สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นแนะนำตัวแก่เพื่อนๆ หน่อยสิ ^^
น้องเบส : สวัสดีค่ะ ชื่อรุจิราภรณ์ ธรรมสิทธิ์ โรงเรียนฤทธิยะวรรณาลัย 2 แผนคณิตศาสตร์-วิทยาศาสตร์ ม.6 ค่ะ
น้องมุก : จันทรรัตน์ ธรรมวงศ์ ชื่อเล่นมุก อยู่โรงเรียนนางรอง แผนการเรียนวิทย์คณิตค่ะ
ทำไมน้องๆ ถึงสนใจอยากเรียนเอกภาษาเกาหลีล่ะคะ
น้องเบส : เพราะมีคนรู้จักเป็นคนเกาหลีค่ะ และส่วนหนึ่งคือชอบนักร้องเกาหลีค่ะ เคยได้ไปอยู่ที่ประเทศเกาหลีประมาณ 1 เดือน ได้เห็นความเป็นอยู่ วัฒนธรรมของเขา เลยรู้สึกชอบ และเป็นแรงกระตุ้นให้อยากเรียนอ่ะค่ะ
น้องมุก : เพราะชอบค่ะ และก็เป็นภาษาเดียวที่หัดศึกษาด้วยตัวเอง ประกอบกับไม่ชอบวิชาทางด้านวิทย์คณิตเอามากๆ (ที่โรงเรียนยังไม่มีเปิดสอนทางด้านศิลป์ภาษา) เลยเริ่มมองหาทางออกให้ตัวเอง แล้วเราก็มาคิดได้ว่าไม่มีพื้นฐานภาษาอื่นเลย ภาษาอังกฤษก็ไม่ค่อยชอบเพราะเรียนมาตั้งแต่เด็กแล้วยังพูดไม่ได้ แล้วจะทำยังไงล่ะทีนี้ วันหนึ่งมองไปที่โปสเตอร์ศิลปินเกาหลีที่เราชอบบนห้อง นี่ล่ะ...ภาษาเกาหลีเลย จะมองภาษาอื่นอีกทำไม ที่เราชอบก็อยู่ตรงนี้แล้ว เราต้องพิสูจน์ให้ทุกคนได้รู้ให้ได้ว่าเราไม่ไร้สาระ ก็เลยเลือกเรียนภาษาเกาหลี
ปกติแล้วชอบนักร้องดาราหรือวัฒนธรรมเกาหลีเป็นทุนเดิมรึเปล่า ถ้าชอบใครระบุหน่อยนะ
น้องเบส : ชอบ ดงบังชินกิ ค่ะ เป็นไอดอลในดวงใจ ^^
น้องมุก : ชอบค่ะ จะเรียกว่าเป็นจุดเริ่มต้นเลยก็ได้ ตอนนี้เป็นแฟนคลับของวง FTISLAND ค่ะ
น้องมุก
คิดยังไง เวลามีคนบอกว่า เราเรียนภาษาเกาหลีเพราะบ้าดาราหรือตามกระแส
น้องเบส : การที่เราอยากเรียนภาษาที่ 3 นั้นเป็นสิ่งที่ดี ไม่ว่าจะเป็นภาษาใดก็ตาม การเรียนภาษาเพิ่มมันจะส่งผลดีต่อการทำงานของเราด้วยซ้ำไป เพราะการที่เรารู้ภาษาที่ 3 เวลาไปสมัครงาน เขาอาจจะพิจารณาเราเป็นพิเศษเพราะมีความสามารถพิเศษทางด้านภาษาค่ะ
น้องมุก : ก็ไม่คิดอะไรมากมายค่ะ เพราะยิ่งคิดก็ยิ่งกดดันตัวเอง แต่ละคนมองคนละมุมต่างกันไปเป็นเรื่องธรรมดา แค่เราตั้งใจทำในสิ่งที่เราเลือกให้ดีที่สุดก็พอ ถึงจะเรียกว่าบ้า ก็เป็นบ้าในทางที่ดี และบ้าเลือกใช้มันให้เป็นประโยชน์กับตัวเอง เผลอๆ อาจจะบ้าจนเรียนจบแล้วได้ใบปริญญามาให้พ่อแม่ชื่นชมก็ได้นะคะ
