คณะอักษรศาสตร์ / มนุษย์ศาสตร์ /
ศิลปศาสตร์ สาขาภาษาญี่ปุ่น
ตอนที่ 2/3 : ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย

        สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com ..... มาเจอกับ คณะในฝันกันเช่นเคยนะคะ ^^ สำหรับสัปดาห์นี้ เรายังคงอยู่กันที่ คณะอักษรศาสตร์ / มนุษยศาสตร์ / ศิลปศาสตร์ เอกภาษาญี่ปุ่น .... เอกที่มีคะแนนแอดมิชชั่นสูงจริงอะไรจริง ! และตามสัญญาค่ะ วันนี้ มาพร้อมกับรุ่นพี่คนหนึ่งที่เพิ่งเรียนจบสดๆ ร้อนๆ จากคณะอักษรศาสตร์ เอกภาษาญี่ปุ่น เชื่อว่าหลายคนคงจะต้องคุ้นหน้าคุ้นตากับเธอคนนี้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว อิอิ

สวัสดีค่ะดาว ก่อนอื่นช่วยแนะนำตัวเองหน่อยสิ :)
สวัสดีค่ะ ชื่อณัฐภัสสร สิมะเสถียร ชื่อเล่นดาวค่ะ ตอนนี้เพิ่งเรียนจบมาหมาดๆ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะอักษรศาสตร์ ภาควิชาภาษาตะวันออก เอกวิชาภาษาญี่ปุ่นค่ะ :)


ทำไมดาวถึงเลือกเรียนเอกญี่ปุ่นล่ะคะ เริ่มสนใจภาษาญี่ปุ่นมาตั้งแต่ตอนไหน เพราะอะไร ?
จริงๆ ตอนม.ต้นดาวตัดสินใจยังไม่ค่อยได้ค่ะว่าจะเรียนอะไรต่อ แต่ด้วยความที่ตอนนั้น ดาวยังทำงานในวงการบันเทิงอยู่บ้าง ก็เลยคิดว่าถ้าเรียนสายวิทย์อาจจะไม่ไหว ประกอบกับชอบเรียนภาษาด้วย ก็เลยคิดว่า อืม เรียนศิลป์ภาษาก็แล้วกัน

พอมาสอบเข้าโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ก็มานั่งคิดว่าจะเรียนภาษาอะไรดี ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดมากเท่าไหร่ค่ะ คิดแค่ว่าภาษาเยอรมันหรือฝรั่งเศส แทบทุกโรงเรียนก็มีสอนอยู่แล้ว แต่ภาษาญี่ปุ่นจะไม่ค่อยมีโรงเรียนที่สอนสายนี้เท่าไหร่ ก็เลยเลือกเรียนสายนี้ ฮ่าๆๆแปลกใช่มั้ยคะ? ดาวก็ว่าแปลกค่ะ เพราะดาวไม่ได้เลือกเรียนสิ่งที่เราชอบมากๆ เหมือนอย่างที่คนอื่นเลือกเพราะอาจจะชอบนักร้องญี่ปุ่น ดาราญี่ปุ่น การ์ตูนญี่ปุ่น หรืออะไรทำนองนั้น แต่สำหรับดาว ตอนนั้นดาวชอบทานอาหารญี่ปุ่นอย่างเดียว และไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับประเทศนี้เท่าไหร่เลย ก็เลยกลายเป็นว่าดาวอาจจะมีแรงบันดาลใจน้อยกว่าคนอื่นนิดหน่อย แต่เรื่องความตั้งใจ ดาวก็ตั้งใจเต็มที่นะคะ

