ฉากระทึกขวัญ : มีคนตามผมมา...
 
            ผมว่าผมไม่ได้คิดไปคนเดียวนะ...
            ....มีคนตามผมมาจริงๆ...
          ผมกำลังแวะเข้าห้องน้ำที่สถานีรถไฟฟ้า มันโทรมและเหม็นบัดซบเหมือนกับทุกที แสงไฟจากหลอดนีออนที่สภาพเหมือนถ่านหมดกระพริบเป็นจังหวะๆ ส่งผลให้ห้องน้ำมืดๆยิ่งมืดเป็นจังหวะเข้าไปใหญ่ ผมทำธุระเสร็จและกำลังก้มตัวลงเหนืออ่างล่างหน้า กระจกที่ผนังตรงหน้าผมมันแตกหนึ่งบานส่วนบานที่เหลือก็เต็มไปด้วยฝ้าและรอยขีดเขียน ผมล้างมืออย่างรวดเร็วและพยายามไม่สนใจไฟที่ติดๆดับๆอยู่เหนือหัวตอนนี้
            ผมรู้สึกเหมือนมีใครมอง...
            ผมรีบหันกลับไปและพบเพียงผนังว่างเปล่าเท่านั้น...ไม่มีใครหรือตัวอะไรทั้งสิ้น...
            ...แต่ผมว่ามีใครมองผมจริงๆนะ
            ผมมองเขาอยู่...
            เขาโน้มตัวอยู่เหนืออ่างล้างมือในห้องน้ำสถานีรถไฟฟ้าโทรมๆแห่งนี้ ไฟที่ติดๆดับๆก็ทำให้บรรยากาศชวนผีหลอกเหลือเกิน น่าเสียดายถ้าเขาเงยหน้ามองกระจกหน่อยก็คงจะเห็นผมแล้วแท้ๆ
            ...เพราะผมยืนอยู่ข้างหลังเขา...
            ผมรีบออกมาจากห้องน้ำ จัดเสื้อผ้าให้เข้าที่และยืนรอรถไฟฟ้าขบวนประจำของผมที่จะพาผมกลับสู่บ้าน ผู้คนมากมายก็ทำแบบเช่นเดียวกัน บางทีพวกเราทุกคนอาจจะ...
            ...ใครแตะหลังผม?
            ผมหันกลับไปก็พบเพียงแค่ลุงแก่ๆที่เตี้ยกว่าผมมากๆคนหนึ่งเท่านั้น ลุงแกมองหน้าผมอย่างงุนงง ผมทำอะไรไม่ได้มากนอกจากยิ้มตอบกลับไปก่อนจะหันกลับมาอีกครั้ง รถไฟฟ้ามาถึงชานชาลาแล้วและเมื่อกี้คงมีคนเอามือมาโดนเฉยๆละมั้ง
            ...ใช่ ผมปลอบใจตัวเองอยู่
            ...เขาน่าจะมองสูงกว่านี้อีกหน่อย...
            ผมลองเอื้อมมือไปสะกิดเขาแล้ว แต่เขากลับมองตาลุงเตี้ยๆแทน ทั้งๆที่ถ้าเขาเงยหน้าอีกหน่อยเขาก็เห็นผมแล้วแท้ๆ คนอะไรกันน่า...
            ...ผมว่าจริงๆแล้วเขาเห็นผมนานแล้วแหละ...
            มีบางคนจ้องผม ผมรู้สึกได้…
          ผมนั่งอยู่ในรถไฟฟ้า วันนี้คนยังคงเต็มตู้รถไฟเช่นเคย ความแออัดของมันทำให้ผมเริ่มรู้สึกอึดอัดแบบทุกครั้ง ผมเอื้อมมือปลดเนคไท และถอดเสื้อสูทออกเพื่อคลายความอึดอัด มันช่วยได้เยอะเลยทีเดียว ผมเอาหัวพิงกับหน้าต่างก่อนจะค่อยๆหลับตาลง
            ...อะไรบางอย่างกำลังจ้องมองผมอยู่
            ...เขาแกล้งทำเป็นหลับ...
