EN04 Timestopable - คนหยุดเวลา

เมื่อ 'โรเบิร์ต ไทมส์' ต้องการย้อนเวลากลับไปเพื่อช่วยภรรยาสุดที่รัก แต่การทดลองผิดพลาดและทำให้กระแสเวลาพุ่งเข้าสู่ตัวลูกชายของเขา 'รีส ไทมส์' ฮีโร่ผู้สามารถหยุดเวลาได้จึงถือกำเนิดขึ้น!!

ผู้แต่ง

Rayndeer

0%

ตอนที่ 4/5 : Chapter 4: เด็กหนุ่มผู้ย้อนเวลา

Chapter 4: เด็กหนุ่มผู้ย้อนเวลา

 

 

“เวลาสามารถเยียวยาได้ แม้แต่ความเศร้า ความผิดหวัง หรือความโกรธ

มันแค่ต้องใช้เวลา มากน้อยต่างกันไป ก็เท่านั้นเอง”

 

-อลิซาเบธ จูส์-

 

 

            ธนาคารกลางของวอทช์ซิตี้ตั้งอยู่ตรงใจกลางย่านการค้า มีลักษณะเป็นตึกสูงใหญ่ ห้อมล้อมไปด้วยตึกแถวที่เรียงโค้งเข้าหากัน เป็นวงกลมขนาดยักษ์ซ้อนกันถึงสามชั้น ทางทิศใต้ ตะวันออก และตะวันตกมีถนนตัดเข้าไปจากถนนใหญ่ ส่วนทางทิศเหนืออยู่ติดกับท่าเรือขนส่งสินค้า เป็นจุดศูนย์กลางทางธุรกิจที่สำคัญของวอทช์ซิตี้เลยทีเดียว

            ในตอนนี้ ท่ามกลางท้องฟ้าที่พระอาทิตย์กำลังตกดิน ถนนทุกเส้นในย่านนั้นเต็มไปด้วยรถตำรวจที่แล่นเข้าไปไม่ต่ำกว่าห้าสิบคัน เสียงไซเรนดังระงมไปทั่วบริเวณ รถตำรวจบางส่วนลัดเลี้ยวเข้าไปตามตึกแถวรอบนอกเพื่อออกคำสั่งอพยพผู้คนออกจากร้านค้า เสียงประกาศจากลำโพงบนหลังคารถดังขึ้นทุกหนแห่ง

            “ประกาศอพยพฉุกเฉิน ขอให้ทุกท่านเดินทางออกจากย่านการค้าโดยทันทีประกาศอพยพฉุกเฉิน ขอให้ทุกท่าน...”

            เสียงประกาศสั้นๆ ดังซ้ำไปซ้ำมา มันมากพอที่จะทำให้ทุกคนทิ้งทุกอย่างแล้วรีบเคลื่อนตัวออกจากบริเวณนั้น เจ้าของร้านเดินออกไปโดยที่ไม่ปิดร้าน ทุกคนต่างกรูออกมารวมตัวกันที่ถนนหน้าร้านค้า ก่อนจะเดินเรียงแถวตามหุ่นยนต์รักษาความปลอดภัยไปยังลานจอดรถอย่างเป็นระเบียบ รถยนต์นับหมื่นคันทั้งขนาดเล็กและใหญ่ค่อยๆ ทยอยขับออกไป โดยมีรถตำรวจและรถตู้ของพวกนักข่าวแล่นสวนกลับเข้ามา มีหุ่นยนต์รักษาความปลอดภัยมากมายคอยควบคุมให้การจราจรเป็นไปอย่างเรียบร้อย แบ่งสรรปันส่วนรถยนต์ให้ออกไปได้ทั้งสามเส้นทางโดยไม่ติดขัด ทุกอย่างดำเนินการไปได้ด้วยดี เป็นเพราะชาววอทช์ซิตี้ทุกคนได้รับการฝึกฝนเกี่ยวกับการอพยพฉุกเฉินมาแล้ว

            ทางน่านฟ้า เฮลิคอปเตอร์สามลำบินผ่านไปอย่างรวดเร็ว สองลำเป็นของสำนักข่าวใหญ่ วอทช์นิวส์ ส่วนอีกลำเป็นของตำรวจ ทั้งสามลำต่างส่องไฟเข้าไปในตัวตึกเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น กล้องของนักข่าวบนเครื่องกำลังจับภาพชายชุดดำคนหนึ่งที่ชั้นหกสิบห้า ชั้นที่มีตู้นิรภัยขนาดยักษ์สี่ตู้ และเป็นจุดที่มีเงินฝากของผู้คนครึ่งเมืองรวมอยู่ในนั้น

            ชายชุดดำสวมหน้ากากขาว ผมสีบลอนด์สะดุดตา มือทั้งสองข้างมีกลุ่มพลังงานสีฟ้าสว่างไหลวน เขากำลังออกท่าทางขู่ผู้จัดการธนาคารร่างท้วมให้เปิดตู้เซฟ ถีบร่างจนล้มกลิ้ง ชายร่างท้วมสั่นเทา เขากำลังทำท่าขอร้องอ้อนวอน แม้จะถูกเตะซ้ำแต่ก็ยังลังเลไม่ยอมทำตาม

            “และสิ่งที่ทุกท่านกำลังเห็นอยู่ในขณะนี้นะคะ!” เสียงผู้ประกาศข่าวสาวตะโกนสู้กับเสียงลมบนเฮลิคอปเตอร์ “นี่เป็นภาพข่าวสดของผู้ก่อการร้ายที่กำลังบุกปล้นธนาคารวอทช์ซิตี้ค่ะ โดยจากภาพที่ผู้อยู่ในเหตุการณ์ได้อัพโหลดลงยูวอทช์เมื่อครู่ เราเชื่อว่าผู้ก่อการร้ายรายนี้สามารถทำให้ทุกอย่างสลายไปได้ทันที จึงจัดว่าเป็นผู้ก่อการร้ายระดับอันตราย แม้ว่าทางเราจะยังไม่รู้ถึงสาเหตุที่แน่ชัดว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่ตอนนี้...อ้ะ ดูนั่น!

            ผู้ประกาศข่าวสาวตะโกนลั่น มือหนึ่งถือไมค์อีกมือชี้ไปที่ตึก บนชั้นที่ผู้ร้ายชุดดำกำลังขู่เข็นผู้จัดการอยู่ จู่ๆ ใครบางคนก็ปรากฎตัวขึ้นที่ด้านหลังของพวกเขา ร่างสูงโปร่ง สวมชุดสูทสีขาวขอบฟ้า ปกเสื้อที่ยกสูงถูกรูดซิบขึ้นปกปิดใบหน้าเบื้องล่าง ศีรษะปกคลุมด้วยฮู้ดมีผมสีขาวเล็ดลอดออกมาประปราย บริเวณตาถูกบดบังด้วยแว่นสีฟ้าขนาดใหญ่ ทำให้มองไม่ออกเลยว่าคนๆ นี้เป็นใคร ที่มือขวาของเขามีอุปกรณ์ทรงกลมบางอย่างติดอยู่บนหลังมือ มันเชื่อมต่อเข้ากับกลไกบางอย่างตรงข้อมือ ซึ่งมีลักษณะเหมือนกลไกที่หมุนได้

            “ปล่อยเขาไป!” คนชุดขาวตะโกนบอก น้ำเสียงห้าวเหมือนเด็กหนุ่ม “แล้วก็มอบตัวซะ!

            “หึ...ชุดสวยดีนี่” ชายชุดดำผละจากผู้จัดการที่กำลังทรุดนั่งกับพื้นด้วยอาการสั่นเทา ก่อนจะหันไปมองผู้มาใหม่อย่างท้าทาย “เสียงแบบนั้น คิดว่าปิดหน้าปิดตาแล้วฉันจะจำไม่ได้รึไง?

            “พะ พูดอะไรของแก เราไม่เคยเจอกันสักหน่อย!” เด็กหนุ่มในชุดขาวร้อนรนอย่างเห็นได้ชัด เขาสูดหายใจ เริ่มวางท่าทางใหม่ มือหนึ่งเท้าเอว อีกมือชี้นิ้วสั่ง พูดด้วยน้ำเสียงที่เข้มกว่าเดิม “ยอมมอบตัวซะเถอะ ตอนนี้ตำรวจล้อมตึกเอาไว้หมดแล้ว แกไม่มีทางรอดหรอก!