พอตอนจะสอบแอดมิชชั่นเข้ามหาวิทยาลัย ดาวก็ลองเลือกอักษรฯ เอกญี่ปุ่น ไว้เป็นอันดับหนึ่งค่ะ เพราะเสียดายที่อุตส่าห์เรียนมาตั้ง 3 ปี แล้วผลการเรียนภาษาญี่ปุ่นของเราตอนม.ปลายก็ถือว่าใช้ได้ แล้วสุดท้ายก็ติดจริงๆ เรียกได้ว่าตอนนั้นที่เลือกก็จับพลัดจับผลูเหมือนกันค่ะ


ย้อนกลับไปตอนสอบแอดมิชชั่นเข้ามา เตรียมตัวยังไงบ้าง พอจะจำคะแนนแต่ละวิชาได้มั้ยคะว่าได้เท่าไหร่ ?
เตรียมตัวหนักมากค่ะ มากจริงๆ ด้วยความที่เรียนอยู่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา สภาพแวดล้อมโดนล้อมไปด้วยคนเก่งคนขยันทั้งนั้น ก็เหมือนเป็นแรงผลักดันให้เรามากยิ่งขึ้นค่ะ จำได้เลยว่า ทุกคนแบกหนังสือเตรียมสอบเล่มหนาๆ หลายๆ เล่มมาอ่านที่โรงเรียนตอนพักทุกวัน ดาวก็จะเป็นพวกเฮฮาอ่ะค่ะ ไม่ได้เครียดเลย แต่พอเห็นเพื่อนๆ เป็นแบบนั้นก็เลยเริ่มกลัว ก็เลยอ่านบ้าง ตอนนั้นพอเลิกเรียนก็กลับบ้านอ่านต่อถึงเที่ยงคืน แล้วก็ตื่นไปโรงเรียน เป็นอย่างนั้นประมาณซัก 2 เดือนค่ะ

และพอถึงช่วงใกล้ๆจะแอดมิชชั่นแล้วเนี่ย เป็นช่วงที่เหนื่อยมากๆ แล้วก็ต้องการกำลังใจเยอะมากจริงๆ ค่ะ ดาวจะเริ่มอ่านตั้งแต่ 9 โมงเช้าของทุกวัน พักแค่ทานข้าวเช้า กลางวัน เย็น ครั้งละหนึ่งชั่วโมง อ่านไปเรื่อยๆ จนถึงประมาณตี 3 ก็จะนอน เป็นอย่างนี้อยู่อีกเดือนนึงค่ะ ส่วนเรื่องคะแนน ก็ราวๆ 80%ทุกๆ วิชาค่ะ จำได้เลยว่าคะแนนรวมอยู่ที่ 8345 เต็มหมื่น เลขสามตัวสุดท้ายมันเรียงกันเลยจำง่ายหน่อย


คนที่จะเข้าไปเรียนเอกญี่ปุ่นในระดับมหาวิทยาลัยเนี่ย ควรจะต้องมีพื้นฐานในระดับไหนคะถึงจะดี ?
ดาวว่าต้องดีในระดับหนึ่งเลยนะคะ เพราะที่นี่หลักสูตรจะเข้มข้นมากๆ เอาเป็นว่า อย่างน้อยๆ ที่สุด น้องๆ ควรจะสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่นผ่านระดับ 3 ค่ะ แต่ไม่ต้องกังวลนะคะ เพราะด้วยระบบการคัดเลือกเองเนี่ย มันก็ค่อนข้างพิสูจน์ความสามารถทางภาษามาประมาณหนึ่งอยู่แล้ว ดาวเชื่อว่าคนที่เข้ามาเรียนได้ก็น่าจะมีความรู้ภาษาญี่ปุ่นอยู่ในระดับค่อนข้างดีค่ะ