แล้วตอนนี้มีพื้นฐานภาษาเกาหลีแค่ไหนแล้ว
น้องเบส : รู้แต่คำศัพท์พื้นฐานทั่วไปค่ะ เช่น การแนะนำชื่อตัวเอง คำศัพท์เกี่ยวกับครอบครัว คำศัพท์เกี่ยวกับสิ่งของบ้างเล็กน้อยค่ะ
น้องมุก : อ่านออกเสียง เขียน พูดได้แค่ประโยคเบสิคๆ ตอนนี้ก็กำลังศึกษาพวกไวยากรณ์ให้มากขึ้น รอเปิดเทอมค่ะ
แล้วอนาคตอยากทำงานอะไรคะ
น้องเบส : อยากเป็นไกด์ค่ะ
น้องมุก : เป็นคนชอบอ่าน ชอบเขียน ก็เลยคิดว่าอยากทำงานที่ได้อยู่กับพวกเอกสารงานแปลค่ะ
มีคำถามหรือข้อสงสัยอะไรเกี่ยวกับคณะนี้บ้าง
น้องเบส : มศว ตอน ปี 3 ที่ไปเรียนที่พูซาน สอบคัดเลือกไปใช่ไหมคะ? แล้วมีทุนระหว่างเรียนหรือเปล่าคะ?
น้องมุก : อยากทราบว่า รุ่นพี่ที่เรียนจบในสาขานี้ ตอนนี้ทำงานที่ไหนกันบ้าง แล้วก็งานชิ้นสุดท้ายก่อนจบเป็นงานแบบไหน อาจารย์ที่สอนภาษาเกาหลีดุมากหรือเปล่า มีให้ท่องคำศัพท์เยอะหรือเปล่าคะ (ได้ยินจากรุ่นพี่อีกมหาลัยนึงมา) ถามเยอะไปมั้ยเนี่ย ฮ่าๆ
นั่นก็คือน้องๆ ทั้ง 2 คนที่ตั้งใจเต็มที่กับเอกภาษาเกาหลี พี่เป้ ก็ขออวยพรล่วงหน้าขอให้ทั้ง 2 คนโชคดีนะคะ ^^ ถือว่าเป็นเรื่องดีมากๆ ที่นำสิ่งที่เราชอบมาเปลี่ยนเป็นความรู้ใส่ตัว เพราะจะช่วยทำให้เราเรียนได้สนุกและมีความสุขมากๆ ว่าแต่มีใครที่สนใจเรียนเอกภาษาเกาหลีบ้าง ก็มาส่งเสียงพูดคุยกันได้ที่คอมเม้นท์ด้านล่างเลยค่ะ
41 ความคิดเห็น
แล้วก็เรียนเอาไว้เวลาเจอคนเกาหลี
แล้วก็เอาไว้ร้องเพลงเกาหลีด้วย
แต่กลัวออมม่า(แม่)
ไม่ปลื้มT T
อยากเรียนภาษาเกาหลีมากค่ะ เป็นเพราะทั้งสองอย่างเลยคือตามกระแส+อยากเรียนรู้จริงๆ
กระทู้นี้
อยากเรียนมากๆๆๆ
ตอนนี้ก็จะขึ้นปีสี่แระ
ถึงจะไม่ได้เอก แต่ก็ได้เริ่มเรียนภาษาเกาหลีเหมือนกัน
เลยมีอะไรอยากบอกถึงน้องๆที่อยากเรียน
ภาษาทุกภาษายากเหมือนกันหมด ศัพท์ต้องเยอะอยู่แล้ว ถ้าอยากจะอ่านออกเขียนได้
เกาหลีเป็นภาษาที่ศัพท์เยอะมาก ถ้าใครอยากเรียนจริงๆ ให้ทำใจเรื่องนี้ไว้ได้เลย
เวลาท่องศัพท์ ให้เจาะไปถึงพยางค์ของมันเลย อาจจะเสียเวลาหน่อย
