เขารีบดึงมือของเจ้าชายออกแล้วเช็ดเลือดบนใบหน้านั้น พอเห็นว่ามันยังคงไหลไม่หยุดจึงหันไปสั่งให้ทหารจัดเตรียมห้องเพื่อรองรับเด็กหนุ่มโดยเร็วที่สุด
“เฮลลา.. เขาเป็นอะไรมากไหม” จอมมารถาม แววตาดูเป็นกังวลขณะจ้องมองผู้บาดเจ็บ
“ท่านน่ะรีบเอาเป็ดไปไว้ในเล้าเลย ส่วนเจ้าชายมนุษย์ข้าจะดูแลเอง” เฮลลาหันมาพูดเสียงเข้ม นั่นทำให้ซาตานรีบหันหลังวิ่งออกไป แต่ก็ยังไม่วายตะโกนทิ้งท้าย
“ดูแลเขาให้ดีนะ! ถ้าเขาเป็นอะไรไปมากกว่านี้ล่ะก็ ราชามนุษย์เอาเจ้าตายแน่!”
เฮลลายกมือกุมใบหน้าอย่างรู้สึกหนักใจกับเจ้านายของตน และเจ้าชายก็มีสภาพไม่ต่างกัน ซาตานทวงเป็ดว่าทำลายฝันพออยู่แล้ว ยิ่งมาเจอเหตุการณ์ไม่คาดคิดเข้าไปอีกแบบนี้ เด็กหนุ่มก็เริ่มรู้สึกว่าบทเรียนที่เขาเรียนมาตั้งแต่เด็กๆ นั่นเชื่อไม่ได้เลยสักนิด
ใครเป็นคนเขียนประวัติจอมมารกัน น่าสั่งลงโทษข้อหาหลอกลวงเบื้องสูงซะให้เข็ด!
“เจ้าชายมาคารอสขอรับ เชิญทางนี้เถอะ ถ้าท่านยังจะยืนอยู่แบบนั้น ข้าน้อยเกรงว่าเลือดท่านจะไหลหมดตัวเอาเสียก่อน ข้าน้อยยังไม่อยากโดนราชาซิลเวอร์ตามฆ่านะ”
“อะ…ครับ” เด็กหนุ่มสะดุ้งน้อยๆ เขาเดินตามปิศาจหนุ่มไปพร้อมถามเรื่องที่คาใจมาได้สักพัก “ว่าแต่.. ทำไมคุณถึงรู้ว่าผมเป็นใครล่ะครับ”
คำถามนี้เป็นคำถามที่ทำให้เฮลลาทำหน้าหนักใจอีกครั้ง
“ท่านเป็นถึงเจ้าชายของมนุษย์เชียวนะขอรับ.. ข้าเองก็เป็นถึงมือขวาของจอมมาร ถ้าเรื่องแค่นี้ยังไม่รู้ ข้าก็ไม่สมควรจะมารับตำแหน่งนี้หรอก... แล้วถ้าท่านจำได้ วันเกิดท่านปีที่แล้วข้าก็ไปร่วมงานเป็นตัวแทนท่านซาตานอยู่นะ”
เจ้าชายพยักหน้าเข้าใจ เขารู้สึกอับอายเล็กน้อยที่ลืมไปชั่วขณะว่าฐานะของตนสำคัญขนาดไหน ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เฮลลาจะรู้จักเขา และเพราะแบบนี้เด็กหนุ่มจึงคิดว่าภารกิจของตนเริ่มมีปัญหา ถ้าหากยังเดินทางในสภาพของเจ้าชายมาคารอสต่อไป เหล่าปิศาจก็อาจจะสงสัยว่าทำไมเจ้าชายอย่างเขาถึงออกจากวังมาผจญภัยเล่น แต่ถ้าปลอมตัวเป็นมาร์ชซึ่งเป็นเด็กหนุ่มธรรมดา การเข้าหาปิศาจก็จะทำได้ยากจนแทบเป็นไปไม่ได้
เด็กหนุ่มรู้สึกเครียด.. เรื่องนี้มันตัดสินใจยากพอกันกับตอนจะปลอมตัวออกไปซื้ออมยิ้มรสส้มจำนวนจำกัดนั่น
เอาไงดีล่ะ ปลอมตัวก็เข้าหาปิศาจยาก ไม่ปลอมตัวก็จะดูน่าสงสัย
“เจ้าชายมาคารอส.. ห้องนี้ขอรับ ท่านจะเดินไปไหน”
เท้าที่กำลังจะเดินไปไกลหยุดชะงัก เจ้าชายมนุษย์ผู้สูงศักดิ์หันกลับมาส่งยิ้มให้มือขวาของจอมมารและเดินเข้าไปในห้องที่เปิดประตูอ้าไว้โดยไม่ให้คำตอบใดๆ ซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่ได้เค้น และทำเพียงแค่ก้าวเดินตาม
เฮลลาพาคนบาดเจ็บมาที่ห้องรับรอง เขาขยับมือเพียงหนึ่งครั้ง เทียนบนโคมระย้าก็ลุกติดพรึ่บ ทำให้เห็นบรรยากาศภายในที่มีเตียงสีดำหลังใหญ่วางอยู่ใจกลางห้อง ปิศาจบอกให้เด็กหนุ่มนั่งลงบนนั้น ก่อนจะหายไปทำอะไรอยู่ตรงมุมหนึ่งของห้องและกลับมาพร้อมถุงน้ำแข็งกับผ้าขนหนูที่ใส่ไว้ในชามใบใหญ่