แต่สิ่งที่สำคัญมากๆ จริงๆ คือน้องๆ ต้องชอบภาษาญี่ปุ่นนะคะ เพราะเราจะต้องอยู่กับมันอย่างลึกซึ้ง เรียกได้ว่าแทบจะทานแทนข้าวไปตลอดสี่ปี ไม่อย่างนั้นน้องๆ จะเหนื่อยมาก ท้อมาก ทรมานมาก เหมือนพี่ ฮ่าๆๆๆ เพราะอย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ว่า ดาวไม่ได้ชอบมากมายขนาดนั้น จับพลัดจับผลุมาโดยตลอด ก็เลยจะค่อนข้างทรมานนิดหน่อยค่ะ แต่สำหรับน้องๆ ที่ชอบอาจจะเป็นสวรรค์เลยก็ได้ค่ะ เพราะน้องจะได้อยู่กับมันทั้งยามหลับและยามตื่น ฮ่าๆๆ


ได้ยินมาเยอะมากว่า อักษรฯ เอกญี่ปุ่น เป็นเอกที่เก่งที่สุดจริงรึเปล่า ? เพราะแม้แต่คะแนนแอดมิชชั่นที่สอบติดเข้าไปอันดับสุดท้าย ก็ยังสูงปรี๊ดมากๆๆ
คะแนนแอดสูงก็จริง แต่ดาวไม่อยากให้คิดแบบนั้นค่ะ เพราะดาวเชื่อว่าทุกคนที่เข้ามาเรียนที่นี่ได้เนี่ย ทุกคนล้วนมีความสามารถทั้งนั้น แค่ว่าใครถนัดอะไรด้านไหนมากกว่า อย่างพวกเราเอกญี่ปุ่น ภาษาญี่ปุ่นก็จะเป็นสิ่งที่ถนัดหน่อย คะแนนตอนเข้ามามันก็เลยค่อนข้างสูง แต่สมมติถ้าวัดกันที่ภาษาอังกฤษ พวกเราก็คงสู้เอกอังกฤษไม่ได้อยู่แล้วล่ะค่ะ


ตั้งแต่เรียนมาจนปี 4 ดาวชอบวิชาไหนมากที่สุด เพราะอะไรคะ ?
ดาวชอบ Japanese conversation มากที่สุดค่ะ แต่ต้องบอกก่อนเลยว่า ตอนเรียนเนี่ยเกลียดมาก เพราะมันเหนื่อยมาก ยากมาก กดดันมาก เข้มงวดมากจริงๆ ค่ะ ตัวนี้จะบังคับเรียนตั้งแต่ Basic ตอนปีหนึ่งเลย จำได้ว่าเป็นวิชาแรกที่ได้เรียนกับอาจารย์ชาวญี่ปุ่น ซึ่งเข้มงวดมาก อย่างเวลาตอนทำข้อสอบ ถ้าอาจารย์พูดว่า STOP! ทุกคนต้องหยุดค่ะ ต้องโยนดินสอ ปากกาทิ้ง แล้วยกมือขึ้นเหมือนโดนโจรปล้นอย่างนั้นอ่ะค่ะ ไม่งั้นจะโดนหัก 20%

ฟังดูเหมือนขำ แต่ตอนนั้นไม่ขำเลย ทุกคนกลัวมาก หน้าซีดเหงื่อแตก ทำข้อสอบไม่ทัน เป็นกันหมด แต่พอถึงตอนนี้รู้เลยว่าวิชานี้มีประโยชน์มากจริงๆ ค่ะ อาจารย์ฝึกทั้งเรื่องสำเนียง มารยาทในการใช้คำพูดในสถานการณ์ต่างๆ เพราะคนญี่ปุ่นจะค่อนข้างละเอียดอ่อนและมีพิธีรีตองกว่าพวกเราชาวไทยเยอะเหมือนกัน ทำให้ดาวที่ระดับการฟังการพูดภาษาญี่ปุ่นตอนนั้นแย่มาก ก็ดีขึ้นเยอะเลยค่ะ เพราะเราต้องพูดต้องฟังเยอะมาก เลยทำให้ทุกวันนี้ สิ่งที่เรียนตั้งแต่ปีหนึ่งก็ยังจำได้อยู่เลยค่ะ วิชานี้เรียกได้ว่าเป็นตำนานของเอกญี่ปุ่น แต่ตอนนี้เสียดายมากๆ ที่อาจารย์ซึ่งเป็นตำนานของพวกเรา ท่านได้เดินทางกลับญี่ปุ่นไปแล้วค่ะ


