EN04 Timestopable - คนหยุดเวลา

เมื่อ 'โรเบิร์ต ไทมส์' ต้องการย้อนเวลากลับไปเพื่อช่วยภรรยาสุดที่รัก แต่การทดลองผิดพลาดและทำให้กระแสเวลาพุ่งเข้าสู่ตัวลูกชายของเขา 'รีส ไทมส์' ฮีโร่ผู้สามารถหยุดเวลาได้จึงถือกำเนิดขึ้น!!

ผู้แต่ง

Rayndeer

0%

ตอนที่ 2/5 : Chapter 2: เด็กหนุ่มผู้หยุดเวลา

Chapter 2: เด็กหนุ่มผู้หยุดเวลา

 

 

 

“ทุกสิ่งมีราคาของมัน อยู่ที่ว่าเราต้องจ่ายด้วยเงิน จ่ายด้วยสิ่งของ

หรือว่าจ่ายด้วยเวลา”

 

-ทอร์น ลอว์น-

 

            ชั้นที่นั่งในห้องเรียนของมหาวิทยาลัยวอทช์ถูกแบ่งเป็นขั้นบันไดสูง กว้างขวาง โอ่อ่า และเต็มไปด้วยนักศึกษามากหน้าหลายตา ทว่าความมืดสนิทของห้องทำให้เห็นได้ไม่ชัดเจนนัก บริเวณหน้าชั้นเรียนมีชายผมบลอนด์ร่างสูงโปร่งคนหนึ่งกำลังใช้รีโมตยิงเส้นเลเซอร์ชี้ไปที่ภาพโฮโลแกรมขนาดใหญ่ ซึ่งมีลักษณะเป็นใบหน้าของชายวัยกลางคนผู้สวมเสื้อผ้าโบราณและวิกผมสีขาว เขาคือนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังนามว่า

            “เซอร์ ไอแซค นิวตัน” เสียงนุ่มทุ้มจากชายผมบลอนด์อธิบาย “เชื่อว่าทุกสิ่งนั้นไหลไปตามกาลเวลา ไม่มีอะไรเที่ยงแท้ ไม่มีอะไรคงที่ และไม่มีอะไร ที่หยุดการเคลื่อนไหวของเวลาได้”

            นิ้วเรียวบางกดปุ่มบนรีโมตในมือ ภาพเปลี่ยนไปเป็นชายชราที่กำลังแลบลิ้น “ส่วนอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เชื่อว่าเวลาจะเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับแรงโน้มถ่วง...นอกจากนี้ก็ยังมีอีกหลายทฤษฎีที่อธิบายเกี่ยวกับเวลา แม้กระทั่งนักจิตวิทยาก็มีความคิดที่แตกต่างกันออกไป บางคนเชื่อว่าเวลา จะช้าหรือเร็วนั้นขึ้นอยู่กับจิตใจของมนุษย์ ทุกคนคงเคยรู้สึกใช่ไหม ในตอนที่เรารอคอยอะไรบางอย่าง เวลาก็ดูเหมือนจะเชื่องช้า ส่วนเวลาแห่งความสุขก็มักจะผ่านไปเร็วเสมอ ทั้งที่จริงๆ แล้วเวลา ก็ยังคงเดินไปตามปกติของมันไม่เปลี่ยนแปลง”

            “ศาสตราจารย์ทอร์นครับ” เสียงเด็กหนุ่มดังมาจากที่นั่งตรงมุมซ้ายของห้อง เงาตะคุ่มเห็นเป็นคนตัวเล็กที่กำลังเหยียดกายเพื่อยกมือให้สูงที่สุด “ถ้าเวลาเป็นสิ่งที่เคลื่อนไหวตลอดเวลา แล้วมีความเป็นไปได้ไหมครับที่มนุษย์จะสามารถหยุดเวลาได้”

            “เป็นคนถามที่ดีแฟรงค์” น้ำเสียงของศาสตราจารย์ทอร์นดูพึงพอใจ “เมื่อสิบปีก่อนครูกับเพื่อนสนิทคนหนึ่งเคยทำงานวิจัยเกี่ยวกับเวลา พวกเราเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น ว่าเวลาสามารถหยุดเดินได้รึไม่ คนเราสามารถข้ามไปสู่อนาคต หรือย้อนไปสู่อดีตได้รึเปล่า...ทั้งครูและเพื่อนรวมไปถึงทุกคนในทีมวิจัยต่างก็เข้าใกล้คำตอบของคำถามเหล่านั้นแล้ว ใกล้แล้ว ใกล้มากๆ...แต่ทุกอย่างก็ผิดพลาด พวกเธอน่าจะรู้กันดี โศกนาฏกรรมที่พรากชีวิตคนสำคัญของวอทช์ซิตี้ไป”

            “ศาสตราจารย์โรเบิร์ต...” เสียงเด็กสาวใกล้ๆ กับแฟรงค์เอ่ยเสียงแผ่ว “เพื่อนสนิทที่พูดถึงก็คือศาสตราจารย์โรเบิร์ตสินะคะ”

            “ใช่แล้วไดน่า...หลังจากเหตุการณ์ระเบิดของเครื่องย้อนเวลาในครั้งนั้น ศาสตราจารย์โรเบิร์ตก็หายสาบสูญ...”

            “ไม่ได้หายสาบสูญซะหน่อย!

            เสียงตะโกนดังลั่งมาจากทางมุมซ้ายของห้อง แต่ไม่ใช่เสียงของแฟรงค์ เป็นเสียงที่ฟังดูห้าวกว่ามาก เด็กหนุ่มร่างสูงลุกขึ้นยืนทันที เขาพูดให้ทุกคนในห้องได้ยินด้วยเสียงดังฟังชัด

            “ผมบอกทุกคนไปหลายรอบแล้วนะ ว่ากระแสพลังงานที่เครื่องนั่นปล่อยออกมาต่างหากที่ฆ่าพ่อของผม แต่ที่ไม่มีใครเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็เพราะว่าตอนนั้น...”

            “รีส เรนัล ไทมส์” เสียงแข็งจากศาสตราจารย์ทอร์นประกาศด้วยชื่อเต็ม เป็นสัญญาณที่ไม่ดีสำหรับนักศึกษาทุกคน “ครูว่าครูเองก็บอกเธอไปหลายครั้งแล้วนะ ว่าถ้าเธอยังหาข้อเท็จจริง หรือว่าหลักฐานทางวิทยาศาตร์ที่ช่วยเสริมคำพูดเพ้อฝันของตัวเองไม่ได้ ก็หยุดพูดเรื่องนี้สักที!

            “แต่ว่าผม...”

            รีสชะงักเพราะมีคนกระตุกแขนเสื้ออย่างแรง “ไม่เอาน่ะเพื่อน!” แฟรงค์กระซิบ“ฉันไม่อยากช่วยนายทำรายงานเป็นสิบๆ หน้าอีกแล้วนะ!

