ศรแห่งพระราม

ผู้แต่ง : ZEZA_KITTY

ศรแห่งพระราม
 
ศรแห่งพระราม คือ ศัสตราวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงสุด มิอาจมีสิ่งใดต้านทานได้
มาตรว่าแผลงศรขึ้นฟ้า สามารถทำลายแม้หมู่มวลดารา
มาตรว่าแผลงศรสู่พสุธา สามารถทำลายได้ทั้งพสุธาภูผา
มาตรว่าแผลงศรลงมหาสมุทรธารา วารีจะแห้งเหือด สิ่งมีชีวิตนับล้าน ต่างดับสูญสิ้นชีวา
 
ผมถูกบอดี้การ์ดสองคนค้นตัว หน้าห้องทำงานของ ดร. สมชาย คนหนึ่งเข้าประจำจุดข้างหลังผม อีกคนยืนคุมเชิง ผมรู้สึกเสียวสยิวกิ้วเหมือนเดินท่ามกลางหิมะในหน้าร้อนของประเทศไทย
                ห้องทำงานนี้อยู่บนชั้น 7 ของตึกสำนักงานธรรมดาทั่วๆไป คนที่มาติดต่อต้องแลกบัตรและถ่ายรูปที่ประชาสัมพันธ์ เป็น ตึกใหม่ โปร่งสะอาด สว่าง ไม่ใหญ่มาก สูงเพียงแค่ 7 ชั้น
                คนที่ค้นตัวผม ผิวดำ ตัดผมทรงลานบิน อายุประมาณ 30 ปี สูง 180 เซนติเมตร รูปร่าง ล่ำบึก หนักสัก 90 กิโลกรัม ดูจากทรงผมแล้วน่าจะเป็นทหารเก่า บอดี้การ์ดอีกคนยืนคุมเชิงหน้าผม คนนี้ก็ผิวดำ หัวเกรียนเหมือนกัน ดูก็รู้ว่าน่าจะตัดผมร้านเดียวกัน  อายุเด็กกว่าคนแรก น่าจะสัก 25 ปี รูปร่างผอมกว่าคนแรก แต่สูงใกล้เคียงกัน เจ้าเด็กคนนี้ยืนเอาสองมือไขว้หลัง นี่เป็นความผิดพลาดอย่างแรกของพวกเขา ผมสามารถพุ่งเข้าไปจู่โจม ชกดั้งจมูกของบอดี้การ์ดเด็กน้อย และหันกลับมาถีบหัวเข่าของบอดี้การ์ดหนุ่ม ก่อนจะกระแทกหมัดใส่คอหอยของมัน ความผิดพลาดอย่างที่สองของพวกเขาคือ ชุดสูท ที่ใส่ ทำให้เคลื่อนไหวได้ไม่สะดวก และทำให้ช้ามาก ผมเคยสงสัยว่าทำไม บอดี้การ์ดต้องใส่สูท กางเกงสแลคเข้ารูป รองเท้าหนัง ปัญหาของผมอยู่ที่หัวหน้าบอดี้การ์ดที่ยืนหน้าประตูห้องทำงาน มันสูงเกือบ 2 เมตร ตัวใหญ่ กล้ามเนื้อทั้งนั้น หนักสัก 100 กิโลกรัม อายุประมาณ 35 ปี ดูดิบเถื่อน เจ้าเล่ห์ คล้ายกับเป็นอดีตสารวัตรทหารผู้มีตำนานโชกโชนผ่านการต่อสู้มาแล้วทุกรูปแบบ มันไม่เปิดช่องโหว่ให้ผมโจมตีได้เลย ถ้าต้องต่อสู้กันจริงๆ น่าจะตึงมือ กว่าจะเอาชนะได้ผมคงจะบาดเจ็บไม่น้อย
                บอดี้การ์ดหนุ่มเริ่มค้นทั่วตัวผม แล้วส่ายหัวเป็นเชิงบอกกับพรรคพวกว่า ไม่มีอาวุธ ผมเดินช้าๆไปหาหัวหน้า เขาชี้นิ้วมาที่ช่อดอกไม้ในมือของผม ประหนี่งว่าจะขอตรวจช่อดอกไม้ของผม


                “ผมเตรียมดอกบัว 9 ดอกมาให้ ดร.สมชายครับ ทราบมาว่า ท่านชื่นชอบดอกบัวมาก”
                ยังคงไม่มีเสียงตอบรับจากเลขหมายที่คุณเรียก
                “ผมชื่อ หนุ่ม ครับ มาจาก เพจ คุณจัน” ผมพยายามทักทายด้วยน้ำเสียงเป็นกันเองอีกครั้ง
                หัวหน้าบอดี้การ์ด พยักหน้า ประหนึ่งว่า กูรู้แล้ว
                “คุณคือ แจ็ค รีชเชอร์ ,แจ็ค บาวเออร์ ,แจ็ค แชฟเพิร์ต ,แจ็ค สแปโรว์ ,แจ็ค ไรอัน ,แจ็ค หม่า ,แจ็ค ผู้ฆ่ายักษ์ , แจ็ค แฟนฉัน หรือ แจ็ค ดอว์สันครับ ?”  ผมเหน็บแนมเล็กๆ
ผมรู้จักชื่อเขาได้ยังไง ? ผมไม่ได้เป็นริวจิตสัมผัส หรือมีญาณทิพย์ แต่อย่างใด พอดีผมเหลือบไปเห็นป้ายชื่อที่อกข้างซ้าย เขียนว่า แจ็ค
                แจ๊คคืนช่อดอกไม้ให้ผม แต่ชี้มาที่เสื้อนอกของผมแล้วส่ายหน้า ประมาณว่าอนุญาตให้ผมสามารถนำช่อดอกบัวเข้าไปได้ แต่ต้องถอดเสื้อนอกของผมออกก่อนเข้าไปหา ดร.สมชาย
                “ได้ครับ ไม่มีปัญหา” ผมตอบพร้อมกับยิ้มแย้มแต่ในใจตะโกนว่า “”มึงพูดไม่เป็นหรือไงวะ ?””   
                ผมถอดเสื้อนอกออก เหลือแต่เสื้อยืดสีดำ สกีนว่า คุณจัน ผมพลางนึก เแจ็ค นี่เล่นยากจริงๆ ผมหยั่งเชิงพูดจายียวนกวนประสาท นอกจากมันจะไม่โกรธแล้ว ยังไม่ยิ้ม เอาเป็นว่า แม้แต่ปริปากพูดยังไม่มี อ่านนิสัยคนแบบนี้ยากจริงๆ แจ็ค เข้าไปในห้อง สักพักก็เดินออกมา เปิดประตูให้ผมเดินเข้าไป ผมเดินเข้ามาในห้องทำงาน ห้องไม่ใหญ่ มองตรงไปเห็น ภาพจิตรกรรมบนกำแพงหลังโต๊ะทำงาน บนทำงานโต๊ะ มีกล่องสีดำ วางอยู่ ด้านหน้าของกล่องมีพวงมาลัยดอกดาวเรือง กล่องสีดำน่าจะเป็นกล่องที่เก็บศรของพระราม ถัดมา คือ ชุดโต๊ะรับแขก เธอนั่ง บนเก้าอี้ เธอ หรือ เขา ? เธอสวย ผิวขาว ย้อมผมสีบลอนด์ มัดผม ใส่ชุดแซกคอเต่าสีขาว รองเท้าส้นสูงสีขาว นั่งไขว่ห้าง เธอดูเซ็กซี่มาก