แล้ววิชาไหนยากที่สุดล่ะ เพราะอะไรคะ ?
ยากที่สุด ก็วิชาเดียวกับที่ชอบที่สุดเลยค่ะ ก็คือ Japanese conversation นั่นเองค่ะ ที่ยากที่สุดเพราะว่าภาษาญี่ปุ่นไม่เหมือนกับภาษาอังกฤษที่เราเดินไปทางไหนก็ได้ยินและเรียนมาตั้งแต่เด็กมากๆ ภาษาญี่ปุ่นสำหรับดาวแล้ว เพิ่งมารู้จักมันจริงๆ ก็ตอนม.ปลายนี่เอง ทักษะการฟังการพูดของดาวเลยค่อนข้างแย่ค่ะ จำได้เลยว่าเข้าคาบนี้ครั้งแรก นั่งงง อาจารย์ไม่พูดไทยเลย และพูดญี่ปุ่นเร็วมาก ฟังแทบไม่รู้เรื่องเลย เป็นวิชาที่ลดอีโก้เราได้เยอะมากจริงๆ ค่ะ เราจะรู้สึกเป็นศูนย์ จนแทบจะติดลบเลย ข้อสอบก็ละเอียดมากๆ ตัวคันจิเขียนผิดแค่ติ่งเดียว อาจารย์ก็ให้ผิดทั้งข้อ จากที่ไม่เคยสอบตกเลยในชีวิต เพิ่งมาตกครั้งแรกก็ที่นี่แหละค่ะ จำได้เลยว่าตอนสอบครั้งแรก พอขึ้นรถกลับบ้านปุ๊บร้องไห้จ้าเลย เพราะเราเพิ่งรู้สึกถึงความรู้สึกที่ว่าเราทำไม่ได้จริงๆ ตอนนั้น เทอมแรกคว้า C+ มานอนกอดเลยค่ะ ฮ่าๆๆ แต่พอเราเริ่มจับจุดได้ ทุกๆ อย่างก็ค่อยๆ ดีขึ้นนะคะ พอถึง 2 ตัวสุดท้ายตอนปีสาม ก็ได้ A มาในที่สุด แต่ก็เหนื่อยลากเลือดเลยทีเดียว


มีหลายคนสงสัยว่า ถ้าเรียนเอกภาษาญี่ปุ่นจนจบปี 4 จะได้ความรู้ประมาณไหนคะ สามารถพูดหรือฟังออกทุกสิ่งเลยใช่มั้ย ?
ส่วนใหญ่ก็จะสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่นระดับ 1 ผ่านกันนะคะ ส่วนเรื่องที่ว่าจะฟังพูดได้ทุกสิ่งอย่างละเอียดเลยมั้ย บอกตรงๆ ว่าก็คงไม่ถึงขนาดนั้นค่ะ ยังไงเราก็ยังพูดไม่ได้ ฟังไม่ได้เหมือนเจ้าของภาษาเสียทีเดียว แต่จะเข้าใจสิ่งที่ได้ยินและตอบโต้ได้ค่อนข้างดี เอาเป็นว่าเวลาดูหนัง ดูละคร พวกเราก็จะดูกันได้เข้าใจค่ะ แล้วก็พวกการสนทนาทั่วๆ ไปในชีวิตประจำวันก็จะสามารถสื่อสารได้ดี เพราะฉะนั้นเวลาไปทำงานก็จะไม่ค่อยเป็นอุปสรรคเท่าไหร่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับทักษะของแต่ละคนด้วยค่ะ