            “ฉันด้วย...” เสียงเด็กสาวที่ชื่อไดน่ามาพร้อมฝ่ามือเรียวบางที่กระตุกแขนเสื้อรีสอีกข้าง “ให้นั่งพิมพ์งานทั้งคืนแบบนั้นไม่เอาด้วยแล้วนะ” น้ำเสียงของเธอเหมือนกับจะร้องไห้อยู่รอมร่อ

            “เออๆ ก็ได้” รีสยอมจำนน เขาค่อยๆ หย่อนตัวลงนั่งแต่โดยดี

            “เฮ้อ...” ทอร์นถอนหายใจยาว “คิดจะเรียนคณะนี้ คิดจะเป็นนักวิทยาศาสตร์ ก็ต้องคุยกันด้วยเหตุและผล หลักการและหลักฐาน ครูเข้าใจว่าเธอคือคนที่สูญเสียมากที่สุดในวันนั้น แต่อย่าเอาความรู้สึกส่วนตัวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการคิดวิเคราะห์สิ เข้าใจไหม?

            “...ครับ”

            “ดี ขอให้ครั้งนี้เข้าใจจริงๆ เถอะ”   

            เมื่อเห็นว่ารีสยอมรามือ ทอร์นก็กดปุ่มบนรีโมตอีกครั้ง ภาพโฮโลแกรมที่เป็นใบหน้าของไอน์สไตน์จางหายไปอย่างช้าๆ ผ้าม่านทางด้านหลังห้องที่ปิดอยู่ก็เคลื่อนออก ปล่อยแสงสว่างสาดส่องเข้ามาในห้อง เผยให้เห็นใบหน้าของนักศึกษายี่สิบคน รวมไปถึงใบหน้าสะสวยของธอร์นผู้มีผมบลอนด์ซอยสั้น ทั้งๆ ที่เจ้าตัวเป็นผู้ชายร่างสูงโปร่งและมีอายุเกือบสี่สิบปีแล้ว อีกทั้งสายตาที่เริ่มยาวทำให้เขาต้องสวมแว่นกรอบบางเอาไว้

            “เอาล่ะ เนื่องจากว่าวันนี้มีงานนิทรรศการวิทยาศาสตร์ประจำปี ครูก็เลยจะปล่อยให้พวกเธอไปทำอะไรน่าเบื่ออย่างการเฝ้าซุ้มที่น่าภาคภูมิใจของตัวเอง” มุขเล็กๆ ของทอร์นเรียกเสียงหัวเราะได้เบาบาง “ขอให้ทุกคนตั้งใจทำให้ดี ไว้เราค่อยมาต่อกันพรุ่งนี้”

            เมื่อทอร์นก้าวเดินออกจากห้องเรียนไป เสียงพูดคุยอื้ออึงก็ดังขึ้นเรื่อยๆ ส่วนใหญ่พูดถึงงานนิทรรศการวิทยาศาสตร์ประจำปี ซึ่งจัดขึ้นเพื่อให้ทุกคนในวอทช์ซิตี้ออกมาแสดงผลงานและสิ่งประดิษฐ์ของตน ไม่ว่าจะเป็นเด็กเล็กหรือคนสูงอายุ หากจองซุ้มของตัวเองไว้แล้วก็สามารถไปร่วมงานได้ที่ศูนย์วิจัยวอทช์ซิตี้ โดยงานจะจัดยาวถึงหนึ่งสัปดาห์เลยทีเดียว

            “เฮ้อ...เกือบไปแล้วสิ” เสียงเล็กๆ ดังมาจากเด็กหนุ่มที่ชื่อแฟรงค์ เขานั่งอยู่ทางขวามือของรีส แฟรงค์เป็นคนตัวเตี้ยและผอมบาง สวมเสื้อยืดแขนยาวตัวใหญ่พร้อมลายสัตว์ประหลาดจากการ์ตูน ผมสีดำที่ถูกหวีจนเนี๊ยบกับแว่นกรอบกลมหนาๆ ทำให้ทุกคนที่เห็นรู้ได้เลยว่าแฟรงค์เป็นเด็กเนิร์ด*

            “นี่รีส...เพิ่งเริ่มเทอมสองได้ครึ่งวันนายก็หาเรื่องมาให้เลยนะ จริงๆ แล้วฉันก็คำนวณเอาไว้แหละว่าน่าจะมีโอกาสประมาณเจ็ดสิบเก้าจุดแปดสี่เปอร์เซ็นต์ที่นายจะทะเลาะกับศาสตราจารย์ทอร์น แต่ฉันก็ยังหวังว่าอีกยี่สิบจุดหนึ่งหกเปอร์เซ็นต์นายจะ...”

            “ที่แฟรงค์พยายามจะบอกก็คือ...” ไดน่าขัดขึ้น เธอนั่งอยู่ทางซ้ายมือของรีส ไดน่าเป็นเด็กสาวร่างบาง ใบหน้าสะสวยน่ารัก มีผมยาวสลวยสีชมพู สวมสเวตเตอร์และกระโปรงสีชมพู กระเป๋าถือสีชมพู ปากกาสีชมพู สมุดจดสีชมพู...ทุกอย่างของไดน่าต้องเป็นสีชมพูเท่านั้น

            “ฉันรู้แล้ว...รู้แล้วน่ะว่าจะพูดอะไรกัน” รีสโบกมือไปมาด้วยความรำคาญ เขายกมือเสยผมสีขาวโพลนอย่างเหนื่อยหน่าย “แต่พวกนายก็เชื่อไม่ใช่เหรอว่ามิติกาลเวลามีจริงๆ แล้วโปรเจ็คที่พวกเราทำมาด้วยกันจนถึงตอนนี้ก็เพื่อแสดงให้ทุกคนเห็นไม่ใช่เหรอ?

            “เอ่อ คืองี้นะรีส” แฟรงค์ยกมือขึ้นแตะบ่าเพื่อน “พวกเราเชื่อนาย แล้วก็เชื่อในแนวคิดของนายเรื่องมิติกาลเวลา แต่ว่านะเพื่อน ไอ้ที่นายเอามาให้พวกเราดูแล้วก็ทดลองกันมาตลอดเนี่ย มันเป็นแค่งานวิจัยเก่าของศาสตราจารย์โรเบิร์ตกับศาสตราจารย์ทอร์นนะ แล้วพอทำออกมาก็ได้แค่เครื่องจำลองเปล่าๆ ใช้งานไม่ได้จริงๆ สักหน่อย”

            “ใช่...แล้วศาสตราจารย์ทอร์นก็บอกว่าต้องเอาโปรเจ็คที่ใช้งานได้จริงไปแสดงเท่านั้น” ไดน่าเกาะแขนรีสแน่น “ไม่งั้นก็จะไม่ได้คะแนน แล้วก็ต้องมานั่งทำราย...งาน...” ดวงตากลมโตที่ใส่คอนแท็กเลนส์สีชมพูมีน้ำตาปริ่มออกมา แต่แล้วไดน่าก็ทำท่าเหมือนคิดอะไรออก “อ้ะ แต่ที่จริงฉันให้เพื่อนช่วยทำงานวิจัยสำรองเอาไว้แล้วล่ะ เพราะรู้ว่างานของรีสคงเอาไปแสดงไม่ได้แน่ๆ ก็เลย...”