“รับเครื่องดื่ม อะไรไหมคะ ?” เธอเปล่งเสียงออกมาได้เย้ายวนมาก
วอดก้า มาตินี่ เขย่าแต่ไม่คน
“คุณคือ?” เธอขำเล็กน้อย
“ผม บอนด์...  เจมส์ บอนด์
“คุณนี่ตลกนะ” เธอหัวเราะเสียงดัง ดูน่ารักสดใสไม่ต่างจากเด็กน้อย อายุ 17 เลย
“ขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ ผม หนุ่ม ศรราม สิงห์ มาจากเพจ คุณจัน เพื่อสัมภาษณ์ ดร.สมชาย เรื่องการค้นพบ ศร ของ พระราม ครับ และผมขอแสดงความยินดีกับการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก” ผมกัดริมฝีปาก และตัวสั่นเล็กน้อย เวลาผมตื่นเต้น ผมมักจะกัดริมฝีปาก ผมยื่นช่อดอกบัวให้กับเธอ
“ขอบคุณมากค่ะ”  เธอยกมือไหว้ ก่อนรับช่อดอกบัว วางบนโต๊ะกระจกเล็กหน้าหล่อน “สวัสดีค่ะ ฉัน  ดร.สมชาย เรียกชื่อเล่นว่า ลอร่า ก็ได้ค่ะ ดร. สมชาย คือชื่อในวงการของฉัน เชิญนั่งค่ะ คุณมีเวลา 20 นาทีในการสัมภาษณ์นะคะ”
“ครับ... สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้ตอบ ผมตื่นเต้นมาก จนลืมยกมือไหว้ทักทายตามมารยาทไทย หรือผมจะตกหลุมรักคุณ ลอร่า เข้าให้แล้ว เธอสวยและดูดีกว่าที่เห็นในเฟสบุ๊ค เธออายุ 30 ปี แต่ดูเหมือน สาววัย 17 ปี รอยยิ้มของเธอ แฝงด้วยความน่ารัก 4 ส่วน ความเซ็กซี่ 4 ส่วน และความลึกลับ 2 ส่วน ผมหลงเสน่ห์รอยยิ้มของหล่อนเข้าแล้ว ให้ตายสิ