แล้วเรื่องการสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่นถือว่ายากมั้ย ควรจะสอบได้ในระดับไหนถึงจะถือว่าโอเคคะ ?
ถามว่ายากมั้ย สำหรับดาวถ้าเป็นระดับหนึ่งก็ยากมากเลยล่ะค่ะ คำว่าระดับไหนถือว่าโอเคเนี่ย มันก็แล้วแต่กรณีค่ะ อย่างน้องๆ ที่จะแอดมิชชั่นเข้ามาที่คณะ ก็สักประมาณระดับ 3 ก็ได้ค่ะ แต่ถ้าได้ 2 เนี่ยจะดีมากๆ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าต้องได้นะคะ เราสามารถเข้ามาเรียนรู้ในคณะได้เพิ่มเติมอยู่แล้วค่ะ ไม่ต้องห่วง :) ส่วนระดับที่จะเข้าทำงานได้ ก็คงเป็นระดับ 2 ขึ้นไปค่ะ


ได้ยินว่ากันว่าหลายคนเรียนๆ ไปแล้วท้อ เพราะต้องจำและท่องตัวหนังสือเยอะมาก ดาวมีเคล็ดลับอะไรมั้ยคะ ?
ดาวก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ท้อค่ะ ท้อมากถึงขนาดจะออกไปแล้วแอดมิชชั่นใหม่ เพราะมันหนักจริงๆ สอบแต่ละครั้งเราต้องจำตัวคันจิไม่ต่ำกว่าสี่ร้อยตัว และยังมีเนื้อหาอื่นๆ อีกเป็นกอง เรียนลึกมากถึงตัวแก่นของภาษา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นดาวเชื่อว่าไม่มีอะไรจะเหนือไปกว่าความพยายามค่ะ ถ้าเรามีความพยายาม ความขยัน มีระเบียบวินัยในตนเอง เราจะสามารถผ่านพ้นมันไปได้แน่นอน ดาวเป็นคนหนึ่งที่กางหนังสือออกมาแล้วก็จะพุดกับตัวเองบ่อยๆ ว่า "เยอะขนาดนี้ ใครมันจะไปจำได้" แต่สุดท้ายแล้ว เราก็เลี่ยงไม่ได้อยู่ดี และเราก็ต้องจำมันอยู่ดี เพราะฉะนั้นเราก็สนุกไปกับมัน ค่อยๆ จำ ท่องบ่อยๆ อ่านบ่อยๆ พยายามไปเรื่อยๆ จนทุกวันนี้พอนึกถึงประโยคนั้นก็จะขำค่ะ เพราะสุดท้ายแล้ว ก็เรานี่ไงที่ทำได้ เพราะฉะนั้นเคล็ดลับอะไรไม่ต้องมีก็ได้ค่ะ น้องๆ พกความพยายาม ความขยันเข้ามา น้องๆ ก็จะประสบความสำเร็จได้แน่นอนค่ะ :)


มาพูดถึงบรรยากาศการเรียนของคณะอักษรฯ เอกญี่ปุ่น ที่จุฬาฯ บ้างดีกว่า เป็นยังไงบ้าง ?
ตอนแรกเลยเนี่ย เราจะไม่คุ้นกันค่ะ แล้วพวกเรามากันจากหลายๆ ที่มากๆ นิสัยเราก็จะต่างๆ กันไป อย่างกลุ่มดาวเนี่ย จะเป็นพวกเอ็นเตอร์เทนค่ะ คนอื่นเขาเรียนกัน พวกดาวก็จะยุกยิกๆ กินบ้าง คุยบ้าง หลับบ้าง ชอบชวนอาจารย์คุยนอกเรื่องฮ่าๆๆ แล้วก็จะมีเพื่อนๆ ที่ตั้งใจเรียนมากอยู่ด้วย ตอนแรกๆ ก็เหมือนจะเข้ากันไม่ได้นะคะ แต่พอผ่านไปเรื่อยๆ เราก็ปรับตัวเข้าหากัน จนทุกวันนี้พวกเราทุกคนรักกันมากเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกันไปแล้วค่ะ