            “ไม่มีทางรอด?” ชายชุดดำเอียงคอ เขาระเบิดเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “นี่เธอคิดจริงๆ เหรอว่าพวกตำรวจ หรือหุ่นยนต์รักษาความปลอดภัยจะทำอะไรฉันได้? ขนาดคนที่หยุดเวลาได้อย่างเธอ ยังทำอะไรฉันไม่ได้เลยรีส!

            สิ้นเสียง ก้อนพลังงานสีฟ้าสองลูกก็พุ่งเข้าใส่รีสทันที ทว่าเขากลับนิ่งเฉย ทั้งยังยืนรับก้อนพลังงานทั้งสองเข้าไปเต็ม!

            ทว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น!

            “เป็นไปได้ยังไง!?

             ชายชุดดำตะคอกอย่างหัวเสีย ก่อนจะเรียกพลังงานสีฟ้าขึ้นมาบนมือทั้งสองข้าง คงเพราะระยะไกลไป? เขาคิดพลางวิ่งเข้าไปหารีสด้วยตัวเอง ง้างแขนทั้งสองข้างไปด้านหลัง ก่อนจะกระแทกมันเข้าไปที่อกรีสพร้อมๆ กัน พลันพลังงานสีฟ้าก็หายไป แรงกระแทกทำให้ร่างกายของรีสสะเทือนเล็กน้อย เขาถอยหลังไปสองสามก้าว รู้สึกจุก แต่ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น อายุของรีสไม่เพิ่มขึ้น ทุกอย่างยังคงเดิม

            พลังของชายชุดดำไม่มีผลอะไรเลย!

            “ชุดช่วยได้จริงๆ ด้วย!” รีสเหยียดยิ้มกว้าง เขาไม่จำเป็นต้องกลัวอีกแล้ว “ถึงตาฉันเอาคืนบ้างล่ะ!

            ขณะที่ชายชุดดำกำลังยืนอึ้ง หมัดขวาตรงจากรีสก็ซัดเข้าไปเต็มๆ หน้ากากที่แตกร้าว จนตอนนี้ร้าวหนักกว่าเก่า เศษบางส่วนปลิวว่อนไปทั่วบริเวณ ชายชุดดำเซถลาไปหลายก้าว รีสจู่โจมต่อด้วยลูกเตะที่เล็งไปตรงคอ หวังจะทำให้คู่ต่อสู้สลบทันที ทว่าชายชุดดำกลับยกมือขึ้นมาตั้งรับไว้ได้ทัน แรงกระแทกทำให้เขาหกล้มลงกับพื้นอย่างหมดท่า ทว่าไม่หมดใจ เขายังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ

            “หึ...ในเมื่อพลังใช้กับเธอไม่ได้...” หน้ากากสีขาวร่วงกราวไปครึ่งหน้า เผยหนวดเคราบางๆ และรอยยิ้มที่มีเลือดหยดตรงมุมปาก “แล้วถ้าเป็นตึกนี้ล่ะ!

            ชายชุดดำถอยหนีจากรีสพลางเรียกพลังขึ้นมาไว้ที่มือทั้งสองข้าง ก่อนจะกระแทกลงไปบนพื้นกระเบื้องหินอ่อนรอบตัว ป้ายไปบนผนัง ผ้าม่าน จับกระจกทุกบาน แตะไปตรงทุกพื้นที่ที่เขาเดินไป พลางหัวเราะอย่างบ้าคลั่งราวกับคนเสียสติ พลันพลังงานสีฟ้าก็แล่นไปทั่วทั้งตึก ราวกับถูกเคลือบด้วยรังสีจางๆ ก่อนจะจางหายไปในไม่กี่อึดใจ

            แล้วทันใดนั้น

            “ซวยล่ะสิ...”

             เพล้ง!ๆๆๆ เสียงกระจกแตกดังลั่นราวกับฟ้าผ่า เป็นเพราะกระจกนับพันบานที่แตกกระจายพร้อมๆ กัน เศษกระจกนับล้านชิ้นโปรยปรายลงมาจากตึกของธนาคาร เสียงเหล็กนับหมื่นท่อนขัดกันลั่นดังเอี๊ยดอ๊าด แล้วจู่ๆ...ตัวตึกที่สูงใหญ่และแข็งแรงก็เอนเอียงราวกับจะล้มครืน!

            “ทุกคนระวัง! เสียงกรีดร้องของผู้คนดังระงมไปทั่วบริเวณ เศษกระจกร่วงกราวลงมายังผู้อพยพเบื้องล่าง “รีบหนีเร็ว!! หลายคนกระโดดหลบเศษคอนกรีต หวีดร้องด้วยความหวาดกลัว ทุกคนแตกตื่นในชั่วพริบตา ความเป็นระเบียบเรียบร้อยหายไปหมดสิ้น รถยนต์เริ่มบีบแตรขับไล่คันข้างหน้า บางคนไม่รอช้าขับแซงกัน ป่ายซ้ายป่ายขวา ชนกันบ้างหลายสิบคัน เสียงระเบิดและควันไฟลอยฟุ้ในอากาศ ความโกลาหลเกิดขึ้นอย่างฉับพลันในทุกพื้นที่ของย่านการค้า

            “นี่แกทำอะไรลงไป!?” รีสตะโกนถามอย่างเดือดดาล พื้นที่เขายืนเริ่มสั่นสะเทือน “ถ้าตึกนี้ถล่มจะมีคนตายกี่ร้อยกี่พันคนรู้รึเปล่า?

            “หึๆ...ถ้าฉันไม่ได้เงิน...อลิซาเบธก็ต้องตาย” ชายชุดดำพึมพำ ทรุดนั่งอย่างหมดแรง “ถ้าเป็นแบบนั้น ก็อย่าหวังว่าจะมีใครรอดชีวิตเลย!

            ครืน! พื้นโดยรอบทรุดตัวลงไปทันที ทั้งรีส ชายชุดดำ และผู้จัดการที่ไม่ทันตั้งตัวต่างก็ร่วงลงไปพร้อมๆ กับประตูตู้นิรภัยทั้งสี่ด้าน ปลดปล่อยธนบัตรสีเขียวนับล้านใบโปรยปรายไปทั่วพื้นที่ ฝุ่นควันจากเศษอิฐและปูนฟุ้งกระจายจนแทบจะมองไม่เห็นอะไร เสียงกรีดร้องด้วยความตกใจของผู้คนในตึกดังเสียดหู รีสที่กำลังร่วงหล่นจากชั้นหกสิบหลับตาปี๋ เขาหวาดกลัวสุดขีดและคิดว่าตัวเองจะหล่นลงมากระแทกกับพื้นชั้นล่างแต่ไม่เลย พื้นของแต่ละชั้นพังทลายก่อนที่ตัวรีสจะลงมาถึง

          ถ้าอย่างนั้นก็พอมีเวลา รีสคิด เขาตัดสินใจยกมือขวาที่ติดอุปกรณ์ทรงกลมขึ้นมา อีกมือเอื้อมไปบิดเส้นอุปกรณ์ที่รัดข้อมือเอาไว้จนเกิดเสียงคล้ายกับนาฬิกาไขลาน เส้นกำกับรอบข้อมือมีเลขหนึ่งถึงร้อยบ่งบอกว่าเขากำลังหมุนไปชี้ที่เลขหนึ่ง ก่อนจะใช้มือซ้ายตบไปบนปุ่มทรงกลมบนมือขวาทันที!

            ฟุ่บ!...เกิดประกายแสงสีฟ้าสว่างวาบ พลันทุกสิ่งหยุดเคลื่อนไหว ทุกอย่างหยุดนิ่งแม้กระทั่งเศษกระเบื้องและอิฐที่ปลิวว่อนรอบกาย เครื่องใช้สำนักงาน ประตูตู้นิรภัย โต๊ะ เก้าอี้ และผู้คนที่กำลังร่วงหล่นกลางอากาศ แม้แต่ชายชุดดำก็ยังหยุดนิ่งไปด้วย ทั้งตึกที่กำลังพังทลาย ผู้อพยพที่กำลังหนีตายเบื้องล่าง เหล่าเฮลิคอปเตอร์ที่บินค้างเติ่งอยู่บนฟ้า ใบพัดหยุดหมุนโดยสิ้นเชิง

            แล้วรีสก็เริ่มนับเลขในใจ

            สาม...

            สอง

            หนึ่ง...!