ผมสะดุ้ง! เมื่อมีผู้ชายสูงวัย นำ วอดก้า มาตินี่ เขย่าแต่ไม่คน มาเสิร์ฟให้ผมที่โต๊ะ มันเข้ามาได้ยังไง ? ทำไมผมไม่รู้ตัว ชายสูงวัย มีหนวด อายุ 50 ปี ดูฉลาดล้ำลึก สุขุม บ้างดูเหมือนปล่อยวางกับชีวิต เดินเข้ามาหลังผมโดยที่ผมไม่รู้สึกตัวได้ยังไง หรือว่าผมหลงใหล ลอร่า จนลืมสังเกตรอบข้าง
“ขอบคุณครับ” ผมถึงกับตัวสั่น หน้าซีด รู้สึกว่าชายแก่คนนี้ดูน่ากลัวกว่า แจ็ค ถึง สองส่วน
“ขอบคุณที่เหนื่อยนะคะ พี่ตี๋” ลอร่า ยกมือไหว้ขอบคุณ ชายสูงวัย
ชายสูงวัยเดินออกจากห้องไป สักพัก ผมต้องตั้งสติให้กลับมา เมื่อกี้ผมอาจจะตายได้แล้วถึงสามครา เหตุการณ์เมื่อสักครู่มันตื่นเต้นจริงๆ เหมือนนางเอกในนิยายผีเรื่อง จูออน ที่เดินอยู่ดีๆผีก็โผล่มาจากไหนไม่รู้ โชคดีที่ผมยังมีชีวิตอยู่ ผมหายใจเข้าออกลึกๆอยู่สามครั้ง
ผมมองภาพวาดด้านในสุดบนกำแพงห้อง เพื่อปรับสภาพจิตใจ  เป็นรูป พระราม กับ ทศกัณฐ์ มีการถือศรของพระรามแสดงท่าทางประหนึ่งกำลังรบกันอย่างสุดกำลัง แต่ก็เหมือนดั่งกำลังร่ายรำอย่างพลิ้วไหว ดูวิจิตรงดงามมาก
“ภาพนี้สวยจังเลยครับ”
“ภาพบนกำแพงเรียกว่า ภาพ พระจับยักษ์ เป็นจิตรกรรมที่เรียกว่า ภาพจับ” ลอร่าอธิบาย
“ภาพจับ? ผมไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับภาพจับ”
“ภาพจับ เป็นภาพจิตรกรรมไทยอีกรูปแบบหนึ่ง ที่อาศัยลักษณะท่าทางของนาฏศิลป์เป็นตัวกำเนิดท่าทาง เพื่อนๆชาวต่างชาติของฉันมาเห็นการแสดงนาฏศิลป์ไทยในภาพนี้ ก็มักจะชื่นชมทุกครั้ง”  เธออธิบายด้วยท่าทีภูมิใจ ยิ้มเล็กน้อยแฝงความน่ารัก
“งดงามมากจริงๆ ครับ”
 “ภาพจับ ถือเป็นจิตรกรรมไทยชั้นสูง ก่อนจะวาดได้ต้องเรียนการเขียนภาพไทยโบราณ ทั้งสี่ ได้แก่  กระหนก นารี กระบี่ คชะ เมื่อเรียนจบทั้งสี่หมวดแล้วจึงหันมาเขียนภาพผูกเป็นเรื่องราว จากนั้นจึงเขียน ภาพจับ ค่ะ”
“คล้ายๆฝึกกังฟูวัดเส้าหลินเลยครับ ต้องฝึกท่าพื้นฐานก่อน ถึงจะฝึกคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นได้” ผมพูดให้เธอกล่าวต่อ
“ภาพจับ นั้นมาจากท่าในนาฏศิลป์ไทยที่เรียกกันว่า ท่ารำไทย ซึ่งมีความงดงาม อ่อนช้อย แต่ละตัวละครก็จะมีลักษณะการร่ายรำที่ต่างกันไป”
“ความคิดเห็นส่วนตัวของผม ถึงแม้ว่านาฏศิลป์ไทยจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสูง แต่ก็เลียนแบบมาจากวัฒนธรรมของอินเดียนี่ครับ ในภาพนี้คือ พระราม กับ ทศกัณฐ์ ก็มาจากวรรณคดีไทยเรื่อง รามเกียรติ์ ซึ่งเลียนแบบ รามายณะ มหากาพย์วรรณคดีของอินเดีย
“รำไทยนั้นมีมานานแล้ว นักวิชาการสมัยใหม่ในต้นรัตนโกสินทร์ กล่าวอ้างว่าท่ารำไทยมาจากท่ารำ 108 ท่า ในตำรานาฏยศาสตร์ของอินเดีย ซึ่งจากการวิจัยต่อมาจึงได้ข้อสรุปว่า ท่ารำไทยมิได้มาจากท่ารำ 108 ท่าของอินเดียแต่อย่างไร” เธอโต้ตอบอย่างสุขุม
“สมแล้วที่จบปริญญาเอก คณะมนุษยศาสตร์ เอกวรรณคดีไทย” ผมเหน็บแนม
“คุณเหลือเวลาอีก 15 นาที นะคะ”
“เอ่อ ครับๆ คุณลอร่า ค้นพบ ศร ของ พระราม ที่ไหนครับ ?” ผมถามอย่างจริงจัง
“ฉันพบ ศร ของ พระราม ที่หลังบ้านของคุณยาย ที่จังหวัด อยุธยาค่ะ”
“คุณรู้ไหมครับว่ามันคือการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ มันคือสมบัติล้ำค่าของโลก”
“รู้สิคะ”
“มีข่าววงในบอกว่าคุณกำลังจะขาย ศร ให้กับ นายมนต์เทพ วังทองคำ”
เธอหยุดนิ่ง ไม่ตอบ สบสายตาผม และสลับขานั่งไขว่ห้าง ผมถึงกับเผลอมองไปตรงระหว่างขาของหล่อน มันชั่งเหมือนกับฉากสลับขาในตำนานของหนังเรื่อง เจ็บธรรมดาที่ไม่ธรรมดา ที่คนดูทั้งโลกต้องลุ้นว่านางเอกใส่กางเกงในสีอะไร หรือ ไม่ใส่เลย
“คุณกำลังจะขาย ศร ให้กับ นายมนต์เทพ วังทองคำ ฉายา นักสะสม เป็นมูลค่า 100 ล้านบาท” ผมย้ำอีกครั้ง ถ้าเธอไม่ตอบผมจะร้องเพลง ย้ำ ของ บอดี้สแลม วงดนตรีที่ดังที่สุดของประเทศไทย ฉันอยากจะย้ำ อีกสักครั้ง ให้เธอฟังฉัน อีกสักครั้ง...
“ใช่ค่ะ แล้วยังไงคะ ?” เธอหน้าแดง ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“มันคือสมบัติของชาติ คุณควรจะมอบมันให้กับรัฐบาลไทย”
“วังทองคำ ก็มีพิพิธภัณฑ์จัดแสดงสิ่งของหายากในตำนานอยู่ในกรุงเทพ ฉันไม่ได้ขายมันให้กับต่างชาตินะคะ”
“ผมเป็นห่วงในความปลอดภัยของคุณนะครับ คุณทราบหรือไม่ว่ามีองกรมืดหลายองค์กร ต่างต้องการแย่งชิง ศร นี้”
“พอจะทราบบ้างคะ แต่ฉันคิดว่า ศร อยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว” เธอหันไปมองกล่องดำบนโต๊ะด้านหลัง
ผมยิ้มเล็กน้อย ศร อยู่ในกล่องดำจริงๆ ภารกิจลับของผมคือการเกลี้ยกล่อมเธอให้ส่ง ศร คืนให้กับรัฐบาล ผมมองกล่องดำ ที่บรรจุ ศรของพระราม มันอยู่ใกล้ผมไม่เกิน 3 เมตร ผมสามารถแย่งชิงมันโดยง่าย ถ้าผมกล่อมเธอไม่สำเร็จ ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด ผมต้องสังหารหล่อน พร้อมกับสังหาร บอดี้การ์ดอีก 3 คน พ่อบ้านแก่ๆ 1 คน เพื่อนำศรกลับไป และจัดฉากให้เป็นคดีฆาตกรรมในห้องปิดตาย รอให้นักสืบจิ๋วโคนัน มาไขปริศนา แม้หล่อนจะดู ฉลาด แน่วแน่ แต่ผมคิดว่า ผมสามารถโน้มน้าวหล่อนได้
“กลุ่มยักษ์ดำที่โหดเหี้ยม อำมหิต ก็สนใจที่จะแย่งชิง ศรของพระราม” ผมขมวดคิ้ว พูดโทนเสียงต่ำ “คุณจำคดี ของเสี่ยสี่ ที่ถูกฆาตกรรม เมื่อปีที่แล้วได้ไหมครับ ทางเพจคุณจัน ได้สืบจนทราบข้อเท็จจริงที่ไม่ได้เปิดเผยในสื่อ”
เธอร้อง อ้อ ให้ผมกล่าวต่อ
“สภาพศพเสี่ยสี่ ถูกแทงโดย กริช ของอินเดีย ตัดขั้วหัวใจ บนเตียง มือทั้งสองข้างถูกมัดไว้กับหัวเตียง ฆาตกรจงใจรอดูเสี่ยสี่ค่อยๆสิ้นใจ รอจนเลือดไหลโฉลมทั่วเตียง เปลี่ยนผ้าปูเตียงจากสีขาวเป็นสีแดง พวกเราสันนิฐานว่า ถูกกลุ่มยักษ์ดำ ฆาตกรรม เพื่อชิง กล้องปัทมราช ที่เสี่ยสี่เพิ่งขุดพบได้ไม่นาน”
“กล้องปัทมราช ทำให้เกิดแสงสว่างเหมือนดวงดาว เป็นอาวุธของไมยราพ”  ลอร่า พูดโดยไม่มีท่าทีประหลาดใจ ถึงกับ อ่านทำนองเสนาะต่อทันที