“ต้องขออภัยที่ปิศาจอย่างเราไม่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บให้ท่านได้ดีกว่านี้ ท่านซาตานคงตื่นตูมจนลืมว่าพวกเราใช้เวทมนตร์แบบนั้นไม่ได้”
“ไม่เป็นไรครับ ที่จริงเลือดก็หยุดแล้ว ที่เห็นนี่ก็แค่คราบที่เช็ดไม่หมด”
“ฮ่ะๆ..” เฮลลาหัวเราะเสียงแห้ง เขาวางของในมือลงบนโต๊ะข้างเตียง นำผ้าขนหนูจุ่มน้ำ บิดมันแล้วเช็ดใบหน้าเปื้อนเลือดของเจ้าชายอย่างแผ่วเบา เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงผละออกไปก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงนอบน้อม
“เจ้าชายมาคารอส”
“ครับ” เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้น เขาพบว่าเฮลลากำลังทำหน้าลำบากใจ
“อาจจะดูแปลกๆ ที่ข้าน้อยพูดแบบนี้ แต่ได้โปรดให้อภัยท่านซาตานด้วยเถอะขอรับ เพราะอดีตท่านซาตานเคยเจอเรื่องทำร้ายจิตใจอย่างรุนแรงมา เขาก็เลยกลายเป็นอย่างนั้นไป”
“คุณหมายถึง…” เจ้าชายเว้นช่วง สีหน้าลังเลใจเหมือนไม่อยากพูดออกมา “กลายเป็นพวกติ๊งต๊องแบบนั้นน่ะเหรอครับ”
“บอกมาตรงๆ ว่าเพี้ยนเลยก็ได้ ข้าน้อยไม่ถือสาหรอก” เฮลลาหลุดหัวเราะ สีหน้าของเขาดูเศร้าเล็กๆ ขณะพูดถึงจอมมารผู้เป็นนาย “ท่านซาตานเคยมีเพื่อนสนิทชาวมนุษย์ แต่แล้วก็ต้องสูญเสียเพื่อนคนนั้นไป หลังจากวันนั้นเขาก็มีอาการเป็นแบบนี้”
เมื่อคำว่า 'มนุษย์' หลุด?ออกมา เจ้าชายก็ก้มหน้านิ่งพร้อมกำมือแน่น
เพราะมนุษย์อีกแล้วเหรอ
เฮลลาไม่รู้ว่าเด็กหนุ่มกำลังคิดอะไร แต่จากประสบการณ์ที่ได้อยู่เคียงข้างบาปแห่งโทสะมานับร้อยปี ท่าทางแบบนี้เขาคาดเดาได้ว่าอีกฝ่ายคงกำลังนึกย้อนถึงเรื่องราวบางเรื่อง ซึ่งมันไม่น่าใช่เรื่องที่ดี ไม่อย่างนั้นมือของเจ้าตัวคงไม่กำผ้าขนหนูเสียแน่นจนแทบทะลุแบบนั้น
แล้วในเมื่อไม่ใช่เรื่องที่ดีก็ไม่ควรไปเค้นถามหรือจี้จุด สิ่งที่ควรทำจึงมีเพียงปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปหรือลากออกนอกประเด็น.. แต่เขาควรจะลากออกไปไหนดี ให้คุยกับมนุษย์แบบนี้เฮลลาไม่ค่อยถนัดนัก หากจะเอาของชอบมาล่อก็ทำไม่ได้เพราะปราสาทนี้ไม่มีลูกอม สิ่งที่มีจนเกือบล้นคลังก็มีเพียงแค่อุปกรณ์ในการเลี้ยงดูเป็ดเท่านั้น
“เรื่องราวมันเป็นยังไง.. พอจะเล่าให้ผมฟังหน่อยได้ไหมครับ”
“เอ๋?” เฮลลาร้องเสียงสูง “ท..ทำไมถึงอยากจะฟังหรือขอรับ”
ปิศาจผู้มีตำแหน่งเป็นมือขวาของจอมมารทำหน้าไม่เข้าใจ เขารับอารมณ์ที่เปลี่ยนไปมาในพริบตาแบบนี้ไม่ทัน เมื่อครู่เจ้าชายยังดูอารมณ์ไม่ดี ทว่าวินาทีถัดมากลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ผมเป็นถึงเจ้าชายของมนุษย์นะครับ บาปแห่งโทสะเป็นแบบนี้ก็เพราะมนุษย์มีส่วนเกี่ยวข้อง ดังนั้นผมต้องมีส่วนรับผิดชอบ”
เจ้าชายหยิบสถานะของตัวเองมากล่าวอ้าง ที่จริงแล้วเขาเพียงแค่อยากรู้ข้อมูลเกี่ยวกับบาปแห่งโทสะให้มากที่สุด จะได้เอามาพิจารณาว่าซาตานมีความคิดที่จะก่อสงครามหรือไม่ ส่วนมนุษย์จะไปทำอะไรให้ใครก็เป็นเพียงแค่เรื่องรองลงมา