           

 

………………………………………………………………

 

           

            มหาวิทยาลัยวอทช์มีห้องพิเศษสำหรับศาสตราจารย์ทุกคน ทอร์นเองก็เช่นกัน ทว่าห้องของเขาออกจะพิเศษมากกว่าใคร เพราะมันคือชั้นใต้ดินด้านล่างสุดทั้งชั้น โดยที่ไม่มีใครสามารถผ่านเข้าออกได้นอกจากทอร์นเท่านั้น

            “ตามฉันมาทางนี้”

            ชายผมบลอนด์ยาวในชุดกาวน์สีขาวบอก เขาเดินนำรีส แฟรงค์ และไดน่าที่ยังคงเป็นผู้ใหญ่ผ่านโถงทางเดินกลางของมหาวิทยาลัยโดยไม่มีเธีย เป็นเพราะเธอถูกส่งไปให้ปากคำกับตำรวจเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในนิทรรศการวิทยาศาสตร์ แม้เจ้าตัวจะอยากมาด้วยแค่ไหนก็ตาม แต่เมื่อเป็นคำสั่งของพ่อและเป็นคำขอจากตำรวจ เธียจึงยอมเป็นคนให้ปากคำแทนทั้งๆ ที่หน้าที่นั้นควรจะเป็นของรีส เด็กหนุ่มที่ต่อกรกับผู้ร้ายด้วยตัวคนเดียว

            โถงทางเดินกลางตอนนี้เต็มไปด้วยนักศึกษามากมาย ผู้คนส่วนใหญ่เดินผ่านไปโดยไม่สนใจอะไร แต่บางส่วนหยุดมองดูไดน่าที่กลายเป็นสาวใหญ่ ไม่ใช่เพราะจำเธอได้แต่เพราะความสวยของเธอ เสียงพูดคุยอื้ออึงดังระงม ผู้ชายบางคนถึงกับเป่าปากแซวเพราะชุดเล็กๆ ของเธอนั้นรัดสัดส่วนจนแน่น ทำให้คนขี้อายอยู่แล้วอย่างไดน่าอายหนักจนต้องเดินห่อตัว เธอพยายามทำตัวเองให้ดูเล็กที่สุดพลางหลบอยู่ข้างหลังแฟรงค์ ทั้งๆ ที่ตอนนี้ร่างกายของหนุ่มแว่นมีขนาดเล็กกว่าเธอมาก ไม่มีทางปิดบังร่างกายของไดน่าได้เลย

            “นี่ไดน่า อย่ายืนชิดมากนักสิ” น้ำเสียงของแฟรงค์ดูรำคาญ แต่สีหน้ากำลังยิ้มกรุ้มกริ่ม “มันอึดอัดนะ เดินลำบากด้วย แฮะๆ”

            “ฉะ ฉันอายนี่!” ไดน่ากระซิบ ใบหน้าของทั้งสองแทบจะชิดติดกัน เธอเร่งเสียงขึ้นเพื่อให้คนที่เดินนำขบวนได้ยิน “อีกไกลไหมคะด็อกเตอร์”

            “ไม่ไกลหรอก อยู่ข้างหน้านั่นแล้วไง”

            ทอร์นลดฝีเท้าลงช้าๆ จนกลายเป็นหยุดเดิน เบื้องหน้าของพวกเขามีลิฟท์แก้วขนาดใหญ่ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังแม่เหล็กไฟฟ้า มันเชื่อมต่อสูงขึ้นไปหลายสิบชั้น สามารถแหงนมองขึ้นไปได้เพราะความโปร่งใส ตรงปุ่มเรียกลิฟท์มีช่องให้เสียบการ์ด ช่องสแกนม่านตาและรูรับเสียง ทอร์นทำสองขั้นตอนแรกจนเสร็จสรรพ ก่อนจะพูดจ่อตรงรูรับเสียง

            “Time is all

            สิ้นเสียงที่เอ่ยอย่างแผ่วเบา พื้นทรงกลมของลิฟท์แก้วก็เลื่อนลงมาจากชั้นบนอย่างนุ่มนวล ประตูแก้วเปิดออกช้าๆ พร้อมเสียงสังเคราะห์ของหญิงสาว ยินดีต้อนรับศาสตราจารย์ทอร์น

            “ตามเข้ามาเลย”

            ทอร์นบอกพลางเดินนำรีส แฟรงค์ และไดน่าเข้าไปในลิฟท์ พวกเขายืนห่างกันได้อย่างสบายๆ เพราะขนาดที่กว้างขวาง พลันประตูลิฟท์แก้วก็ค่อยๆ เลื่อนปิด พื้นเคลื่อนลงไปด้านล่างอย่างนุ่มนวล แม้จะเป็นลิฟท์แก้ว แต่พอผ่านชั้นแรกไปแล้วทุกอย่างรอบตัวก็มืดสนิท ไม่มีแม้กระทั่งแสงไฟ มองไม่เห็นแม้แต่มือตัวเอง

            “นี่ไดน่า ฉันจะบอกเธออีกรอบนะ” เสียงแฟรงค์พูดดูเหนื่อยหน่าย “ถอยไปห่างๆ หน่อยสิ”

            “ฉันกลัวความมืดนี่...”

            พลันหลอดไฟทรงกลมข้างผนังก็สว่างขึ้นทีละดวง ไดน่าผละออกจากตัวแฟรงค์ทันที หลอดไฟเรียงกันลงไปเป็นแถวยาว ลึกหลายสิบเมตร ไม่นานลิฟท์ก็หยุดลง ทันทีที่พื้นแก้วของลิฟท์แตะชั้นล่างสุด หลอดไฟทุกดวงที่ห้อยย้อยอยู่บนเพดานโดยไร้สิ่งยึดเหนี่ยวก็สว่างไสว เผยให้เห็นพื้นที่กว้างที่มีขนาดใกล้เคียงกับสนามฟุตบอลเลยทีเดียว

            “โอ้โห...” รีส แฟรงค์ และไดน่าอุทานพร้อมกัน

            “ทางนี้ทุกคน”

            ทอร์นบอกพลางเดินนำไปบนพื้นสีขาวโพลนสะอาดตา ซึ่งถูกทำความสะอาดตลอดเวลาด้วยหุ่นยนต์ทรงกลมนับสิบตัวบนพื้น พวกเขาเดินผ่านพื้นที่ที่มีลักษณะคล้ายกับห้องครัวหรูหรา โต๊ะทานอาหารขนาดใหญ่ และมุมห้องนั่งเล่น ผ่านเตียงนอนนับสิบที่ถูกกั้นแบ่งเป็นห้องๆ ด้วยผ้าม่านพลาสติก

            ถัดมาคือพื้นที่สำหรับใช้วิจัย คอมพิวเตอร์ที่มีลักษณะเพรียวบางดูทันสมัยตั้งอยู่นับสิบเครื่อง ชั้นวางหนังสือเรียงซ้อนกันเกือบยี่สิบแถว ส่วนใหญ่เป็นหนังสือหายาก เก่าแก่ และไม่สามารถหาข้อมูลผ่านทางอินเตอร์เน็ตได้ แฟรงค์กับไดน่าดูตื่นเต้นอย่างมาก อ้อนวอนขอร้องให้หยุดดูหนังสือ ซึ่งทอร์นก็อนุญาตอย่างใจดีจนทั้งสองรู้สึกเสียวสันหลังวาบ

            “เชิญอ่านได้ตามสบายเลยนะ” ชายผมบลอนด์เหยียดยิ้ม “ถ้าพวกเธอไม่อยากรู้ว่ารีสทำอะไรได้ หรือว่าจะช่วยให้ไดน่ากลับเป็นเหมือนเดิมได้ยังไง ก็ตามสบาย”

            “งั้นไว้มาอ่านวันหลังก็ได้ครับ/ค่ะ...” แฟรงค์และไดน่าเอ่ยเสียงอ่อย

            “ดี”

            ทอร์นหัวเราะเบาๆ ด้วยความพอใจ เขาเดินนำทั้งสามผ่านชั้นหนังสือ จนมาถึงพื้นที่ที่ถูกแบ่งกั้นไว้ด้วยผ้าม่านพลาสติกที่คล้ายคลึงกับบริเวณห้องนอน ทว่าหลังผ้าม่านพลาสติกเหล่านี้คือห้องตรวจผู้ป่วยขนาดย่อม ประกอบไปด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์อย่างครบครัน ทั้งเตียงนอน ถุงน้ำเกลือ เครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจ เครื่องปั๊มหัวใจ หรือแม้กระทั่งเครื่องเอ็กซเรย์ขนาดใหญ่