            “เธอก็ด้วยเหรอ!” เสียงเล็กของแฟรงค์ตะโกนลั่น “อันที่จริงฉันเองก็ทำงานวิจัยสำรองเอาไว้แล้วเหมือนกันนะ เพราะรู้อยู่แล้วไงว่ามีโอกาสถึงเก้าสิบเก้าจุดเก้าเก้าเปอร์เซ็นต์ที่งานของรีสจะ...”

            “เฮ้อออออ!  รีสถอนหายใจเสียงดัง เป็นสัญญาณคล้ายกับระฆังหมดยก เพื่อนรักของเขาทั้งสองคนหยุดชะงัก “เอาเป็นว่าพักเรื่องงานวิจัยของฉันเอาไว้ก่อนแล้วกัน ส่วนเรื่องที่ว่าจะเอางานของใครไปแสดงค่อยว่ากันอีกที เพราะว่าตอนนี้...”

            รีสล้วงมือเข้าไปใต้อกเสื้อฮู้ดสีเทา ก่อนจะควักนาฬิกาพกสีเงินที่เขาใส่คล้องกับโซ่เส้นเล็กจนกลายเป็นสร้อยคอออกมา เมื่อเปิดก็จะพบกับรูปครอบครัวของพ่อ แม่ และลูกชายตัวน้อยซึ่งแปะอยู่ด้านหลังฝาเปิด ส่วนเข็มเวลาทั้งสามกำลังบ่งบอกว่าใกล้เที่ยงแล้ว ซึ่งพิธีเปิดงานนิทรรศการวิทยาศาสตร์ประจำปีก็คือ

            เที่ยงตรง...

            “สายแล้ว!

            ทั้งสามตะโกนพร้อมกันก่อนจะวิ่งแจ้นไปจากห้องเรียน

 

            อทช์ซิตี้เป็นเมืองเล็กๆ ที่ตั้งอยู่บนเกาะกลางทะเล เต็มไปด้วยตึกสูงใหญ่ดูทันสมัย โรงงานที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานสะอาด รถยนต์ที่ใช้พลังงานแม่เหล็กและจักรยานไฟฟ้า ผสมผสานไปด้วยสวนสาธารณะเขียวขจี ต้นไม้ที่ปลูกบนเกาะกลางถนนและสวนดอกไม้บนดาดฟ้า นับว่าเป็นเมืองแห่งเทคโนลียีที่ผสมผสานกับธรรมชาติได้อย่างลงตัว

            ทว่าผู้คนที่ใช้รถหรือจักรยานกลับมีให้เห็นอยู่บางตา ส่วนใหญ่แล้วผู้คนในวอทช์ซิตี้จะเดินทางด้วยรถไฟลอยฟ้า ซึ่งเชื่อมต่อกับสถานที่สำคัญทุกแห่งในเมือง เช่น มหาวิทยาลัยวอทช์, หอสมุดวอทช์, ธนาคารวอทช์ซิตี้,ศูนย์วิจัยวอทช์ซิตี้ และอื่นๆ อีกมากมาย

            รีส แฟรงค์ และไดน่ากำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้นวมหนาในรถไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่โอ่อ่ากว้างขวาง รถไฟฟ้าของวอทช์ซิตี้ไม่มีราวยืนหรือห่วงเกาะให้ห้อยโหน แต่จะแบ่งเป็นที่นั่งฝั่งละสองที่เรียงยาวไปหลายร้อยเมตร แฟรงค์นั่งคู่กับไดน่าและกำลังถกเถียงกันว่าจะใช้งานวิจัยของใครออกแสดง ส่วนรีสนั่งอยู่คนเดียวที่ริมหน้าต่างอีกฝั่งหนึ่ง เหม่อมองไปเหนือวอทช์ซิตี้อันสวยงาม ทว่าในใจของเขากลับร้อนรน โดยจะสังเกตได้ชัดจากขาขวาที่กระตุกขึ้นลงตลอดเวลา เนื่องจากรีสไม่ชอบไปไหนสาย เขามักจะไปถึงก่อนเวลาเสมอ เป็นเพราะคำสั่งเสียที่พ่อทิ้งไว้ให้ตั้งแต่ยังเด็ก

            เข้มแข็งเอาไว้ ลูกพ่อ เสียงอ่อนโยนยังดังก้องในหู ภาพน้ำตาของพ่อที่ไหลอาบแก้มยังติดตรึงตา และจงใช้ทุกวินาทีต่อจากนี้ ให้คุ้มค่า...

          “ท่านผู้โดยสารทุกท่าน ขณะนี้เรากำลังเข้าสู่สถานีศูนย์วิจัยวอทช์ซิตี้  แล้วค่ะ”

             เสียงผู้ประกาศทำให้รีสหลุดจากภวังค์ เขารีบลุกขึ้นยืนขณะที่รถไฟฟ้าค่อยๆ หยุดลงช้าๆ อย่างนุ่มนวล ผู้คนลุกออกจากที่นั่งเพื่อมายืนรอคิวกันบนทางเดินตรงกลาง รีสก้าวไปหาเพื่อนทั้งสอง ซึ่งยังคงเถียงกันไม่หยุดว่าจะเอางานวิจัยของใครออกแสดงดี เพราะยิ่งได้รับความนิยมจากผู้เข้าชมในงานมากเท่าไหร่ คะแนนที่ศาสตราจารย์ทอร์นจะให้ก็ยิ่งสูงมากเท่านั้น อีกทั้งสองคนนี้ยังชื่นชอบศาสตราจารย์ทอร์นเอามากๆ จึงแข่งขันกันเพิ่มคะแนนความนิยมส่วนตัวมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นการตอบคำถามในชั้นเรียน หรือเรื่องการสอบย่อยต่างๆ

            “ต้องหุ่นยนต์ต่อสู้ของฉันสิเจ๋งสุด!” แฟรงค์ตะโกนโหวกเหวกโดยไม่สนใจคนมากมายรอบข้างที่เดินออกมาจากรถไฟฟ้า “งานวิจัยของฉันเนี่ยแหละที่จะมาทดแทนหุ่นยนต์รักษาความปลอดภัยรุ่นเก่าของศาสตราจารย์โบร์!