“อ่า… เรื่องมันค่อนข้างยาว อีกอย่างมันก็ผ่านมานานแล้ว ท่านยังอยากจะฟังอยู่อีกหรือขอรับ”
“ยาวแค่ไหนก็ฟังได้ครับ ผมชอบฟัง”
เมื่อได้สบกับแววตาแน่วแน่และจริงจังของเจ้าชายเข้าไป เฮลลาก็ต้องรู้สึกลำบากใจ เขารู้ว่าอีกฝ่ายต้องการจะรับผิดชอบ แต่เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องของผู้เป็นนาย อีกทั้งมันยังเป็นเรื่องไม่น่าเล่า ถ้าเล่าออกไปผู้ฟังก็อาจจะรู้สึกสมเพชซาตานเอาได้ แต่ถ้าไม่เล่า… คนอย่างเจ้าชายมาคารอสก็คงมีวิธีทำให้เขาเล่าออกมาได้อยู่ดี
..ไม่มีทางเลือกเลยสินะ ปิศาจลอบถอนหายใจ
“ถ้าท่านต้องการ ข้าน้อยจะเล่าให้ฟังขอรับ แต่มันต้องมีข้อแลกเปลี่ยน ท่านจะยอมไหมขอรับ”
“…ว่ามาสิครับ”
เฮลลาเอ่ยข้อแลกเปลี่ยนที่ทำให้เจ้าชายต้องหยุดหายใจไปชั่วครู่ มันเป็นสิ่งที่เขาไม่คิดว่าจะหลุดออกมาจากปากของ ‘ปิศาจ’ แวบแรกเด็กหนุ่มเกือบจะปฏิเสธออกไปตามความรู้สึก แต่เพราะภารกิจสำคัญกว่า เขาจึงต้องฝืนใจพยักหน้ายอมรับมัน
“ขอบคุณขอรับ หวังว่าท่านจะไม่ผิดสัญญา”
“ครับ”
เจ้าชายรับคำสั้นๆ มือคลายออกจากผ้าขนหนู และฟังเรื่องราวที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากของเฮลลาอย่างเงียบเชียบ
“ตอนนั้นเป็นตอนที่ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และปิศาจยังไม่ลงรอยกันมากนัก ท่านซาตานเพิ่งจะรับตำแหน่งบาปแห่งโทสะใหม่ๆ พลังยังอ่อนด้อย ไม่ต่างอะไรกับปิศาจธรรมดา” น้ำเสียงและใบหน้าที่เศร้าสร้อยทั้งที่ไม่ใช่เรื่องตัวเองของเฮลลาทำให้เด็กหนุ่มไม่กล้าเอ่ยถ้อยคำใดๆ
“ตอนที่ท่านซาตานไปสำรวจความเรียบร้อยของอาณาเขตตัวเองในวันนั้น เขาได้เจอกับมนุษย์คนหนึ่งที่มีชื่อว่า โจนส์…”
ปิศาจผู้เป็นมือขวาของซาตานเว้นช่วง เขาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเริ่มเอ่ยต่อ
“โจนส์เป็นคนที่มักจะช่วยเหลือปิศาจอยู่บ่อยครั้ง และเพราะช่วยเหลือมากเกินไป สุดท้ายเขาก็ถูกมนุษย์ขับไล่ออกจากหมู่บ้านจนต้องไปอาศัยอยู่ในถ้ำกลางป่า ท่านซาตานบอกให้มาอยู่ด้วยกันก็ไม่ยอม เอาแต่จะอยู่กลางป่าแบบนั้น สุดท้ายท่านซาตานก็เลยต้องสร้างอาณาเขตเอาไว้หน้าถ้ำ เพื่อป้องกันไม่ให้ปิศาจ สัตว์ร้ายหรือมนุษย์ที่ไหนเข้าไปทำร้ายเขา” เฮลลาหยุดพูด ท่าทางดูมีความสุขปนเศร้า
“ท่านซาตานดูมีความสุขทุกครั้งที่ได้ไปพบมนุษย์ผู้นั้น โจนส์เองก็เป็นคนสอนให้ท่านซาตานควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ แล้วยังมีอะไรอีกหลายๆ อย่างที่ทำให้ทั้งสองสนิทกันมากขึ้น.. แล้วทั้งที่เป็นแบบนั้น...”
เสียงของเฮลลาเริ่มขาดหาย ภาพของบาปแห่งโทสะในวันนั้นย้อนกลับเข้ามาในความทรงจำจนทำให้ยากที่จะควบคุมเสียงไม่ให้สั่น เจ้าชายคิดว่าเขากำลังร้องไห้ แต่เมื่อปิศาจหนุ่มเงยหน้าขึ้นมา อารมณ์ที่อยู่บนใบหน้ากลับเป็นความโกรธแค้นอย่างถึงที่สุด
“วันหนึ่งเขากลับถูกฆ่าตายอย่างโหดร้ายและทารุณ ด้วยการกระทำของจอมมารตนนั้น!”