            “ไปยืนหลังเครื่องเอ็กซเรย์รีส”

            ทอร์นสั่งพลางเดินไปเสียบปลั๊กอุปกรณ์ต่างๆ รีสทำตามที่สั่งแต่โดยดี เขาเดินไปยืนอยู่หลังเครื่องเอ็กซเรย์ขนาดใหญ่ที่บังตัวเขาจนมิดชิด รีสกังวลใจอย่างหนัก เหงื่อเริ่มซึมออกมาแม้อากาศจะเย็น เขาไม่รู้ว่าทอร์นทำอะไรได้บ้าง สองสิ่งที่เขารู้ ก็คือทอร์นฉลาดไม่แพ้พ่อของเขา และเคยวิจัยเรื่องเวลาด้วยกันมาแล้ว

            “เอ่อ...ศาสตราจารย์ จะทำอะไรเหรอครับ?” รีสถาม ประหม่าอย่างเห็นได้ชัด

            “หากระแสเวลา

            ทอร์นพูดสั้นๆ เพียงเท่านั้นก่อนจะกดเปิดเครื่องเอ็กซเรย์ หน้าจอขนาดใหญ่เกิดอาการติดๆ ดับๆ เล็กน้อยก่อนที่มันจะเผยภาพโครงกระดูกขึ้นมา รีสลองขยับ โครงกระดูกในภาพขยับตาม ทว่าไม่ใช่แค่นั้น

            “เริ่มการสแกน”

            ชายผมบลอนด์สั่งการเครื่องเอ็กซเรย์ด้วยเสียง พลันเส้นสีแดงก็พาดผ่านโครงกระดูกของรีสทั้งตัว จากบนลงล่าง และเมื่อมันย้อนกลับขึ้นข้างบน ประจุพลังงานสีฟ้าก็โผล่ขึ้นบนโครงกระดูกทุกสัดส่วน ตั้งแต่ข้อเท้าจนถึงกระหม่อม ทอร์นถอดแว่น เบิกตามองดูภาพตรงหน้าด้วยความตกใจ แฟรงค์และไดน่าก็ไม่ต่างกัน ถึงแม้จะไม่รู้ว่ามันคืออะไร

            “มากขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย...?” ทอร์นสวมแว่นกลับ เขาเดินไปจ้องเครื่องเอ็กซเรย์ใกล้ๆ “นี่มัน!

            “อะ...อะไรมากเหรอครับ?” รีสถาม เขายื่นร่างกายช่วงบนออกมามอง ดวงตาเบิกกว้างทันทีที่เห็นภาพ “เฮ้ย!

            “ซวยแล้วรีส นายซวยแล้ว!” แฟรงค์ยกมือขึ้นกุมขมับ “ไอ้สีฟ้าๆ พวกนั้น...นายไปติดเชื้ออะไรมาใช่ไหม!?

            “นี่พวกเธอ อย่าเพิ่งพูดเองเออเองสิ” ทอร์นพูดด้วยเสียงที่ดังกว่าปกติ สีหน้าดูดีใจอย่างที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน “ในตอนนี้...ถ้าจะให้ฉันพูดเลยพวกเธอก็คงไม่เข้าใจ เพราะงั้นคงจะต้องอธิบายกันตั้งแต่ต้น แต่...ถ้าฉันพูดออกไป พวกเธอต้องสัญญาว่าห้ามให้ใครรู้เด็ดขาด แม้แต่ลูกสาวของฉันก็ห้ามบอก เข้าใจรึเปล่า?

            รีสเดินออกมายืนรวมกับเพื่อน ทั้งสามคนพยักหน้าเร็วๆ พร้อมกัน

            “ดี” ทอร์นสูดหายใจ ปรับน้ำเสียงตัวเองให้เป็นปกติ “อย่างที่พวกเธอรู้ ฉันกับโรเบิร์ตวิจัยเรื่องเวลาด้วยกัน พวกเราค้นหาความหมายของเวลา และในที่สุดก็ได้รู้ว่าเวลาคืออะไร...สิ่งที่ฉันจะบอกต่อไปนี้คือสิ่งที่แม้แต่ทีมวิจัยของฉันกับโรเบิร์ตก็ไม่รู้ พวกเธอต้องสัญญา สัญญาอีกครั้งว่าจะไม่บอกใครเด็ดขาด เข้าใจรึเปล่า?

            ทั้งสามพยักหน้าเร็วๆ อีกครั้ง ดวงตาเปิดกว้าง เงี่ยหูฟังพร้อมรับสิ่งที่ทอร์นกำลังจะบอกเต็มที่ นี่ไม่ใช่สิ่งที่จะหาได้จากห้องเรียนไหนๆ พวกเขากำลังจะได้รู้ความลับที่คนทั่วไปไม่มีทางได้รู้ ความลับที่ถูกเก็บงำไว้ในสมองของทอร์นและโรเบิร์ต ซึ่งตอนนี้เหลือแค่ทอร์นคนเดียวเท่านั้น

            “เอาล่ะ...” ทอร์นสูดหายใจลึก “จริงๆ แล้วเวลาคือมิติที่ห่อหุ้มโลก ไม่สิ...ห่อหุ้มจักรวาลของเราเอาไว้ มันคือพลังงานที่ทำให้ทุกสิ่งเคลื่อนไหว เหมือนพลังงานที่ทำให้เครื่องจักรทำงาน เป็นพลังงานที่ไม่มีสิ้นสุด และถ้าไม่มีเวลา ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกก็จะไม่เคลื่อนไหว ไม่ดำเนินไปตามธรรมชาติของมัน นกจะหยุดบิน น้ำตกจะหยุดไหล ซากศพก็จะไม่เน่าสลาย”

            “แล้ว...” แฟรงค์ยกมือขึ้นราวกับอยู่ในห้องเรียน “พวกศาสตราจารย์รู้เรื่องนี้กันได้ยังไงเหรอครับ?

            ทอร์นขยับแว่น ทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงผู้ป่วย “ในตอนแรกฉันกับโรเบิร์ตทำงานวิจัยเรื่องเวลากันแค่สองคน จนพวกเราได้เห็นมิตินั้น...และได้รับรู้ถึงความจริงผ่านทางเครื่องย้อนเวลาเครื่องแรก ราวกับว่าความรู้เกี่ยวกับมิติการเวลาหลั่งไหลเข้ามาในสมอง เครื่องพังทันทีที่เราใช้งานเสร็จ เราเลยตกลงกันว่าต้องหาคนมาช่วยเพิ่มเพื่อสร้างเครื่องที่ใหญ่กว่า และแข็งแรงกว่านี้ เราบอกคนในทีมวิจัยว่านี่เป็นการทดลองครั้งแรก เราแสร้งทำเป็นว่าเพิ่งเริ่มเขียนแบบแปลนนี้ และเราคิดถูกจริงๆ ที่ทำแบบนั้น คิดถูกจริงๆ ที่ไม่ได้บอกทุกอย่างไปตั้งแต่แรก”

            “ทำไมล่ะคะ?” ไดน่าเอียงคอ สีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย

            “ก็ดันมีใครบางคน เอาข่าวเรื่องที่เราจะสร้างเครื่องย้อนเวลาไปบอกพวกนักข่าวน่ะสิ” ทอร์นถอนหายใจ “เพราะอย่างนั้น พวกเราเลยต้องเอาเครื่องย้อนเวลาเครื่องที่สองออกมาแสดงต่อหน้าสาธารณะชน ทุกอย่างเหมือนจะเลวร้ายในตอนแรก แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี เสียงต่อต้านลดลง พวกเราได้โอกาสในการใช้เครื่องย้อนเวลาอีกครั้ง...จนกระทั่งเครื่องเกิดรวน ทุกอย่างผิดพลาด...”

