สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com ช่วงนี้ถ้าใครติดตามเว็บไซต์ของเรา ก็คงได้เห็นแล้วนะคะว่ากระแสการทำ Portfolio มาแรงขนาดไหน มีทั้งเทคนิคการดีไซน์ให้เตะตากรรมการ และการจัดเรียงเนื้อหาให้มีความน่าสนใจ ที่น้องๆ สามารถนำไปทำตามได้ไม่ยาก สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่เด็กกิจกรรมไม่ควรลืมใส่ลงไปในพอร์ต ซึ่งก็คือผลงานสุดเด็ดจากการทำกิจกรรม 7 อย่างที่พี่ส้มจะนำมาเล่าสู่กันฟังนี่แหละค่ะ ว่าแล้วก็อย่ารอช้า มาชมกันเลย!
1. โชว์หลักฐานการเป็นผู้เข้าร่วมกิจกรรม
แม้ว่าสิ่งที่ควรโชว์ใน Portfolio คือสิ่งที่เป็นไฮไลท์และผลงานอันน่าชื่นชมของเรา แต่การเป็นผู้เข้าร่วมที่ดูธรรมดาๆ ไม่ว่าจะเป็นค่าย โอเพ่นเฮ้าส์ การอบรม หรือการแข่งขันที่แม้จะไม่ได้รางวัล ก็สามารถแสดงออกได้ว่าเราเป็นคนที่สนใจหาความรู้และประสบการณ์ใหม่ๆ ให้ตัวเองเสมอได้เช่นกันนะคะ โดยน้องๆ สามารถครีเอทให้น่าสนใจด้วยการแยกประเภทกิจกรรมไว้เป็นหมวดหมู่ แล้วดีไซน์จัดหน้ากระดาษเก๋ๆ เอากิจกรรมที่เคยเข้าร่วมแต่ละประเภทที่คิดว่าเด็ดที่สุดของเราแล้วไว้หน้านึงใหญ่ๆ ไปเลยก็ได้ หรือถ้าใครสามารถคิดคำโปรยเก๋ๆ เขียนลงไปพอกรุบกริบได้ ก็ยิ่งทำให้เราดูเป็นคนที่สะท้อนการเรียนรู้ในการทำกิจกรรมเป็นอีกต่างหาก เก๋กู้ดที่สุดค่ะ!
2. บอกให้โลกรู้ ว่าหนูนี่แหละคนทำผลงาน
เพราะผลงานทุกอย่างย่อมมาการจากลงมือทำ พี่ส้มจึงแนะนำให้น้องๆ ถ่ายรูปตัวเองตอนกำลังทำกิจกรรมต่างๆ ซึ่งอาจไม่ต้องเป็นงานที่เราไปเข้าร่วมก็ได้นะคะ จะเป็นงานอดิเรก หรือความสามารถพิเศษของน้องๆ ที่ทำได้ที่บ้านหรือโรงเรียน ที่มีหลักฐานในตอนที่เรากำลังทำอยู่ เช่น นั่งประดิษฐ์หุ่นยนต์กับเพื่อน ฝึกซ้อมกีฬา หรือเป็นชิ้นงานสุดประทับใจแล้วใส่เครดิตของเรา เช่น งานเขียน ภาพถ่าย ภาพวาด ที่มาจากฝีมือเราเอง ซึ่งต่อให้ไม่มีรางวัลการันตี แต่สิ่งเหล่านี้แหละค่ะที่สามารถแสดงถึงไลฟ์สไตล์ และความมุ่งมั่นในการฝึกฝนทักษะที่แท้จริงของน้องๆ รับรองว่ากรรมการเห็นแล้วต้องมีคะแนนความตั้งใจให้อย่างแน่นอนจ้า
3. ตัวแทนอย่างเรา เขาสนใจอยู่แล้ว!
ใครที่เป็นผู้ถูกรักและมักเป็นผู้ถูกเลือกจากเพื่อนๆ ให้มีหน้าที่อันทรงเกียรติในการเป็นตัวแทนผู้มีตำแหน่งสูงศักดิ์ ไม่ว่าจะเป็นท่านประธาน ท่านหัวหน้า ท่านรอง เหรัญญิก เลขา ที่แม้ว่าความเป็นจริงจะทำหน้าที่คล้ายๆ General เบ๊ แต่เรียนจบมัธยมไปก็อย่าเพิ่งเทหรือลืมหน้าที่นี้เป็นอย่างเด็ดขาดนะคะ เหนื่อยกับมันมามากแล้วก็มาเอากำไรจากมันด้วยการพรีเซ้นต์ตัวเองไปเลย ว่าหนูนี่แหละคนมีตำแหน่ง! เพราะนี่คือจุดที่สะกิดใจกรรมการเลยล่ะค่ะ เพราะเขาจะมองเราว่าเป็นคนที่มีความรับผิดชอบต่อส่วนรวม มีจิตสาธารณะ และมีความอึด ถึก ทน แถมยังเป็นที่รักของเพื่อนๆ ดูสวย ดูเลอค่า ดูนางงามมากเลยนะจ๊ะขอบอก!!!