เพล้ง!
“ไม่ได้เรื่อง! ไม่มีใครทำงานได้ถูกใจข้าเลยสักตัว!”
เสียงกระเบื้องกระทบผนังถ้ำดังขึ้นก่อนเสียงตวาดด้วยความโกรธเกรี้ยวจะดังตาม ชายผิวเข้มคนหนึ่งกำลังรู้สึกหงุดหงิด เขาคิดจะหยิบจานอีกใบขว้างตามไป แต่กลับโดนหยุดด้วยเสียงขุ่นเคืองจากชายหนุ่มอีกหนึ่งคน
“ซาตาน จานบ้านข้าไม่ใช่ของที่เจ้าจะเอามาปาระบายอารมณ์เล่นนะ”
“ก็ข้าหงุดหงิด ของแค่นี้เดี๋ยวข้าขนจากปราสาทมาให้เจ้าใหม่ก็ได้!” จอมมารตอบเสียงห้วน
“เจ้าหัดใจเย็นๆ ให้มันมากกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือไง”
โจนส์ เพื่อนชาวมนุษย์เพียงคนเดียวของบาปแห่งโทสะถอนหายใจ เขาพูดแบบนี้มาหลายร้อยหลายพันรอบ พูดมาตั้งแต่ยังมีบ้านจนตอนนี้ลี้ภัยมาอยู่ถ้ำ ซาตานก็ยังคงเหมือนเก่า อารมณ์ขึ้นง่าย และกว่าจะเย็นลงก็ตอนที่จานในบ้านเขาแตกไปจนเหลืออยู่แค่จานใบโปรด
“หงุดหงิด! หงุดหงิดว้อยยย!!”
ซาตานคว้าเอาจานตรงหน้าของโจนส์ไป แล้วใช่ นี่คือจานใบโปรดของเขา
“เดี๋ยว! นั่นมันจานข้านะ!!”
เพล้ง!!
กว่าซาตานจะรู้ตัวว่านั่นคือจานของเพื่อนก็ตอนที่เขาปามันออกจากมือ กระทบกับผนังถ้ำเสียงดังแล้วแตกเป็นเสี่ยงๆ
“ซาตาน”
“โจนส์… ข้า…” เสียงของซาตานขาดหายเมื่อได้เห็นหน้าของเพื่อนรัก ใบหน้าเขานิ่งเรียบไม่แสดงอารมณ์ใดๆ แต่ตาสีเขียวที่แสดงออกอย่างเห็นได้ชัดว่ากำลังโกรธทำให้จอมมารหนุ่มเหงื่อแตกพลั่ก
“ข้า…ขอโทษ”
มันอาจจะดูประหลาดที่บาปแห่งโทสะอย่างเขามาขอโทษมนุษย์ แต่เพราะความที่โดนละลายพฤติกรรมไปตั้งแต่แรกเจอและพบหน้ากันมาจนถึงทุกวันนี้ ทำให้ซาตานรับรู้ว่าตนไม่ได้โกรธเป็นอยู่คนเดียว มนุษย์เองก็โกรธได้ แถมยังโกรธได้น่ากลัวกว่าหลายเท่านัก
“ซาตาน…เจ้าจำคำที่ข้าบอกกับเจ้าบ่อยๆ ได้ไหม” โจนส์ถามเสียงเรียบ
“จำได้” จอมมารตอบเสียงอ่อย แล้วพูดโดยไม่ต้องให้ใครมาบอก “เจ้าบอกข้าว่า ข้าควรระงับอารมณ์ของตัวเองซะบ้าง ไม่อย่างนั้นก็อย่าหวังเลยว่าจะมีใครอยากเป็นเพื่อนด้วย”
“แล้วเจ้าทำมันได้บ้างหรือยัง”
“ก..ก็พยายามอยู่ ข้าเป็นบาปแห่งโทสะนะ เจ้าให้เวลาข้าบ้างสิ!”