"จับกล้องปัทมราขรูจี   อสุรีกวัดแกว่งไปมา
โชติช่วงเพียงดวงดาวประกาย  สีพรายจำรัสพระเวหา
แจ่มจับกับแสงดารา   ในเวลาปัจฉิมราตรีกาล"

ผมอึ้งไปชั่วขณะ เธออ่านออกเสียงทำนองเสนาะได้อย่างไพเราะจับจิต หนุ่มก็คิดนะ คนอะไร คุยกันอยู่ดีๆ อ่านทำนองเสนาะซะงั้น อ่านจบเธอก็สับขาอีกหนึ่งครั้ง ทำใจผมวูบ มันเสียวสยิวกิ้วกว่าโดนบอดี้การ์ดค้นตัวก่อนหน้านี้ซะอีก
“อีกคดีใหญ่ คดีฆ่าล้างตระกูลหยาง โดยใช้หมอกพิษในกองเพลิง นอกจากจะฆ่าคนโดยใช้หมอกพิษ ทั้งยังทำลายหลักฐานโดยใช้ไฟเผาบ้านทั้งหลัง มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 13 คน เป็นการใช้อุบายฆ่าได้อย่างชั่วช้า  แน่นอนคดีนี้ตำรวจสรุปว่า เป็นอัคคีภัย แต่ผมคิดว่าผู้ต้องสงสัยคือ พวกยักษ์ดำ ส่วนของที่หายไปคือ ศัสตราวุธประจำตระกูลหยาง หอกโมกขศักดิ์” ผมตั้งใจทำให้เธอกลัวรีบกล่าวต่อไม่ให้เสียจังหวะ “หอกโมกขศักดิ์ อาวุธร้ายเป็นอาวุธประจำตัวของกุมภกรรณ คุณน่าจะรู้จักดีนะครับ
ลอร่า สลับขาอีกหนึ่งครั้ง ก่อน เอื้อนเอ่ยทำนองเสนาะว่า

"ไปลับหอกโมกขศักดิ์อันศักดา   ยังมหาเมรุมาศบรรพต
แม้เสร็จสี่คมเมื่อใด        จะเรืองฤทธิไกรดั่งไฟกรด
ปราบได้ไปถึงโสฬส       ทั่วทั้งทศทิศไม่ต้านทาน"

“คดีสุดท้าย คนร้ายใช้พิษในช่อดอกกุหลาบสังหารลิงขาว นักสู้ในตำนานผู้ครอบครอง ตรีเพชรของหนุมาน แม้ว่าลิงขาวจะเก่งกล้าสามารถ ทั้งยังครอบครองอาวุธวิเศษ แต่กลับต้องสิ้นชีพด้วยเล่ห์กล สภาพศพ ถูกตะปู ตอกตรึงกับกำแพง ผิวหนังมีสีม่วงคลำ เลือดมีสีดำ เนื่องจากถูกพิษร้าย ฆาตกร ก็น่าจะเป็นพวกยักษ์ดำ” ผมกล่าวโดยสรุป คาดว่าจิตใจของลอร่า น่าจะสับสนวุ่นวาและ ตื่นกลัว
ลอร่ามองตาผม แล้วก็ยิ้ม ผมยิ้มตอบกลับ คิดไว้แล้วว่าเธอจะต้องอ่านกลอนให้ผมฟัง

“คิดแล้วจึงแบ่งกำลัง      สั่งองค์พระพายแกล้วกล้า
เอาเทพอาวุธอันศักดา      ทั้งกำลังกายาของเรานี้
ไปซัดเข้าปากสวาหะ      จะเกิดบุตรเป็นกระบี่ศรี
อันคฑาเพชรเรื่องฤทธี      มีอนุภาพเกรียงไกร
ให้เป็นสันหลังตลอดทาง      จึงจะเดินทางอากาศได้
อันตรีเพชรสุรกานต์ชาญชัย      ให้เป็นกายกรบาทา
จักรแก้วอันเรืองฤทธิรอน      เป็นเศียรวานรแกล้วกล้า
อาวุธทั้งสามศักดา      มหิมาประกอบเป็นอินทรีย์
มาตรแม้นจะล้างศัตรู      ทั้งหมู่อสูรศักดิ์ยักษี
ให้ชักตรีเพชรฤทธี       ที่อกกระบี่ออกราญรอน
แล้วดูแลป้องกันอันตราย      อย่าให้ใครกล้ำกลายดวงสมร
ตัวท่านนั้นเป็นบิดร         วานรในครรถ์นางเทวี”
  