4. อยู่เบื้องหลังก็อลังได้
น้องคนไหนที่ชอบปิดทองหลังพระ จะผ่านไปเป็นสิบงานไม่ค่อยออกสื่อซักเท่าไหร่ แต่จริงๆ เราเป็นคนชักใย จอมบงการ เอ้ย!!! คนวางแผนงาน ที่ไม่ว่าจะเป็นพี่ค่าย แม่งานจัดกิจกรรมต่างๆ ก็สามารถงัดรูปตอนนั่งทาสี เขียนป้าย ปีนบันใด มาเป็นไม้ตายขอคะแนนจากกรรรมการได้ไม่ยากเลยล่ะค่ะ เพราะนี่คือหลักฐานที่สามารถเป็นงานชิ้นโบว์แดง ที่โชว์ให้เห็นว่าเราคือคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ และสามารถทำงานร่วมกับคนหมู่มากและสามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าร้อยแปดพันเก้าได้ดี คนแบบนี้แหละค่ะคือคนที่มหาวิทยาลัยต้องการ ซึ่งถ้าใครเป็นคนขี้อายคิดคำพูดไม่ค่อยออก ถ้าถูกถามถึงผลงาน ก็กางหน้า Porfolio ส่วนนี้ให้กรรมการดู แล้วเล่าถึงการทำงานของเราไปตามความจริงก็ช่วยลดความประหม่าได้มากเลยค่ะ
5. เอกสารโครงการนี่แหละงานมาสเตอร์พีซ
ใครที่มีโอกาสได้จับงานใหญ่ตลอด ทั้งฐานะการเป็นผู้ร่วมโครงการ แขกรับเชิญ หรือผู้จัด แน่นอนว่าจะต้องมีหลักฐานเป็นชื่อเราบนเอกสารโครงการ ก็อย่าเพิ่งเอาไปช่างกิโลขายหาเงินค่าขนมซะก่อนล่ะ หยิบชิ้นที่คิดว่าเด็ดดวงพวงมาลัยที่สุด มาร้อยเรียงไว้ใน Portfolio ด้วยนะคะ เพราะโครงการที่น่าสนใจและเป็นที่รู้จักในวงกว้างสามารถเพิ่มเครดิตให้น้องๆ ดูเป็นวัยรุ่นที่มีกึ๋น จนผู้ใหญ่ต้องหันมาให้ความสนใจ ซึ่งถ้าใครมีทีเด็ดแบบนี้ต้องไม่ลืมที่จะเอามาพรีเซ้นต์ ให้คณะกรรมการรู้สึกถูกตาต้องใจจนอยากให้น้องมาเป็นลูกศิษย์ที่มาช่วยสร้างชื่อเสียงให้มหาวิทยาลัยเลยนะคะ
6. มงลง ได้ถ้วย ไม่ต้องอวยก็ชนะเห็นๆ
การทำ Portfolio ที่ดีนั้นไม่ควรเขียนข้อความอวดอ้างอวยให้ตัวเองดูดี แต่ควรให้ผลงานที่เรามีบอกยี่ห้อความเจ๋งให้เราเอง โดยเฉพาะใครที่มีของดีจริงๆ ชนะทุกเวทีประกวดแข่งขัน ก็อย่าลืมเอารางวัลมาโชว์ด้วยนะคะ โดยคัดเอารางวัลที่ใหญ่ๆ ขึ้นมาโชว์ ไม่ว่าจะเป็นรูปตอนรับรางวัล เหรียญ โล่ สายสะพาย เกียรติบัตร เอามาจัดวางเก๋ๆ ใช้สกิลกราฟิกดีไซน์ช่วยให้ดูทันสมัย ไม่ดูเป็นตู้กระจกวางโล่เก่าๆ เพื่อให้คณะกรรมการรู้สึกว่าเด็กคนนี้ไม่ไก่กา ธรรมดาซะที่ไหน เห็นทีจะต้องคว้าไว้ซะแล้ว!!!
7. ยิ่งมีโอกาสออกสื่อใหญ่ ก็ยิ่งทำให้ยืดได้อีก
ใครที่มีโอกาสได้นำผลงานไปแสดงโชว์ หรือเด่นดังในทางที่ดีจนมีสำนักข่าวต่างๆ มาขอสัมภาษณ์ เอาเรื่องราวของเราไปเผยแพร่ หรือแม้กระทั่งมีการตีพิมพ์ผลงานของเราลงในเอกสารวิชาการ จงอย่าลืมที่จะแคปเจอร์หรือสแกนไว้แล้วมาใส่ลงใน Portfolio ด้วยนะคะ ที่สำคัญต้องให้ติดเครดิของสื่อนั้นๆ มาด้วย เพราะนี่เป็นสิ่งที่ทำให้เราดูเป็นเด็กเก่งในระดับแอดวานซ์ขึ้นไปอีก ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจจะไม่เป็นที่สนใจของวัยรุ่นด้วยกัน แต่พี่ส้มขอบอกเลยว่ามันเตะตาผู้ใหญ่มากๆ เลยล่ะค่ะ
อธิบายไปครบทั้ง 7 ข้อแล้ว ใครที่เตรียมเข้ามหาวิทยาลัยแล้วมีหลักฐานหรือผลงานเจ๋งๆ ในข้อไหน ก็อย่าลืมงัดมาเป็นทีเด็ดของ Portfolio ของเรา ส่วนน้องๆ คนไหนที่กำลังสะสมผลงานอยู่ ก็อย่าลืมเก็บหลักฐานเจ๋งๆ แบบที่พี่ส้มบอกไว้เรื่อยๆ นะคะ จะได้ไม่ต้องรีบรนมาปั่นกันตอนท้าย เดี๋ยวข้อมูลไม่แน่นแล้วจะมาเสียดายตอนหลังได้นะคะ
1 ความคิดเห็น
ต้องทำอย่างน้อยกี่เล่มหรอคะ หรือทำแค่เล่มเดียว