“เจ้าบอกข้าว่าซาตานรุ่นที่แล้วสั่งให้เจ้าไปหาวิธีควบคุมโทสะของตัวเอง ข้าช่วยสอนเจ้ามาเกือบสามปี แต่จนป่านนี้มันก็ยังไม่ต่างจากปีแรกที่เจอกันเลยสักนิด”
น้ำเสียงของโจนส์เรียบนิ่ง และนี่คือสิ่งที่ซาตานกลัว ชายหนุ่มไม่เหมือนเขาที่เวลาโกรธจะระบายอารมณ์ออกมาให้ได้เห็น เจ้าตัวมีท่าทีสงบนิ่งและเยือกเย็น มีเพียงแค่แววตาเท่านั้นที่แสดงให้รู้ว่ากำลังโกรธ
“ข้าขอโทษ” บาปแห่งโทสะพูดอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบากว่าเดิม
“เอาเถอะ” ชายหนุ่มชาวมนุษย์ถอนหายใจ เขาปรายตามองเศษจานที่ตกอยู่บนพื้นและพูดเสียงเรียบ “ข้าจะออกไปหาเสบียง อีกสักพักจะกลับมา แล้วถ้าเจ้าอยากกินข้าวเย็นกับข้าก็ช่วยเก็บผลงานเจ้าให้เรียบร้อยด้วย”
“อื้อ…”
ซาตานขานรับ เขารอจนแผ่นหลังของโจนส์ลับสายตาแล้วจึงก้มลงเก็บผลงานของตัวเอง
มันช่างน่าขันที่เขายอมให้มนุษย์ แต่เพื่อนคนนี้เป็นคนที่คอยช่วยเหลือและให้คำปรึกษาเขามาตลอด กล้าที่จะดุด่าและกล้าเข้าหาปิศาจทั้งที่ตัวเองเป็นมนุษย์แสนอ่อนแอ ที่สำคัญ โจนส์เป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยเขาออกจากกับดักและหยิบยื่นอาหารให้กับจอมมารอย่างไร้ซึ่งความเกรงกลัว เขาทำแบบนั้นจนถูกขับออกมาจากหมู่บ้าน และโดนมนุษย์ตามมาราวีอยู่บ่อยครั้ง
ซาตานเป็นปิศาจที่ถูกสอนมาว่าอย่าให้ใครมาเป็นหนี้บุญคุณ เขาจึงคิดจะตอบแทนอีกฝ่ายเพื่อที่จะได้หมดหนี้ต่อกัน แต่ยิ่งตอบแทนเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้โจนส์ลำบากมากเท่านั้น แถมเรื่องยังกลายเป็นว่าเขามักจะมาขอความปรึกษาเรื่องวิธีระงับความโกรธจากอีกฝ่ายอยู่บ่อยๆ อีกต่างหาก
“เจ้าบอกให้ข้าควบคุมอารมณ์ให้ดี… ทีเจ้าล่ะ โกรธทีไรสะบัดหน้าหนีไปแบบนี้ตลอด! ไอ้มนุษย์งี่เง่าเอ้ย!”
ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ซาตานก็พยายามนำเอาเศษจานใบโปรดของโจนส์มาประกอบเข้าหากัน แต่เป็นเพราะมันแหลกละเอียดจนเกินไป ทั้งยังหงุดหงิดที่เพื่อนโกรธเพราะตนทำจานใบนี้แตก สุดท้ายก็หมดความอดทน ใช้พลังจอมมารทำลายเศษจานเหล่านั้นไปจนไม่เหลือซาก
“ของแค่นี้แตกทำมาเป็นโกรธ ข้าจะเอามาใช้คืนให้เป็นสิบเท่าเลย คอยดูสิ!”
หลังจากที่เพื่อนทำลายจานใบโปรดทิ้งไป โจนส์ก็มุ่งหน้าไปยังลำธารที่เคยมาเป็นประจำเพื่อหาปลาไปเป็นอาหารเย็นให้กับตัวเองและเพื่อนต่างเผ่า
บาปแห่งโทสะนี่มันรับมือยากเหลือเกิน แค่สามปีไม่ได้ช่วยอะไรเลย เสียเวลาชะมัด
ที่จริงแล้วโจนส์ไม่ได้โกรธที่ซาตานทำจานใบโปรดแตก แต่เขาโกรธที่ซาตานไม่รู้จักควบคุมอารมณ์ของตัวเองทั้งที่เขาพูดจนปากเปียกปากแฉะมาเป็นเวลานาน
บอกให้ใจเย็นๆ ก็ไม่รู้จักฟัง โทสะนี่มันโทสะจริงๆ
“สวัสดี”
“เฮ้ย!!”