“คุณทราบหรือไม่ ในครึ่งเดือนนี้ ฉันถูกคนลอบสังหารกี่ครั้ง?” ลอร่าเริ่มถามโต้ตอบ
ผมสั่นศีรษะ เธอกล่าวต่อ
“ทั้งหมด 28 ครั้ง”
“วิธีที่พวกมันใช้ แตกต่างกัน ?”
“นอกจากต่างกัน แต่ยังเป็นวิธีที่แยบยล และชั่วช้า จนฉันคาดไม่ถึงด้วย แต่ฉันยังคงมีชีวิตมาจนถึงตอนนี้”
ผมถึงกับกัดริมฝีปาก ตาโต
ลอร่า หัวร่อ กล่าวต่อ
“ฉันยังคงมีชีวิต เพราะทีมบอดี้การ์ดของฉัน คุณไม่ต้องเป็นห่วงฉัน หรือ ศร หรอกนะคะ เพราะว่ามันปลอดภัยแน่นอน ร้อยเอก ศรราม สิงห์ เจ้าหน้าที่หน่วยพิเศษ หน่วยนกฟินิกซ์ สังกัด องค์กรพิทักษ์โบราณวัตถุโลก หน้าที่ของคุณคือ แย่งชิง ศร ของ พระรามด้วยหรือไม่ ?”
ผมเงียบไปสักพักพร้อมความอับอายอัดอั้นกังวลจนแทบจะอาเจียนออกมา หน้าชาเหมือนโดนตบด้วยส้นเท้า รู้สึกคล้ายนางเอกที่โดนพายุทอร์นาโดพัดบ้านของตน แล้วต่อมาพบว่าตัวเองได้เข้ามาอยู่ในโลกอื่น ที่ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างประหลาดสิ้นดี เหมือนนิยายเรื่องอลิซในแดนมหัศจรรย์ หรือ โดโรธีกับพ่อมดแห่งออซ นะ ? ไม่สิ ตอนนี้ผมเหมือนเป็นฆาตกรในนิยายเรื่อง คินดะอิจิ ที่โดนพระเอกจับได้และเปิดเผยความจริงให้กับทุกคนฟังตั้งแต่ช่วงต้นเรื่อง ทั้งที่ยังไม่ได้ฆ่าใครสักคน ผมสูดลมหายใจเข้ายาวๆเฮือกหนึ่งก่อนหยิบปากกาเมจิก จากกระเป๋ากางเกงมาเขียนเสื้อยืดของตัวเอง
“นั่นคุณกำลังจะทำอะไร?”
“ผมคิดว่าผมกำลังทำเหมือนสุภาษิตไทยครับ”
“หือ ?”
“เขียนเสื้อให้วัวกลัว”
“เขาเรียกว่า เขียนเสือให้วัวกลัวค่ะ” เธอหัวเราะลั่นห้อง
เธอปาดน้ำตาที่เล็ดมาจากตาของเธอ บางครั้งเธอดูสุขุม จริงจัง เหมือนหนอนหนังสือ บางครั้งเธอดูเซ็กซี่ บางครั้งเธอหัวเราะราวกับเด็กมัธยมปีที่หก พอดูรวมๆแล้วมีเสน่ห์ บางทีหนุ่มก็คิดนะ ว่าหนุ่มมาที่นี่เพื่อมาชิงศร ของพระราม หรือมาเล่นมุกห้าบาทสิบบาท
“เขียนเสือให้วัวกลัว สํานวนสุภาษิตนี้ เปรียบเหมือนกับการข่มขู่อีกฝ่ายหนึ่งให้กลัว แต่สิ่งที่ขู่นั้นเป็นสิ่งที่ผู้ถูกขู่ไม่มีความกลัวสิ่งนั้นเลยหรืออีกนัยนึงคือ ผู้ถูกขู่นั้นรู้ทันเล่ห์เหลี่ยมที่ถูกขู่แล้ว” เธออธิบายไปก็ขำไป “คุณเหลือเวลาอีก 10 นาทีนะคะ”
ทฤษฎีสัมพัทธภาพของไอน์สไตน์ว่าไว้ เวลาแห่งความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอ
“คุณทราบหรือไม่ว่าประเทศที่ครอบครองศร ของพระราม ก็เสมือนมีอาวุธนิวเคลียร์ ไว้ในกำมือ มันจะสร้างอำนาจทางการทหาร และเพิ่มแสนยานุภาพในการรบให้กับประเทศของคุณ”
“ทราบดีค่ะ ฉันถึงไม่ยอมให้มันตกไปอยู่ในมือของคนชั่วแน่นอน” เธอตอบด้วยใบหน้าที่แน่วแน่จริงจัง คล้ายกับภูผาหินที่ไม่มีวันสั่นคลอน
“ขอความกรุณาช่วยคืนมันแก่รัฐบาลของประเทศคุณ หรือมอบให้กับองค์กรพิทักษ์โบราณวัตถุโลกด้วยเถอะครับ”
“ฉันตกลงที่จะขายศรให้กับวังทองคำแล้ว อีกสามวันก็จะส่งมอบให้กับมือ คุณ มนต์เทพ สำหรับฉันการส่งมอบศรให้กับรัฐบาล หรือขายให้กับวังทองคำก็ไม่ต่างกัน”
“คุณชอบอาวุธชิ้นไหนมากที่สุดครับ ?”
“นิ้วเพชร มีฤทธิ์ชี้ผู้ใดก็ให้ผู้นั้นถึงตายได้ ของ นนทก”
“อ้อ” ผมอ้อ เชิงให้นางทำในสิ่งที่นางพึงกระทำ ทำในสิ่งที่ไม่มีใครกระทำ ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ใช่แล้วครับ นางกำลังจะ อ่านทำนองเสนาะ ถามว่าผมเบื่อไหม ? ผมไม่เบื่อหรอก ผมเอือม         แต่ผมมิอาจไม่นั่งฟังแต่โดยสุจริต เพราะน้ำสียงนางช่างไพเราะจับจิตจับใจ

“บัดนั้น     นนทกผู้มีอัชณาสัย
น้อมเศียรบังคมแล้วทูลไป จะขอพรเจ้าไตรโลกา
ให้นิ้วข้าเป็นเพชรฤทธี      จะชี้ใครจงม้วยสังขาร์
จะได้รองเบื้องบาทา           ไปกว่าจะสิ้นชีวี

ผมจ้องเธอ ตาไม่กระพริบ เธอสลับขาอีกครั้ง
“ทำไมคุณถึงชอบนิ้วเพชรล่ะครับ ? ผมว่าไม่เห็นจะเก่งตรงไหนเลย” ผมถามต่อทันที ซึ่งผมรู้สึกว่าผิดท่า เห็นทีจะยาว
เธอเริ่มกล่าวต่อ

“บัดนั้น                                        นนทกผู้ใจแกล้วหาญ
ได้ฟังจึงตอบพจมาน                     ซึ่งพระองค์จะผลาญชีวี
เหตุใดมิทำซึ่งหน้า                        มารยาเป็นหญิงไม่บัดสี
ฤาว่ากลัวนิ้วเพชรนี้                       จะชี้พระองค์ให้บรรลัย
ตัวข้ามีแต่สองมือ                          ฤาจะสู้ทั้งสี่กรได้
แม้สี่มือเหมือนพระองค์ทรงชัย     ที่ไหนจะทำได้ดังนี้
เมื่อนั้น พระนารายณ์ทรงสวัสดิ์รัศมี
ได้ฟังจึ่งตอบวาที กูนี้แปลงเป็นสตรีมา
เพราะมึงจะถึงแก่ความตาย               ฉิบหายด้วยหลงเสน่หา
ใช่ว่ากลัวฤทธา     ศักดานิ้วเพชรนั้นเมื่อไร
ชาตินี้มึงมีแต่สองหัตถ์       จงไปอุบัติเอาชาติใหม่
ให้สิบเศียรสิบพักตร์เกรียงไกร         เหาะเหินเดินได้ในอัมพร
มีมือยี่สิบซ้ายขวา ถือคทาอาวุธธนูศร
กูจะเป็นมนุษย์แต่สองกร         ตามไปราญรอนชีวี
ให้สิ้นวงศ์มึงอันศักดา        ประจักษ์แก่เทวาทุกราศี
ว่าแล้วกวัดแกว่งพระแสงตรี             ภูมีตัดเศียรกระเด็นไป

บอกตามตรง ผมฟังไม่รู้เรื่อง ฟังไม่เข้าใจหรอก ภาษาไทยแบบนี้ผมแทบจะไม่คุ้นหูเลย จำได้ว่าเคยเรียนในไทยสมัยประถมหรือมัธยม บทนี้น่าจะเป็นปฐมบทก่อนจะมาเป็นมหาศึกรามเกียรติ์ บอกตามตรงถ้านางไม่สวย ผมคงชกนางจนปากแตกพูดไม่ได้ไปนานแล้ว
“นิ้วเพชร ถือเป็นอาวุธที่มีอนุภาพสูง กลอนเมื่อกี้กล่าวไว้ชัดเจนว่า นนทกผู้ใช้นิ้วเพชรนั้นโง่งมเกินไป อาวุธจะเป็นเลิศได้ขึ้นอยู่กับผู้ใช้ มิใช่อาวุธ แล้วคุณล่ะคะ ?”
“ถ้าเป็นผมจะเลือก จักรพระวิษณุ”
 “จักร ? จักรนี่แทบจะเป็นอาวุธธรรมดาที่เห็นกันเกลื่อนเลยนะคะ” เธอแสดงท่าทีเย้ยหยัน
“คุณจะดูหมิ่นผมจนเกินไปนะครับ ตามลัทธิพราหมณ์ถือว่ากงจักรของพระวิษณุนี้ปราบได้ทั้งเทวาบนสวรรค์และอสูรใต้บาดาล นับเป็นอาวุธวิเศษที่มีอิทธิฤทธิ์มากมายเหลือคณา พระวิษณุจะทรงอาวุธนี้เสมอ จักรวิเศษใช้ปราบราหูที่มาขโมยน้ำอมฤต เมื่อครั้งที่เหล่าเทวดาได้ทำพิธีกวนเกษียรสมุทร
ลอร่า เคร่นเสียง “เฮอะ ?”
“นิ้วเพชร ของ นนทก ที่คุณว่ามานี้มิได้กล่าวไว้ในคัมภีร์ของปุราณะหรือคัมภีร์มหารามายณะไม่ หรือแม้แต่ในคัมภีร์ใด ๆ ของอินเดียก็มิได้กล่าวถึง เป็นเพียงการลอกเลียนแบบแต่งเติมเข้าไปในวรรณคดีไทย วัฒนธรรมไทยส่วนใหญ่ก็ได้รับอิทธิพลมาจากรามเกียรติ์ ซึ่งถ้าพูดกันตรงๆ เลียนแบบวัฒนธรรมอินเดียมาทั้งนั้น”
ลอร่า หน้าแดง หัวร้อน
“นิ้วเพชร ฉันมีอยู่จริง ก็เหมือนกับ ศรของพระราม ฉันครอบครองอาวุธในตำนานไว้บ้าง แล้วจะบอกให้เอาบุญนะ แค่คุณเดินเข้ามานั่งในห้องนี้คุณก็เหมือนตายไปแล้ว”
คราวนี้ผมเป็นฝ่ายร้อง “อ้อ ?” ทำหน้าตากวนบาทา
“คุณคิดว่าฉัน โอ่ประโคม คุยโตโอ้อวด ?”
“ผมไม่เคยสนใจสิ่งของที่มีแต่ในนิยาย เหมือนผู้ชายดีๆมีแต่ในนิยาย หามีจริงไม่”
ลอร่ายิ้มแย้มกล่าว
“คุณกำลังถูกเล็งด้วยนิ้วเพชร ถ้าฉันจะสังหารคุณ คุณตายไปหลายร้อยครั้งแล้ว” เธอขยับนิ้วชี้ที่มือขวา นิ้วชี้ใส่ปลอกนิ้วสีเงิน มีประกายคล้ายเพชร ชี้มาที่ผม
ผมกัดริมฝีปาก รู้สึกเสียวท้องวูบคล้ายคนตกจากที่สูง ไม่แน่ใจว่าเธอขู่ให้กลัว หรือเป็นนิ้วเพชรของจริง ดูผ่านๆคิดว่าเป็นปลอกนิ้วเครื่องประดับที่วัยรุ่นนิยมสวมกัน แต่จากเหตุการณ์ต่างๆ และประสบการณ์ที่ผ่านมา ผมมิอาจไม่เชื่อว่ามันเป็นของจริง ผมได้แต่จ้องตาเธอเฉกเช่นกับหมาป่าอันโดดเดี่ยวมาตรแม้นพึงพอใจกับเหยื่อข้างหน้าอย่างยิ่ง แต่กลับหวาดกลัวแสงประกายเพชรที่ชอนไชนัยน์ตา ดังนั้นทั้งไม่อาจหันหลังหนี แต่ทั้งไม่กล้าบุกเข้าไปอีกด้วย
“ในรามเกียรติ์ว่า นิ้วเพชรชี้ไปที่ใคร ต่างมอบความตายให้กับคนนั้น แม้แต่อสุรา หรือเทพยดาก็ไม่เว้น มิทราบว่าเป็นวาจาประโคมเกินจริงหรือไม่ ?” รู้ว่าเสี่ยงแต่คงต้องขอลอง ผมอยากเล่นของสูง
“เมื่อกาลก่อนก็มีผู้คนมากมายที่สงสัยแบบคุณ”
“ตอนนี้ล่ะครับ ?”
ลอร่า สลับขาอีกครั้ง จ้องตามาที่ผม
“ตอนนี้พวกนั้นต่างตายหมดสิ้นแล้ว”
“หรือคุณอวดเบ่ง ผมแค่อยากพิสูจน์ความจริง”
“ฉันขอเตือน อย่าคิดลองของจะดีกว่า”
“คุณรู้จัก แชม้อชิ้ว (ถุงมืออสูรเขียว) หรือไม่ ?”
“อาวุธ ในนิยายจีนกำลังภายในเรื่อง ฤทธิ์มีดสั้น แน่นอนฉันรู้จัก”
“คุณย่อมทราบ แชม้อชิ้ว ทำจากโลหะที่ดีที่สุดของแผ่นดิน แช่อยู่ในพิษร้อยชนิด หลอมเป็นเวลาเจ็ดปีจึงเสร็จ กล่าวได้ว่าเป็นอาวุธร้ายแรงที่สุดชนิดหนึ่งในบู๊ลิ้ม ในตำราอาวุธของ แป๊ะเฮี่ยวเซ็ง จัดแชม้อชิ้ว อยู่ในอันดับเก้า แต่ มีดสั้นของลี้คิมฮวง เป็นช่างเหล็กธรรมดาใช้เวลาสามชั่วยามก็ตีเสร็จ แต่ในตำราอาวุธ เซี่ยวลี้ปวยตอ กลับอยู่ในอันดับสาม”
“คุณหมายความว่า อาวุธดีเลวไม่สำคัญ สำคัญอยู่ที่คนใช้อาวุธนั้น ?”
“เมื่อกี้คุณกล่าวว่า นนทกผู้ใช้นิ้วเพชรนั้นโง่งมเกินไป ไฉนกลับคิดว่าตัวเองเหมาะสมที่ใช้นิ้วเพชรได้ล่ะครับ มิใช่ยกตนข่มท่านหรอกหรือ”
“เหลือเวลา 5 นาทีสุดท้าย” เธอโมโหจนหน้าแดงเหมือนเนื้อแตงโม กล่าวตัดบทดื้อๆ
ผมคิดว่าสำหรับเธอแล้วห้องนี้คงจะร้อนเป็นไฟ เพราะว่าเธอหัวร้อน คล้ายทารกที่แพ้ไม่เป็น เมื่อกี้ยอมรับว่าแอบกลัวว่าเธอจะใช้นิ้วเพชรชี้ใส่ผมจริงๆ แต่เธอไม่
“ผมขอดู ศรของพระรามได้ไหมครับ ?”
“ไม่ได้ค่ะ”
“ผมขอดูภาพถ่าย ศร ได้ไหมครับ ?”
“ไม่ได้ค่ะ”
“ผมขอลองยกกล่องได้ไหมครับ ?”
“ไม่ได้ค่ะ”
 “ผมขอชวนคุณดินเนอร์คืนนี้ ได้ไหมครับ ?”
“ไม่...ได้ค่ะ”
ลอร่ายิ้มหน้าแดง
“ได้ใช่ไหมครับ ?”
“ไม่ได้ค่ะ”
ผมนิ่งไปครู่หนึ่ง ไม่รู้ว่าผมเสียใจที่โดนปฏิเสธนัด หรือ ผมหมดมุก
“ถ้าผมนำอาวุธวิเศษในตำนานมาขอแลกเปลี่ยนกับ ศรของพระรามได้ไหมครับ ?”
“คุณค่าของศรดอกนี้ น่ากลัวจะเหนือกว่าอาวุธในตำนานทั้งหมดรวมกันเสียอีก เหตุใดฉันจะยอมให้ของด้อยราคากว่า มาแลกเปลี่ยนกับของมีราคา”
เธอยิ้มหวาน และสลับขาสองครั้ง ผมสังเกต แววตาของเธอเปลี่ยนไป รู้สึกว่าผิดท่า
“ฉันรู้ว่าตัวจริงของคุณคือใคร คุณต้องการอะไรกันแน่ ต้องการให้ฉันมอบลูกศรให้รัฐบาลไทย หรือต้องการมาแย่งชิงลูกศร ?”
“อ้อ ?”
“คุณคือ ศรราม สิงห์ เจ้าชายแห่ง กรุงลงกา หรือ สาธารณรัฐลงกา คุณต้องการแย่งชิงศร กลับไปประเทศของคุณใช่หรือไม่เพคะ เจ้าชาย ? ขออนุญาตไม่ใช้คำราชาศัพท์นะคะ”
ผมกัดริมฝีปาก หน้าซีดเผือกคล้ายคนตาย ถ้าลอร่าหัวร้อน จนห้องนี้ร้อนระอุ สำหรับผมตอนนี้ ห้องนี้ก็หนาวยะเยือก ลมหนาวราวมีดคมกริบ ถือร่างกายของผมดั่งหมูที่กำลังโดนเชือด เรื่องราวตั้งแต่ต้นไม่ได้เป็นไปตามแผนของผม ผมกลับอยู่ในแผนของเธอ เหมือน ซุนหงอคง ที่วิ่งวนบนมือเทพยูไล ตอนนี้ผมอยากฟังหล่อนเอื้อนเอ่ยทำนองเสนาะสักบท
“ไม่ต้องใช้คำราชาศัพท์ก็ได้ครับ ความจริงแล้ว...ผมมาเพื่อขัดขวางดีลการขายศรให้กับ วังทองคำ”
“คะ ?”
“หรือโน้มน้าวให้คุณส่งมอบศรคืนให้แก่รัฐบาลของประเทศคุณ แต่ทางที่ดีที่สุด ผมอยากให้คุณคืนศรนี้ให้แก่ประเทศของผม”
“ทำไมฉันต้องส่งคืนให้กับประเทศของคุณ ในเมื่อฉันเจอในประเทศของฉัน รามเกียรติ์มีอิทธิพลกับวัฒนธรรมไทยมากทั้งด้านภาษา ด้านศิลปกรรม  ด้านนาฏศิลป์ ด้านประเพณี ด้านความเชื่อ
“รามายณะก็มีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมของประเทศผมมากเช่นกัน มันหยั่งรากเข้าไปในวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี และการใช้ชีวิตของคนในกรุงลงกา”
“ฉันคิดว่าคุณไม่มีสิทธิ์ค่ะ”
“คุณขโมยศรของประเทศผมไป มันเป็นความชอบธรรมที่คุณจะต้องคืนศรให้แก่ผม”
“ฉันยอมรับว่าวัฒนธรรมไทยได้รับอิทธิพลมาจากประเทศอื่นๆบ้าง ซึ่งมันคือธรรมชาติของวัฒนธรรม ที่ต้องมีการเรียนรู้ จากหลายความเชื่อ หลายความคิด ผสมผสานกลมกลืนกลืนกินและเปลี่ยนแปลง แต่มันไม่ได้หมายความว่าเราไปขโมยวัฒนธรรมของใครมา คุณจึงไม่มีสิทธิ์มากล่าวหาว่าฉันเป็นขโมย และคุณไม่มีสิทธิ์มาทวงคืน”
“คุณยังคงจะนำศรไปขาย ?”
“ใช่”
“ไม่เปลี่ยนใจ ?”
“ใช่”
“ฉันคงไม่อาจทำให้เธอเปลี่ยนใจ...” ผมร้องเพลงในตำนานของไทยในยุค ล้านตลับ
ลอร่ายิ้มแย้ม
“หวังว่าเจ้าชายคงเข้าพระทัย หมดเวลาแล้วนะคะ ขอขอบคุณมากค่ะ”
“ครับ... ขอบคุณมากครับ”
สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด ถ้าผมโน้มน้าวใจเธอไม่ได้ ผมคงจำเป็นต้องสังหารเธอแล้วชิงศรกลับไป อำพรางคดีให้เป็นคดีฆาตกรรมในห้องปิดตาย แบบในนิยายสืบสวนเรื่อง เชอร์ล็อค โฮล์มส์ ผมสามารถสังหารเธอได้ในทันที แต่ผมจะฝืนใจเข่นฆ่าคนบริสุทธิ์ ฆ่าคนที่ผมรักได้ลงคอหรอ ? เธอยังคงยิ้มแย้มให้ผม การต่อสู้กันทางวาทศิลป์เมื่อครู่อาจจะดุเดือดเลือดสาด แต่พอสงครามจบเราก็เหมือนเพื่อนกัน คนที่ศรัทธาในตำนานความเชื่อ รักในวัฒนธรรมของประเทศตนเองเหมือนกัน
“ขอขอบคุณอีกครั้งครับ” ผมยืนขึ้นกล่าวลา
ผมหันหลังกลับเดินไปที่ประตู
“คุณไม่นำศรของพระรามกลับไปด้วยหรอคะ ?”
“เอ้ ?” ผมหันหลังกลับไป
เห็นเธอเธอยืนอยู่ข้างโต๊ะยิ้มแย้มอย่างมีเสน่ห์ วางมือบนกล่องดำ
“ฉันตั้งใจจะมอบคืนให้กับเจ้าชายอยู่แล้วค่ะ แต่ถ้าเมื่อกี้คุณมีท่าทีแข็งกร้าว ฉันจะใช้นิ้วเพชรสังหารคุณทันที ถ้าพลาดจะเป็นการส่งสัญญาณให้ พี่ตี๋ กับ พี่แจ็ค เข้ามาจัดการคุณ แต่ฉันคิดไว้แล้วว่าศร ควรจะส่งคืนให้กับประเทศของคุณมากกว่า”
 “ขอบคุณมากครับ แต่ผมคงรับศรนี้ไว้ไม่ได้ มันไม่จำเป็นแล้วครับ” ผมยิ้มตอบอย่างดีใจที่สุด
“ทำไมล่ะคะ ?”
จากการที่ได้คุยกับคุณผมถึงเข้าใจ วัฒนธรรมของลงกา อยู่กันมาได้อย่างยาวนาน โดยไม่ขัดแย้งกันทั้งที่เป็นเพียงแค่ประเทศเล็กๆ ก็มาจากการที่ศรของพระราม ได้เข้าไปกำกับวิถีชีวิตของคนเหล่านั้น ตามวรรณะต่างๆที่พวกเขาได้ถูกกำหนดไว้แล้ว เพราะ 'ศรของพระราม' ได้ยิงเข้าไปในหัวใจของพวกเขาแล้ว อานุภาพและความแข็งแกร่งของศรพระรามนั้น ไม่มีใครที่จะสามารถไปดึงให้ออกมาจากอกหรือจากหัวใจของมนุษย์ที่ต้องศรได้ ในเมื่อศรของพระรามอยู่ในหัวใจของประชาชนในลงกาแล้วไซร้  ใยผมต้องนำศรที่แท้จริงกลับไปด้วยเล่า”
“ขอบคุณมากค่ะ” ลอร่ายิ้มหวาน
“เพื่อเป็นการตอบแทนน้ำใจอันดีงามของคุณ ผมขอมอบ กงจักร ของพระวิษณุ ให้คุณด้วยละกันครับ ขอให้คุณเก็บรักษามันไว้อย่างดีนะครับ”
“กงจักร ?” ลอร่า ทำหน้าตาเหมือนทารกขี้สงสัย
“หรือคุณเห็น กงจักรเป็นดอกบัว ?”
ผมหัวเราะเสียงดังและเดินออกจากประตูห้องไป ทิ้งให้ลอร่ายืนมอง กงจักร ที่วางอยู่บนโต๊ะกระจกรับแขก คู่กับ วอดก้า มาตินี่ เขย่าแต่ไม่คน ที่ผมยังไม่ได้ดื่มสักหยด เธอยิ้มมองตามแผ่นหลังผมเดินออกจากประตูช้าๆ เหมือนภาพสโลโมชั่น
ภารกิจของผมในฐานะเจ้าชายแห่งกรุงลงกาคือชิงศรของพระรามกลับประเทศ ศรของพระรามคือสัญลักษณ์ของสาธารณรัฐลงกา ผมต้องทำมันให้สำเร็จไม่ว่าจะต้องใช้วิธีใด หรือแม้แต่ต้องใช้จักรสังหารหล่อน แต่ในที่สุดผมก็เข้าใจ ศรของพระรามได้ปักเข้าไปในหัวใจของคนทุกคนแล้ว ไม่มีเหตุผลใดที่ผมจะต้องนำศรจริงกลับไป
ศรรักของเธอก็ปักเข้าไปในหัวใจของผมแล้วเช่นกัน