แต่ทำให้เรารู้จริง จำได้ง่ายขึ้นมาก เพราะพอรู้ความหมายรากศัพท์
พอเราเห็นพยางค์นี้ในศัพท์อื่นๆ มันจะช่วยให้เราเดาได้ทันทีว่าความหมายคืออะไร
กฎยกเว้นเวลาสร้างประโยคก็เยอะพอสมควร
แต่ก็ขอให้เข้าใจเถอะ ทุกภาษามีกฎยกเว้นหมด ไม่ว่าจะเรียนภาษาไหนก็ต้องเจอ
เพราะงั้นอย่าท้อเพราะเรื่องนี้นะ ค่อยๆทำความเข้าใจไป
ส่วนความง่ายก็มีอยู่นะ อย่าเพิ่งตกใจ
ภาษาเกาหลีเป็นภาษาเอเชียเหมือนภาษาไทย
เพราะฉะนั้นบางอย่าง พี่รู้สึกว่ามันเหมือนภาษาไทยเลย
แล้วก็ในความเห็นของพี่นะ ใครที่ไม่ได้เรียนภาษาเกาหลีในมหาลัย
แต่อยากจะเรียนเอง ก็สามารถทำได้ ซื้อหนังสือแกรมม่าก็ได้ หรือเว็บสอนทั่วไปก็ได้
ถ้าอยากอ่านเขียนให้ได้ไวหน่อย เรียนแกรมม่านำไปไกลๆให้เยอะที่สุดเลย
แต่ก็ไม่ให้ทิ้งศัพท์นะ ศัพท์ก็ค่อยๆท่องไปเรื่อยๆอย่างสม่ำเสมอ
ที่บอกว่าให้เรียนแกรมม่าไปก่อนเลยเพราะว่า
พอเราไปเห็นประโยคที่ไหนเราจะแปลประโยคได้ว่าอันนี้แปลว่า ไม่.., ไม่สามารถ, สามารถ
อะไรพวกนี้ ส่วนไม่อะไร ไม่สามารถอะไร เราก็ไปเปิดคำกริยาในดิกต่อได้
พอรู้ความหมายศัพท์แล้ว ก็จะรู้เลยว่า อ้อ นี่แปลว่า ไม่กิน ไม่สามารถกิน หรือสามารถกิน
ซึ่งต่างกับ รู้แต่ศัพท์แต่แกรมม่าไม่ถึงไหน อยู่นะ
รู้ศัพท์ แปลศัพท์ออกทุกตัวเลย แต่ไม่รู้ว่านี่รูปประโยคปฎิเสธหรือคำถามหรืออะไร
เพราะมันมีแต่ศัพท์ๆๆ แต่ไม่รู้ว่าประโยคนั้นหมายความว่าไงอยู่ดี
เข้าใจที่พี่พูดใช่มั๊ย :'D
นี่ก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งที่อยากจะบอก
ให้น้องๆได้เตรียมตัวเตรียมใจก่อนไปเรียนภาษาที่น้องๆรักต่อไปนะ
ถ้าเรายอมรับได้ก่อน มันอาจจะทำให้ดีกว่าไปเจอยากปุ๊บ น้องไม่เข้าใจ ยอมรับไม่ได้ ท้อ เลิกเรียน
ยังไงก็ขอให้โชคดีนะคะ ขยันๆท่องศัพท์
คลุกคลีบ่อยๆ อย่าขี้เกียจเปิดดิกเวลาเจอศัพท์ไม่เข้าใจ
ยิ่งเปิดบ่อย เราจะยิ่งจำได้เอง เพราะเห็นบ่อย
ไฟท์ติ้งจ้า :D
เรียนอยุ่กับคนเกาหลีอะ
แต่ตาม คห。16 บอก แกรมม่ามึนจริงๆ
อังกฤษ จีน ไทย แกรมม่าพอไปด้วยกันได้
เหนื่อยมากก ฟังออกแต่เรียงพูดเองเป็นถูกๆยากเหลือเกิน = =