ในระหว่างที่กำลังนึกบ่นเพื่อนในใจพร้อมมองหาปลาอยู่นั้น อยู่ๆ ก็มีเสียงไม่คุ้นเคยดังขึ้นในระยะใกล้ ด้วยความที่ถูกมนุษย์ด้วยกันกลั่นแกล้งมาตลอดครึ่งชีวิต โจนส์รีบป้องกันตัวเองโดยการสะบัดหอกในมือไปยังเจ้าของเสียงตามสัญชาตญาณจนมันห่างจากลำคอของเจ้าของเสียงเพียงแค่ข้อนิ้ว
“ใจเย็นๆ ก่อนสิ ข้ามาดี”
โจนส์เลิกคิ้ว เขาไม่คุ้นตาบุรุษตรงหน้า และคาดว่าอีกฝ่ายไม่น่าใช่มนุษย์เพราะใบหูอันเรียวแหลมเป็นเอกลักษณ์ เอลฟ์ก็มีหูเช่นนี้ แต่ตาคมสีแดงก่ำดั่งเลือดดูงดงามนั่น..มีเพียงแค่ปิศาจเท่านั้นที่จะมีมันได้
“วางอาวุธก่อนเถอะ มันอันตรายนะ ข้าไม่ทำร้ายเจ้าหรอก วางใจได้” อีกฝ่ายกำลังส่งยิ้มและยกมือขึ้นในระดับอกเพื่อแสดงให้เห็นว่าไม่มีอาวุธใดๆ และประสงค์ดีตามคำพูด
“ขอโทษ.. ข้านึกว่ามนุษย์จะมาทำร้ายข้า” ชายหนุ่มลดอาวุธและส่งยิ้มกว้างให้อีกฝ่าย “เจ้ามีอะไรหรือเปล่า หลงทางเหรอ”
“เปล่าหรอก.. พอดีข้ากำลังตามหาเพื่อนอยู่น่ะ” ปิศาจรูปงามตอบเสียงนุ่ม “เพื่อนข้าเป็นปิศาจ ผมแดงผิวเข้ม เขามักจะขมวดคิ้วอยู่ตลอดเวลา ทำหน้าตาเหมือนคนกำลังโกรธ.. เจ้าพอจะเห็นเขาบ้างไหม”
ลักษณะแบบนั้น อีกทั้งยังเป็นปิศาจ ก็คงจะไม่มีใครนอกจากตัวการที่ทำให้จานใบโปรดของเขาแตกไปเมื่อครู่
“เจ้าหมายถึงซาตานหรือเปล่า ”
“ใช่ เขานั่นแหละ ”
ได้ยินแบบนั้นโจนส์ก็ต้องขมวดคิ้วเข้าหากัน ซาตานเคยบอกว่าตัวเองขี้โมโห ปัจจุบันจึงไม่มีใครกล้าคบเป็นเพื่อน แล้วอยู่ๆ ปิศาจแปลกหน้าก็มาบอกแบบนี้ เขาจึงรู้สึกสงสัยอยู่ไม่น้อย
แต่ถ้าเป็นซาตาน … เจ้าบ้านั่นคงจะปฏิเสธไม่ยอมเป็นเพื่อนกับเขาเองมากกว่า
“เห็นสิ เจ้ามีธุระอะไรกับซาตานหรือเปล่า ตอนนี้เขาอยู่กับข้าน่ะ”
“อืม… งั้นเหรอ เขามีเพื่อนเป็นมนุษย์จริงๆ ด้วยสินะ” ปิศาจฉีกยิ้ม มองโจนส์ค้างอยู่พักหนึ่งแล้วจึงเอ่ยออกมา “ซาตานขี้หงุดหงิดแบบนั้น ลำบากเจ้าน่าดู”
“ข้าชินแล้วล่ะ” โจนส์ถอนหายใจ “แต่ถ้าเจ้าจะไปหาซาตานก็ช่วยรอสักเดี๋ยวนะ ตอนนี้ข้ากำลังจะจับปลาไปเป็นอาหารเย็น แล้วถ้าไม่รังเกียจ เจ้าจะอยู่กินข้าวด้วยกันไหม ข้าจะได้จับเผื่อ”
ผู้ถูกถามชะงักไปชั่วครู่ ก่อนวินาทีต่อมาจะขยับยิ้มพร้อมพยักหน้า
“แบบนั้นก็ดี…” เขาตอบเสียงนุ่มนวลและขยับเท้าเดินเข้ามายืนข้างชายหนุ่ม “เจ้าชอบปลาเหรอ”
“เปล่าหรอก”
“แล้วเจ้าชอบกินอะไรล่ะ… พวกเนื้อสัตว์..อะไรทำนองนี้”
“ข้าชอบกินเป็ดน่ะ” โจนส์ตอบขณะที่สายตายังคงจับจ้องที่ลำธาร รอการปรากฏตัวของอาหารมื้อเย็น “แต่มันก็ค่อนข้างหายาก ตามป่าตามเขาแบบนี้ไม่ค่อยจะมีเป็ดให้ข้ากินนักหรอก จะได้กินทีก็ตอนเข้าไปในเมืองหรือซาตานเอามาฝากนั่นล่ะ”
“เหรอ… แต่ข้าเห็นอยู่ตัวนึงนะ”
“ไหน!?”
ปิศาจตนนั้นยิ้มกว้าง ตาสีแดงเป็นประกายแวววาวขณะจ้องมองชายหนุ่ม
“ก็ตรงหน้าข้านี่ไง”
สิ้นเสียงเขาก็ดีดนิ้วหนึ่งครั้ง กลุ่มพลังสีดำปรากฏขึ้นรอบมือและพุ่งตรงไปยังโจนส์ที่ได้แต่ยืนนิ่ง พริบตาเดียวก็เปลี่ยนเขาจากชายหนุ่มรูปร่างบอบบางให้กลายเป็นสัตว์ปีกขนสีขาวตัวหนึ่ง มันกำลังมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ดวงตาสีดำขลับจ้องมองปีกสีขาวของตนและร้องออกมาด้วยเสียงที่ไม่มีใครเข้าใจ
“อะไรเนี่ย!?”
“ข้าไม่รู้หรอกนะว่าเจ้าพูดอะไร แต่ถ้าอยากกลับไปเป็นมนุษย์ก็ลองไปขอซาตานดูสิ… เขาทำได้อยู่แล้วล่ะ”
เมื่อถูกทำให้อยู่ในสภาพนี้ โจนส์ก็พอจะรับรู้ได้ว่าปิศาจผู้นี้จะต้องไม่ใช่แค่ปิศาจระดับธรรมดา แต่ทำไมจะต้องสาปเขา ครั้นจะถาม เสียงที่ออกไปก็เป็นเพียงแค่เสียงร้องของสัตว์ที่ฟังไม่ได้ศัพท์และติดจะน่ารำคาญ
“เจ้าเป็นใคร! ทำไมต้องทำแบบนี้กับข้า!”
“อะไรนะ.. เจ้าไม่รู้เหรอว่าซาตานอยู่ไหน อืม…” ปิศาจหนุ่มลากเสียง เขามองไปรอบตัวเพื่อค้นหาหนึ่งในบาปทั้งเจ็ด ไม่นานนักก็ยิ้มและเอ่ยต่อจากที่ค้างไว้ “อะ เจอแล้ว… ซาตานอยู่ตรงนั้นไง”
เขาชี้ไปที่ด้านหลังของโจนส์
“ดูเหมือนเขากำลังเป็นห่วงเจ้าอยู่นะ รีบๆ ไปหาแล้วขอให้เจ้านั่นรีบคลายคำสาปเร็วเข้า ถ้าไม่รีบล่ะก็ เจ้าอาจจะต้องกลายเป็นเป็ดไปตลอดกาลนะ” พูดจบก็หัวเราะในลำคอ “…แล้วถ้าเป็นแบบนั้นซาตานคงรู้สึกผิดน่าดู ก็เพราะเขาเป็นคนทำให้เจ้าต้องมาอยู่กลางป่ากลางเขาแบบนี้นี่นา”
“เจ้ารู้ได้ยังไง! ตกลงเจ้าเป็นใครกันแน่!”
“ข้าไม่มีเวลามาแปลคำพูดของเจ้าหรอกนะ ข้ายังมีธุระสำคัญที่ต้องทำ…โชคดีล่ะ เป็ดน้อย”
ปิศาจพูดจบก็กลายเป็นควันลอยหายไป สร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้ถูกสาปมากยิ่งขึ้น
“เดี๋ยว! อย่าเพิ่งไป!!”
ต้องใช้เวลาอยู่ครู่ใหญ่กว่าโจนส์จะสำนึกได้ว่าในเวลาแบบนี้โวยวายไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา ชายหนุ่มพยายามตั้งสติและทำตามที่ปิศาจตนนั้นบอก เขาวิ่งไปยังจุดที่ซาตานอยู่เพื่อจะขอความช่วยเหลือ ต้องรีบขอให้จอมมารคลายคำสาปนี้ให้เพื่อที่ตนจะได้กลับไปเป็นมนุษย์โดยเร็วที่สุด
“ซาตาน ซาตาน ช่วยข้าด้วย ข้าถูกสาป!!”
ชายหนุ่มร้องเสียงดังเมื่อซาตานเข้ามาในระยะสายตา แล้วมันก็ได้ผล บาปแห่งโทสะหันมามองเขา ถึงแม้หน้าตาจะดูตกใจที่อยู่ๆ มีสัตว์วิ่งเข้าไปหา แต่เจ้าตัวก็ยิ้มกว้าง ย่อตัวลงแล้วอ้าแขนราวรอเขาวิ่งเข้าไป
โจนส์ดีใจ เขาคิดว่าเพื่อนทำแบบนี้ก็เป็นเพราะจำตัวเองได้ แต่เมื่อวิ่งเข้าไปในอ้อมแขนนั้น คำพูดที่เปล่งออกมากลับทำให้เขาชาไปทั้งตัว
“นี่มันอะไรกัน อยู่ๆ เป็ดก็วิ่งเข้ามาหาข้า! แบบนี้ข้าก็มีของโปรดของโจนส์แล้ว ถ้าเอาเจ้านี่ไปย่างล่ะก็ เจ้านั่นต้องหายโกรธข้าแน่!!”
ถ้าหากนี่เป็นเวลาปกติ โจนส์คงดีใจที่ซาตานจำของโปรดของตนได้ แต่นี่ไม่… เขาไม่ใช่เป็ด เขาคือโจนส์ คือมนุษย์ที่จอมมารกำลังตามหาและคิดจะทำให้หายโกรธ
“ซาตาน นี่ข้าเอง โจนส์ไง!!”
ถึงจะร้องออกไปอย่างไร เสียงที่ออกไปก็เป็นเพียงเสียงที่ฟังไม่ได้ศัพท์ ซาตานที่หอบเป็ดมาจนถึงหน้าถ้ำจึงหุบยิ้ม เขารำคาญเสียงเป็ดที่เอาแต่ร้องขอชีวิตมาตลอดทางจนไม่คิดจะทนอีกต่อไป
“หุบปากแล้วอยู่นิ่งๆ ให้ข้าเชือดเจ้าซะ”
“ซาตาน อย่านะ!!”
มือข้างหนึ่งของซาตานกำรอบลำคอสีขาวแน่น ส่วนอีกข้างเรียกเอามีดสั้นออกมา เขาไม่สนใจว่าเป็ดตรงหน้าจะดิ้นรนและมองตนด้วยสายตาแบบไหน คิดเพียงแค่ว่ามันกำลังทำตามสัญชาตญาณการเอาชีวิตรอด แต่แล้วยังไง ทำไมเขาต้องสน เป็ดยังไงก็เป็นเป็ด เป็นของโปรดของเพื่อนเขา แล้วเขาก็จะต้องเอามันไปทำอาหารให้ได้
คิดได้แบบนั้นก็ไม่รอช้า เขากำคอเป็ดแน่นขึ้นแล้วใช้มีดในมืออีกข้างเชือดมันอย่างเยือกเย็นและว่องไว ตัดเสียงร้องขอชีวิตอันน่ารำคาญให้หายไปในทันที
“ซา—”
“วันนี้โชคดีชะมัด อยู่ๆ เป็ดก็วิ่งเข้ามาหา แบบนี้เจ้าบ้านั่นต้องหายโกรธข้าแน่ๆ!”
ร่างของเป็ดค่อยๆ แน่นิ่ง เลือดสีเข้มไหลออกมาจากปากแผลบริเวณคอที่ถูกเชือด ซาตานเห็นว่ามันยังไหลช้านักเขาจึงลงมือกรีดคอเป็ดเพิ่มเพื่อให้มันสิ้นใจเร็วยิ่งขึ้น จะได้นำมันไปทำเป็นอาหารให้เพื่อนรักกินได้เร็วกว่าเดิม
“ข้าจะย่างเป็ดนี่ให้สุดฝีมือ เตรียมท้องรอข้าไว้ได้เลยโจนส์!”
----
สวัสดีค่ะ
ในที่สุด โครงการ Enter Books Writer Episode 5 ก็มาถึงโค้งสุดท้ายแล้ว แต่ยังไงเราก็ยังรู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่กดอัพอยู่เหมือนเดิมค่ะ (ฮา)
ที่เรามาอยู่ในจุดนี้ได้ก็ต้องขอขอบคุณกรรมการของเอ็นเธอร์บุ๊คส์และเว็บไซต์เด็กดีทุกคนที่สนใจผลงานของนักเขียนตัวไม่เล็กคนนี้ และแน่นอน แฟนคลับเจ้าชายฯ ที่ติดตามกันมาเป็นเวลานานก็เช่นกัน ขอบคุณที่เป็นกำลังใจให้เรา ส่วนที่เพิ่งมาใหม่ก็ไม่ต้องน้อยใจ เราเหมารวมว่าตามมานานไปเรียบร้อยแล้วค่ะ
มาว่ากันที่เนื้อเรื่อง ในตอนสุดท้ายนี้ทุกคนอาจจะสงสัยกันว่าทำไมจอมมารระดับสูงอย่างซาตานถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ แค่เชือดเพื่อนมันคงไม่ทำให้กลายเป็นแบบนั้นไปได้หรอก .. ตรงนี้สปอยล์โต้งๆ เลยนะคะ ว่าซาตานแกก็ทำแบบที่พูดไว้ในท้ายตอนนั่นแหละค่ะ
แล้วก็….
ขอจบการสปอยล์ไว้แต่เพียงเท่านี้ ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม คอมเมนต์และโหวต Macaros’ Journey เจ้าชายรูปงามกับจอมมารทั้งเจ็ด มาจนถึงตอนนี้นะคะ
ก๊าบ!
เครดิตรูปภาพ : http://www.redbubble.com/people/livinginoz/works/4496411-white-duck-in-the-grass
ด้วยรักและกราบขอบพระคุณ
Macaros.
Macaros' Journey เจ้าชายรูปงามกับจอมมารทั้งเจ็ด
ผู้แต่ง : Macaros.
| ตอนที่ | ชื่อตอน | วันที่ลง |
| 1 | บทนำของบันทึก คุณสมบัติของผู้กล้า | 03 ก.พ. 59 |
| 2 | บันทึกหน้าที่หนึ่ง เจ้าชายในหมู่ผู้กล้า | 08 มี.ค. 59 |
| 3 | บันทึกหน้าที่สอง เจ้าชายผู้กล้า มาคารอส | 16 มี.ค. 59 |
| 4 | บันทึกหน้าที่สาม เพื่อนร่วมทางของผู้กล้า | 21 มี.ค. 59 |
| 5 | บันทึกหน้าที่สี่ ซาตาน บาปแห่งโทสะผู้? ยากจะอธิบาย | 30 มี.ค. 59 |


สวัสดีค่ะ
อ่านฉากคุณเป็ดแล้วแอบเจ็บ ;w;
บรรยากาศเรื่องอ่านแล้วสบายๆ ดีจ้า หวังว่าจะได้เจอกันในตอนที่หกเน้อ
ลวิตร์