            “ตะ ต้องของฉันสิ!” แม้ไดน่าจะดูแหยๆ แต่ก็พยายามขึ้นเสียงเต็มที่ “น้ำยาเปลี่ยนสีทุกอย่างตามใจชอบนี่แหละที่จะมาปฎิวัติวงการแฟชั่น! สิ่งประดิษฐ์ของฉันจะต้องล้มผ้าเปลี่ยนขนาดของศาสตราจารย์ดูบัวร์ได้แน่!” เธอตะโกนเสียงดัง พอรู้ตัวว่าทำอะไรลงไปก็รีบก้มตัวขอโทษคนรอบข้างทันที “ขอโทษค่ะ ขอโทษค่ะ! จริงๆ แล้วฉันไม่ได้คิดแบบนั้นนะคะ ไม่ได้ตั้งใจที่จะดูหมิ่นงานของท่านดูบัวร์หรอกนะคะ!

            “เฮ้ออออ! เสียงระฆังหมดยกดังมาจากเด็กหนุ่มผมขาวที่กำลังยกมือขึ้นกุมศีรษะ “เอาเป็นว่าใช้ทั้งสองอย่างนั่นแหละ เอามารวมกันซะเลยเป็นไง ไอเดียดีใช่ไหมล่ะ หุ่นยนต์ต่อสู้ที่สามารถเปลี่ยนสีได้ เข้าท่าใช่ไหม งั้นเอาตามนั้นนะ เอาตามนั้น!

            “ไม่ตกลง!

            แฟรงค์และไดน่าตะโกนพร้อมกัน ทว่ายังไม่ทันที่เพื่อนทั้งสองคนจะได้เถียงกลับ รีสก็วิ่งหายไปจากสถานีแล้ว เป็นเพราะเขาอยากไปให้ทันการพูดเปิดงานของทอร์น ซึ่งได้รับเกียรติเพราะเป็นนักวิจัยชื่อดังรองลงมาจากโรเบิร์ตผู้ล่วงลับ แม้รีสจะอยู่ตรงซุ้มทางเข้างานซึ่งประดับประดาไปด้วยดอกไม้และลูกโป่งหลากสี พร้อมทั้งผู้คนมากมายที่กำลังเดินเบียดเสียดกัน แต่ก็ยังได้ยินเสียงของทอร์นจากลำโพงของเครื่องขยายเสียงที่ตั้งอยู่รอบงาน

            “...ซึ่งผมมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้กล่าวต้อนรับทุกท่านเข้าสู่นิทรรศการวิทยาศาสตร์แห่งวอทช์ซิตี้ครั้งที่ยี่สิบ!” เสียงของทอร์นเต็มไปด้วยความตื่นเต้น รีสที่กำลังฝ่าฝูงชนเห็นเขาได้จากไกลๆ บนเวทีกลางของนิทรรศการ “ผมหวังว่าปีนี้จะได้เห็นงานวิจัยและสิ่งประดิษฐ์ที่น่าสนใจจากประชาชนทุกคน สิ่งประดิษฐ์ที่จะช่วยให้เมืองของเราดีขึ้น มั่นคงขึ้น และน่าอยู่ขึ้น ตามความตั้งใจของศาสตราจารย์โรเบิร์ตผู้ล่วงลับ ผู้ซึ่งสละชีพให้แก่ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ และสุดท้ายนี้ ผมขอให้ทุกคน สนุกกับงานครับ!

            แล้วเสียงพลุก็ดังลั่นไปทั่วบริเวณ พลุที่ส่องแสงสวยงามกระจายอยู่บนท้องฟ้าเป็นรูปสัตว์และสิ่งของต่างๆ พวกมันเห็นได้ชัดบนแม้จะเป็นกลางแจ้งยามเที่ยงตรง เสียงโห่ร้องยินดีดังไปทั่วสารทิศ รีสเองก็ร่วมดีใจไปด้วย

            “เจอ ตัว แล้ว

            ไม่ทันไรสีหน้าของรีสก็ซีดเผือด เมื่อเพื่อนรักสองคนจับแขนของเขาเอาไว้คนละข้าง ก่อนจะลากตัวฝ่าฝูงชนออกมาเพื่อไปหาซุ้มของตนที่จัดอยู่ไม่ไกลจากเวทีกลางเท่าไหร่นัก

            “พวกนายดูนั่นสิ!

            แฟรงค์ตะโกนด้วยความตื่นเต้นจนเผลอปล่อยแขนรีส ไดน่าก็เช่นกัน ทั้งสองเดินผ่านซุ้มสิ่งประดิษฐ์แปลกๆ มากมายด้วยความสนุกสนานจนดูเหมือนเด็กๆ  ซุ้มเหล่านั้นมีทั้งรองเท้าลอยได้ที่ผู้ทดลองสวมเกือบจะหกคะเมนตะลังกา เครื่องวัดความเหม็นของกลิ่นปากที่ผู้ทดลองจะต้องกินของเหม็นๆ แล้วลองพ่นดูจนคนข้างๆ ถึงกับถอยหนี แม้กระทั่งของทั่วไปอย่างเนยทาขนมปังซึ่งถูกประดิษฐ์ออกมาให้เหมือนกับหลอดลิปสติก ทำให้สามารถหมุนออกมาใช้ทาได้ง่ายๆ

            แล้วช่วงเวลาแห่งความสนุกของทั้งสามก็หยุดลง

            “อ้าวนั่น...รีสนี่นา?

            เสียงหวานอันคุ้นหูดังมาจากด้านหลัง เสียงที่ทำให้รีสถึงกับสะดุ้ง เขาไม่คิดเลยว่าเธอจะมางานนี้ด้วย

            “อ้าว...หวัดดีเธีย”

            รีสหันไปโบกมือให้กับเด็กสาวที่ชื่อเธียโดยไม่สบสายตา เธียเป็นเด็กสาวหน้าตาดี หุ่นดี ผิวขาว ผมสีบลอนด์ทองรวบไว้อย่างเรียบร้อย นัยน์ตาสีเขียวมรกตชวนหลงใหล สวมเสื้อผ้าทันสมัย เสื้อเปิดไหล่ กางเกงยีนส์ขาสั้น พร้อมกระเป๋าถือแบรนด์เนมชื่อดัง ชานูล ยี่ห้อที่ขายดีที่สุดในวอทช์ซิตี้

            “ไอ้หงอกนี่ใครเธีย เธอรู้จักมันด้วยเหรอ?” เสียงห้าวดังมาจากชายร่างสูงใหญ่ข้างๆ เธีย กล้ามเป็นมัดๆ ของเขาแทบจะทะลุออกมาให้เห็นผ่านเสื้อยืดฟิตๆ “หัวขาวอย่างกับคนแก่”

            “อย่าพูดแบบนั้นสิแจ็ค นี่เพื่อนสมัยเด็กของฉันเอง รีส” เธียหันไปอธิบายอย่างร่าเริงโดยไม่ได้รู้สึกถึงสายตาของหนุ่มๆ ที่กำลังเขม่นใส่กันเลยแม้แต่น้อย “พ่อของเราสองคนเป็นเพื่อนสนิทกันน่ะ ตอนเด็กๆ พวกเราเลยเล่นด้วยกันบ่อยๆ เธอน่าจะรู้จักนะแจ็ค คุณพ่อของรีส ศาสตราจารย์โรเบิร์ตน่ะ นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังคนนั้นไง”

            “อ้อ...” แจ็คแสยะยิ้ม มองด้วยสายตาเหยียดหยาม “ไอ้พวกเด็กเนิร์ดนี่เอง”

            “พูดแบบนี้มาเจอกันสักตั้งดิ๊!” แฟรงค์ตะโกน ทำท่าจะพุ่งเข้าใส่ แต่ไดน่ากับรีสฉุดตัวเอาไว้ได้ทัน แน่นอน ทั้งสองคนไม่ได้กลัวว่าแฟรงค์จะเข้าไปทำร้ายแจ็คเลยสักนิด แต่กลัวว่าตัวเองจะได้ไปนั่งเฝ้าหนุ่มแว่นคนนี้ที่โรงพยาบาลมากกว่า

            “ใจเย็นก่อนสิ ทั้งสองคนเลย!” เธียพูดปราม ส่งสายตาดุๆ ให้กับแจ็ค “เธอไปเดินเล่นทางโน้นก่อนก็แล้วกัน ขอให้ฉันคุยกับเพื่อนๆ หน่อย”

            “เออ ได้” แจ็คยอมถอย เขาหันไปพูดกับเธีย “ห้านาทีเท่านั้นนะ”

            ทันทีที่ชายร่างสูงใหญ่เดินหายลับไป แฟรงค์ก็พูดขึ้นทันที “นี่เธีย ตั้งแต่ที่เธอย้ายจากคณะเราไป...ดูเธอเปลี่ยนไปมากเลยนะ ไม่คิดว่าเธอจะไปคบกับไอ้ยักษ์ถ่อยแบบนั้นด้วย”

            “อย่าพูดแบบนั้นสิ แจ็คเค้าก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรขนาดนั้นหรอก” เธียยิ้มกว้างอย่างร่าเริง “ว่าแต่พวกเธอเป็นยังไงบ้างล่ะ มีซุ้มงานวิจัยของพวกเธอด้วยใช่ไหม บอกทีสิว่าอยู่ตรงไหน เดี๋ยวพวกฉันแวะไป”

            “ไม่ต้อง” รีสที่นิ่งเงียบอยู่นานพูดเสียงแข็ง “เธอไปเดินกับแฟนของเธอเถอะ พวกเราจะไปแล้ว”

            เด็กหนุ่มหันหลังให้ เขาเดินหนีไปได้ไม่ไกลฝ่ามือเรียวบางก็มาฉุดแขนเอาไว้

            “เดี๋ยวสิรีส คุยกันก่อน” น้ำเสียงของเธียจริงจัง ไม่มีรอยยิ้มอีกต่อไป “ตั้งแต่วันที่พ่อของเธอจากไป ฉันก็พยายามช่วยเหลือเธอมาตลอด แต่ทำไมเธอต้องคอยหนีหน้า หลบสายตา...ทำไมเขาถึงทำแบบนี้? เขาไม่อยากรับความช่วยเหลือจากฉันขนาดนั้นเลยเหรอ?...พอคิดได้อย่างนั้นฉันก็เลยย้ายคณะ ฉันไม่อยากไล่ตามเธอไปในที่ๆ เธอไม่ยอมให้ฉันตามไปด้วยอีกแล้ว เธอก็รู้นี่ว่าจริงๆ แล้วฉันเกลียดวิทยาศาสตร์ ฉันไม่ได้อยากเป็นเหมือนพ่อเลยสักนิด แต่ฉันก็ทำเพื่อเธอมาโดยตลอด แล้วทำไมเธอถึง...!

            รีสกลั้นหายใจ แล้วเสียงของเธียก็หายไป แทนที่ด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ ของเด็กหนุ่ม  

            “เพราะฉันไม่อยากให้เธอตามมา...ฉันรู้ดีว่าเส้นทางที่ฉันจะไปมันเป็นยังไง เธอไม่ได้อยู่ด้วยในคืนนั้น เธอไม่ได้เห็นสิ่งที่ฉันเห็น ไม่มีใครเห็น ฉันต้องรู้ให้ได้ว่ามันคืออะไร สิ่งที่เอาชีวิตพ่อของฉันไป และฉันจะไม่มีเวลาให้เธอ ไม่มีเวลาให้ความรัก ไม่มีเวลาให้กับใครหรืออะไรทังนั้น จนกว่าจะเจอสาเหตุที่แท้จริง!

            รีสหยุด เขาเริ่มหมดลม จึงตัดสินใจใช้เวลาที่เหลือจ้องมองใบหน้าเศร้าสร้อยอันแน่นิ่งของเธีย รีสหันไปมองรอบกาย ทุกอย่างหยุดนิ่ง เหมือนทุกครั้งที่เขากลั้นหายใจ ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น รีสสามารถทำอะไรก็ได้ตามที่ใจต้องการ เขาอยากจะกอดเธีย อยากจะบอกทุกสิ่งให้รู้ แต่เขาทำไม่ได้ เธียคงไม่เชื่อ และมันก็อันตรายเกินกว่าที่จะลากเธอเข้ามาเกี่ยวด้วย

            แล้วเสียงปรบมือก็ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบงันของเวลาที่หยุดนิ่ง

            “เป็นการพูดที่ซึ้งกินใจจริงๆ”

             เสียงทุ้มที่ผ่านเครื่องเปลี่ยนเสียงจนฟังไม่ชัดดังขึ้นจากด้านหลัง รีสหันกลับไปมองด้วยความตกใจ ชายผมบลอนด์ในชุดสีดำสนิทพร้อมด้วยหน้ากากสีขาวปรากฎกายขึ้น ในโลกที่ทุกสิ่งหยุดนิ่ง เป็นไปได้ยังไง? คำถามเดิมดังก้องในสมองของรีสซ้ำไปซ้ำมา ในขณะที่ชายผู้นั้นก้าวเข้ามาใกล้ รีสก็เผลอสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ทุกสิ่งกลับมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง บุรุษหน้ากากขาวเอนตัวเข้ามาใกล้ เขากระซิบ

            “ในที่สุดก็เจอตัว เด็กหนุ่มผู้หยุดเวลาได้!”  

 

 

 

 

*เด็กเนิร์ด – กลุ่มคนที่มีระดับสติปัญญาสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน และชื่นชอบในเรื่องที่คนส่วนใหญ่ไม่ได้ให้ความสนใจ เช่น เรื่องวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์

ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.myfirstbrain.com/main_view.aspx?ID=65885



Timestopable - คนหยุดเวลา

ผู้แต่ง : Rayndeer


Comment จากกรรมการ

#1 Enter Books Editor Team

สวัสดีค่ะ

อืม จบอีเวนท์แรกแล้วเนอะ กะจังหวะปิดและเปิดตัวละครใหม่ได้พอดีๆ เลย ตัวละครใหม่ก็เปิดได้น่าสนใจ :D

ที่จริงยังสงสัยการย้อนเวลาของตัวเอกอยู่นิดหน่อย คือย้อนแล้ว ตัวในอดีต ณ เวลานั้นก็หายไปด้วยใช่ไหม คือจะไม่มีกรณีรีสสองคนปรากฏตัวขึ้นพร้อมกัน

สู้ๆ เน้อ
ลวิตร์

Comment จากกรรมการ

#2 กองบรรณาธิการสนพ. Enter Books

สวัสดีคร้าบ~

พระเอกมีความสามารถหยุดเวลาได้ถ้ากลั้นหายใจ อย่างเท่! ส่วนตัวร้าย (รึเปล่า?) ก็มีพลังที่เกี่ยวกับเวลา เฮียชอบทริคที่จับเรื่องเวลามาทำให้เป็นพลังหลากหลายแบบนี้นะ ว่าแต่แอบสงสัย กลั้นหายใจไปพูดไปด้วยนี่ทำได้ด้วยเหยอ //ลองทำตาม

นี่เฮียเอง

ความคิดเห็นล่าสุด

Page 1 of 2 1 2
  • ความคิดเห็นที่ 24

    Rayndeer
    • Name : Rayndeer < My.iD > [IP] 122.155.168.161
    • 2 เมษายน 2559 / 18:32
    @พี่ลวิตร์


    สำหรับคำถามของพี่ลวิตร์เป็นหนึ่งในสิ่งที่อุบไว้ของเรื่องฮะ xD ถ้าตอบไปมันจะเฉลยเกือบทุกอย่างของเรื่องเลย ยังไงถ้ามีโอกาสเขียนจนเสร็จ รับรองได้ทราบแน่นอนครับ ^^

    ขอบคุณมากๆ สำหรับคำแนะนำดีๆ และคำติชมที่มีให้ตลอดนะครับ 
  • ความคิดเห็นที่ 23

    Rayndeer
    • Name : Rayndeer [IP] 122.155.168.161
    • 1 เมษายน 2559 / 08:37
    ขอบคุณคอมเม้นท์ของพี่ลูกฟูกมากจ่ะ

    สำหรับประเด็นที่พี่ลิสมาทั้งหมดมันจะค่อยๆ คลี่ออกในบทต่อไปนะ >_< พอดีเวลาประกวดมันจำกัดห้าตอนเลยจัดพวกแอ็คชั่นต่างๆ เข้าไปก่อน ถ้ามีโอกาสได้เขียนต่อจะอธิบายในบทต่อๆ ไปจ่ะ

    ปล. กดล็อกอินด้วยเฟสบุ๊คไม่ได้ T_T

    Rayndeer
  • ความคิดเห็นที่ 22

    LookFook
    • Name : LookFook [IP] 182.148.25.3
    • 31 มีนาคม 2559 / 22:40
    หลังจากอ่านใหม่อีกครั้งเรื่องภาษาไม่ค่อยมีอะไรมากนะ ปัญหาอยู่ที่ระบบเรื่องมากกว่า ด้วยความที่เวลาเป็นเรื่องใหญ่ และการยุ่งเกี่ยวกับเวลาก็ใหญ่มากด้วยมันเลยยุ่งยาก ดังนั้นคลี่กันไปทีละคำถามนะ 1. เราสงสัยว่าทำไมวันที่ประกาศเรื่องการทดลองในตอนแรกโรเบิร์ตจะต้องพารีสไปด้วย? ไม่ว่าจะทั้งตอนประกาศหรือที่ห้องทดลอง ถ้าสมมุติผิดพลาดจริงๆ รีสตายจบเรื่องเลย (อ้าว555) นอกจากเฮียแกตั้งใจจะตายและทำให้เครื่องขัดข้องจนส่งผลกระทบหรือยังไงก็ว่าไป (ช่วงนี้อ้างอิงไปตอนหลังที่มีการเตรียมอุปกรณ์ให้รีสด้วย) 2. ตอนแรกมีเหมือนจะพูดถึงย้อนเวลาไปช่วยแม่ แต่ตอนหลังเหมือนโดนลืมไปเลย 3. หลังจากเครื่องระเบิดเป็นยังไงบ้าง? ศูนย์วิจัย ผู้คน ไม่มีใครอยู่ตอนนั้นอีกแล้ว? และสำคัญคือรีสอยู่ต่อจากนั้นมายังไง มีตังจากมรดก? แล้วใครเลี้ยงหรืออยู่คนเดียวได้แล้ว? แต่เรื่องตรงนี้ตอบโจทย์ทีหลังเกี่ยวกับประวัติได้อยู่ อ้อใช่ แล้วเรื่องผลกระทบหลังระเบิด น่าจะมีการควบคุมอะไรบ้าง แล้วพวกค่าเสียหายมีเรียกร้องอะไรมั้ยด้วยนะ? จริงๆแอบคิดนะว่าระเบิดขนาดนี้คนต่อต้านควรจะเยอะขึ้นด้วยซ้ำ เหมือนว่าเอาเงินไปทำอะไรแล้วสุดท้ายคือสูญสลาย เผลอๆ ทอร์นนี่แหละตัวรับเคราะห์ เพราะโรเบิร์ตตาย ผลการทดลองไม่สามารถออกสื่อได้อีก 4. พูดถึงธีมชื่อเป็นอังกฤษ? แต่มีความขัดใจนิดนึงตรงที่เรียกแบบไทย คือใช้เรียกชื่อต้น ไม่ได้เรียกนามสกุลอะ อันนี้ให้ไปพิจารณา 5. ตอนที่รีสหยุดเวลา จากที่ทอร์นว่าน่าจะครอบคลุมไม่กว้าง แล้วในรอยต่อของศูนย์กลางจากรีส ถ้ามีใครเดินเข้ามาตรงนั้นจะเป็นยังไง? (อันนี้ถ้าดูดีเกรย์แมนจะรู้ ช่วงเมืองที่เวลาเดินอยู่วันเดียวอันนั้น จะมีโดมคลุม คือใครเข้าไปไม่ได้อะไรงี้) ตัวอย่างอื่นไม่มี ไม่ค่อยได้ดูอะไรเกี่ยวกับเวลา 6. หยุดแล้วก็ต้องย้อนเวลา แต่เรื่องนี้ละเอียดอ่อนมากจริงๆ นี่ก็ไม่รู้จะแนะนำยังไง แต่การย้อนบ่อยๆต้องมีผลกระทบแน่ๆอยู่แล้ว เวลาที่อยู่รอบตัวรีสอาจจะมีปัญหาไรงี้ ค่อยๆว่ากันไปเนอะ :) เท่าที่ว่ากันเรื่องโดยรวมของเรื่องตอนนี้นะ ไม่พูดเรื่องอื่นแล้วกัน ช่วงแรกๆมีช่องแน่นอน แต่หลังๆเริ่มมีคำตอบ ตอนหลังๆเลยไม่มีอะไรเท่าไหร่ แต่อย่าลืมสิ่งที่เขียนมานะ โดยเฉพาะขุ่นแม่ 5555 ลืมนางไปเลยอะไรงี้ พักแล้วค่อยๆคิดเนอะ เดี๋ยวไปตามล่าหมอผีอยุธยาก่อน :) ปล. เน็ตช้า ล็อคอินไม่ได้ 55
  • ความคิดเห็นที่ 21

    Enter Books Editor Team
    • Name : Enter Books Editor Team < My.iD > [IP] 202.176.108.255
    • 31 มีนาคม 2559 / 11:31
    สวัสดีค่ะ

    อืม จบอีเวนท์แรกแล้วเนอะ กะจังหวะปิดและเปิดตัวละครใหม่ได้พอดีๆ เลย ตัวละครใหม่ก็เปิดได้น่าสนใจ :D

    ที่จริงยังสงสัยการย้อนเวลาของตัวเอกอยู่นิดหน่อย คือย้อนแล้ว ตัวในอดีต ณ เวลานั้นก็หายไปด้วยใช่ไหม คือจะไม่มีกรณีรีสสองคนปรากฏตัวขึ้นพร้อมกัน

    สู้ๆ เน้อ
    ลวิตร์
  • ความคิดเห็นที่ 20

    Rayndeer
    • Name : Rayndeer < My.iD > [IP] 122.155.168.161
    • 31 มีนาคม 2559 / 07:32
    ครบ 5 ตอนแล้ว

    ขอขอบคุณทุกๆ คน นักอ่านทุกๆ ท่าน และคณะกรรมการไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ

    หวังว่าจะได้เจอกันอีกครั้งในรอบ 6 คนสุดท้ายนะครับ ^^
  • ความคิดเห็นที่ 19

    Enter Books Editor Team
    • Name : Enter Books Editor Team < My.iD > [IP] 202.176.175.252
    • 24 มีนาคม 2559 / 11:43
    สวัสดีค่ะ

    ชอบที่เล่าสลับอีเวนท์นะ มันทำให้รู้สึกว่า หือ อ่านข้ามอะไรไปหรือเปล่า แล้วพออ่านไปเรื่อยๆ ก็เข้าใจ ดึงความสนใจได้ดี

    ตอนนี้ยังเป็นเล่าเรื่องอย่างต่อเนื่อง เลยยังไม่มีคอมเมนต์ เอาเป็นว่ารออ่านต่ออยู่นุ :)

    ลวิตร์
  • ความคิดเห็นที่ 18

    LookFook
    • Name : LookFook < My.iD > [IP] 182.149.194.122
    • 23 มีนาคม 2559 / 21:04
    มีคำตบแวบๆมั้งแถบบนๆ ฟุ้ง ที่ ง.งูหาย กับคัน ที่กลายเป็นคน
    อืมมม รู้สึกว่าพอเรียงไทม์ไลน์สลับกันแล้วมันดูน่าสนใจมากจริงๆ
    ทั้งที่เรื่องมันก็ต่อเนื่องมาแบบยาวๆอะ
    เปิดมาแบบ เฮ้ยยย อยู่ๆมีชุดเมพโผล่มา อยากรู้เลยว่าไปเอามาจากไหน
    มีความรู้สึกว่าพีคมากจริงๆ แต่ก็แอบรู้สึกนะว่าแบบนี้ก็คงใช้บ่อยๆไม่ได้ ไม่งั้นคงงงแย่เลย

    แต่ชอบการบรรยายความวุ่นวายช่วงบน มันอินดี
  • ความคิดเห็นที่ 16

    Rayndeer
    • Name : Rayndeer < My.iD > [IP] 107.167.112.75
    • 17 มีนาคม 2559 / 20:45
    LookFook - อ้ะ ว่าตรวจคำผิดดีแล้วเชียวนะ ขอบคุณมากๆ ที่ช่วยแก้จ่ะ แล้วก็ขอบคุณมากๆ อีกครั้งที่แวะเข้ามานะ ^-^

    dinn - พี่ปัฐฐฐ ขอบคุณมากๆ ครับ >_<

    พี่ลวิตร์ - ขอบคุณสำหรับคำว่า 'สนุก' มากๆครับ แค่คำนี้คำเดียวผมดีใจมีกำลังใจมากขึ้นเยอะเลย 555+ส่วนเรื่องทอร์นกับธอร์นต้องขออภัยจริงๆ ครับ สัญญาว่าบทหน้าจะไม่ให้มีอีกแล้ว T-T

    Besty Vivo - เป็นน้อยชอบก็ดีใจ >_< 
  • ความคิดเห็นที่ 15

    Besty Vivo
    • Name : Besty Vivo < My.iD > [IP] 64.233.173.160
    • 17 มีนาคม 2559 / 11:07
    ตอนนี้สนุกดีค่ะ พี่เรปล่อยจุดพีคแรกออกมาได้ดีมาก
    แต่แอบสงสารไดน่านะคะ โห กลายเป็นสาวใหญ่ไปแล้วอะ
    บทบู๊เขียนดี มันส์ สนุก ไม่ผิดหวังค่ะ
    สู้ๆค่ะ รออ่านบทต่อไป
  • ความคิดเห็นที่ 14

    Enter Books Editor Team
    • Name : Enter Books Editor Team < My.iD > [IP] 171.99.46.230
    • 17 มีนาคม 2559 / 09:55
    สวัสดีค่ะ

    บทนี้สนุก เหมือนคนเขียนเริ่มปล่อยของเลยค่ะ

    จุดต่อระหว่างสองช่วง (ช่วงโรเจอร์กับช่วงฉากทางรีส) มีหลุดคำว่าชายร่างผอมมา คือใช้บรรยายคนใส่หน้ากาก ไม่รู้ว่าจงใจหรือเปล่า เลยตั้งข้อสังเกตไว้เฉยๆ แล้วชื่อทอร์นก็ยังเผลอใช้ ธ นิดหน่อย

    รออ่านต่อนะคะ :)
    ลวิตร์
  • ความคิดเห็นที่ 13

    Besty Vivo
    • Name : Besty Vivo < My.iD > [IP] 64.233.173.160
    • 16 มีนาคม 2559 / 09:22
    เข้ามาอ่านตอนที่สองละค่ะ
    เริ่มปูความดราม่าเข้ามาทีละนิดแล้วเนอะ
    หนุ่มรีสดูค่อนข้างเก็บตัวนะคะเนี่ย
    แล้วใครที่กำลังจ้องมองหนุ่มรีสน้อ?
  • ความคิดเห็นที่ 12

    dinn
    • Name : dinn < My.iD > [IP] 202.94.76.110
    • 14 มีนาคม 2559 / 21:26
    พี่ปัฐเองนะครับ ^ ^