            ผมนั่งอยู่ข้างๆเขาแท้ๆ เราสองคนมีเพียงแค่แผงบางๆกั้นไว้เท่านั้น แต่ผมสามารถเห็นเขาได้ผ่านทางช่องเล็กๆตรงนี้ เขาหลับตาแน่นและทำเหมือนหลับ แต่ผมรู้ว่าจริงๆแล้วเขาไม่ได้หลับหรอก
            ...เขากลัวผมต่างหาก
            ผมเห็น ‘มัน’ เข้าจนได้...
            มันนั่งอยู่ข้างๆผมนี่เอง กำลังจ้องมองผมผ่านทางช่องเล็กๆ โดยมีแผงกั้นบางๆขวางผมกับมันเอาไว้ ผมมือสั้นทันที เหงื่อผมไหลออกมา... ผมพยายามไม่หันไปมองมันอีกรอบ มองดูป้ายสถานีต่อไปที่กำลังจะถึงในไม่ช้า... เร็วๆหน่อยเถอะ...
            สถานีต่อไป...สะพานควาย...
            รถไฟฟ้าค่อยๆชะลอลงก่อนจะหยุด แต่ผมยังนั่งนิ่ง คนเริ่มกรูเข้าไปที่หน้าประตูแล้ว...
            วืด...
            ผมลุกขึ้นแล้ววิ่งทันที! ผมผลักฝูงชนทั้งหมดที่ยืนรอกันหน้าประตูจนล้มกันระเนระนาด แต่ผมไม่สนใจ พอประตูเปิดผมก็พบคนจำนวนมากดังที่คาดไว้ ผมออกแรงแหวกจนพวกนั้นล้มกันไม่เป็นท่าอีกครั้ง มีเสียงตะโกนโหวกเหวกตามมาจากด้านหลัง... แต่ผมไม่สนใจ... ผมวิ่งผ่านสถานีและลงบันไดเลื่อน ‘มัน’ คงยังตามผมมาไม่ได้ง่ายๆ เพราะว่าด้วยจำนวนของคนที่อยู่ในตู้รถไฟและข้างนอก ทำให้มันต้องเสียเวลามากพอดู... ผมออกมาจากสถานีได้แล้ว ห้องพักของผมอยู่ห่างจากสถานีไปแค่ไม่ถึงร้อยเมตร... ผมสามารถใช้ทางลัดด้วยการวิ่งเข้าซอยนี่ได้...
            ผมเลี้ยวเข้าซอยและวิ่งสุดชีวิต...
            เขาฉลาด...
            เขาลุกหนีไปก่อนที่ผมจะทันทั้งตัวเสียอีก ผมรีบลุกตามไป... มีคนขวางทางกันเยอะเหลือเกิน ผมผลักพวกนั้นจนล้มอีกรอบ ใครที่ยังไม่ทันลุกผมก็จะเหยียบทับไปเลย... ผมมองผ่านฝูงชนไปผมเห็นเขาลิบๆขณะลงบันไดเลื่อน ผมวิ่งตามไป... เขาถึงพื้นแล้วและกำลังวิ่งออกสถานี... ทำไมชอบหนีกันจังนะ... ผมวิ่งตามลงไป... ถึงแล้ว ผมเห็นหลังเขาอยู่ไกลๆ และเขาก็กำลังเลี้ยวเข้าซอย...
            ...หนีผมไม่พ้นหรอก... ผมวิ่งตามไป...
            หน้าอกผมเจ็บไปหมด... หายใจออกมาทีเหมือนกับจะตาย...
            ผมวิ่งไม่หยุดมาไกลแล้ว และ ‘มัน’ ไม่น่าจะตามมาทัน ผมหันหลังกลับไปและเกือบจะหัวใจหยุดเต้น!
            ‘มัน’ วิ่งตามผมมาติดๆ!
            ผมออกแรงวิ่งสุดชีวิตๆ อะคลีนารีนพุ่งพล่านในตัวผมอย่างฉุดไม่อยู่ ผมวิ่งเร็วกว่าครั้งใดๆในชีวิต... ถังขยะตรงหน้าถูกผลักล้มลงเพื่อถ่วงเวลามัน... ผมหันไปมองและพบว่า ‘มัน’ วิ่งมาใกล้ผมเรื่อยๆจนเห็นมันได้ชัดเจน! ผมกัดฟันวิ่งต่อ...