            ทอร์นจ้องหน้ารีส สีหน้าที่เคยตึงเครียดเปลี่ยนไป เขายิ้ม “แต่ตอนนี้มีเธอแล้ว”

            “ผม...ทำไมเหรอครับ?” รีสถาม คิ้วขมวดจนแทบจะชนกัน เหงื่อเริ่มไหลจากขมับ

            “คือว่าในวันที่เกิดการระเบิดของเครื่องย้อนเวลา...ตอนนั้นฉันเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดจากชั้นสาม แม้คลื่นจากมิติกาลเวลาจะไม่โดนตัวโดยตรง แต่มันก็ทำให้ทุกอย่างในโลกของเราช้าลง ฉันเห็นทุกอย่างจนถึงตอนที่พลังงานจากมิติกาลเวลาสัมผัสร่างกายของพ่อเธอ...” ทอร์นก้มหน้าราวกับกำลังไว้อาลัย “แล้วฉันก็รู้สึกเหมือนหลับไป จำอะไรหลังจากนั้นไม่ได้เลยสักนิด รู้สึกตัวอีกทีเครื่องย้อนเวลาก็พัง โรเบิร์ตหายไป ส่วนเธอก็หายไปอยู่ที่หน้าศูนย์วิจัย ซึ่งมันคล้ายกับสิ่งที่แฟรงค์เล่าให้ฉันฟังมาก จู่ๆ เธอก็หายจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งโดยที่ไม่มีใครรู้...เธอทำอะไรกันแน่รีส?

            “เอ่อ...คือว่าตอนนั้นผมก็จำอะไรไม่ได้...” รีสถูกทุกคนจ้อง รู้สึกกดดัน พยายามก้มหน้าหลบสายตา เขาถอนหายใจ ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องปกปิดอีกแล้ว เขาคิด

            “คือว่าผม...ผมหยุดเวลาได้”

            “อะไรนะ?” แฟรงค์กับไดน่าประสานเสียงกัน ไดน่าร้องเสียงหลง “มันจะเป็นไปได้ยังไง?

            “นั่นสิ เพราะตามหลักฟิสิกส์แล้วมัน...” แฟรงค์หยุดกลางคัน ไดน่าปิดปากเขาไว้ แม้ปกติจะทำไม่ได้ ทว่าตอนนี้แรงของเธอเยอะกว่าหนุ่มแว่นที่ตัวเล็กกว่าอย่างมาก

            “คือฉัน...” รีสถอนหายใจ เขาไม่รู้จะอธิบายแบบไหนให้ทุกคนเข้าใจ “ฉันกลั้นหายใจ แล้วเวลาก็หยุด ทุกสิ่งทุกอย่างหยุด”

            “นายจะบ้าเหรอ?” แฟรงค์และไดน่าประสานเสียง...อีกครั้ง

            “มันก็มีทางเป็นไปได้อยู่...” ทอร์นกอดอก สีหน้าครุ่นคิด เขาดูไม่ตกใจเลย “อย่างที่ฉันบอก เวลาคือพลังงานที่ทำให้ทุกอย่างเคลื่อนไป มันมีกลไกของมันเองซึ่งฉันก็ยังสรุปในส่วนนี้ไม่ได้ แต่ฉันคิดว่ากระแสเวลาเชื่อมต่อกัน เมื่อมันหลุดเข้ามาอยู่ในโลก อยู่ในร่างกายของเธอในปริมาณมาก จึงทำให้การหยุดเคลื่อนไหว...”

            “หรือในกรณีนี้” แฟรงค์ขยับแว่น “ก็คือการกลั้นหายใจ!

            “ใช่” ทอร์นพยักหน้า “การทำแบบนั้นคงทำให้เวลาบางส่วนหยุดเดินได้ โดยดูจากปริมาณกระแสเวลาในร่างของเธอแล้ว มันอาจจะมีขอบเขตแค่ในเมืองนี้ หรือบางทีอาจจะครอบคลุมแคบกว่านั้นก็ได้ แต่ทุกอย่างก็ยังเป็นแค่ทฤษฎีเท่านั้น...น่าเสียดาย ถ้าโรเบิร์ตอยู่ด้วยเขาคงให้คำตอบได้ทันที”

            “และ แล้วผู้ร้ายคนนั้นล่ะคะ” ไดน่ายกมือถามเหมือนแฟรงค์

            “ผู้ร้าย?” ทอร์นขมวดคิ้ว “อ้อ คนที่บุกงานนิทรรศการวันนี้ คนที่ทำให้เธออายุมากขึ้นแบบนี้สินะ...ฉันเดาว่าเขาคงเป็นหนึ่งในคนที่อยู่ในเหตุการณ์ระเบิดของเครื่องย้อนเวลา และเป็นคนที่อยู่ใกล้พอที่จะถูกกระแสเวลาโดยตรง ทำให้เขาได้รับกระแสเวลามาบางส่วน แต่ทำไมถึงไม่หายไปเหมือนกับโรเบิร์ตที่โดนเข้าตรงๆ...เรื่องนั้นฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”

            “แล้วจะมี...ทางแก้ไหมคะ?” ไดน่าถามเสียงค่อย น้ำตาเริ่มปริ่มขึ้นมา “หนูไม่อยากอายุมากขึ้นก่อนวัยอันควร”

            “อืม...” ทอร์นกอดอก “คิดว่าคงต้องให้เจ้าของพลังเป็นคน...”

            “ผมลองขอแล้ว เจ้าตัวบอกว่าทำไม่ได้...” รีสพูด น้ำเสียงเจือด้วยความแค้น “แถมยังทดลองกับคุณยายที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วยเลย”

            “อ้อ ถ้าอย่างนั้นฉันคงต้องตรวจร่างกายของไดน่าด้วยตัวเอง” ทอร์นบอกพลางลุกขึ้นจากเตียง เขาเดินไปเปิดผ้าม่านพลาสติกออก “แต่ก่อนอื่น พวกเธอทุกคนรออยู่นี่ก่อน ฉันมีอะไรบางอย่างที่ต้องมอบให้รีส”

            พูดจบชายผมบลอนด์ก็เดินหายไป เสียงฝีเท้าของเขาดังห่างออกไปไกลมากจนไม่ได้ยิน รีส แฟรงค์ และไดน่านั่งรอบนเตียงอย่างใจจดใจจ่อ ทั้งสามต่างถกเถียงกันอย่างออกรสถึงเรื่องที่ทอร์นเพิ่งเล่าให้ฟัง และแน่นอน รวมไปถึงเรื่องที่รีสหยุดเวลาได้ด้วย

            “รีส ฉันถามจริงๆ เลยนะ” แฟรงค์ทำสีหน้าเคร่งเครียด แล้วจู่ๆ ก็ฉีกยิ้มแป้น “นายเคยหยุดเวลาแล้วแอบเดินไปลอกข้อสอบบ้างรึเปล่า?

            “ไม่” รีสตอบกลับทันควัน “ฉันไม่เอาพลังไปทำอะไรอย่างนั้นหรอก”

            “ถ้างั้นทุกเช้านายก็คงแอบหยุดเวลา” ไดน่าพูด เธอดีดนิ้วดังเป๊าะ “ถึงว่าทำไมมาทันคาบแรกตลอด!

            “คิดว่าฉันกลั้นหายใจจนถึงห้องเรียนเลยรึไง...” รีสเริ่มปวดหัว เขาส่ายหน้า “ฉันไม่เคยใช้พลังทำอะไรแบบนั้นหรอกน่า พวกนายไว้ใจได้เลย”

            “นี่ๆ แล้วนาย...”

            แฟรงค์หยุดกลางคันเพราะเสียงฝีเท้าที่ดังใกล้เข้ามา

            “คุยอะไรกันอยู่น่ะ?” ทอร์นเปิดผ้าม่านพลาสติกเข้ามา พร้อมกระเป๋านิรภัยสีดำใบใหญ่ในมือขวา

            “เปล่าครับ/ค่ะ” ทั้งสามพูดพร้อมกัน รีสถามขึ้น “นั่น...ของที่บอกว่าจะให้ผมเหรอครับ?