ส่วนบรรยากาศในการเรียนก็แล้วแต่วิชานะคะ บางวิชา(ซึ่งก็คือส่วนใหญ่)จะค่อนข้างเครียด เพราะด้วยตัวเนื้อหาที่ยาก ถ้าไม่ตั้งใจก็จบเลยค่ะ แล้วก็จะมีวิชาที่เฮฮา ซึ่งกลุ่มดาวจะถนัดวิชาพวกนี้มาก เรียกได้ว่า ถ้าเครียดดาวลา ถ้าฮาดาวขอ ฮ่าๆๆ ล้อเล่นค่ะ เอาเป็นว่าบรรยากาศส่วนใหญ่จะอบอุ่นค่ะ เพราะเอกเราคนจะไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ เวลาเรียนก็จะเรียนอยู่ด้วยกันกลุ่มน้อยๆ เนี่ยแหละค่ะ เจอหน้ากันทุกวัน ถึงเนื้อหาเราจะยากแต่เพื่อนๆ ทุกคนจะช่วยกันค่ะ จะไม่มีใครแข่งกับใครพวกเราจะช่วยกันเรียน กอดคอไปพร้อมๆ กันค่ะ :)


สุดท้ายแล้ว อยากให้ดาวฝากถึงน้องๆ ที่อยากเรียนเอกภาษาญี่ปุ่นด้วยค่ะ
พี่ดาวอยากให้น้องๆ ทุกคนถามตัวเองให้ดีค่ะ ว่าน้องๆ ชอบเรียนอะไรจริงๆ ไม่ใช่แค่อยากเรียนเพราะที่นั่นมีชื่อเสียง หรืออิงแค่สถาบัน เพราะความรู้ที่น้องได้ รวมถึงสี่ปีในรั้วมหาวิทยาลัยของน้องจะเป็นอย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจครั้งนี้นะคะ น้องๆ คนไหนที่แน่ใจแล้วว่า หนูอยากเรียนเอกญี่ปุ่น ก็ขอให้น้องๆ ตั้งใจค่ะ เตรียมตัวอ่านหนังสือเยอะๆ ทำข้อสอบเก่าเยอะๆ ตั้งใจเรียนในห้องให้มาก เเล้วก็ทำเกรดตอนม.ปลายให้ดี เพราะมันจะเป็นคะแนนที่ช่วยในการแอดมิชชั่นได้มากพอสมควรทีเดียว

พี่ดาวเชื่อค่ะว่า ไม่มีอะไรที่จะเกินความสามารถของเราไปได้ถ้าเราตั้งใจถ้าเราพยายาม และพี่ดาวก็อยากให้น้องๆ เชื่อแบบนั้นเช่นกัน ถ้าน้องๆ ได้เข้ามาเป็นรุ่นน้องของพี่แล้ว น้องๆ จะทราบค่ะว่า ที่นี่ไม่ได้ให้เพียงแค่ความรู้เท่านั้น แต่ยังให้ประสบการณ์ดีๆ มิตรภาพดีๆ แก่น้องๆ ได้มากด้วย เพราะฉะนั้นพี่ดาวอยากให้น้องๆ ตั้งใจทำให้ดีที่สุดในทุกๆ วันนะคะ ในชีวิตเราจะมีสักกี่ครั้งที่ได้ทำให้คุณพ่อคุณแม่ของเราภาคภูมิใจ การสอบแอดมิชชั่นนี้เป็นโอกาสที่ดีที่น้องจะได้ตอบแทนพระคุณของคุณพ่อคุณแม่ด้วยการทำให้ท่านภาคภูมิใจได้ ดังนั้นพี่ดาวอยากให้น้องๆ เต็มที่ค่ะ ถ้าเหนื่อย ถ้าท้อขอให้นึกถึงคุณพ่อคุณแม่ นึกถึงอนาคตที่ดีเอาไว้แล้วเราจะมีแรงสู้ต่อ พี่ดาวเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่มีความพยายามค่ะ ถ้ามีอะไรปรึกษาก็ถามมาได้ตลอดนะคะ สู้ๆค่ะ ;)