            ...เมื่อไหร่เขาจะหมดแรงกันนะ...
            ผมวิ่งตามเขาอย่างไม่ลดละ จนระยะห่างของเราแทบจะเอื้อมมือสัมผัสกันได้ โชคดีที่เขาไม่ใช่นักวิ่งหรือนักกีฬามาก่อน และเขาก็ปล่อยตัวมาหลายปี... ผมสามารถวิ่งตามเขาได้สบายๆเลยทีเดียว ผมเห็นเขาอยู่ตรงหน้านี้เอง... ผมเอื้อมมือ...
            พระเจ้า! ‘มัน’ จับชายเสื้อของผม!
            ผมรู้สึกเหมือนถูกดึงเข้าหา ผมรีบสะบัดตัวเพื่อให้หลุดจากเสื้อสูททันที... แต่มือของ ‘มัน’ เอื้อมมาจับไหล่ของผม! ผมสะบัดตัวสุดแรงเกิดและหันกลับไปผลัก ‘มัน’ เสียง ตุ้บ! บ่งบอกให้รู้ว่า ‘มัน’ ล้มลงกับพื้นแล้ว! ผมรีบวิ่งต่อไปทันที หอพักของผมอยู่ตรงหน้าแล้ว ผมรีบวิ่งเข้าไปทันที ขึ้นบันไดไปจนถึงห้องของผม... หยิบกุญแจออกมาแต่กลับพลาดทำมันหล่น! ผมหยิบมาอีกครั้งและไขกลอนประตู เปิดมันออกและรีบกระแทกปิดเสียงดัง ปัง!
          ผมรีบวิ่งไปที่ห้องครัวแล้วหยิบมีดออกมา ก่อนจะวิ่งไปรอที่ประตูห้อง... เตรียมพร้อมจะแทงอะไรก็ตามที่เข้าประตูมาในตอนนี้...
            หลายวินาทีผ่านไป...ทุกอย่างยังคงเงียบสงบ... มีเพียงเสียงหายใจของผมเท่านั้น
          ‘มัน’ คงจะไปแล้ว...
            ผมถอนหายใจ... ทรุดลงไปกับพื้น ปล่อยมีดในมือลง ไม่เคยเหนื่อยขนาดนี้มาก่อนในชีวิต... ผมหอบอย่างรุนแรง... ร่างกายผมตอนนี้อ่อนแรงไปหมด ราวกับพลังงานทั้งหมดถูกใช้ไปก่อนหน้านี้หมดแล้ว...
            ...ผมหนี ‘มัน’ พ้นจริงๆสินะ...
            ...เขา ‘คิด’ ว่าหนีผมพ้น...
            แต่เปล่าเลย... เขาเป็นพวกชอบคิดไปเองน่ะนะ...
            ผมนั่งอยู่บนโซฟาหน้าทีวี เบื้องหน้าของผมคือเขาที่กำลังนั่งหอบอยู่กับพื้น ผมปล่อยให้เขาหายเหนื่อยก่อนดีกว่า... ผมเอื้อมมือไปหยิบรีโมททีวีและกดเปิดมัน อะไรกันเนี่ย...รายการคืนความสุขเหรอ... ผมหันไปมองเขาที่เหมือนจะรู้ตัวแล้ว... เขาค่อยๆหันหน้ามาอย่างเชื่องช้า...
            แววตาของเขาเบิกโพล่งด้วยความตกใจและหวาดกลัว...
            “มีอะไรกินป่ะเย็นนี้...”
            ผมถามเขา...
 
นามปากกา : ZhIRo4th
มายไอดี : ZhiiRo
 http://my.dek-d.com/zhiro/
พี่อติน
พี่อติน - Writer Editor ผู้ดูแลหมวดนักเขียนที่หลงใหลการอ่านแบบสุดๆ และไม่เคยพลาดทุกข่าวสารในวงการวรรณกรรม!

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น