            “ใช่...พ่อของเธอฝากกระเป๋าใบนี้ไว้กับฉัน ตั้งแต่...เอาเถอะ รับไปสิ” ทอร์นพูดพลางส่งกระเป๋าให้ รีสลุกขึ้นไปรับ แม้ภายนอกจะดูหนัก แต่พอรีสถือกลับรู้สึกว่ามันเบากว่าที่คิดมาก “ฉันไม่รู้หรอกนะว่าในนั้นมีอะไร โรเบิร์ตฝากมันไว้กับฉัน พูดแค่ว่า เมื่อถึงเวลา ช่วยมอบสิ่งนี้ให้กับรีสที และตอนนี้...ฉันคิดว่ามันถึงเวลาแล้ว”

            รีสจ้องมองกระเป๋า ถือมันไว้ด้วยสองมือที่สั่นเครือ พ่อฝากอะไรเอาไว้ให้เรา? เขาคิดอย่างตื่นเต้น แล้วจู่ๆ เสียงกลไกปลดล็อคก็ดังขึ้นถี่รัว บริเวณปากกระเป๋าส่งเสียงฟู่! ลมที่อัดไว้ถูกปลดปล่อย แล้วกระเป๋านิรภัยก็เปิดออกเองโดยอัตโนมัติ รีสตกใจจนเกือบทำหล่น เขารีบวางมันไว้บนเตียงผู้ป่วยอย่างลนลาน ขณะที่ปากกระเป๋าเปิดอ้ามากขึ้นจนเห็นสิ่งที่อยู่ภายใน

            สิ่งแรกที่ทุกคนเห็น คืออุปกรณ์ที่มีลักษณะคล้ายถุงมือ บนหลังมือมีเครื่องจักรทรงกลมเหมือนปุ่มกด ส่วนที่เป็นข้อมือมีกลไกบางอย่างที่หมุนได้ มันมีขีดบอกตัวเลขจากหนึ่งถึงร้อยกำกับอยู่รอบวง

            สิ่งที่สองคือแว่นตาสีฟ้าขนาดใหญ่...ดูเหมือนไม่มีอะไรพิเศษ

            สิ่งที่สามคือชุดสูท สีของมันคือโทนสีฟ้ากับขาว เป็นสูทที่มีปกสูงและฮู้ดคลุมศีรษะ ลักษณะดูแปลกตา แต่ก็ไม่มีอะไรพิเศษ นอกจากขนาดของมันที่ดูเหมือนจะเท่ากับขนาดตัวของรีสพอดี

            และสิ่งสุดท้ายที่นอนอยู่ใต้ชุดสูท

            คือจดหมายที่จ่าหน้าถึงรีส

            ข้างหน้าซองเขียนด้วยลายมือของโรเบิร์ต เป็นประโยคสั้นๆ

            ถึงรีส...นี่คือของขวัญจากอนาคต

            “พ่อ...?

            รีสเผลอเอ่ยออกมาด้วยเสียงสั่น เขาไม่รอช้า รีบแกะอ่านเนื้อความข้างในด้วยใบหน้าดีใจ พร้อมรอยยิ้มที่เหยียดกว้างอย่างที่เขาไม่ได้ทำมานานหลายปี

            รีส...พ่อหวังว่าตอนที่ลูกได้อ่านจดหมายฉบับนี้จะเป็นเวลาที่ลูกพร้อมแล้วจริงๆ มีอะไรหลายอย่างที่พ่อบอกไม่ได้เพราะไม่รู้ว่าถ้าบอกไปแล้วอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น สิ่งสำคัญคือลูกต้องเก็บของพวกนี้เอาไว้อย่างดี เสื้อสูทสามารถกันพลังของกระแสเวลาได้ ในกรณีที่ลูก...(ข้อความในส่วนนี้ขาดหายไป)

            แว่นตาจะช่วยลูกตรวจวัดกระแสเวลาที่ซ่อนอยู่ในหมู่ผู้คนได้ ส่วนถุงมือ ถ้าเกิดลูกได้รับกระแสพลังที่มากพอ ลูกก็จะใช้มันได้ เข็มเวลาบนข้อมือแทนชั่วโมงตั้งแต่หนึ่งถึงร้อย ปุ่มบนหลังมือสามารถใช้หยุดกระแสเวลาได้ แล้วหลังจากนั้นสามวินาที มันจะพาลูกย้อนเวลาไปมากเท่ากับเลขที่ลูกปรับเอาไว้ จงใช้มันอย่างมีสติ คิดถึงผลลัพท์ที่จะเกิดขึ้นเสมอ ลูกเป็นเด็กฉลาด พ่อเชื่อว่าลูกจะต้องทำได้ดีแน่นอน

            ลูกอาจจะสงสัยในหลายๆ เรื่อง แต่เชื่อเถอะว่าลูกจะหาคำตอบได้ในไม่ช้า มีเพียงอย่างเดียวที่พ่อต้องเสี่ยงบอกลูก แม้ว่ามันอาจจะทำให้อนาคตเปลี่ยนไปจากที่คาด แต่มันก็ดีกว่าการไม่พูดอะไรเลย จำไว้นะลูก จำไว้ให้ดี อย่าได้ไว้ใจ...

            เนื้อความในจดหมายขาดหาย

            ทิ้งไว้เพียงคำถามที่ก้องอยู่ในสมองของรีส

            ใครคือคนที่พ่อไม่อยากให้ไว้ใจ?

 

 

 

 

 



Timestopable - คนหยุดเวลา

ผู้แต่ง : Rayndeer


Comment จากกรรมการ

#1 Enter Books Editor Team

สวัสดีค่ะ

อืม จบอีเวนท์แรกแล้วเนอะ กะจังหวะปิดและเปิดตัวละครใหม่ได้พอดีๆ เลย ตัวละครใหม่ก็เปิดได้น่าสนใจ :D

ที่จริงยังสงสัยการย้อนเวลาของตัวเอกอยู่นิดหน่อย คือย้อนแล้ว ตัวในอดีต ณ เวลานั้นก็หายไปด้วยใช่ไหม คือจะไม่มีกรณีรีสสองคนปรากฏตัวขึ้นพร้อมกัน

สู้ๆ เน้อ
ลวิตร์

Comment จากกรรมการ

#2 กองบรรณาธิการสนพ. Enter Books

สวัสดีคร้าบ~

พระเอกมีความสามารถหยุดเวลาได้ถ้ากลั้นหายใจ อย่างเท่! ส่วนตัวร้าย (รึเปล่า?) ก็มีพลังที่เกี่ยวกับเวลา เฮียชอบทริคที่จับเรื่องเวลามาทำให้เป็นพลังหลากหลายแบบนี้นะ ว่าแต่แอบสงสัย กลั้นหายใจไปพูดไปด้วยนี่ทำได้ด้วยเหยอ //ลองทำตาม

นี่เฮียเอง

ความคิดเห็นล่าสุด

Page 1 of 2 1 2
  • ความคิดเห็นที่ 24

    Rayndeer
    • Name : Rayndeer < My.iD > [IP] 122.155.168.161
    • 2 เมษายน 2559 / 18:32
    @พี่ลวิตร์


    สำหรับคำถามของพี่ลวิตร์เป็นหนึ่งในสิ่งที่อุบไว้ของเรื่องฮะ xD ถ้าตอบไปมันจะเฉลยเกือบทุกอย่างของเรื่องเลย ยังไงถ้ามีโอกาสเขียนจนเสร็จ รับรองได้ทราบแน่นอนครับ ^^

    ขอบคุณมากๆ สำหรับคำแนะนำดีๆ และคำติชมที่มีให้ตลอดนะครับ 
  • ความคิดเห็นที่ 23

    Rayndeer
    • Name : Rayndeer [IP] 122.155.168.161
    • 1 เมษายน 2559 / 08:37
    ขอบคุณคอมเม้นท์ของพี่ลูกฟูกมากจ่ะ

    สำหรับประเด็นที่พี่ลิสมาทั้งหมดมันจะค่อยๆ คลี่ออกในบทต่อไปนะ >_< พอดีเวลาประกวดมันจำกัดห้าตอนเลยจัดพวกแอ็คชั่นต่างๆ เข้าไปก่อน ถ้ามีโอกาสได้เขียนต่อจะอธิบายในบทต่อๆ ไปจ่ะ

    ปล. กดล็อกอินด้วยเฟสบุ๊คไม่ได้ T_T

    Rayndeer
  • ความคิดเห็นที่ 22

    LookFook
    • Name : LookFook [IP] 182.148.25.3
    • 31 มีนาคม 2559 / 22:40
    หลังจากอ่านใหม่อีกครั้งเรื่องภาษาไม่ค่อยมีอะไรมากนะ ปัญหาอยู่ที่ระบบเรื่องมากกว่า ด้วยความที่เวลาเป็นเรื่องใหญ่ และการยุ่งเกี่ยวกับเวลาก็ใหญ่มากด้วยมันเลยยุ่งยาก ดังนั้นคลี่กันไปทีละคำถามนะ 1. เราสงสัยว่าทำไมวันที่ประกาศเรื่องการทดลองในตอนแรกโรเบิร์ตจะต้องพารีสไปด้วย? ไม่ว่าจะทั้งตอนประกาศหรือที่ห้องทดลอง ถ้าสมมุติผิดพลาดจริงๆ รีสตายจบเรื่องเลย (อ้าว555) นอกจากเฮียแกตั้งใจจะตายและทำให้เครื่องขัดข้องจนส่งผลกระทบหรือยังไงก็ว่าไป (ช่วงนี้อ้างอิงไปตอนหลังที่มีการเตรียมอุปกรณ์ให้รีสด้วย) 2. ตอนแรกมีเหมือนจะพูดถึงย้อนเวลาไปช่วยแม่ แต่ตอนหลังเหมือนโดนลืมไปเลย 3. หลังจากเครื่องระเบิดเป็นยังไงบ้าง? ศูนย์วิจัย ผู้คน ไม่มีใครอยู่ตอนนั้นอีกแล้ว? และสำคัญคือรีสอยู่ต่อจากนั้นมายังไง มีตังจากมรดก? แล้วใครเลี้ยงหรืออยู่คนเดียวได้แล้ว? แต่เรื่องตรงนี้ตอบโจทย์ทีหลังเกี่ยวกับประวัติได้อยู่ อ้อใช่ แล้วเรื่องผลกระทบหลังระเบิด น่าจะมีการควบคุมอะไรบ้าง แล้วพวกค่าเสียหายมีเรียกร้องอะไรมั้ยด้วยนะ? จริงๆแอบคิดนะว่าระเบิดขนาดนี้คนต่อต้านควรจะเยอะขึ้นด้วยซ้ำ เหมือนว่าเอาเงินไปทำอะไรแล้วสุดท้ายคือสูญสลาย เผลอๆ ทอร์นนี่แหละตัวรับเคราะห์ เพราะโรเบิร์ตตาย ผลการทดลองไม่สามารถออกสื่อได้อีก 4. พูดถึงธีมชื่อเป็นอังกฤษ? แต่มีความขัดใจนิดนึงตรงที่เรียกแบบไทย คือใช้เรียกชื่อต้น ไม่ได้เรียกนามสกุลอะ อันนี้ให้ไปพิจารณา 5. ตอนที่รีสหยุดเวลา จากที่ทอร์นว่าน่าจะครอบคลุมไม่กว้าง แล้วในรอยต่อของศูนย์กลางจากรีส ถ้ามีใครเดินเข้ามาตรงนั้นจะเป็นยังไง? (อันนี้ถ้าดูดีเกรย์แมนจะรู้ ช่วงเมืองที่เวลาเดินอยู่วันเดียวอันนั้น จะมีโดมคลุม คือใครเข้าไปไม่ได้อะไรงี้) ตัวอย่างอื่นไม่มี ไม่ค่อยได้ดูอะไรเกี่ยวกับเวลา 6. หยุดแล้วก็ต้องย้อนเวลา แต่เรื่องนี้ละเอียดอ่อนมากจริงๆ นี่ก็ไม่รู้จะแนะนำยังไง แต่การย้อนบ่อยๆต้องมีผลกระทบแน่ๆอยู่แล้ว เวลาที่อยู่รอบตัวรีสอาจจะมีปัญหาไรงี้ ค่อยๆว่ากันไปเนอะ :) เท่าที่ว่ากันเรื่องโดยรวมของเรื่องตอนนี้นะ ไม่พูดเรื่องอื่นแล้วกัน ช่วงแรกๆมีช่องแน่นอน แต่หลังๆเริ่มมีคำตอบ ตอนหลังๆเลยไม่มีอะไรเท่าไหร่ แต่อย่าลืมสิ่งที่เขียนมานะ โดยเฉพาะขุ่นแม่ 5555 ลืมนางไปเลยอะไรงี้ พักแล้วค่อยๆคิดเนอะ เดี๋ยวไปตามล่าหมอผีอยุธยาก่อน :) ปล. เน็ตช้า ล็อคอินไม่ได้ 55
  • ความคิดเห็นที่ 21

    Enter Books Editor Team
    • Name : Enter Books Editor Team < My.iD > [IP] 202.176.108.255
    • 31 มีนาคม 2559 / 11:31
    สวัสดีค่ะ

    อืม จบอีเวนท์แรกแล้วเนอะ กะจังหวะปิดและเปิดตัวละครใหม่ได้พอดีๆ เลย ตัวละครใหม่ก็เปิดได้น่าสนใจ :D

    ที่จริงยังสงสัยการย้อนเวลาของตัวเอกอยู่นิดหน่อย คือย้อนแล้ว ตัวในอดีต ณ เวลานั้นก็หายไปด้วยใช่ไหม คือจะไม่มีกรณีรีสสองคนปรากฏตัวขึ้นพร้อมกัน

    สู้ๆ เน้อ
    ลวิตร์
  • ความคิดเห็นที่ 20

    Rayndeer
    • Name : Rayndeer < My.iD > [IP] 122.155.168.161
    • 31 มีนาคม 2559 / 07:32
    ครบ 5 ตอนแล้ว

    ขอขอบคุณทุกๆ คน นักอ่านทุกๆ ท่าน และคณะกรรมการไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ

    หวังว่าจะได้เจอกันอีกครั้งในรอบ 6 คนสุดท้ายนะครับ ^^
  • ความคิดเห็นที่ 19

    Enter Books Editor Team
    • Name : Enter Books Editor Team < My.iD > [IP] 202.176.175.252
    • 24 มีนาคม 2559 / 11:43
    สวัสดีค่ะ

    ชอบที่เล่าสลับอีเวนท์นะ มันทำให้รู้สึกว่า หือ อ่านข้ามอะไรไปหรือเปล่า แล้วพออ่านไปเรื่อยๆ ก็เข้าใจ ดึงความสนใจได้ดี

    ตอนนี้ยังเป็นเล่าเรื่องอย่างต่อเนื่อง เลยยังไม่มีคอมเมนต์ เอาเป็นว่ารออ่านต่ออยู่นุ :)

    ลวิตร์
  • ความคิดเห็นที่ 18

    LookFook
    • Name : LookFook < My.iD > [IP] 182.149.194.122
    • 23 มีนาคม 2559 / 21:04
    มีคำตบแวบๆมั้งแถบบนๆ ฟุ้ง ที่ ง.งูหาย กับคัน ที่กลายเป็นคน
    อืมมม รู้สึกว่าพอเรียงไทม์ไลน์สลับกันแล้วมันดูน่าสนใจมากจริงๆ
    ทั้งที่เรื่องมันก็ต่อเนื่องมาแบบยาวๆอะ
    เปิดมาแบบ เฮ้ยยย อยู่ๆมีชุดเมพโผล่มา อยากรู้เลยว่าไปเอามาจากไหน
    มีความรู้สึกว่าพีคมากจริงๆ แต่ก็แอบรู้สึกนะว่าแบบนี้ก็คงใช้บ่อยๆไม่ได้ ไม่งั้นคงงงแย่เลย

    แต่ชอบการบรรยายความวุ่นวายช่วงบน มันอินดี
  • ความคิดเห็นที่ 16

    Rayndeer
    • Name : Rayndeer < My.iD > [IP] 107.167.112.75
    • 17 มีนาคม 2559 / 20:45
    LookFook - อ้ะ ว่าตรวจคำผิดดีแล้วเชียวนะ ขอบคุณมากๆ ที่ช่วยแก้จ่ะ แล้วก็ขอบคุณมากๆ อีกครั้งที่แวะเข้ามานะ ^-^

    dinn - พี่ปัฐฐฐ ขอบคุณมากๆ ครับ >_<

    พี่ลวิตร์ - ขอบคุณสำหรับคำว่า 'สนุก' มากๆครับ แค่คำนี้คำเดียวผมดีใจมีกำลังใจมากขึ้นเยอะเลย 555+ส่วนเรื่องทอร์นกับธอร์นต้องขออภัยจริงๆ ครับ สัญญาว่าบทหน้าจะไม่ให้มีอีกแล้ว T-T

    Besty Vivo - เป็นน้อยชอบก็ดีใจ >_< 
  • ความคิดเห็นที่ 15

    Besty Vivo
    • Name : Besty Vivo < My.iD > [IP] 64.233.173.160
    • 17 มีนาคม 2559 / 11:07
    ตอนนี้สนุกดีค่ะ พี่เรปล่อยจุดพีคแรกออกมาได้ดีมาก
    แต่แอบสงสารไดน่านะคะ โห กลายเป็นสาวใหญ่ไปแล้วอะ
    บทบู๊เขียนดี มันส์ สนุก ไม่ผิดหวังค่ะ
    สู้ๆค่ะ รออ่านบทต่อไป
  • ความคิดเห็นที่ 14