 


         อ่านจบแล้วประทับใจมากๆ ทั้งสวยทั้งเก่งครบเครื่องแบบนี้ ขอปรบมือให้จากใจเลยค่ะ ! น่าเอาเป็นตัวอย่างมากๆ .... น้องๆ คนไหนที่อยากเรียนเอกญี่ปุ่น (หรือเอกอื่นๆ) ก็อย่าลืมเอาเคล็ดลับความเก่งจากดาวไปใช้ด้วยนะคะ รับรองว่าเป๊ะแน่นอน ! 

พี่เป้
พี่เป้ - Columnist มนุษย์บ้างานและบ้านวด ผู้ตกหลุมรักปลาแซลมอน การนอน และและออฟฟิศ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

23 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
คนที่ผ่านมา 23 มี.ค. 54 12:19 น. 5
ติดอักษรจุฬาแล้วแหละ ยื่นญี่ปุ่น อยากเอกญี่ปุ่นนะแต่ไม่รู้จะไหวรึเปล่า

อืม อ่านหนังสือ9โมง-ตีสามเหรอสุดยอดจริงๆ ของเราแค่7โมง-4ทุ่มแฮะ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
อิอิอิ 23 มี.ค. 54 13:56 น. 7
สุดยอดเลยค่ะพี่ดาว หนูก็คิดว่า ความพยายาม ความขยัน คือสิ่งเดียวที่เราจะผ่านสิ่งต่างๆไปได้
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Blue 24 มี.ค. 54 02:58 น. 11
ตอนนั้นเราอยู่ป.2 เห็นพี่ดาวเป็นดรัมเมเยอร์ใส่ชุดสีฟ้าๆตอนพี่เค้าป.6 สวยมากๆๆ ตอนนั้นมองลงไปจากอาคาร2 รู้สึกว่าพี่เค้าสวยมากเลยย เป็นกันเองกับน้องๆด้วยย ร้องเพลงเพราะดีค่ะ เป็นจุฬาคทากรรุ่นพี่แต้วด้วยนิ่คะ ปลื้มค่ะปลื้มมมม
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กุญแจ Member 24 มี.ค. 54 13:29 น. 13

อังษร จุฬา คณะในฝัน เอกญี่ปุ่น เฮ้อ อย่าเราคงทำไม่ได้หรอกนะ แง่ๆ อยากร้องไห้ ฝันให้ไกลไปไม่ถึง อย่าน้อยก็ขอแค่ติด ศิลปกรก็ยังดีนะ เรา

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
แคนดี้ที่รัก 28 มี.ค. 54 12:47 น. 16
เราฟอลโล่ทวิตเตอร์พี่เค้าอยู่ เค้าคุยดีมากกกเลย ชอบทวิตอะไรขำๆอ่ะ ใครอยากคุยก้ไปฟอลโล่เค้าและกานนนนนน twitter.com/zzdaozz
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
เชื่อเลย 6 เม.ย. 54 16:17 น. 18
อักษรนี่มีคนหลายแบบเนอะ บางคนหัวไม่ค่อยดีแต่
พยายามมากๆ ส่วนดาวโอเกะเป็นคนหัวดีมากๆ
แต่ขี้เกียจเรียนหนังสือ อ่านที่เธอเล่าแล้วจริงใจ
ดี คือไม่สร้างภาพว่าเธอเป็นคนขยันหรือเป็นเด็ก
เรียน ถ้าจะหาตัวอย่างที่ดีของเด็กเรียนคงไม่ใช่
เธอ (ท่าทางเธอจะเป็นที่รักของเพื่อนๆ มีภาพ
ตลกๆ ด้วย)
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด