ประกาศผลกันออกมาแล้วสำหรับการสอบ กสพท. น้องหลายคนที่ติดก็เกิดคำถามต่อมาว่า พี่คะ สอบสัมภาษณ์ยากมั้ย? ยังไง? อะไร? พี่เมษ์เลยไปทำการสำรวจ และสอบถามจากพี่ๆ ที่ผ่านการสอบสัมภาษณ์ กสพท. มา เพื่อค้นหา 10 คำถามที่เจอแน่ ตอนสอบสัมภาษณ์ รอบ กสพท. มาฝากน้องๆ กัน
อย่างที่น้องๆ ได้ถามกันเข้ามาว่า เอ๊ะ หนูจะตอบคำถามได้มั้ย? คำถามจะยากรึเปล่า? อาจารย์จะถามอะไรบ้าง? ฯลฯ ,, พี่เมษ์ว่าอย่ามัวแต่กังวลกันเลยค่ะ มาเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับคำถามที่น่าจะเจอในห้องสัมภาษณ์กันดีกว่า เวลาน้องๆเข้าสอบสัมภษษณ์จะได้ไม่เหวอเมื่อเจอคำถามจริงๆกัน
- ทำไมอยากเป็นหมอ / คิดยังไงมาเรียนแพทย์
คำถามนี้เจอกันแน่ๆ 99% เลยนะคะ เพราะคณะกรรมการสอบสัมภาษณ์เกือบทุกสถาบันต้องการรู้ว่าน้องคิดอะไรอยู่ เพราะทุกคนต้องฝันจะเป็นแพทย์ถึงมาสอบเข้าใช่มั้ย แต่มันต้องมีอะไรสักอย่างที่บอกว่า เห้ย!เราอยากเป็นเพราะ..... ขอให้น้องๆ ตอบตามความจริง แต่เหมาะสม เช่น ชอบกลิ่นโรงพยาบาล, อยากช่วยคน(คำตอบนี้แอบนางงามนะ น้องควรบอกด้วยว่าทำไมถึงอยากช่วยคน), ผมเป็นเด็กซน เคยขาหัก แขนหัก ซี่โครงหัก คุณหมอใจดีเลยอยากเป็นแบบคุณหมอ ฯลฯ
พี่เมษ์เชื่อว่า ทุกคนที่มีฝัน ต้องมีอะไรสักอย่างที่อยู่ในใจ ค้นดูให้เจอคำตอบนะคะ เพราะนอกจากจะเป็นคำตอบสำหรับการตอบคำถามแล้ว น้องอาจจะเจอพลังที่จะผลักดันให้น้องสู้ตลอดระยะเวลา 6 ปีต่อจากนี้ค่ะ
- แพทย์ต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้าง / คิดว่าจะเป็นหมอต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้าง
คำถามนี้ถามเพื่อเช็คน้องๆ ว่า น้องๆ คิดว่าคนแพทย์เค้าควรมีอะไรบ้าง นอกจากวัดความรู้ของน้องต่อวิชาชีพที่น้องสนใจแล้ว ยังเป็นการถามเพื่อดูแนวความคิดของน้องด้วย ดังนั้นคำถามนี้ก็สำคัญ ควรหาคำตอบที่เป็นตัวตนของตัวเองเพราะกรรมการท่านทราบว่าแพทย์ควรมีคุณสมบัติอะไร แต่ท่านอยากรู้จักตัวตนน้องๆ มากกว่านะ โดยน้องอาจจะตอบว่า “หนูคิดว่า คนเป็นหมอต้องมีจิตใจดี มีระเบียบ รอบคอบ และที่สำคัญหนูคิดว่าหมอต้องมีเมตตาและเห็นคุณค่าของทุกชีวิตเท่าเทียมกัน” ,, แอบบอกนิดนึงว่า การหาข้อมูลเรื่องจรรยาบรรณแพทย์มาปรับให้เป็นภาษาตนเอง จะทำให้น้องๆ ตอบได้ดีขึ้นนะจ๊ะ
- อะไรในตัวคุณที่คิดว่าเหมาะจะเป็นแพทย์
จะเรียนแพทย์ทั้งทีก็ต้องรู้จักตัวเอง ที่กรรมการสัมภาษณ์ถามแบบนี้เพราะท่านอยากรู้จักน้องๆ และอยากให้น้องๆ ถามตัวเองเช่นเดียวกัน ว่าน้องมีจุดเด่นอะไรบ้างที่คิดว่า เนี่ย เราควรได้เป็นหมอเพราะ .... แล้วก็ให้เหตุผลประกอบเพื่อให้คำตอบน่าเชื่อถือขึ้นนะคะ
ตัวอย่างคำตอบ เช่น “หนูคิดว่า หนูใจเย็นค่ะ คนเป็นหมอถ้าใจร้อนอาจทำให้การวินิจฉัยโรคหรือการรักษาผิดพลาดได้” หรือ “ผมเป็นคนแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าได้อย่างมีสติครับ เพราะการเป็นหมอเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าคนไข้ของเราจะป่วยหรือบาดเจ็บมาขนาดไหน ถ้าผมไม่มีสติที่ดีและการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่เหมาะสมอาจจะส่งผลต่อผู้ป่วยได้ครับ”
- คิดว่าจะเรียนไหวเหรอ / เกรดแค่นี้เรียนไหวหรอ
เป็นคำถามทดสอบอารมณ์น้องๆ นะคะ อย่าเพิ่งหน้าเสียหรือแสดงอาการประหม่า ให้มองอีกมุมว่ากว่าจะเป็นหมอสักคน รัฐและมหาวิทยาลัยต้องสนับสนุนเงิน อุปกรณ์และบุคลากร อาจารย์สำหรับการเตรียมบุคลากรทางการแพทย์อย่างน้องๆ มหาศาล ถ้าน้องเข้ามาแล้วเรียนไม่ไหว มันก็เป็นการลงทุนที่สูญเปล่า คณะกรรมการถึงต้องการความมั่นใจจากน้องๆ นั่นเอง
ขอให้น้องๆ แสดงความมั่นใจให้กรรมการรับรู้ อาจจะตอบว่า “เรียนได้แน่ๆ ค่ะ และจะตั้งใจเรียนเป็นอย่างดี” หรือถ้าเกรดน้อยมาก น้องก็อาจจะตอบว่า “ถึงเกรดหนูจะน้อย แต่หนูเชื่อว่าหนูมีความพยายามและความตั้งใจในการเรียน และจะสามารถเรียนได้แน่นอน” พี่เมษ์ขอบอกเลยนะคะ ว่า “สายตา” สามารถแสดงความหนักแน่นของคำตอบนี้ได้ดีกว่าคำพูดที่สวยหรูนะ
- ปรับตัวได้มั้ย / ในสภาวะความกดดันที่มีคนเก่งมากๆ จะไหวรึเปล่า
แน่นอนว่าเรียนหมอ มีแต่คนเก่งแน่ๆ ทุกคนต้องมุ่งมั่นทุ่มเท เป็นคณะที่ว่ากันว่ารวมคนเก่ง เจอแต่คนเก่งๆ เหมือนกัน คนที่เคยเก่งมาก ถ้าอยู่ในที่ที่ไม่เก่งเท่าเดิม บางคนก็เฟลล์ กรรมการสอบสัมภาษณ์เลยลองสมมติเหตุการณ์ ขอให้น้องตอบตามความรู้สึกค่ะ ถ้าน้องคิดว่ากดดัน แต่อย่าลืมว่า ต้องเติมประโยคคำถามให้ดูเหมาะสมด้วย เช่น “ผมคิดว่าต้องกดดันแน่นอนครับ แต่ผมมีความพยายาม ความตั้งใจและใฝ่ฝันจะเรียนหมอ ยังไงผมก็เชื่อว่าตัวเองจะสามารถผ่านความกดดันนั้นไปได้ครับ” หรือ “หนูไม่กดดันค่ะ เพราะการมีคนเก่งมารวมกันทำให้หนูอยากจะพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้นด้วยค่ะ”
- ตอนเข้ามาเกรดเยอะ ถ้าเข้ามาเรียน เกรดลด จะทำใจได้รึเปล่า
ถ้าเกรดน้องๆ ที่เข้ามาเยอะมากกกกก แต่การเรียนหมอเนี่ยไม่ง่าย น้องอาจจะเจอเกรดที่ทำให้เกิดอาการหวีดร้องได้ น้องจะไหวหรือเปล่า ขอให้ตั้งสติอีกเช่นกัน เพราะการแสดงสีหน้าช็อกๆอาจทำให้กรรมการประเมินน้องไปอีกแบบนึงเลยนะ
ขอให้น้องๆ พูดจากความรู้สึก ถ้าน้องรับได้ก้บอกไปเลยค่ะว่า “หนูคิดว่าหนูทำใจได้คะ เพราะจากที่คุยกับรุ่นพี่หลายๆ คนก็เคยบอกเอาไว้เหมือนกัน แต่ก็จะพยายามเต็มที่ค่ะถึงเกรดจะลดหนูก็ตั้งใจต่อไป” หรือ “ผมคิดว่าผมรับไมได้ครับ แต่ผมก็จะไม่ท้อ ผมเลือกแล้วว่าจะทำอาชีพนี้ ผมก็จะทำให้สำเร็จ เอาความผิดพลาดมาเป็นบทเรียนครับ”
- คุณเลือก .... อันดับ 1 นี่ แล้วคุณจะมาเรียนที่เราทำไม คุณไม่ไปเรียนที่คุณเลือกไว้อันดับ 1
ในกรณีที่น้องๆ ไม่ติดคณะที่เลือกเป็นอันดับ 1 แต่ไม่ติดในอันดับ1 ขอให้น้องๆ ยิ้ม และตอบกรรมการในคำถามนี้ให้ชัดเจนเลยว่า น้องภูมิใจแค่ไหนที่สามารถสอบติดได้ที่นี่ และดีใจแค่ไหนที่สอบติดคณะในฝันของตัวเอง เช่น “ผมดีใจมากครับที่สามารถสอบติดได้ที่นี่ ถึงแม้จะไม่ใช่อันดับ 1 ที่ผมเลือก แต่ทุกอันดับที่ผมเลือกคือคณะอันดับ 1 ที่ผมใฝ่ฝัน และผมก็ภูมิใจมากจริงๆ ที่มีโอกาสได้เข้ามาเรียนที่นี่” หรือ “หนูอาจจะไม่ติดในคณะอันดับ 1 แต่ทุกคณะที่หนูยื่น หนูตั้งใจที่จะเรียนจริงๆ ค่ะ” แค่นี้ก้เรียกรอยยิ้มจากกรรมการสอบสัมภาษณ์ได้แล้วค่ะ เพราะได้แสดงให้ท่านรู้ว่า น้องเคารพและให้เกียรติที่นี่ไม่น้อยกว่าอันดับ 1 ที่น้องเลือกไว้
- คิดว่าคุณจะทำตามระเบียบคณะได้มั้ย
แน่นอนว่าการเป็นหมอไม่ได้มีเฉพาะความรู้ แต่ข้อบังคับ หรือข้อควรปฏิบัติก็มีเช่นกัน ดังนั้น การเข้ามาอยู่ในกฏระเบียบที่อาจจะแตกต่างกับคณะหรือวิชาชีพอื่นๆ อาจจะทำให้น้องๆ อึดอัดหรือไม่ชอบใจ คณะกรรมการสัมภาษณ์อยากให้น้องๆ ได้คิดนั่นเองค่ะถึงถามคำถามนี้ น้องๆ ควรมั่นใจในคำตอบ เช่น “ทำได้แน่นอนครับ/ค่ะ” โดยอาจจะเสริมความมั่นใจในคำตอบโดยให้เหตุผลไปด้วยนั่นเองค่ะ เช่น “หนูได้เข้ามาคณะนี้แล้ว หนูก็จะเคารพและปฏิบัติตามกฏคณะแน่นอน เพราะหนูตั้งใจที่จะเข้ามาที่นี่จริงๆ”
- มีอุปสรรคในการเรียนอะไรบ้างที่กังวล
หมอ ไม่ได้เรียนกันง่ายๆ คณะกรรมการคุมสอบท่านก็เป็นห่วงน้องๆ เช่นกัน อาจจะเป็นการเก็บข้อมูลเพื่อพัฒนาต่อไป พี่เมษ์แนะนำว่าให้น้องๆ “สร้างข้อกังวลที่มีผลเป็นบวก” ,,, มันคือ ข้อกังวลที่ทำให้ดูดีแต่ดูจริงนั่นเองค่ะ เช่น “สิ่งที่ผมกังวลคือ ผมเป็นคนชอบอ่านหนังสือซ้ำๆ ซึ่งถ้าเข้ามาเรียนแล้ว ผมจะพยายามแบ่งเวลาให้เหมาะมากขึ้น” ตอบแบบนี้ หล่อเลยนะ 5555 หรือ “หนูมักจะมีคำถามทุกครั้งหลังจากที่ได้เรียนอะไรไป อาจจะต้องขอคำแนะนำจากอาจารย์นอกห้องเรียนบ่อยขึ้นนะคะ” อื้อหืออออ สวยยยยยมากเลย
- มีอะไรจะถามเพิ่มเติมหรือเปล่า
ถ้าน้องๆ มีคำถามก็ควรถามค่ะ แต่ต้องพิจารณาคำถามด้วยนะคะ ว่าอย่าปล่อยไก่ ทำดีมาทั้งหมด มาตกม้าตายคำถามสุดท้ายละแย่เลย อาจจะถามจากข้อมูลที่มีเบื้องต้นเช่น “หนูทราบมาว่าทางคณะมีโครงการจิตอาสา ออกไปตามชนบท หนูจะมีวิธีอย่างไรบ้างถึงจะร่วมกิจกรรมได้” นอกจากจะแสดงให้กรรมการทราบว่าน้องใส่ใจข้อมูลของคณะแล้ว น้องยังสนใจการทำกิจกรรมเพื่อสังคมด้วยนะ หรือ ถ้าน้องๆ ไม่มีคำถามจริงๆ อาจจะตอบว่า “ยังไม่มีครับ แต่ผมคิดว่าหากเข้ามาเรียนที่นี่แล้ว ผมอาจจะมีคำถามที่ต้องรบกวนอาจารย์ทุกท่านอีกมากครับ” เป็นการแสดงให้กรรมการทราบว่าน้องจะใส่ใจตลอดการเรียนที่นี่นั่นเองคะ
พี่เมษ์ว่า “10 คำถามที่เจอแน่ ตอนสอบสัมภาษณ์ คณะแพทย์และทันตแพทย์” ที่พี่เมษ์ได้เตรียมทั้งคำถาม แนวคำตอบและการเตรียมตัวมาให้น้องๆ น่าจะพอช่วยให้น้องๆ เบาใจในการสอบสัมภาษณ์และช่วยให้น้องๆ เตรียมตัวได้ง่ายมากขึ้นแล้วนะคะ
อย่าลืมว่าการเตรียมตัวเป็นสิ่งสำคัญ น้องๆ ควรอ่านประวัติและหลักสูตรของสถาบันที่น้องติดด้วยจะเพิ่มความั่นใจให้มากขึ้น ที่สำคัญการสร้าง First Impression ก็สำคัญไม่ต่างกัน สายตา บุคลิก ท่าทาง การแต่งกาย มารยาท ต้องระวังและทำให้ตัวเองดูดีที่สุดด้วย และขอให้น้องๆ มีสติ มีความเชื่อมั่นในตัวเอง และตอบอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่เครียดหรือกังวลมากไปจนสติหลุด ตอบไม่รู้เรื่องแค่นั้นเพียงพอแล้วค่ะ
อย่าลืมว่าการเตรียมตัวเป็นสิ่งสำคัญ น้องๆ ควรอ่านประวัติและหลักสูตรของสถาบันที่น้องติดด้วยจะเพิ่มความั่นใจให้มากขึ้น ที่สำคัญการสร้าง First Impression ก็สำคัญไม่ต่างกัน สายตา บุคลิก ท่าทาง การแต่งกาย มารยาท ต้องระวังและทำให้ตัวเองดูดีที่สุดด้วย และขอให้น้องๆ มีสติ มีความเชื่อมั่นในตัวเอง และตอบอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่เครียดหรือกังวลมากไปจนสติหลุด ตอบไม่รู้เรื่องแค่นั้นเพียงพอแล้วค่ะ
สำหรับน้องที่มีคำถามอื่นๆ ที่คิดว่าน่าเจอตอนสัมภาษณ์ หรือพี่ๆที่มีประสบการณ์ก็อย่าลืมแวะมาบอก มาแชร์กันในคอมเม้นท์ได้เลย ,,, ที่สำคัญต้องขอบคุณ น้องเอ๋ย นทพ.ณัฐพร สุทธิสว่างวงศ์ กัปตันแบรนด์แอดมิชชั่นเรียลลิตี้ 4 และ พี่กุง พญ.ประภาพร เทียนอำพร สำหรับแนวคำถาม คำตอบ และก็ขอบคุณแหล่งข้อมูลจาก พี่แหวน ภญ. ดาลัด วโรภาสตระกูล และ พี่อาร์ม นพ.ปณิธาน ปิยะไกวัล สำหรับข้อมูลอื่นๆ ด้วยนะคะ
16 ความคิดเห็น
Fighting.....~~~
ขอบคุณมากๆครับ
ขอบคุณค่ะ
อีก2ปี เราจะพยายามทำให้ได้ สู้เว้ยย
อีก2ปี เราจะพยายามทำให้ได้ สู้เว้ยย
ขอแค่น้องๆเป็นคนปกติ ไม่ทำตัวประหลาดๆเค้าก็รับน้องเข้าแล้วล่ะ อย่าไปพูดจาแปลกๆละกัน เค้าจะจับไปสัมพาษย์กะหมอจิตเวชอีกรอบถ้าทำตัวประหลาด บอกไว้เลย คำถามไม่มีไรหรอก มาจากไหน คะแนนเป็น ใครได้ออสการ์ปีนี้(ถามทำไมมมมม) เค้าก็ทดสอบว่าจิตใจเราปกติเปล่าเท่านั้นแหละ ตราบใดที่น้ิงๆไม่ไปตอบว่า งานอดิเรกชอบคุยกับต้นไม้ ยังไงก็ผ่านฉลุย
ในการสัมภาษณ์ เค้าแค่อยากจะรู้จักตัวตนเราให้มากขึ้นเท่านั้นเอง ทำไมเราต้องไปพยายาม fake ตัวเอง หาคำตอบออกมาให้ดูดี ทั้ง ๆ ที่มันไม่ใช่ตัวตนของเราเลยสักนิด
คนที่เค้ามาสัมภาษณ์เค้าดูออกนะว่าใครจริง ใครไม่จริง
เป็นตัวของตัวเองดีที่สุด คอนเฟิร์ม !!