    Enter Books Editor Team
    • Name : Enter Books Editor Team < My.iD > [IP] 171.99.46.230
    • 17 มีนาคม 2559 / 09:55
    สวัสดีค่ะ

    บทนี้สนุก เหมือนคนเขียนเริ่มปล่อยของเลยค่ะ

    จุดต่อระหว่างสองช่วง (ช่วงโรเจอร์กับช่วงฉากทางรีส) มีหลุดคำว่าชายร่างผอมมา คือใช้บรรยายคนใส่หน้ากาก ไม่รู้ว่าจงใจหรือเปล่า เลยตั้งข้อสังเกตไว้เฉยๆ แล้วชื่อทอร์นก็ยังเผลอใช้ ธ นิดหน่อย

    รออ่านต่อนะคะ :)
    ลวิตร์
  • ความคิดเห็นที่ 13

    Besty Vivo
    • Name : Besty Vivo < My.iD > [IP] 64.233.173.160
    • 16 มีนาคม 2559 / 09:22
    เข้ามาอ่านตอนที่สองละค่ะ
    เริ่มปูความดราม่าเข้ามาทีละนิดแล้วเนอะ
    หนุ่มรีสดูค่อนข้างเก็บตัวนะคะเนี่ย
    แล้วใครที่กำลังจ้องมองหนุ่มรีสน้อ?
  • ความคิดเห็นที่ 12

    dinn
    • Name : dinn < My.iD > [IP] 202.94.76.110
    • 14 มีนาคม 2559 / 21:26
    พี่ปัฐเองนะครับ ^ ^

    บทเปิดตัวเท่อีกแล้ว ^ ^

    ชอบตอนที่ 2 นี้มากเลยแฮะ รู้สึกเหมือนจะเผลอแอบกลั้นหายใจไปกับหนุ่มรีสเลยทีเดียว อูย... เล่นเอาหายใจไม่ทั่วท้องเลย ^ ^b
  • ความคิดเห็นที่ 11

    LookFook
    • Name : LookFook < My.iD > [IP] 182.149.206.225
    • 14 มีนาคม 2559 / 21:20
    มาอย่างรวบรัดและรวดเร็วมากสำหรับตอนนี้
    ชอบความตรงประเด็นที่วางมาแล้ว
    ทุกอย่างคือมอบให้เต็มๆทั้งบทจริงๆ
    มีคำผิดนิดหน่อย กะพริบ นี่ชัดเจน ฮาาาา

    ไม่มีอะไรมาก อยากรู้ว่ารีสจะเป็นไงต่อ
  • ความคิดเห็นที่ 10

    Rayndeer
    • Name : Rayndeer < My.iD > [IP] 107.167.108.173
    • 14 มีนาคม 2559 / 04:53
    ขอบคุณพี่ลวิตร์มากๆ สำหรับคำติชมครับ ^-^

    ในเรื่องของฉากนั้น ตอนแรกตั้งใจว่าจะให้คนอ่านคิดว่ารีสยังไม่ได้หยุดเวลาแล้วพูดความในใจออกไป ก็เลยกลายเป็นแบบนั้นครับ หากยังสื่อออกไปได้ไม่ดีพอต้องขออภัยครับ

    จะกลับไปแก้ไขปรับปรุง ทำตอนหน้าให้ดียิ่งขึ้นครับ



    Rayndeer
  • ความคิดเห็นที่ 9

    Enter Books Editor Team
    • Name : Enter Books Editor Team < My.iD > [IP] 49.229.183.148
    • 10 มีนาคม 2559 / 10:23
    สวัสดีค่ะ

    ชอบตอนเปิดบทนะ รู้สึกว่าปูเข้ามาในเรื่องของเวลาได้ดี แต่คำบรรยายมาหยุดตรงที่ไอน์สไตน์ เลยไม่แน่ใจว่าจะอธิบายเรื่องเวลาตามแนวของเรื่องต่อไปยังไง รออ่านอยู่นะคะ

    บทนี้เรื่องยังไม่ค่อยเดินเลย เป็นการแนะนำตัวละคร การแนะนำยังค่อนข้างเรียบไปหน่อย อาจจะต้องค่อยๆ เพิ่มเติมขึ้นในบทต่อๆ ไป ช่วงท้ายที่รีสกลั้นหายใจ จังหวะเรียบมากเลยค่ะ อ่านมาไม่สะดุดเลยว่ารีสเริ่มใช้พลังแล้ว จนชายสวมหน้ากากโผล่ถึงรู้ ตรงนี้น่าจะบรรยายมากกว่านี้อีกนิด ให้เห็นภาพว่าเวลาหยุดไปจริงๆ เพราะเป็นจุดฮุคสำคัญของบทเลยน่ะค่ะ

    ลวิตร์
  • ความคิดเห็นที่ 8

    LookFook
    • Name : LookFook < My.iD > [IP] 182.149.206.225
    • 9 มีนาคม 2559 / 23:21
    มีช่วงต้นที่พิมพ์ผิดเป็นธอร์นอยู่อันนึง
    นอกนั้นไม่รู้จะพูดอะไรเลย รู้สึกมันพอดีและลงตัว
    คงเพราะไม่ถนัดด้วย ฮาา นึกอะไรไม่ออก แต่รู้สึกอ่านได้ยาวมาตลอด
    แต่อย่างหนึ่งก็คืออยากรู้ว่ารีสจะเป็นไงต่อ ?P
  • ความคิดเห็นที่ 7

    Rayndeer
    • Name : Rayndeer < My.iD > [IP] 107.167.108.63
    • 9 มีนาคม 2559 / 19:12
    myu_immi - ขอบคุณพี่มิวมากๆ ครับที่แวะเข้ามา หาไม่ได้ใช่มั้ยครับไซไฟเนื้อหาหนักขนาดนี้ในเอ็นเทอร์ 555 
  • ความคิดเห็นที่ 6

    Rayndeer
    • Name : Rayndeer < My.iD > [IP] 107.167.108.63
    • 9 มีนาคม 2559 / 17:45
    Waaa - ขอบคุณมากๆ ครับ ช่วยโหวตด้วยละกันเด้อ >_<

    LookFook - อย่ากลั้นนานนักนะ 55555 นั่นสิ พล็อตหนักจริงๆ คนอื่นเขามาเบาๆ เรามาหนักอึ้งเลย


    Besty Vivo - ขอบคุณมากๆ นะจ๊าที่มาช่วยแนะนำ ใครจะโกรธน้องเป็ดเหลืองได้ลง

     bodin Intrararujikul - ดีใจที่ชอบประโยคเปิดครับ อยากให้คนมีความคิดเกี่ยวกับเวลาเป็นของตัวเองดู 555 ขอบคุณพี่ปัฐมากครับ



  • ความคิดเห็นที่ 5

    myu_immi
    • Name : myu_immi < My.iD > [IP] 125.27.31.60
    • 9 มีนาคม 2559 / 08:13
    แวะมาเยี่ยมเยียน
    มาแนวไซไฟแฮะ เรื่องเกี่ยวกับเวลานี่มีในการประกวดทุกปี แต่เรื่องนี้ดูท่าทางจะหนักหน่วงไม่ใช่น้อย เพราะเต็มไปด้วยฉากบีบคั้นทางอารมณ์ความรู้สึก ซึ่งก็เขียนเรียกอารมณ์คนอ่านให้คล้อยตามได้ดีครับ
    การบรรยายทำได้เห็นภาพ แต่อยากให้เพิ่มศัพท์เทคนิคหรือศัพท์เฉพาะทางวิทยาศาสตร์แทรกลงไป เพื่อความสมจริง (หาเอาจากข่าวการทดลองทางวิทยาศาสตร์ของต่างประเทศก็ได้) จะเป็นการเพิ่มน้ำหนักให้เรื่องมากขึ้นไปอีก

    การทิ้งท้ายทำได้ดี ทำให้อยากอ่านต่อ
    เป็นกำลังใจให้ครับ

    มิว
Page 1 of 2 1 2

เข้าสู่ระบบด้วย Dek-D ID

เข้าสู่ระบบด้วย Social Network

คลิกที่นี่
แสดงความคิดเห็น
ชื่อ Email รูปตัวแทน

โปรดใส่รหัสตามรูป