EN04 Timestopable - คนหยุดเวลา

เมื่อ 'โรเบิร์ต ไทมส์' ต้องการย้อนเวลากลับไปเพื่อช่วยภรรยาสุดที่รัก แต่การทดลองผิดพลาดและทำให้กระแสเวลาพุ่งเข้าสู่ตัวลูกชายของเขา 'รีส ไทมส์' ฮีโร่ผู้สามารถหยุดเวลาได้จึงถือกำเนิดขึ้น!!

ผู้แต่ง

Rayndeer

0%

ตอนที่ 5/5 : Chapter 5: วันที่เวลาย้อนกลับ

Chapter 5: วันที่เวลาย้อนกลับ


“เวลาทำให้เราเข้าใจ ถึงความสำคัญ

ของช่วงเวลาที่เรา ยังมีกันและกัน”

 

-ไดน่า เดลเลอร์-

 

 

 

            3

            2

            1…!

            ทันทีที่รีสนับถึงหนึ่ง ความรู้สึกว่าตัวเองกำลังร่วงหล่นจากที่สูงก็หายไป

            เขากำลังหลับตาเพราะความกลัว รีสรู้สึกเหมือนถูกดึงเข้าสู่วังวนของพายุขนาดยักษ์ หมุนวนไปไม่มีที่สิ้นสุด หายใจไม่ออก มองอะไรไม่เห็น ไม่ได้ยิน และไม่ได้กลิ่นอะไรทั้งสิ้น...แต่ก็ไม่กี่วินาทีเท่านั้น ก่อนจะร่วงลงมากระแทกกับโต๊ะทำงานอย่างแรง รีสไถลกลิ้งชนกองเอกสารและคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะจนล้มระเนระนาด ก่อนจะหล่นลงไปฟุบบนพื้นหินอ่อนเย็นๆ ท่ามกลางสายตาของพนักงานธนาคารเกือบยี่สิบชีวิตที่ต่างลุกขึ้นจากที่นั่ง ชะเง้อคอมองเหตุการณ์ตรงกลางห้องด้วยความตกใจ

            “นั่นอะไรน่ะ?

            “คน...คนหล่นลงมาจากเพดาน!

            “แต่ไม่เห็นมีช่องอะไรเลยนะ โผล่มาจากทางไหนเนี่ย?

            เสียงพูดคุยอื้ออึงดังรอบกายรีส เด็กหนุ่มในชุดสูทสีขาวยังคงหลับตาปี๋ด้วยความกลัว ปวดหัวตุบๆ รู้สึกวิงเวียนจนอยากอาเจียน อากาศเย็นๆ จากเครื่องปรับอากาศลอยรอบตัว ผสมกับกลิ่นน้ำหอมของสำนักงานในธนาคารกลาง แล้วเสียงของแฟรงค์ก็ดังขึ้นจากอุปกรณ์ขนาดจิ๋วที่ติดอยู่ตรงหูซ้ายของรีส

            “นี่! เมื่อกี้นายทำอะไรน่ะ ทำไมจู่ๆ ถึงไปโผล่ที่ธนาคารได้?

            “ใช่” เสียงของทอร์นแทรกขึ้น “เธอเพิ่งจะขับออกจากมหาลัยไป...แต่ธนาคารอยู่ห่างจากที่นี่ตั้งแปดไมล์ เธอทำได้ยังไง?

            “ผม...”

            รีสปรือตา เขาลุกขึ้นยืน พยายามทรงตัวอย่างยากลำบาก ท่ามกลางสภาพของสำนักงานที่เต็มไปด้วยพนักงานซึ่งกำลังหวาดกลัว รีสตัดสินใจหยุดเวลาเอาไว้ชั่วคราว เขากลั้นหายใจ ทุกคนหยุดนิ่งด้วยสีหน้าที่กำลังหวาดหวั่น แต่เพื่อไม่ให้มีคนเข้ามาวุ่นวายมากเกินจำเป็น รีสจึงรีบเดินออกจากห้อง ก้าวออกไปยังโถงทางเดินด้านหน้า มีลิฟท์สองตัวตั้งอยู่คู่กัน ตัวเลขเหนือปุ่มเรียกลิฟท์เขียนว่า ชั้น 56

            จากชั้น 65 ลงมาที่ชั้น 56...? รีสมองตัวเลขตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา แสดงว่าตกลงมาตั้งสิบชั้นเลยเหรอเนี่ย?

            “นี่รีส รีสเธออยู่รึเปล่า?

            ทอร์นส่งเสียกเรียก  รีสไม่รู้ตัวว่าสูดหายใจเข้าตั้งแต่เมื่อไหร่ มือซ้ายรีบยกขึ้นไปกดปุ่มตรงหูฟัง “ผมอยู่นี่”

            “สรุปว่าเกิดอะไรขึ้น เธอไปถึงธนาคารเร็วขนาดนั้นได้ยังไง?

            “ผม...จริงๆ แล้วผมมาช้าเกินไป” รีสหลับตา พยายามปะติดปะต่อเหตุการณ์ทั้งหมด “ก่อนหน้าที่ผมจะย้อนเวลา ผมขับออกจากมหาลัย มองหาคนร้ายบนถนนเบรกเกอร์ตามที่เธียได้ยินมาจากตำรวจ แต่คนร้ายขโมยรถแล้วตรงไปที่ธนาคารกลางก่อนผม กว่าผมจะมาถึงที่นี่ คนร้ายก็ขึ้นไปถึงชั้นที่หกสิบห้าแล้ว มันเป็นจุดที่มีตู้เซฟ ผมตามไปหยุดเขาแต่ไม่สำเร็จ เขาใช้พลังถล่มตึก ผมเลยใช้ถุงมือย้อนเวลากลับมาก่อนหน้านี้หนึ่งชั่วโมง...ตอนนี้ผมอยู่ที่ชั้นห้าสิบหก จุดเดียวกับที่ผมกำลังร่วงลงมาจากตึกเมื่อกี้”

          “แสดงว่าถุงมือของโรเบิร์ต...ได้ผลสินะ? น้ำเสียงของทอร์นดูตื่นเต้นมากกว่าทุกครั้ง “ถ้าอย่างนั้น เราก็ยังมีเวลาเหลือเฟือก่อนที่คนร้ายจะลงมือ...ตอนนี้สิบหกนาฬิกายี่สิบนาที เธียเพิ่งโทรมาบอกเรื่องที่ตำรวจพบคนร้ายใกล้ๆ กับถนนเบรกเกอร์เมื่อครู่นี้เอง แสดงว่าตอนนี้คนร้ายก็ยังไปไม่ถึงธนาคารกลาง รีส เธอมีเวลาที่จะไปดักรอมันได้ และทางเราก็มีเวลาอพยพผู้คนด้วย”

          “งั้นผมจะรีบไปติดต่อทางตำรวจให้” แฟรงค์พูดขึ้น เสียงเลื่อนเก้าอี้ดังเสียดหู

          “ไม่ต้อง แฟรงค์ เธออยู่นี่ คำนวนเวลาที่คนร้ายจะมาถึงธนาคาร ฉันจะไปหาเธียที่สถานีตำรวจ บอกให้พวกเขาออกคำสั่งอพยพผู้คนทันที”

          “แล้วหนูล่ะคะ?เสียงของไดน่าบ่งบอกว่าเธอยังอยู่ในร่างผู้ใหญ่ “ให้หนูช่วยอะไรบ้าง”

          “เธอคอยอยู่นี่กับแฟรงค์ พอจบเรื่องนี้แล้วฉันจะหาทางช่วยเธอเองไม่ต้องห่วง”

          เมื่อทอร์นพูดจบ เสียงฝีเท้าหนักๆ ก็ก้าวห่างออกไปอย่างรวดเร็ว ตามมาด้วยเสียงถอนหายใจของไดน่า และน้ำเสียงตื่นเต้นสุดขีดของแฟรงค์

            “ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่านายจะย้อนเวลาได้จริง!ๆ” แฟรงค์ตะโกนดังลั่นจนรีสต้องดึงหูฟังออก “นี่มันโคตรเจ๋งเลย!

            “เออ เข้าใจนะว่านายกำลังตื่นเต้น” รีสใส่หูฟังกลับเข้าที่เดิม “แต่ตอนนี้เรามีงานต้องทำ ฉันเห็นแล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าฉันพลาด ฉันไม่อยากเจอเรื่องแบบนั้นอีกรอบนะ เข้าใจไหม”

            “เข้าใจน่า เข้าใจ แต่นี่มันก็เรื่องสำคัญเหมือนกันนะ ลองคิดดูสิ ใครจะไปรู้ว่านาย...”

            “แฟรงค์!

            “โอเคๆ ถ้างั้นก็ฟังให้ดีๆ นะเพื่อน” เสียงนิ้วพรมลงบนคีย์บอร์ดดังถี่รัว “ฉันลองคำนวนดูแล้ว ถ้าในอีกหนึ่งชั่วโมงข้างหน้าคนร้ายจะมาถึงชั้นที่หกสิบห้า ก็แสดงว่าเขาใช้เวลาถึงสี่สิบนาทีจากถนนเบรกเกอร์มาที่ย่านการค้า และอีกยี่สิบนาทีจากชั้นล่างจนถึงชั้นบน นายจะต้องไปดักรอเขา...”

            ตูม! เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวมาจากที่ไกลๆ รีสรีบวิ่งไปยังหน้าต่างที่ใกล้ที่สุด พยายามมองหาจุดที่เกิดการระเบิด มันเป็นตึกแถวที่อยู่ใกล้ๆ กับย่านการค้า เปลวไฟลุกโหมท่ามกลางแดดสีส้มยามเย็น ควันดำลอยโขมงในอากาศ ตึกแถวยาวหลายสิบเมตรพังทลายลงในพริบตา เสียงรถชนกันดังต่อเนื่อง เสียงไซเรนตำรวจดังระงม เหตุการณ์ไม่เหมือนเดิม?  รีสคิด เขาจำได้ว่าก่อนหน้านี้ไม่มีเหตุระเบิดที่ไหนเลย คงเพราะทอร์นไปเตือนพวกตำรวจ ทำให้เกิดการปะทะกันก่อนที่จะถึงธนาคาร!

            “แย่แล้ว...”

            รีสรีบวิ่งกลับไปที่ลิฟท์ พยายามกดปุ่มรัวๆ ด้วยความหวังว่าลิฟท์จะมาเร็วขึ้น

            “เกิดอะไรขึ้นน่ะรีส?” ไดน่าถาม

            “คนร้ายปะทะกับตำรวจ เหตุการณ์ไม่เหมือนเดิม!” รีสอธิบายพลางสอดตัวเข้าไปในลิฟท์ กดไปที่ชั้นหนึ่ง “ฉันต้องออกไปช่วยพวกเขา ฉันเห็นมาแล้วว่ามันทำอะไรได้บ้าง พวกตำรวจสู้มันไม่ได้หรอก”

            “แต่ว่า จากที่ฉันเห็นบนแผนที่ เธออยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุตั้งหลายไมล์นะ”

            “ก็...หวังว่าบิ๊กไบค์ที่ฉันซ่อมให้จะช่วยได้”

            สิ้นเสียงของแฟรงค์ ไม่นานรีสก็ลงมาถึงชั้นหนึ่ง เขาตัดสินใจวิ่งฝ่าผู้คนและพนักงานที่มองมาเป็นตาเดียวโดยไม่หยุดเวลา เพราะรีสไม่รู้เลยว่าหากเขาหยุดเวลาตรงนี้ พวกตำรวจที่กำลังต่อสู้กับคนร้ายตรงฟากโน้นจะเป็นอย่างไร

            รีสรีบวิ่งไปยังหน้าตึก ที่ๆ เขาจำได้ว่าจอดบิ๊กไบค์เอาไว้

            “แฟรงค์...”

          ทว่ามันกลับไม่อยู่ตรงนั้น

            “ฉันทำรถหายว่ะ...”

            “อ้อ ไม่มีปัญหา ฉันคิดเอาไว้แล้วว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้น” แฟรงค์อธิบายอย่างร่าเริง “คืองี้นะ ฉันคำนวนเอาไว้แล้วว่ามีโอกาสถึง...”

            “รีบบอกรีสไปเถอะน่าว่าจะหารถยังไง?ไดน่าขัด “จริงๆ เลยนะ หน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้นายยัง...”

          “โอเคๆ คืองี้นะ นายลองกดปุ่มตรงหูฟังค้างเอาไว้สิ มันจะส่งสัญญาณให้ วอทเชอร์ วิ่งมาตรงจุดที่นายอยู่ทันทีเลยแหละ”

          “วอทเชอร์?

            รีสขมวดคิ้ว แต่ก็ยอมกดปุ่มบนหูฟังค้างไว้ ทันใดนั้นเสียงเครื่องยนต์ก็ดังกระหึ่งมาจากลานจอดรถใต้ตึกธนาคาร บิ๊กไบค์คันใหญ่ที่มีโทนสีฟ้าขาวกระโจนออกมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะส่งเสียงเบรคดังลั่นเบื้องหน้ารีส ปล่อยควันขาวจากล้อรถและควันดำจากท่อไอเสียฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ ผู้คนที่อยู่แถวนั้นแตกตื่น ส่งเสียงพูดคุยอื้ออึง เป็นเพราะพวกเขาไม่ได้เห็นรถที่ใช้น้ำมันในวอทช์ซิตี้มานานหลายสิบปีแล้ว

            “วอทเชอร์ ชื่อของบิ๊กไบค์คันนี้ไงล่ะ” น้ำเสียงของแฟรงค์ดูภูมิใจมาก “ทีนี้ก็รีบขึ้นไปเร็วเข้า!

            รีสพยักหน้า เขารีบขึ้นไปคร่อมขี่เจ้าวอทเชอร์โดยไม่สนใจสายตาคนรอบข้าง บิดคันเร่งจนเสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่ม ปล่อยควันคละคลุ้งไปทั่ว ปกติแล้วรถทุกชนิดในวอทช์ซิตี้จะใช้พลังงานแม่เหล็ก ทว่าข้อเสียของมันคือจะช้าและเร่งเครื่องได้มากที่สุดแค่หนึ่งร้อยไมล์ต่อชั่วโมงเท่านั้น นอกจากรถฉุกเฉินต่างๆ เช่นรถตำรวจ รถดับเพลิง หรือรถพยาบาล ก็จะไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้เครื่องยนต์แบบเก่า ทำให้บางคนถึงกับควักมือถือขึ้นมาถ่ายวีดีโอเก็บไว้เพราะเป็นของที่หาดูได้ยากมาก

            “ไปล่ะนะ...!

            รีสแตะเท้าเข้าเกียร์ พลันบิ๊กไบค์คันใหญ่ก็พุ่งทะยานออกไปบนท้องถนน เขามุ่งหน้าไปยังถนนทิศตะวันออกของย่านการค้า ฉีกซ้ายป่ายขวา ปาดหน้ารถบางคันด้วยความเร็วมากกว่าร้อยยี่สิบไมล์ต่อชั่วโมง เสียงเครื่องยนต์ดังลั่นไปทั่วบริเวณ

            ไม่กี่วินาทีรีสก็มาโผล่ที่ถนนในเมือง สองข้างทางเต็มไปด้วยตึกแถวสูง เสาไฟฟ้า และเส้นทางเดินรถไฟฟ้าที่ลอยอยู่เหนือศีรษะ ผู้คนบนทางเท้าจ้องมองมาที่เขาเป็นตาเดียว บางคนหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปแต่ไม่ทัน รีสขับเร็วมากจนแม้แต่ตัวเองยังเริ่มหวั่นใจ ทว่าตอนนี้ชีวิตของผู้คนมากมายกำลังอยู่ในกำมือของเขา และเสียงไซเรนตำรวจที่ดังขึ้นเรื่อยๆ ก็บ่งบอกว่ารีสกำลังเข้าใกล้จุดเกิดเหตุแล้ว

            จนกระทั่งเบื้องหน้ามีหุ่นยนต์รักษาความปลอดภัยเกือบยี่สิบตัวขวางทางอยู่ พวกมันพยายามกระชับพื้นที่ ต้อนผู้คนให้ออกห่างจุดเกิดเหตุ ถึงกระนั้นชาวเมืองหลายคนก็ยังพยายามชะเง้อคอมองผ่านพวกหุ่นยนต์ไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น มีเพียงบางส่วนที่ทิ้งรถเอาไว้ ก่อนจะวิ่งหนีไปจากบริเวณนั้นทันที

            รีสหยุดรถ เขาทิ้งระยะห่างจากจุดที่พวกหุ่นยนต์เรียงแถวอยู่ประมาณสองร้อยเมตร “ฉันเข้าไปไม่ได้แฟรงค์ มีหุ่นยนต์ขวางทางอยู่เต็มไปหมด”

            “งั้นลองย้อนเวลาอีกไหม? ถ้าเป็นก่อนหน้านี้หนึ่งชั่วโมงคนร้ายก็คงมาไม่ถึงตรงนั้นใช่ไหมล่ะ”

            “แต่หนึ่งชั่วโมงมันเยอะมากนะแฟรงค์” รีสกัดฟัน ความเครียดถาโถมเข้าใส่ “ฉันไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ถ้าไม่จวนตัวจริงๆ ฉันก็ไม่อยากย้อนเวลาหรอก”

            รีสกำลังกลัว...การย้อนเวลามากถึงหนึ่งชั่วโมงอาจทำให้เกิดอะไรที่เลวร้ายมากกว่านี้ก็ได้ ถึงแม้ผู้คนในย่านการค้าและธนาคารกลางจะไม่ได้รับอันตราย แต่ตอนนี้พวกตำรวจและผู้คนบนถนนแห่งนี้กลับเป็นคนที่เดือดร้อนแทน จงใช้อย่างมีสติ คิดถึงผลลัพท์ที่จะเกิดขึ้นเสมอ ข้อความของพ่อบนจดหมายยังคงวนเวียนในสมองของรีส มือที่จับคันเร่งสั่นเทา เขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี

            “ฉันคงต้อง...”

            ตูม! เสียงระเบิดดังสนั่น มันใกล้มากจนถนนที่รีสยืนอยู่สะเทือน เบื้องหน้าของเขา ตึกแถวจากสองฝั่งทางถล่มลงมาทีละช่องอย่างรวดเร็ว เศษอิฐปลิวว่อน ฝุ่นควันฟุ้งกระจาย ผู้คนที่ตอนแรกยืนชะเง้อคอมองอยู่ต่างรีบวิ่งหนีเอาตัวรอด ส่งเสียงกรีดร้องดังระงม พลันหุ่นยนต์รักษาความปลอดภัยเกือบยี่สิบตัวที่ยืนเรียงแถวปิดทางก็ค่อยๆ สลายเป็นเศษเหล็ก โดยมีชายชุดดำยืนอยู่ท่ามกลางเศษซากที่พังพินาศ ใบหน้าที่ปิดบังด้วยหน้ากากสีขาวปริแตก เขากำลังมองไปทางรีสซึ่งกำลังนั่งอยู่บนบิ๊กไบค์ ท่ามกลางเศษละอองของตึกที่ถล่มทลาย ไม่มีผู้คนโดยรอบเหลืออยู่แม้แต่คนเดียว

            “แก...ใครน่ะ?” เครื่องเปลี่ยนเสียงทำให้น้ำเสียงของชายชุดดำสั่นเครือ เขาก้าวข้ามเศษซากของหุ่นยนต์ ตรงมาทางรีส “ถ้ายังรักชีวิตอยู่ก็ทิ้งรถเอาไว้แล้วไปซะ”

            “พอซะทีเถอะ...” รีสเอ่ยด้วยเสียงเหนื่อยอ่อน เขาก้าวลงจากรถ พลางนีกถึงเหตุการณ์บนชั้นหกสิบห้า “ฉันรู้แล้วว่านายทำเรื่องแบบนี้ทำไม อลิซาเบธ...ใช่ไหม?

            ดวงตาใต้หน้ากากเบิกโพลง “รู้ชื่อนั้นได้ยังไง? ฉันไม่เคยพูดอะไรเกี่ยวกับ...”

            “นายบอกว่าเธอกำลังจะตาย แล้วก็ต้องการเงินไปรักษาเธอ ใช่ไหม?” รีสเข้าใกล้ ในขณะที่ชายชุดดำถอยห่าง “ถ้างั้นทำไมนายถึงทำเรื่องแบบนี้ มันไม่จำเป็นเลย ไม่มีเหตุผลสักนิด ทำไมนายถึงต้องเข้ามาทำร้ายฉันที่งานนิทรรศการด้วย?

            “มะ มีคนบอกกับฉัน” เนื้อตัวของชายชุดดำสั่นเทา เขาเอื้อมมือไปจับหน้ากาก น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนไป ไม่มีเสียงแปลกๆ จากเครื่องแปลงเสียงอีกแล้ว “ว่าถ้าฉันเอากระแสเวลามาจากเธอได้ เขาจะให้เงินค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด มากเท่าที่ฉันต้องใช้...ฉันเพิ่งตกงาน ไม่รู้จะทำยังไง ฉันต้องรักษาอลิซาเบธ เธอคือสิ่งเดียวที่ทำให้ฉันมีชีวิตอยู่ ถ้าเธอตาย ฉันคง คง...”

            ชายชุดดำถอดหน้ากาก เขาปล่อยมันตกลงบนพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง ใบหน้าของชายวัยกลางคนกำลังเหยเก ร้องไห้ น้ำตาไหลเป็นสาย เขายกมืออีกข้างขึ้นมาถอดวิกผมสีบลอนด์ เผยให้เห็นศีรษะล้านโล่ง มีผมสีดำแซมอยู่ข้างกระหม่อมเพียงเล็กน้อย สภาพดูน่าเวทนา  ไม่เหมือนกับคนที่เพิ่งทำร้ายผู้คนอย่างบ้าคลั่งเลยสักนิด

            รีสเข้าใจถึงการที่ต้องสูญเสียคนรัก เขาเอื้อมมือไปแตะบ่าคนตรงหน้าอย่างไม่กลัวเกรง “แต่ถ้าอลิซาเบธมาเห็นคุณทำอะไรแบบนี้ เธอคงจะเสียใจมาก ใช่ไหม?

            ชายหัวล้านไม่ตอบ เขาพยักหน้าเบาๆ รีสจึงถามต่อ “แล้วคุณจำได้ไหม ใครเป็นคนที่สั่งให้คุณทำแบบนี้”

            “ตอนนั้นฉันอยู่ในห้องมืด...ฉันเห็นแค่โต๊ะกระจก เก้าอี้ หลอดไฟ แล้วก็เสียงประหลาดๆ...ผู้ชายคนนั้นใช้เครื่องเปลี่ยนเสียง แบบเดียวกับที่อยู่ในหน้ากากอันนั้นแหละ แต่ฉันว่าฉันเห็น ใบหน้าของเขา ตอนที่เขาฉีดยาให้ฉัน...”

            “ยา? ยาอะไร แล้วเขาคนนั้นเป็นใคร?” รีสรุกหนัก ใช้มือทั้งสองข้างบีบแขนของชายตรงหน้าจนแน่น

            “ถึงจะไม่ชัดก็เถอะ แต่ฉันมั่นใจว่าเป็น...”

            ฉึก! เสียงของมีคมแทงเข้าที่กลางหลังของชายหัวล้าน มันเป็นลูกดอกขนาดใหญ่ที่บรรจุของเหลวสีแดงสว่างเอาไว้ ทันทีที่สารเหล่านั้นไหลลงไปจนหมด ร่างผอมในชุดสีดำก็ทรุดตัวลงนั่งกับพื้น มือสองข้างกุมขมับ กรีดร้องด้วยความทรมาน รีสถอยห่างด้วยความตกใจ ขาของเขาก้าวถอยหลังเองโดยอัตโนมัติ จนกระทั่ง

            “อ๊ากกกก”

            ชายหัวล้านร้องตะโกน กล้ามเนื้อของเขาปริออก ขยายใหญ่ขึ้นจนเสื้อผ้าฉีกขาด ร่างกายที่เคยผอมกลับใหญ่โตและสูงขึ้นเกือบห้าเมตร ผิวหนังเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม เส้นผมหลุดร่วง ศีรษะปูดโปนไปด้วยเส้นเลือด ดวงตาเปลี่ยนเป็นสีแดงสว่าง และกำลังจ้องมองมาทางรีสอย่างโมโหร้าย

            “คะ คุณ...” เด็กหนุ่มในชุดขาวพูดไม่ออก เขาลืมไปว่าตัวเองไม่รู้จักชื่อของชายผู้นี้ด้วยซ้ำ คำถามโง่ๆ จึงหลุดออกไปแทน “คุณเป็นอะไรรึเปล่า?

            ไม่มีเสียงตอบกลับ

            มีเพียงเสียงคำรามที่ดังลั่นราวกับฟ้าผ่า

            “รีสสสสส!!

            ด้วยสัญชาตญาณ รีสยกมือขวาขึ้น เตรียมบิดอุปกรณ์ตรงข้อมือเพื่อย้อนเวลาทันที แต่ช้าเกินไป อสูรกายสีแดงพุ่งเข้าหาอย่างรวดเร็ว ฟาดฝ่ามือที่ใหญ่โตราวกับประตูห้อง ทุบลงไปอย่างแรง ตูม! รีสหลบได้ทัน แต่แขนขวาก็ถูกเฉี่ยวจนเสื้อผ้าฉีกขาด เครื่องย้อนเวลาถูกขูดจนเห็นแผงวงจรด้านใน พังแล้ว?  รีสเบิกตาโพลง จ้องมองมันด้วยใบหน้าซีดเผือด ไม่มีทางเลือกแล้ว  เขาตัดสินใจรีบวิ่งไปที่วอทเชอร์ บิ๊กไบค์ของเขาจอดอยู่ไม่ไกล เด็กหนุ่มกระโดดขึ้นคร่อมเบาะก่อนจะรีบบิดคันเร่งจนสุด พุ่งทะยานหนีฝ่ามือของสัตว์ประหลาดร่างยักษ์ได้อย่างเฉียดฉิว ทว่า!

            มันยังตามมา!

            “แฟรงค์! อยู่รึเปล่าแฟรงค์!

            “อยู่สิอยู่ ว่าแต่ตะกี้มันเสียงอะไรน่ะ อย่างกับสัตว์ประหลาดในหนังเลย”

            “ก็เออน่ะสิ!” รีสตะโกนอย่างหัวเสีย เขาหันหลังกลับไปมอง ชายหัวล้านในร่างอสูรกายยักษ์สีแดงกำลังตามเขามาติดๆ ด้วยท่าวิ่งที่คล้ายคลึงกับกอริลล่า “เมื่อกี้คนร้าย เขาถูกใครบางคนยิงสารสีแดงใส่ ตอนนี้เขากลายเป็นสัตว์ประหลาดไปแล้ว แฟรงค์ ฉันต้องหาทางปราบเขา!

            “นายรู้ใช่ไหมว่าฉันไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์ประหลาด” แฟรงค์พูดติดตลก เขาไม่เชื่อคำพูดของรีส และยังนึกว่าเพื่อนกำลังล้อเล่น “ย้อนเวลาดูสิ น่าจะช่วยได้นะ”

            “ตอนนี้เครื่องย้อนเวลาพังไปแล้ว แฟรงค์ นี่จริงจังนะโว้ย!

            รีสเลี้ยวรถอย่างฉับพลันเพราะถนนใหญ่นั้นสุดทาง เบื้องหน้าของเขาคือทะเลลึก และเส้นทางที่จะไปต่อได้คือต้องเลี้ยวเข้าไปทางถนนทิศตะวันตกของย่านการค้าเท่านั้น รีสไม่มีทางเลือก เขาต้องล่อมันไปที่ไหนสักแห่งและได้แต่หวังว่าตำรวจจะอพยพคนออกจากย่านการค้าหมดแล้ว ทว่า...

            “ซวยล่ะสิ...”

            ไม่เป็นไปอย่างที่คิด ทันทีที่รีสเลี้ยวรถเข้าไป รถยนต์จำนวนมากก็เพิ่งทยอยกันออกมาจากย่านการค้า พร้อมทั้งรถตำรวจและรถตู้ของนักข่าว รีสทำได้แค่จำใจขับสวนเข้าไป อสูรกายสีแดงยังคงตามต่อไม่ลดละ ผลักรถยนต์มากมายจนปลิวว่อนไปทั่วบริเวณ

            มีเฮลิคอปเตอร์สามลำบินอยู่บนน่านฟ้า สองลำเป็นของนักข่าวและอีกลำเป็นของทหาร กล้องของสำนักข่าวทั้งสองกำลังจับภาพเหตุการณ์เอาไว้

            “แฟรงค์ ถ้านายไม่เชื่อฉัน เปิดดูข่าวตอนนี้เลย!

            “โอเคๆ ฉันเห็นแล้ว” น้ำเสียงของแฟรงค์จริงจังขึ้นมาทันที “แต่จะให้ทำยังไงล่ะ ฉันไม่รู้วิธีสู้กับสัตว์ประหลาดหรอกนะ”

            “เธอต้อง ล่อมัน ...ไปที่ท่าเรือ” เสียงของทอร์นแทรกขึ้น เขาใช้เครื่องมือสื่อสารของตำรวจ สัญญาณของเขาจึงขาดๆ หายๆ

            “ศาสตราจารย์? ทำไมครับ มีอะไรที่ท่าเรือ...”

            “ทำตามที่ฉันบอกก็แล้วกัน!

            ทอร์นทิ้งท้ายไว้เท่านั้นก่อนที่สัญญาณจะหายไป รีสรีบเลี้ยวรถไปยังทิศเหนือทันที บริเวณนั้นมีผู้คนบางตา บนถนนไม่มีรถให้เห็นแม้แต่คันเดียว ทำให้เขาสามารถล่ออสูรกายสีแดงไปได้อย่างง่ายดาย รีสขับห่างจากมันเรื่อยๆ อสูรกายสีแดงหยุดวิ่ง มันตั้งเท้ายืนอย่างมั่นคง อ้าปากกว้างจนฉีก ปลดปล่อยลำแสงสีแดงออกมา!

            ตูม! ลำแสงปะทะเข้ากับท้ายรถบิ๊กไบค์อย่างจัง ร่างของรีสกระเด็นไปไกลด้วยแรงกระแทก ส่วนบิ๊กไบค์ก็แหลกเป็นเสี่ยงๆ มันสลายกลายเป็นเศษเหล็กภายในเวลาไม่ถึงสองวินาที รีสเจ็บไปทั้งตัว รู้สึกเหมือนแขนขวาจะหัก และซี่โครงร้าวจนความเจ็บปวดแล่นไปถึงสมอง แต่เขายังฝืนตัวลุกขึ้น กระโดดหลบลำแสงเส้นยาวที่พุ่งไล่หลังมาติดๆ พื้นถนนที่ถูกลำแสงสลายเป็นหลุมขนาดยักษ์ รีสยันตัวเองขึ้นอีกครั้ง ออกวิ่งสุดชีวิตโดยที่ถนนด้านหลังของเขาถล่มหายไปใต้พื้นดินทีละน้อย

            จนกระทั่งมาถึงท่าเรือ ที่ซึ่งมีโกดังสินค้ามากมายขวางทางอยู่  รีสไม่มีทางหนีแล้ว!

            มาได้แค่นี้เหรอเนี่ย... เด็กหนุ่มในชุดสูทสีขาวคิดอย่างปลงตก สภาพร่างกายมอมแมม เสื้อผ้าขาดหลุดลุ่ย เขาทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดแรง ห่างออกไปประมาณร้อยเมตร อสูรกายสีแดงยืนจ้องเขาด้วยนัยน์ตาสีเลือดสว่าง มีหลุมขนาดยักษ์ขวางกั้นทั้งสองเอาไว้ ทว่าไม่ใช่ปัญหา มันกระโดดเพียงครั้งเดียว ตึง! ร่างยักษ์กระแทกเท้าลงบนพื้นเบื้องหน้ารีสในพริบตา มันแยะยิ้ม เด็กหนุ่มตัวสั่นระริก ความกลัวและความสิ้นหวังกัดกินจนเหงื่อซึมไปทั้งกาย

            ทันใดนั้นประตูโกดังด้านหลังก็เปิดออก!

            “หลบไปรีส!

            เสียงของทอร์นตะโกนลั่น รีสกระโดดหลบไปด้านข้างทันที พลันเสียงเครื่องจักรที่ราวกับเครื่องดูดฝุ่นขนาดยักษ์ก็ดังลั่นมาจากโกดัง แล้วลำแสงสีแดงปนฟ้าก็ถูกสูบออกจากร่างของอสูรกายยักษ์ หมุนวนเป็นเกลียวคลื่นออกจากไปอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกัน ขนาดตัวของมันก็ค่อยๆ ย่อส่วนลง จนกลายเป็นชายวัยกลางคนหัวล้านร่างผอมตามเดิม รีสมองภาพเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม ฟุบคว่ำกับพื้นปูนอย่างไร้เรี่ยวแรง

            สำเร็จแล้ว เขาคิด ก่อนจะหลับตาลงไป

 

 

………………………………………………………………

 

           

            ในย่านที่เต็มไปด้วยตึกร้างของวอทช์ซิตี้ ย่านอันเสื่อมโทรมที่ไม่ได้รับการช่วยเหลือจากทางรัฐบาล เป็นเพราะผู้คนได้ย้ายออกไปหมดแล้วและยังไม่มีมติที่แน่ชัดว่าจะนำพื้นที่ส่วนนี้ไปทำอะไร ในตอนนี้มันจึงเป็นเพียงป่าคอนกรีตอันทรุดโทรม เต็มไปด้วยสีสเปรย์ ตะไคร่เขียวเกาะ มีทั้งหนูและแมลงสาปยั้วเยี้ยตามบ้านเรือน

            บนถนนแคบๆ กลางเมือง หญิงสาวร่างบางผู้หนึ่งกำลังเดินทอดน่องอย่างสบายใจ เธอสวมเสื้อยืดตัวใหญ่ยักษ์ทับเสื้อกล้ามสีขาว กางเกงยีนส์ขายาวขาดๆ รองเท้าผ้าใบสีฉูดฉาด ผมสีน้ำเงินเป็นลอนสวยดูแปลกตา ใบหน้าสะสวยตกแต่งด้วยเครื่องสำอางหนาเตอะ หูทั้งสองข้างมีหูฟังไร้สายปิดอยู่ เสียงเพลงแนวร็อคดังลั่นจนคนข้างๆ สามารถได้ยินอย่างชัดเจน โชคดีสำหรับเธอที่ไม่มีใครอยู่เลย

            เธอสะพายถุงผ้าที่ปะเย็บหลายสิบจุด มือขวาล้วงเข้าไปหยิบกระป๋องสีออกมา เท้าทั้งสองหยุดยืนอยู่ที่บ้านหลังหนึ่ง เป็นบ้านเดี่ยวริมถนนที่มีสภาพทรุดโทรมไม่ต่างไปจากบ้านหลังอื่นๆ เธอเปิดประตูรั้วที่เต็มไปด้วยสนิมเขรอะ ก้าวเท้าเข้าไปพลางฮัมเพลงและโยกหัวเบาๆ ตามจังหวะ เธอก้มตัว เดินพ่นสีสเปรย์ลากยาวเป็นเส้นรอบตัวบ้าน จนเมื่อมันบรรจบกันเป็นวงกลม หญิงสาวดีดนิ้วเบาๆ

            เปาะ!

          พลันบ้านทั้งหลังหายไปในพริบตา

            ปรากฎแม่น้ำสายใหญ่และริมฝั่งดินที่เต็มไปด้วยต้นไม้

            แม่น้ำที่ปลายทั้งสองข้าง ถูกตัดขาดด้วยขอบของสีสเปรย์

            ฝั่งดินและต้นไม้ ก็ถูกตัดครึ่งด้วยขอบของสีสเปรย์

            “ไม่ใช่ตรงนี้ สินะ...?

          เสียงหวานเอ่ยก่อนจะเดินฮัมเพลงจากไป





ในส่วนนี้ไม่เกี่ยวกับนิยาย แต่ขอขอบคุณทุกๆ คอมเม้นท์ ทุกๆ คำแนะนำ ทุกๆ โหวต และทุกๆ กำลังใจเอาไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ หวังว่าจะได้เจอกันใหม่ ^-^ 



Timestopable - คนหยุดเวลา

ผู้แต่ง : Rayndeer


Comment จากกรรมการ

#1 Enter Books Editor Team

สวัสดีค่ะ

อืม จบอีเวนท์แรกแล้วเนอะ กะจังหวะปิดและเปิดตัวละครใหม่ได้พอดีๆ เลย ตัวละครใหม่ก็เปิดได้น่าสนใจ :D

ที่จริงยังสงสัยการย้อนเวลาของตัวเอกอยู่นิดหน่อย คือย้อนแล้ว ตัวในอดีต ณ เวลานั้นก็หายไปด้วยใช่ไหม คือจะไม่มีกรณีรีสสองคนปรากฏตัวขึ้นพร้อมกัน

สู้ๆ เน้อ
ลวิตร์

Comment จากกรรมการ

#2 กองบรรณาธิการสนพ. Enter Books

สวัสดีคร้าบ~

พระเอกมีความสามารถหยุดเวลาได้ถ้ากลั้นหายใจ อย่างเท่! ส่วนตัวร้าย (รึเปล่า?) ก็มีพลังที่เกี่ยวกับเวลา เฮียชอบทริคที่จับเรื่องเวลามาทำให้เป็นพลังหลากหลายแบบนี้นะ ว่าแต่แอบสงสัย กลั้นหายใจไปพูดไปด้วยนี่ทำได้ด้วยเหยอ //ลองทำตาม

นี่เฮียเอง

ความคิดเห็นล่าสุด

Page 1 of 2 1 2
  • ความคิดเห็นที่ 24

    Rayndeer
    • Name : Rayndeer < My.iD > [IP] 122.155.168.161
    • 2 เมษายน 2559 / 18:32
    @พี่ลวิตร์


    สำหรับคำถามของพี่ลวิตร์เป็นหนึ่งในสิ่งที่อุบไว้ของเรื่องฮะ xD ถ้าตอบไปมันจะเฉลยเกือบทุกอย่างของเรื่องเลย ยังไงถ้ามีโอกาสเขียนจนเสร็จ รับรองได้ทราบแน่นอนครับ ^^

    ขอบคุณมากๆ สำหรับคำแนะนำดีๆ และคำติชมที่มีให้ตลอดนะครับ 
  • ความคิดเห็นที่ 23

    Rayndeer
    • Name : Rayndeer [IP] 122.155.168.161
    • 1 เมษายน 2559 / 08:37
    ขอบคุณคอมเม้นท์ของพี่ลูกฟูกมากจ่ะ

    สำหรับประเด็นที่พี่ลิสมาทั้งหมดมันจะค่อยๆ คลี่ออกในบทต่อไปนะ >_< พอดีเวลาประกวดมันจำกัดห้าตอนเลยจัดพวกแอ็คชั่นต่างๆ เข้าไปก่อน ถ้ามีโอกาสได้เขียนต่อจะอธิบายในบทต่อๆ ไปจ่ะ

    ปล. กดล็อกอินด้วยเฟสบุ๊คไม่ได้ T_T

    Rayndeer
  • ความคิดเห็นที่ 22

    LookFook
    • Name : LookFook [IP] 182.148.25.3
    • 31 มีนาคม 2559 / 22:40
    หลังจากอ่านใหม่อีกครั้งเรื่องภาษาไม่ค่อยมีอะไรมากนะ ปัญหาอยู่ที่ระบบเรื่องมากกว่า ด้วยความที่เวลาเป็นเรื่องใหญ่ และการยุ่งเกี่ยวกับเวลาก็ใหญ่มากด้วยมันเลยยุ่งยาก ดังนั้นคลี่กันไปทีละคำถามนะ 1. เราสงสัยว่าทำไมวันที่ประกาศเรื่องการทดลองในตอนแรกโรเบิร์ตจะต้องพารีสไปด้วย? ไม่ว่าจะทั้งตอนประกาศหรือที่ห้องทดลอง ถ้าสมมุติผิดพลาดจริงๆ รีสตายจบเรื่องเลย (อ้าว555) นอกจากเฮียแกตั้งใจจะตายและทำให้เครื่องขัดข้องจนส่งผลกระทบหรือยังไงก็ว่าไป (ช่วงนี้อ้างอิงไปตอนหลังที่มีการเตรียมอุปกรณ์ให้รีสด้วย) 2. ตอนแรกมีเหมือนจะพูดถึงย้อนเวลาไปช่วยแม่ แต่ตอนหลังเหมือนโดนลืมไปเลย 3. หลังจากเครื่องระเบิดเป็นยังไงบ้าง? ศูนย์วิจัย ผู้คน ไม่มีใครอยู่ตอนนั้นอีกแล้ว? และสำคัญคือรีสอยู่ต่อจากนั้นมายังไง มีตังจากมรดก? แล้วใครเลี้ยงหรืออยู่คนเดียวได้แล้ว? แต่เรื่องตรงนี้ตอบโจทย์ทีหลังเกี่ยวกับประวัติได้อยู่ อ้อใช่ แล้วเรื่องผลกระทบหลังระเบิด น่าจะมีการควบคุมอะไรบ้าง แล้วพวกค่าเสียหายมีเรียกร้องอะไรมั้ยด้วยนะ? จริงๆแอบคิดนะว่าระเบิดขนาดนี้คนต่อต้านควรจะเยอะขึ้นด้วยซ้ำ เหมือนว่าเอาเงินไปทำอะไรแล้วสุดท้ายคือสูญสลาย เผลอๆ ทอร์นนี่แหละตัวรับเคราะห์ เพราะโรเบิร์ตตาย ผลการทดลองไม่สามารถออกสื่อได้อีก 4. พูดถึงธีมชื่อเป็นอังกฤษ? แต่มีความขัดใจนิดนึงตรงที่เรียกแบบไทย คือใช้เรียกชื่อต้น ไม่ได้เรียกนามสกุลอะ อันนี้ให้ไปพิจารณา 5. ตอนที่รีสหยุดเวลา จากที่ทอร์นว่าน่าจะครอบคลุมไม่กว้าง แล้วในรอยต่อของศูนย์กลางจากรีส ถ้ามีใครเดินเข้ามาตรงนั้นจะเป็นยังไง? (อันนี้ถ้าดูดีเกรย์แมนจะรู้ ช่วงเมืองที่เวลาเดินอยู่วันเดียวอันนั้น จะมีโดมคลุม คือใครเข้าไปไม่ได้อะไรงี้) ตัวอย่างอื่นไม่มี ไม่ค่อยได้ดูอะไรเกี่ยวกับเวลา 6. หยุดแล้วก็ต้องย้อนเวลา แต่เรื่องนี้ละเอียดอ่อนมากจริงๆ นี่ก็ไม่รู้จะแนะนำยังไง แต่การย้อนบ่อยๆต้องมีผลกระทบแน่ๆอยู่แล้ว เวลาที่อยู่รอบตัวรีสอาจจะมีปัญหาไรงี้ ค่อยๆว่ากันไปเนอะ :) เท่าที่ว่ากันเรื่องโดยรวมของเรื่องตอนนี้นะ ไม่พูดเรื่องอื่นแล้วกัน ช่วงแรกๆมีช่องแน่นอน แต่หลังๆเริ่มมีคำตอบ ตอนหลังๆเลยไม่มีอะไรเท่าไหร่ แต่อย่าลืมสิ่งที่เขียนมานะ โดยเฉพาะขุ่นแม่ 5555 ลืมนางไปเลยอะไรงี้ พักแล้วค่อยๆคิดเนอะ เดี๋ยวไปตามล่าหมอผีอยุธยาก่อน :) ปล. เน็ตช้า ล็อคอินไม่ได้ 55
  • ความคิดเห็นที่ 21

    Enter Books Editor Team
    • Name : Enter Books Editor Team < My.iD > [IP] 202.176.108.255
    • 31 มีนาคม 2559 / 11:31
    สวัสดีค่ะ

    อืม จบอีเวนท์แรกแล้วเนอะ กะจังหวะปิดและเปิดตัวละครใหม่ได้พอดีๆ เลย ตัวละครใหม่ก็เปิดได้น่าสนใจ :D

    ที่จริงยังสงสัยการย้อนเวลาของตัวเอกอยู่นิดหน่อย คือย้อนแล้ว ตัวในอดีต ณ เวลานั้นก็หายไปด้วยใช่ไหม คือจะไม่มีกรณีรีสสองคนปรากฏตัวขึ้นพร้อมกัน

    สู้ๆ เน้อ
    ลวิตร์
  • ความคิดเห็นที่ 20

    Rayndeer
    • Name : Rayndeer < My.iD > [IP] 122.155.168.161
    • 31 มีนาคม 2559 / 07:32
    ครบ 5 ตอนแล้ว

    ขอขอบคุณทุกๆ คน นักอ่านทุกๆ ท่าน และคณะกรรมการไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ

    หวังว่าจะได้เจอกันอีกครั้งในรอบ 6 คนสุดท้ายนะครับ ^^
  • ความคิดเห็นที่ 19

    Enter Books Editor Team
    • Name : Enter Books Editor Team < My.iD > [IP] 202.176.175.252
    • 24 มีนาคม 2559 / 11:43
    สวัสดีค่ะ

    ชอบที่เล่าสลับอีเวนท์นะ มันทำให้รู้สึกว่า หือ อ่านข้ามอะไรไปหรือเปล่า แล้วพออ่านไปเรื่อยๆ ก็เข้าใจ ดึงความสนใจได้ดี

    ตอนนี้ยังเป็นเล่าเรื่องอย่างต่อเนื่อง เลยยังไม่มีคอมเมนต์ เอาเป็นว่ารออ่านต่ออยู่นุ :)

    ลวิตร์
  • ความคิดเห็นที่ 18

    LookFook
    • Name : LookFook < My.iD > [IP] 182.149.194.122
    • 23 มีนาคม 2559 / 21:04
    มีคำตบแวบๆมั้งแถบบนๆ ฟุ้ง ที่ ง.งูหาย กับคัน ที่กลายเป็นคน
    อืมมม รู้สึกว่าพอเรียงไทม์ไลน์สลับกันแล้วมันดูน่าสนใจมากจริงๆ
    ทั้งที่เรื่องมันก็ต่อเนื่องมาแบบยาวๆอะ
    เปิดมาแบบ เฮ้ยยย อยู่ๆมีชุดเมพโผล่มา อยากรู้เลยว่าไปเอามาจากไหน
    มีความรู้สึกว่าพีคมากจริงๆ แต่ก็แอบรู้สึกนะว่าแบบนี้ก็คงใช้บ่อยๆไม่ได้ ไม่งั้นคงงงแย่เลย

    แต่ชอบการบรรยายความวุ่นวายช่วงบน มันอินดี
  • ความคิดเห็นที่ 16

    Rayndeer
    • Name : Rayndeer < My.iD > [IP] 107.167.112.75
    • 17 มีนาคม 2559 / 20:45
    LookFook - อ้ะ ว่าตรวจคำผิดดีแล้วเชียวนะ ขอบคุณมากๆ ที่ช่วยแก้จ่ะ แล้วก็ขอบคุณมากๆ อีกครั้งที่แวะเข้ามานะ ^-^

    dinn - พี่ปัฐฐฐ ขอบคุณมากๆ ครับ >_<

    พี่ลวิตร์ - ขอบคุณสำหรับคำว่า 'สนุก' มากๆครับ แค่คำนี้คำเดียวผมดีใจมีกำลังใจมากขึ้นเยอะเลย 555+ส่วนเรื่องทอร์นกับธอร์นต้องขออภัยจริงๆ ครับ สัญญาว่าบทหน้าจะไม่ให้มีอีกแล้ว T-T

    Besty Vivo - เป็นน้อยชอบก็ดีใจ >_< 
  • ความคิดเห็นที่ 15

    Besty Vivo
    • Name : Besty Vivo < My.iD > [IP] 64.233.173.160
    • 17 มีนาคม 2559 / 11:07
    ตอนนี้สนุกดีค่ะ พี่เรปล่อยจุดพีคแรกออกมาได้ดีมาก
    แต่แอบสงสารไดน่านะคะ โห กลายเป็นสาวใหญ่ไปแล้วอะ
    บทบู๊เขียนดี มันส์ สนุก ไม่ผิดหวังค่ะ
    สู้ๆค่ะ รออ่านบทต่อไป
  • ความคิดเห็นที่ 14

    Enter Books Editor Team
    • Name : Enter Books Editor Team < My.iD > [IP] 171.99.46.230
    • 17 มีนาคม 2559 / 09:55
    สวัสดีค่ะ

    บทนี้สนุก เหมือนคนเขียนเริ่มปล่อยของเลยค่ะ

    จุดต่อระหว่างสองช่วง (ช่วงโรเจอร์กับช่วงฉากทางรีส) มีหลุดคำว่าชายร่างผอมมา คือใช้บรรยายคนใส่หน้ากาก ไม่รู้ว่าจงใจหรือเปล่า เลยตั้งข้อสังเกตไว้เฉยๆ แล้วชื่อทอร์นก็ยังเผลอใช้ ธ นิดหน่อย