2 ความคิดเห็น

  • บุคคลนั้น

    (Jeerapon201@gmail.com)

    03-09-2017 10:05:36

    ผู้เขียนน่าจะเป็นผู้ชาย แต่วิธีการเขียนเหมือนผู้หญิงมาก อายุน่าจะราวๆ20-30ปี อยู่กรุงเทพ เคยผ่านการเรียนชั้นม.4-ม.6 แต่น่าจะเป็นนักเรียนอยู่ เป็นคนมีความมั่นใจในตนเองสูง พูดเก่ง มีเพื่อนค่อยข้างเยอะ ไม่ชอบเที่ยว แต่ชอบไปอยู่ในที่ๆมีคนอยู่เยอะๆ...ทั้งหมดคือการมโน เอาล่ะมาเข้าเรื่องกัน เนื้อหานิยายเหมือนคัดลอกจากที่อื่นมาลงมากกว่า ยัดมุกเข้าไปเยอะเลยทำให้ตัวละครผู้ชายดูไม่มีเหตุผล ดูเป็นคนที่เก่งแต่ปากมากกว่า

    #1

  • ทศกัณฑ์

    02-10-2017 12:44:48

    คนแต่งน่าจะเป็นเพศชาย อายุประมาณ 30-35 เป็นคนที่มีความมั่นใจสูง อาจจะสูงจนไม่ค่อยฟังใครด้วย เป็นคนชอบเจ้าสังคม ชอบเรื่องเพศ เจ้าชู้ และมีความทะเยอทะยาน

    ส่วนภาษาการเขียนผมว่ายังใช้คำไม่ค่อยลื่นไหลเท่าไร พยายามเยอะๆครับ ฟังเสียงวิจารณ์รอบข้างบ้าง

    #2

แสดงความคิดเห็น