    บทเปิดตัวเท่อีกแล้ว ^ ^

    ชอบตอนที่ 2 นี้มากเลยแฮะ รู้สึกเหมือนจะเผลอแอบกลั้นหายใจไปกับหนุ่มรีสเลยทีเดียว อูย... เล่นเอาหายใจไม่ทั่วท้องเลย ^ ^b
  • ความคิดเห็นที่ 11

    LookFook
    • Name : LookFook < My.iD > [IP] 182.149.206.225
    • 14 มีนาคม 2559 / 21:20
    มาอย่างรวบรัดและรวดเร็วมากสำหรับตอนนี้
    ชอบความตรงประเด็นที่วางมาแล้ว
    ทุกอย่างคือมอบให้เต็มๆทั้งบทจริงๆ
    มีคำผิดนิดหน่อย กะพริบ นี่ชัดเจน ฮาาาา

    ไม่มีอะไรมาก อยากรู้ว่ารีสจะเป็นไงต่อ
  • ความคิดเห็นที่ 10

    Rayndeer
    • Name : Rayndeer < My.iD > [IP] 107.167.108.173
    • 14 มีนาคม 2559 / 04:53
    ขอบคุณพี่ลวิตร์มากๆ สำหรับคำติชมครับ ^-^

    ในเรื่องของฉากนั้น ตอนแรกตั้งใจว่าจะให้คนอ่านคิดว่ารีสยังไม่ได้หยุดเวลาแล้วพูดความในใจออกไป ก็เลยกลายเป็นแบบนั้นครับ หากยังสื่อออกไปได้ไม่ดีพอต้องขออภัยครับ

    จะกลับไปแก้ไขปรับปรุง ทำตอนหน้าให้ดียิ่งขึ้นครับ



    Rayndeer
  • ความคิดเห็นที่ 9

    Enter Books Editor Team
    • Name : Enter Books Editor Team < My.iD > [IP] 49.229.183.148
    • 10 มีนาคม 2559 / 10:23
    สวัสดีค่ะ

    ชอบตอนเปิดบทนะ รู้สึกว่าปูเข้ามาในเรื่องของเวลาได้ดี แต่คำบรรยายมาหยุดตรงที่ไอน์สไตน์ เลยไม่แน่ใจว่าจะอธิบายเรื่องเวลาตามแนวของเรื่องต่อไปยังไง รออ่านอยู่นะคะ

    บทนี้เรื่องยังไม่ค่อยเดินเลย เป็นการแนะนำตัวละคร การแนะนำยังค่อนข้างเรียบไปหน่อย อาจจะต้องค่อยๆ เพิ่มเติมขึ้นในบทต่อๆ ไป ช่วงท้ายที่รีสกลั้นหายใจ จังหวะเรียบมากเลยค่ะ อ่านมาไม่สะดุดเลยว่ารีสเริ่มใช้พลังแล้ว จนชายสวมหน้ากากโผล่ถึงรู้ ตรงนี้น่าจะบรรยายมากกว่านี้อีกนิด ให้เห็นภาพว่าเวลาหยุดไปจริงๆ เพราะเป็นจุดฮุคสำคัญของบทเลยน่ะค่ะ

    ลวิตร์
  • ความคิดเห็นที่ 8

    LookFook
    • Name : LookFook < My.iD > [IP] 182.149.206.225
    • 9 มีนาคม 2559 / 23:21
    มีช่วงต้นที่พิมพ์ผิดเป็นธอร์นอยู่อันนึง
    นอกนั้นไม่รู้จะพูดอะไรเลย รู้สึกมันพอดีและลงตัว
    คงเพราะไม่ถนัดด้วย ฮาา นึกอะไรไม่ออก แต่รู้สึกอ่านได้ยาวมาตลอด
    แต่อย่างหนึ่งก็คืออยากรู้ว่ารีสจะเป็นไงต่อ ?P
  • ความคิดเห็นที่ 7

    Rayndeer
    • Name : Rayndeer < My.iD > [IP] 107.167.108.63
    • 9 มีนาคม 2559 / 19:12
    myu_immi - ขอบคุณพี่มิวมากๆ ครับที่แวะเข้ามา หาไม่ได้ใช่มั้ยครับไซไฟเนื้อหาหนักขนาดนี้ในเอ็นเทอร์ 555 
  • ความคิดเห็นที่ 6

    Rayndeer
    • Name : Rayndeer < My.iD > [IP] 107.167.108.63
    • 9 มีนาคม 2559 / 17:45
    Waaa - ขอบคุณมากๆ ครับ ช่วยโหวตด้วยละกันเด้อ >_<

    LookFook - อย่ากลั้นนานนักนะ 55555 นั่นสิ พล็อตหนักจริงๆ คนอื่นเขามาเบาๆ เรามาหนักอึ้งเลย


    Besty Vivo - ขอบคุณมากๆ นะจ๊าที่มาช่วยแนะนำ ใครจะโกรธน้องเป็ดเหลืองได้ลง

     bodin Intrararujikul - ดีใจที่ชอบประโยคเปิดครับ อยากให้คนมีความคิดเกี่ยวกับเวลาเป็นของตัวเองดู 555 ขอบคุณพี่ปัฐมากครับ



  • ความคิดเห็นที่ 5

    myu_immi
    • Name : myu_immi < My.iD > [IP] 125.27.31.60
    • 9 มีนาคม 2559 / 08:13
    แวะมาเยี่ยมเยียน
    มาแนวไซไฟแฮะ เรื่องเกี่ยวกับเวลานี่มีในการประกวดทุกปี แต่เรื่องนี้ดูท่าทางจะหนักหน่วงไม่ใช่น้อย เพราะเต็มไปด้วยฉากบีบคั้นทางอารมณ์ความรู้สึก ซึ่งก็เขียนเรียกอารมณ์คนอ่านให้คล้อยตามได้ดีครับ
    การบรรยายทำได้เห็นภาพ แต่อยากให้เพิ่มศัพท์เทคนิคหรือศัพท์เฉพาะทางวิทยาศาสตร์แทรกลงไป เพื่อความสมจริง (หาเอาจากข่าวการทดลองทางวิทยาศาสตร์ของต่างประเทศก็ได้) จะเป็นการเพิ่มน้ำหนักให้เรื่องมากขึ้นไปอีก

    การทิ้งท้ายทำได้ดี ทำให้อยากอ่านต่อ
    เป็นกำลังใจให้ครับ

    มิว
Page 1 of 2 1 2

เข้าสู่ระบบด้วย Dek-D ID

เข้าสู่ระบบด้วย Social Network

คลิกที่นี่
แสดงความคิดเห็น
ชื่อ Email รูปตัวแทน

โปรดใส่รหัสตามรูป