    รออ่านต่อนะคะ :)
    ลวิตร์
  • ความคิดเห็นที่ 13

    Besty Vivo
    • Name : Besty Vivo < My.iD > [IP] 64.233.173.160
    • 16 มีนาคม 2559 / 09:22
    เข้ามาอ่านตอนที่สองละค่ะ
    เริ่มปูความดราม่าเข้ามาทีละนิดแล้วเนอะ
    หนุ่มรีสดูค่อนข้างเก็บตัวนะคะเนี่ย
    แล้วใครที่กำลังจ้องมองหนุ่มรีสน้อ?
  • ความคิดเห็นที่ 12

    dinn
    • Name : dinn < My.iD > [IP] 202.94.76.110
    • 14 มีนาคม 2559 / 21:26
    พี่ปัฐเองนะครับ ^ ^

    บทเปิดตัวเท่อีกแล้ว ^ ^

    ชอบตอนที่ 2 นี้มากเลยแฮะ รู้สึกเหมือนจะเผลอแอบกลั้นหายใจไปกับหนุ่มรีสเลยทีเดียว อูย... เล่นเอาหายใจไม่ทั่วท้องเลย ^ ^b
  • ความคิดเห็นที่ 11

    LookFook
    • Name : LookFook < My.iD > [IP] 182.149.206.225
    • 14 มีนาคม 2559 / 21:20
    มาอย่างรวบรัดและรวดเร็วมากสำหรับตอนนี้
    ชอบความตรงประเด็นที่วางมาแล้ว
    ทุกอย่างคือมอบให้เต็มๆทั้งบทจริงๆ
    มีคำผิดนิดหน่อย กะพริบ นี่ชัดเจน ฮาาาา

    ไม่มีอะไรมาก อยากรู้ว่ารีสจะเป็นไงต่อ
  • ความคิดเห็นที่ 10

    Rayndeer
    • Name : Rayndeer < My.iD > [IP] 107.167.108.173
    • 14 มีนาคม 2559 / 04:53
    ขอบคุณพี่ลวิตร์มากๆ สำหรับคำติชมครับ ^-^

    ในเรื่องของฉากนั้น ตอนแรกตั้งใจว่าจะให้คนอ่านคิดว่ารีสยังไม่ได้หยุดเวลาแล้วพูดความในใจออกไป ก็เลยกลายเป็นแบบนั้นครับ หากยังสื่อออกไปได้ไม่ดีพอต้องขออภัยครับ

    จะกลับไปแก้ไขปรับปรุง ทำตอนหน้าให้ดียิ่งขึ้นครับ



    Rayndeer
  • ความคิดเห็นที่ 9

    Enter Books Editor Team
    • Name : Enter Books Editor Team < My.iD > [IP] 49.229.183.148
    • 10 มีนาคม 2559 / 10:23
    สวัสดีค่ะ

    ชอบตอนเปิดบทนะ รู้สึกว่าปูเข้ามาในเรื่องของเวลาได้ดี แต่คำบรรยายมาหยุดตรงที่ไอน์สไตน์ เลยไม่แน่ใจว่าจะอธิบายเรื่องเวลาตามแนวของเรื่องต่อไปยังไง รออ่านอยู่นะคะ

    บทนี้เรื่องยังไม่ค่อยเดินเลย เป็นการแนะนำตัวละคร การแนะนำยังค่อนข้างเรียบไปหน่อย อาจจะต้องค่อยๆ เพิ่มเติมขึ้นในบทต่อๆ ไป ช่วงท้ายที่รีสกลั้นหายใจ จังหวะเรียบมากเลยค่ะ อ่านมาไม่สะดุดเลยว่ารีสเริ่มใช้พลังแล้ว จนชายสวมหน้ากากโผล่ถึงรู้ ตรงนี้น่าจะบรรยายมากกว่านี้อีกนิด ให้เห็นภาพว่าเวลาหยุดไปจริงๆ เพราะเป็นจุดฮุคสำคัญของบทเลยน่ะค่ะ

    ลวิตร์
  • ความคิดเห็นที่ 8

    LookFook
    • Name : LookFook < My.iD > [IP] 182.149.206.225
    • 9 มีนาคม 2559 / 23:21
    มีช่วงต้นที่พิมพ์ผิดเป็นธอร์นอยู่อันนึง
    นอกนั้นไม่รู้จะพูดอะไรเลย รู้สึกมันพอดีและลงตัว
    คงเพราะไม่ถนัดด้วย ฮาา นึกอะไรไม่ออก แต่รู้สึกอ่านได้ยาวมาตลอด
    แต่อย่างหนึ่งก็คืออยากรู้ว่ารีสจะเป็นไงต่อ ?P
  • ความคิดเห็นที่ 7

    Rayndeer
    • Name : Rayndeer < My.iD > [IP] 107.167.108.63
    • 9 มีนาคม 2559 / 19:12
    myu_immi - ขอบคุณพี่มิวมากๆ ครับที่แวะเข้ามา หาไม่ได้ใช่มั้ยครับไซไฟเนื้อหาหนักขนาดนี้ในเอ็นเทอร์ 555 
  • ความคิดเห็นที่ 6

    Rayndeer
    • Name : Rayndeer < My.iD > [IP] 107.167.108.63
    • 9 มีนาคม 2559 / 17:45
    Waaa - ขอบคุณมากๆ ครับ ช่วยโหวตด้วยละกันเด้อ >_<

    LookFook - อย่ากลั้นนานนักนะ 55555 นั่นสิ พล็อตหนักจริงๆ คนอื่นเขามาเบาๆ เรามาหนักอึ้งเลย


    Besty Vivo - ขอบคุณมากๆ นะจ๊าที่มาช่วยแนะนำ ใครจะโกรธน้องเป็ดเหลืองได้ลง

     bodin Intrararujikul - ดีใจที่ชอบประโยคเปิดครับ อยากให้คนมีความคิดเกี่ยวกับเวลาเป็นของตัวเองดู 555 ขอบคุณพี่ปัฐมากครับ



  • ความคิดเห็นที่ 5

    myu_immi
    • Name : myu_immi < My.iD > [IP] 125.27.31.60
    • 9 มีนาคม 2559 / 08:13
    แวะมาเยี่ยมเยียน
    มาแนวไซไฟแฮะ เรื่องเกี่ยวกับเวลานี่มีในการประกวดทุกปี แต่เรื่องนี้ดูท่าทางจะหนักหน่วงไม่ใช่น้อย เพราะเต็มไปด้วยฉากบีบคั้นทางอารมณ์ความรู้สึก ซึ่งก็เขียนเรียกอารมณ์คนอ่านให้คล้อยตามได้ดีครับ
    การบรรยายทำได้เห็นภาพ แต่อยากให้เพิ่มศัพท์เทคนิคหรือศัพท์เฉพาะทางวิทยาศาสตร์แทรกลงไป เพื่อความสมจริง (หาเอาจากข่าวการทดลองทางวิทยาศาสตร์ของต่างประเทศก็ได้) จะเป็นการเพิ่มน้ำหนักให้เรื่องมากขึ้นไปอีก

    การทิ้งท้ายทำได้ดี ทำให้อยากอ่านต่อ
    เป็นกำลังใจให้ครับ

    มิว
Page 1 of 2 1 2

เข้าสู่ระบบด้วย Dek-D ID

เข้าสู่ระบบด้วย Social Network

คลิกที่นี่
แสดงความคิดเห็น
ชื่อ Email รูปตัวแทน

โปรดใส่รหัสตามรูป